กำเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ - ตอนที่ 38 : สัญญา
นิยาย กําเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ : Reborn into Na…
Chapter 38 : สัญญา
คุโรโตะไม่กังวลมากนักเกี่ยวกับ โมเรียว และกองทัพผี เพราะเขารู้ดีว่าแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถหยุดโมเรียวได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด!
มีขุมพลังอื่นมากมายที่ซ่อนอยู่ในโลกของนินจา ไม่ต้องมองหาใคร แค่นางาโตะกับเนตรสังสาระก็มากเกินพอที่จะจัดการกับโมเรียว และกองทัพของมันได้แล้ว ดังนั้นแม้ว่ามิโกะจะไม่สามารถผนึกปีศาจได้สําเร็จ มันก็ไม่ได้หมายความว่าโลกนินจาจะถูกทําลายอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม มิโกะแคว้นโอนที่อยู่ต่อหน้า คุโรโตะก็เชี่ยวชาญในวิชาสะกดที่ทรงพลัง หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง การเสียสละของเธอก็มากเกินพอที่จะผนึกปีศาจได้สําเร็จ
ดังนั้น คุโรโตะจึงรวมไม่คิดมากกับเรื่องนี้และเริ่มคิดว่าเขาจะได้รับประโยชน์อะไรจากสถานการณ์นี้
หลังจากการระดมความคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็เหลือบมองเด็กหญิงตัวเล็กข้าง ๆ มิโกะ และถามว่า
“ท่านมิโกะ เธอเป็นลูกสาวของท่านเหรอครับ? เธอเชื่ออะไรเหรอครับ?”
เด็กหญิงตัวน้อยไม่รอให้มิโกะตอบและพูดด้วยน้ําเสียงตื่นเต้นว่า “หนูชื่อชิออน!”
มิโกะยิ้มให้กับความตื่นเต้นของลูกสาวเมื่อดูคุโรโตะ และชิออนพูดคุยกัน
คโรโตะ นั่งยอง ๆ ข้าง ชื่ออน และพูดอย่างล้อเลียน “โอ้ เธอชื่อ ชื่ออนจัง เหรอ? ชื่อน่ารักจังเลยนะ!”
ชิออนจ้องตรงไปที่ดวงตาของคุโรโตะ และถามอย่างกล้าหาญ “พี่นินจา หน้ากากของพี่น่าสนใจมาก ขอดูได้ไหมคะ?”
คุโรโตะถอดหน้ากากแล้วยื่นให้ ชิออน ด้วยรอยยิ้ม
ชิออน กระโดดและวิ่งไปรอบ ๆ ห้องโถงด้วยความตื่นเต้น
เมื่อมองไปที่ชิออนที่ดูไร้กังวล ร่องรอยของความเศร้าโศกก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ของมิโกะ
เมื่อคุโรโตะเห็นแววตาของเธอ เขาก็รู้ว่าเธอตัดสินใจแล้ว แม้ว่าเธอจะต้องเสียสละตัวเอง เธอก็จะทําทุกอย่างเพื่อผนึกปีศาจ
คุโรโตะจึงถามว่า “ท่านมิโกะ ท่านแน่ใจไหมครับว่าท่านจะผนึกอสูรได้?”
มิโกะก้มหัวลงแล้วตอบว่า “เพื่อป้องกันภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้ทุกคนสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัย ฉันจะผนึกมันให้ได้ค่ะ!”
“แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตเหรอ?”
มิโกะเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจกับคําถามที่ไม่คาดคิดของคุโรโตะ แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจว่าทําไมเขาถึงถามค่าถามนี้ แต่เธอก็คงสงบสติอารมณ์และพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ใช่ค่ะ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต!”
ทันทีที่มิโกะพยักหน้า เสียงระเบิดก็ดังขึ้น…..
ตู้ม…
มันเป็นเสียงระเบิดที่ดังมาจากด้านนอกห้องโถง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าศัตรูได้เข้ามาในวิหารแล้ว
คุโรโตะตื่นตัวในทันที เขาหยิบหน้ากากคืนจาก ชื่ออน จากนั้นเขาก็ไปยืนเฝ้าอยู่หน้ามิโกะ และลูกสาวของเธอ
เสียงระเบิดจากภายนอกค่อย ๆ ดังขึ้นที่เรื่อย ๆ ทั้งวิหารสั่นไหว เสียงตะโกนของศัตรู เสียงตะโกนของผู้คุมและเสียงคร่ำครวญของผู้บาดเจ็บล้วนปะปนกันในสถานการณ์ที่วุ่นวายนี้
คโรโตะ จ้องมองไปที่ประตูด้วยความคิดเดียวที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขา
“ไม่สําคัญว่าภารกิจนี้จะเป็นแค่ความบังเอิญหรือเป็นความจงใจของโฮคาเงะ แต่ฉันจะไม่ยอมเสียโอกาสนี้ไปแน่นอน
เมื่อคุโรโตะตัดสินใจแล้วเขาก็กระซิบเบา ๆ กับ มิโกะ ว่า “ลูกสาวของท่านยังเด็กมาก เธอยังไม่พร้อมที่จะอยู่โดยไม่มีแม่!”
มิโกะถามด้วยความงุนงง “ท่านกําลังจะพูดอะไร?”
คุโรโตะพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ปีศาจไม่ได้อันตรายอย่างที่คุณคิดหรอกครับ มากที่สุดมันก็น่าจะแข็งแกร่งเท่าสัตว์หางเท่านั้น แม้ว่านินจาที่แข็งแกร่งเท่าสัตว์หางจะมีอยู่ไม่มากนัก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี!”
ค่าพูดของคุโรโตะ ทําให้มิโกะครุ่นคิดอีกครั้ง
โดยไม่รอให้เธอพูด คุโรโตะ บอกข้อแลกเปลี่ยนของเขาทันที “ผมต้องการวัสดุ พิเศษของแคว้นนูมะ ถ้าท่านยินดีช่วยให้ผมได้มา ผมสามารถรับประกันชีวิตของท่านได้!”
การจัดเตรียมวัสดุพิเศษบางอย่างจะไม่ใช่เรื่องยากสําหรับคนที่มีตําแหน่งอย่าง เธอ และเธอก็มองว่ามันก็เหมาะที่จะเป็นรางวัลหรือค่าตอบแทนได้ แต่เธอสงสัยว่า เด็กวัยรุ่นอายุ 14 หรือ 15 ปีจะมีความสามารถในการต่อสู้ถึงขนาดสู้กับ อสูรโมเรียว ได้เลยเหรอ?
แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกมากนัก เธอจึงถามว่า “ท่านต้องการอะไร?”
คุโรโตะตอบทันที “ดินเหนียวสีม่วง!”
ดินเหนียวสีม่วง ไม่เพียงแต่มีราคาแพงเท่านั้น แต่มันยังหายากมากอีกด้วย ถ้าคุโรโตะต้องหาเอง เขาก็คงจะต้องใช้เวลา 3 – 5 ปีในการหามัน และมันก็อาจจะดึงดูดความสนใจจากคนอื่นจนมีคนรู้ถึงแผนการสร้างสัตว์หางของเขาก็ได้
แต่ถ้าเป็น มิโกะแห่งแคว้นโอน ปัญหานี้จะหมดไป ด้วยสถานะที่สูงของเธอ ราคาอันแสนแพงก็จะไม่เป็นปัญหา
เมื่อได้ยินว่าดินเหนียวสีม่วงเป็นสิ่งที่คุโรโตะต้องการ มิโกะก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เท่าที่ฉันรู้ ดินเหนียวสีม่วงสามารถใช้ผนึกปีศาจได้ ท่านต้องการมันไปเพื่ออะไร?”
ตอนนี้ คโรโตะ ไม่สามารถตอบคาถามนี้ได้อย่างชัดเจน ดังนั้นเขาจึงสัญญาอีก ครั้งว่า “ถ้าท่านรับปากว่าจะหาดินเหนียวสีม่วงมาให้ผมได้ ผมก็รับประกันความปลอด ภัยของท่านจนกว่าปีศาจจะถูกผนึก และผมจะไม่ทําผิดสัญญาเด็ดขาด!”
คําสัญญานี้ไม่ใช่ค่าพูดเปล่า ๆ จากคุโรโตะ แต่เขามีความมั่นใจที่จะทําตามนั้นจริง ๆ ด้วยความแข็งแกร่งของเขา เขาไม่กลัวเลย หากเลวร้ายที่สุดเขาก็สามารถดึงไฟลับออกมาได้
ไม่ว่าจะเป็น หุ่นเชิดคาเสะคาเงะของเขาหรือ ซูซาโนะโอะของชิซุย ทั้งคู่มีความสามารถในการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ประเภทสัตว์หาง และยังสามารถใช้กับโมเรียวได้ อีกด้วย
เพียงแค่เขาและชิซุย ทําให้โมเรียวยุ่งอยู่กับพวกเขา มันก็เป็นเรื่องง่ายที่มิโกะจะผนึกมันได้
เมื่อเห็นความมั่นใจของคุโรโตะ มิโกะจึงตัดสินใจไว้ใจในคําพูดของวัยรุ่น แม้ว่าเขาจะทําไม่สําเร็จ เธอก็คงจะตายและความตายก็เป็นสิ่งที่เธอเตรียมตัวมานานแล้ว
ดังนั้น “เอาล่ะ ฉันสัญญา!” จึงเป็นค่าตอบของ มิโกะ
แม้ว่าดินเหนียวสีม่วงจะมีค่ามาก แต่มันก็ไม่ได้ทําให้มิโกะแห่งแคว้นโอน ต้องลังเลใจ
หลังจากตกลงกันได้ ทั้ง 2 ก็เงียบลงโดยปริยาย
มีเพียง ซิออนที่ไร้เดียงสาเท่านั้นที่เงยหน้าขึ้นแล้วจ้องไปที่แม่ของเธอครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปทางคุโรโตะ ด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจว่าทําไมจู่ ๆ ทั้ง 2 คนถึงเงียบไป
แต่ทันใดนั้น จู่ ๆ นินจาที่สวมชุดคลุมสีขาวหลายคนก็วิ่งเข้ามาในห้องโถงใหญ่ของวิหาร
คุโรโตะไม่ลังเลเลยและใช้ จุติเหนี่ยวสวรรค์ เพื่อดูดศัตรูเข้ามาหาและฆ่าพวกเขาด้วยกระบวนท่ามวยอ่อนอย่างแม่นย่า กระบวนการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใจไม่กี่วินาที เท่านั้น ทันทีที่ร่องรอยของความตื่นตระหนกเริ่มปรากฏบนใบหน้าของมิโกะ ศัตรูก็ตายไปแล้ว
มิโกะที่มองไม่เห็นแม้แต่การปรากฏตัวของศัตรูก็ตกตะลึงและในที่สุดเธอก็อุทานออกมาว่า “ท่านเป็นนินจาที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
“ในเมื่อผมสัญญาแล้ว ผมก็จะทําอย่างเต็มที่เพื่อให้ ท่านมิโกะ ปลอดภัย” หลัง จากหยุดครู่หนึ่งคุโรโตะก็ถามอีกครั้ง และผมก็หวังว่า ท่านมิโกะ จะรักษาข้อตกลง ของเราไว้เป็นความลับนะครับ!”
มิโกะพยักหน้าเบา ๆ “ไม่ต้องห่วง ฉันสัญญา!”
เมื่อเวลาผ่านไป เสียงภายนอกก็เริ่มสงบลง
ไม่นานนัก นินจาโคโนฮะ , ซึนะ และ อิวะ ก็กลับเข้ามาในห้องโถงของวิหาร ซึ่งนํามาโดยปาคุระ “ลูกน้องของมันส่วนใหญ่ถูกกําจัดไปแล้ว ส่วนที่เหลือก็คงจะทําvะไรเราไม่ได้อีกแล้ว”
หัวหน้านินจาอิวะ พูดว่า “ท่านมิโกะ เราควรไปได้แล้ว”
คาคาชิก็พยักหน้าเงียบ ๆ
คุโรโตะ เหลือบมองกลุ่มคน พวกเขาทั้งหมดดูเหนื่อยเล็กน้อยแต่ก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะอย่างมาก ศัตรูก็เป็นแค่นินจาระดับจูนินเท่านั้น ในขณะที่นินจา โคโนฮะ ซึนะ และ อิวะ ล้วนแล้วแต่เป็นนินจาระดับสูงของหมู่บ้านของตน
นอกเหนือจากปริมาณจักระที่สูงของศัตรูที่ได้มาจากโมเรียวแล้ว วิชาทั้งหมดของพวกเขาก็เป็นเพียงแค่คาถานินจาระดับ เกะนิน หรือ จีนิน เท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะต้องพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ
ทันใดนั้น คุโรโตะก็คิดอะไรบางอย่างและถามว่า “แล้วหัวหน้าของพวกมันล่ะ?”
ไกหัวเราะอย่างเต็มที่ “หัวหน้าของพวกมันพยายามหนี แต่มันก็หนีไม่พ้นตัดสายฟ้า ของหน้ากากจิ้งจอก!”
คุโรโตะ ไม่รู้ว่าหัวหน้าของพวกเขาในครั้งนี้จะใช่คนเดียวกันกับคนที่ต้องการคืนชีพให้โมเรียว ในการ์ตูนหรือไม่ และเขาก็ไม่รู้ว่าการกระทําของเขาจะส่งผลต่ออนาคตหรือไม่
แต่มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต หลังจากที่เขาปรากฏตัวในโลกนี้ และเมื่อเขาเริ่มเข้าไปมีส่วนร่วมเหตุการณ์ต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ อนาคตก็อาจเป็นภาพที่แตกต่างไปจากภาพเดิมที่ อาจารย์คิชิโมโตะวาดเอาไว้อย่างสิ้นเชิงเลยก็ได้…