กำเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ - ตอนที่ 37 : จุดยืนของ คุโรโตะ
นิยาย กําเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ : Reborn into Na…
Chapter 37 : จุดยืนของ คุโรโตะ
“ถ้าคิดว่าท่าได้ ทําไมไม่ลองดูล่ะ?”
แม้ว่าต้องเผชิญหน้ากับหัวหน้าทีมไล่ล่าของ อิวะ แต่ คุโรโตะ ก็ไม่แสดงความกลัวเลยแม้แต่น้อย เขากําวไปข้างหน้าและปล่อยจิตสังหารของเขาออกมาอย่างชัดเจน
คโรโตะ เข้าใจดีว่าทําไมอีกฝ่ายถึงพยายามยั่วยุที่มนินจาของโคโนฮะ
แน่นอนว่าเป็นผลมาจากการตายอย่างกะทันหันของ โฮคาเงะรุ่น 4 และ พลังสถิตร่างคนที่ 2
แม้ว่า หมู่บ้านซึนะ และ หมู่บ้านศิริ จะไม่คิดต่อต้าน โคโนฮะ มากนักเนื่องจากกำลังทหารอ่อนแอกว่า แต่หมู่บ้านคุโมะ และ หมู่บ้านอาเมะ ต่างออกไปและพวกเขาก็พร้อมเคลื่อนไหวเสมอ
นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ นินจาโคโนฮะ ไม่สามารถทําตัวอ่อนแอได้ ถ้าเขายอมรับคาที่อีกฝ่ายพูด อีกฝ่ายก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น!
หัวหน้าทีมอิวะ หรี่ตาลงและเอามือแตะดาบสั้นที่เอว ขณะที่เขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของ คุโรโตะ ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้พูดเล่นพูดเลน
ด้านของ คุโรโตะ , คาคาชิ,ไก และ ชิซุย ก็ตั้งท่าเตรียมต่อสู้ในทันที และเตรียมพร้อมเช่นกัน
ทั้ง 2 ฝ่ายต่างมองหาช่องโหว่ของอีกฝ่ายเพื่อโจมตี
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มแย่ลงในวินาทีนั้น มิโกะ ที่นั่งอยู่บนฟูกก็ยืนขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะเกลี้ยกล่อมและแก้ไขปัญหานี้อย่างสงบ “ท่านนินจา ฉันขอร้องให้พวกท่านละทิ้งความบาดหมางของพวกท่านไปก่อนปีศาจจากต่างโลกกาลังทะลวงผนึกออก มาในขณะที่เรากําลังพูดคุยกันอยู่ และกองทัพวิญญาณหินก็เกือบจะผ่านม่านพลังเข้า มาได้แล้ว ฉันขอให้พวกท่านร่วมมือกันแก้ไขภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นนี้ก่อน!”
เมื่อได้ฟังคําขอร้องของ มิโกะ ในที่สุดทั้ง 2 ฝ่ายก็เลิกตั้งท่า พวกเขารู้ดีว่าการต่อสู้กันเองไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดในสถานการณ์ตอนนี้ ดังนั้นทั้ง 2 ฝ่ายจึงถอยกลับ เพื่อรักษาความสงบไว้ชั่วคราว
ปาคระ ที่เฝ้ามองเหตุการณ์อย่างเงียบ ๆ ในที่สุดเธอก็ถาม มิโกะ ว่า “ท่านมิโกะ ช่วยอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันให้เราฟังหน่อยได้ไหมคะ?”
มิโกะ พยักหน้า “ศัตรูของเราคือปีศาจจากต่างโลก ชื่อ โมเรียว จุดประสงค์ของมัน คือทําลายโลกนินจาและสร้างโลกนี้เป็น อาณาจักรพันปีของมัน เมื่อนานมาแล้ว นินจาก็เคยใช้พลังและกองทัพของมันเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย แต่หลังจากนั้นมันก็ถูกบร รพบุรุษของฉันหยุดและผนึกเอาไว้ ยังไงก็ตามผนึกนี้ก็ไม่ถาวรและมันก็ถูกทําลาย และปลดปล่อยวิญญาณปีศาจออกมา”
“ม่านพลังที่ฉันกางไว้รอบ ๆ ศาลเจ้าสามารถป้องกันไม่ให้กองทัพและวิญญาณของมันผ่านเข้ามาได้ แต่ม่านพลังนี้ไม่สามารถป้องกันลูกน้องของมันได้ นี่คือเหตุผลที่โมเรียว จะส่งลูกน้องของมันเข้ามาด้านในเพื่อฆ่าฉันถ้าฉันตายก่อนที่จะได้ผนึกมันโลกนินจาทั้งใบจะถูกเขาทําลาย”
หลังจากเข้าใจสถานการณ์แล้ว ใบหน้าของทุกคนมืดมน
แม้ว่าทุกคนในที่นี้จะยังไม่มีใครเคยต่อสู้กับ โมเรียว แต่การที่ปีศาจตัวนี้สามารถควบคุมกองทัพได้มากขนาดนี้ทําให้พวกเขาเข้าใจถึงความมหาศาลของพลังของมัน และถ้ามันตรงตามที่ มิโกะ อธิบายไว้การปล่อยให้มันอยู่บนโลกนินจาต้องทําให้โลกนินจาตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน
หลังจากที่ มิโกะ อธิบายจบ คาคาชิ ก็ถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “ท่านมิโกะ ท่านบอกว่าท่านมีวิธีผนึกปีศาจอย่างนั้นเหรอครับ?”
ขณะที่ลูบผมลูกสาวของเธอ เธอตอบว่า “ใช่ค่ะ ถูกต้อง มิโกะ แต่ละรุ่นมีหน้าที่รับผิดชอบในการกักขังปีศาจเอาไว้ แต่ตาแหน่งที่ผนึกอยู่ในแคว้นนูมะ”
เห็นได้ชัดว่าเป็นข่าวดีที่สามารถผนึกปีศาจได้ แต่ตําแหน่งที่ต้องไปผนึกนั้นลําบากมาก
ปาคุระ ถามขณะครุ่นคิดถึงรายละเอียดทั้งหมด “แล้วเราจะล่อสัตว์ประหลาดไปยังตําแหน่งเป้าหมายได้อย่างไร?”
เมื่อได้ยินคําถามของ ปาคุระ มิโกะ ก็ยิ้มอย่างเศร้า ๆ “อย่าห่วงไปเลยค่ะ ฉันเป็นตัวอันตรายที่สุดของเจ้าปีศาจนั้น ตราบใดที่ฉันไปที่นั่น มันจะตามไปอย่างแน่นอน”
ทันทีที่ มิโกะ พูดแบบนั้น คาคาชิ ก็หยิบแผนที่ออกมาแล้วกางลงบนพื้น
แม้ว่า แคว้นนูมะ จะอยู่ติดกับ แคว้นโอน แต่ระยะห่างระหว่างตําแหน่งเป้าหมายกับตําแหน่งปัจจุบันก็อยู่ห่างกันหลายร้อมไมล์ การวางแผนเส้นทางจึงต้องระมัดระวัง เนื่องจาก มิโกะ ไม่ใช่นินจา และเส้นทางก็ค่อนข้างสูงชันและเป็นภูเขา
หลังจากครุ่นคิด ปาคุระ ก็พูดว่า “กองทัพหินไม่ใช่ปัญหา พวกมันช้ามาก ถ้าเราฝ่าออกไปได้ พวกมันก็ไม่น่าจะตามมาทัน”
หัวหน้าทีมอิวะ ก็พยักหน้าเห็นด้วย “ถ้าแบบนี้ ศัตรูที่เราต้องระวังเป็นพิเศษก็คือตัวปีศาจเองและนินจาลูกน้องของมัน”
นินจาที่ท่าตามคําสั่งของ โมเรียว แต่เดิมเป็นเพียงกลุ่มนินจาที่อ่อนแอโดยมีโยม นินจาระดับ โจนิน เป็นหัวหน้าของพวกเขา
แต่ตอนนี้พวกเขาได้รับพลังจาก โมเรียว ทําให้จักระของพวกเขาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงสามารถใช้คาถานินจาที่รุนแรงได้และสามารถโจมตีได้อย่างต่อเนื่อง ทําให้พวกเขาอันตรายมาก
เมื่อพิจารณาว่าสถานการณ์อาจแย่ลงหากทีมของพวกเขาถูกไล่ล่าขณะเดินทางไปยังภูเขาผนึก ปากระจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่กระหายเลือด “แทนที่เราจะเสี่ยงไปถูกซุ่มโจมตีกลางทางจะดีกว่าไหมถ้าเรารอให้ลูกน้องของมันเข้ามาแล้ว จัดการกับพวก มันก่อน หลังจากนั้นเราค่อยเดินทางไปยังภูเขาผนึกใน แคว้นนมะ”
หัวหน้าทีมอิวะ เห็นด้วย “ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
คาคาชิ ก็พยักหน้า “เราก็ไม่ขัดข้อง
เมื่อความคิดเห็นของ โคโนฮะ ซึนะ และ อิวะ เป็นหนึ่งเดียวกัน พวกเขาทั้งหมดก็ระดมกําลังทั้งหมดเท่าที่มีในศาลเจ้าและเตรียมพร้อมสําหรับการต่อสู้ที่กาลังจะเกิดขึ้น
เนื่องจาก คุโรโตะ มี เนตรสีขาว และเชี่ยวชาญในกระบวนท่ามวยอ่อน ทําให้เขามทั้งความสามารถในการตรวจจับและวิชาป้องกันตัวที่สูง เขาจึงได้รับหน้าที่ให้ปกป้องมิโกะ และลูกสาวของเธอ
ทําให้เขาไม่ต้องกังวลกับการต่อสู้ ดังนั้นความคิดของเขาจึงมุ่งเน้นไปที่แผนสัตว์หางเทียมมากขึ้น
เนื่องจาก คุโรโตะ ได้รับความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับ เนตรจุติ ของเขามากขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เขาเข้าใจว่าอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดที่ขัดขวางไม่ให้เขาใช้ความสามารถอื่นๆ ของ เนตรจุติ ได้ก็คือปริมาณจักระที่น้อยเกินไป ดังนั้นการเพิ่มปริมาณจัก ระเท่านั้นจึงจะทําให้เขาใช้ความสามารถอื่นๆ ของเนตรจิต ได้
ยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ ก็เหมือนกับ นางาโตะ และ เนตรสังสาระ ของเขา
มาดาระ ย้าย เนตรสังสาระ ของเขาไปให้กับ นางาโตะ ตั้งแต่ตอนที่ นางาโตะ ยังเด็กมาก แต่ นางาโตะ ปลุกมันขึ้นมาได้ตอนที่พ่อแม่ตาย แต่เขาก็ยังไม่สามารถใช้ความสามารถทั้งหมดได้จนเขาโตขึ้น
ใช่แล้ว เขาเริ่มใช้ความสามารถอื่น ๆ ของ เนตรสังสาระ ได้หลังจากเสียยาฮิโกะ ไป แต่มันก็ดูดพลังส่วนใหญ่ภายในตัวเขาออกไป ทําให้เขากลายเป็นคนผอมแห้งอย่างในเรื่อง
สิ่งหนึ่งที่ต้องไม่ลืมคือ นางาโตะ มาจาก ตระกูลอุซึมากิ ซึ่ง มาดาระ เลือก นางาโตะ ก็เพื่อแผนชุบชีวิตของเขา ตระกูลอุซึมากิ เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องปริมาณจักระที่สูงเป็นพิเศษและพละกําลังที่มหาศาล
แต่สุดท้าย นางาโตะ ก็ถูกครอบงด้วยพลังที่เรียกว่าเป็นดวงตาของเทพเจ้า
ดังนั้น คุโรโตะ จึงสงสัยว่าเนตรจุติ ของเขายังไม่ได้ปลุกความสามารถทั้งหมดออกมา
นี่คือเหตุผลที่ คุโรโตะ แสวงหาสัตว์หางเทียมอย่างไม่ลดละ แน่นอนที่สุดเขาต้องการแหล่งจักระที่ให้พลังงานจักระแก่เขาอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นเขาก็จะสามารถ ค้นคว้าเกี่ยวกับ เนตรจุติได้อย่างมั่นใจเพราะเขาไม่ต้องการเป็นเหมือน นางาโตะ ที่ ผอมแห้งเพราะมันไม่คุ้ม…