กำเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ - ตอนที่ 25 : ไล่ล่าต่อไป
Chapter 25 : ไล่ล่าต่อไป
คําชมของ ไก ทําให้ คุโรโตะ รู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่คิดที่จะเอามาใส่ใจ
เหตุผลนั้นง่ายมาก
เพราะไม่ว่า ซาบุสะ จะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่หลังจากการต่อสู้กับไกอย่างหนัก ทั้งความแข็งแกร่งและความเร็วของซาบุสะก็ลดลงเป็นอย่างมากและสิ่งที่สําคัญที่สุดก็คือไกได้หักซีโครงซาบุสะไปถึง 3 ซี่แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะไม่แสดงออกมา ให้เห็นภายนอกแต่ก็ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสามารถในการต่อสู้ของซาบุสะโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเคลื่อนไหวและร่างกาย
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ ซาบุสะ ว่าแผนให้ คุโรโตะ กระโดดถอยไปและใช้คาถานินจาต่อสู้จากระยะไกลแทนการต่อสู้ด้วยกระบวนท่าเพราะการต่อสู้ด้วยกระบวนท่าจะทําให้ คุโรโตะ ได้เปรียบอย่างไม่ต้องสงสัยเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ซี่โครงของเขา
ดังนั้นจึงไม่ผิดที่จะบอกว่า คุโรโตะ ไม่เพียงแต่ใช้ประโยชน์จากอาการบาดเจ็บของคู่ต่อสู้เท่านั้น แต่ยังใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อรวมกับความได้เปรียบจากการมองเห็นด้วยเนตรจุติชัยชนะของเขาก็ค่อนข้างจะ 100% เลยก็ว่าได้
ปัจจัยต่าง ๆ มารวมกันเพื่อสร้างชัยชนะอย่างรวดเร็วให้กับคุโรโตะ
แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ทําให้ภาพลักษณ์เดิมของคุโรโตะเริ่มเปลี่ยนไปจากนินจาธรรมดา ๆ ก็เริ่มกลายเป็นนินจาที่แข็งแกร่งที่มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าและสัญชาตญาณที่เฉียบคม
ไก ที่วิ่งอยู่ข้าง ๆ ถามด้วยความสงสัยอีกว่า “คุโรโตะ ดูเหมือนนายจะไม่ได้กลัว นินจาคิริ พวกนั้นเลย นายรู้เหรอว่าพวกเขาอยู่ในระดับไหน?”
คุโรโตะ ตอบว่า “อย่างมากก็ โจนินพิเศษ”
แม้ว่า โจนินพิเศษ จะถูกจัดอยู่ในระดับ โจนิน แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาค่อนข้างแตกต่างจากโจนินจริง ๆ อยู่มากเพราะระดับของโจนินนั้นกว้างมากนินจาที่มีพลังเหมือนสัตว์ประหลาดบางคนก็อยู่ในกลุ่มนี้และบางทีคาเงะบางคนก็มีพลังอยู่ในระดับนี้เช่นกัน
ในทางกลับกับ โจนินพิเศษ เป็นระดับพิเศษที่ถูกตั้งขึ้น ถ้านินจาคนนั้นเก่งเขาก็จะได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นโจนินดังนั้นความแข็งแกร่งของโจนินพิเศษ กับ โจนิน จึงต่างกันมาก
อย่างไรก็ตามการที่ คุโรโตะ จงใจเข้าไปต่อสู้กับ นินจาคิรินั้นไม่ใช่เพียงเพราะเขามั่นใจในความแข็งแกร่งของเขาเท่านั้น แต่เขายังต้องการทําอะไรบางอย่างอีกด้วย
อันที่จริงคุโรโตะเริ่มการแสดงของเขาแล้วทันทีที่เขารู้ว่า ทีมลอบสังหารของคิริ กําลังเผชิญหน้ากับ หน่วยลับโคโนฮะอยู่
คุโรโตะ ต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของเขาแต่เขาไม่สามารถทําได้หากขาดประสบการณ์ ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ที่ระดับโจนินพิเศษแล้วแต่เขาก็ยังขาดประสบการณ์ในการต่อสู้จริงและนินจาคิริก็เหมาะสมที่จะเป็นคู่ต่อสู้ให้เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์
ทัศนคติที่เย่อหยิ่งของเขาต่อศัตรูก็เป็นกลยุทธ์ที่เขาวางแผนไว้แล้วเช่นกันการเป็นสมาชิกของ ตระกูลฮิวงะ ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของโคโนฮะทําให้สถานะของเขาคล้ายกับขุนนางแม้ว่าเขาจะเป็นสมาชิกของตระกูลสาขาแต่เขาก็ร่ํารวยและทรงพลัง ดังนั้นด้วยท่าทางที่เย่อหยิ่งเล็กน้อยก็ให้เป็นภาพที่สมบูรณ์แบบสําหรับนินจาที่มีเชื้อสายที่ผู้สูงศักดิ์
และการเป็นคนเย่อหยิ่งเล็กน้อยก็ทําให้คนอื่นไม่อยากยุ่งกับเขาและท้ายที่สุดก็จะช่วยลดปัญหามากมายสําหรับเขา
แต่มีอีกเหตุผลหนึ่งที่กระตุ้นให้ คุโรโตะ ต้องสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งให้กับตัวเองโดยเร็วที่สุด
นั้นก็คือเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาได้ข่าวมาจาก ยูอิ ว่า เนื่องจากหมู่บ้านกําลังขาดแคลนกําลังนินจาสภาสูงจึงตัดสินใจที่จะเลือกนินจาบางคนให้เลื่อนขั้นขึ้นเป็น โจนินพิเศษ อย่างเป็นทางการ
และแน่นอนว่า คุโรโตะ ก็ต้องการคว้าโอกาสนี้ไว้เพื่อกําจัดข้อครหาที่ว่าเขาเป็นจูนิน ที่ได้รับการเลื่อนขั้นในช่วงสงครามซึ่งด้อยกว่าจูนินจริง ๆ
ดังนั้น ถ้าเขาได้เป็น โจนินพิเศษ ก็เท่ากับว่าเขาได้เลื่อนขั้นทีเดียวถึง 2 ขั้น และเขาก็จะแซงหน้า จูนิน ทั้งหมดและพ้นจากการเป็นแค่ตัวเบี้ยในกระดานแล้วกลายเป็นกําลังสําคัญของหมู่บ้านอย่างแท้จริงนอกจากนั้นการได้เป็นโจนินพิเศษก็ยังสามารถยื่นคําร้ องไปยังหมู่บ้านเพื่อขอเรียนรู้คาถานินจาขั้นสูงขึ้นและวิชาลับบางอย่างได้อีกด้วยทั้งหมดนี้คุณต้องแสดงตัวให้เห็นว่าคุณมีคุณค่าเหมาะสมและได้รับความไว้วางใจจากหมู่บ้าน
ในตอนแรก โฮคาเงะรุ่น 4 ได้รับอนุญาตให้ฝึกวิชาเทพอัสนีเวหาก็เพราะความสามารถที่เขาแสดงให้เห็นในมหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 2 และเขาก็ได้ทําภารกิจที่สําคัญต่าง ๆ มากมาย และหลังจากที่เขาเรียนรู้ ทพอัสนีเวหาจนสําเร็จเขาก็ยิ่งมีชื่อเสียงมากขึ้นและกลายเป็นนินจาระดับคาเงะในที่สุด
และ คุโรโตะ ก็จะไม่ยอมเสียโอกาสนี้เช่นกัน ดังนั้นการได้เป็นโจนินพิเศษจึงเป็นสิ่งสําคัญมากสําหรับเขาเพื่อสร้างสิ่งที่บรรพบุรุษของเขาไม่ได้ให้มา
ขณะที่ความคิดทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในหัวของคุโรโตะทั้งคู่ก็พบกลุ่มนินจาพเนจรในที่สุด
ทั้งหมด 5 คน พวกเขาแต่งกายในชุด นินจาคิริหัวหน้าของพวกเขามีผมสีขาวที่มัดเป็นมวยและมีจุดสีแดง 2 จุดบนหน้าผาก ซึ่งบอกว่าเขาเป็นสมาชิกของ ตระกูลคางุยะที่อยู่ในหมู่บ้านศิริ
ทันทีที่ คุโรโตะ รู้ถึงตัวตนของศัตรู เขาก็พูดด้วยเสียงต่ําว่า “ระวังตัวด้วย ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นสมาชิกของตระกูลคางูยะที่มีขีดจํากัดสายเลือดคือวิชากระดูก”
ไก พยักหน้าอย่างระมัดระวัง
ตระกูลคางุยะ มีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อย ดังนั้น ไก ที่มีประสบการณ์ในสงครามกับ คิริ ย่อมรู้เรื่องนี้ดีกว่าคุโรโตะตระกูลคางุยะนั้นทั้งทรงพลังฉาวโฉ่และบ้าคลั่งเกินเยียวยา ดังนั้นจึงประมาทพวกเขาไม่ได้
ขณะที่ คุโรโตะ และ ไก ซ่อนตัวอยู่และกําลังวิเคราะห์ศัตรูอยู่นั้นทันใดนั้นนินจาพเนจรคนหนึ่งก็ที่ยืนอยู่ด้านข้างของนินจาตระกูลคางุยะก็พูดเสียงดังว่า“โคโนฮะ มันคิดอะไรอยู่ถึงได้ส่งเด็กเหลีอขอ 2 คนนี้มาไล่ล่าพวกเรา?”
เพื่อนคนอื่นๆ ก็หัวเราะและแซวว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า..ฉันได้ยินมาว่าไม่นานมานี้โฮคาเงะรุ่น 4 ของ โคโนฮะ ก็เพิ่งตายในหมู่บ้านของตัวเองดูเหมือนว่าตําแหน่งหมู่บ้านนินจาที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาหมู่บ้านใหญ่ทั้ง 5 จะจบลงแล้ว………….ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
คุโรโตะ ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดเพราะการเยาะเย้ยเขามองไปรอบๆและเมื่อยืนยันว่าไม่มีคนอื่นอยู่ใกล้ ๆ เขาจึงตัดสินใจที่จะลองสิ่งที่เขานึกขึ้นได้ในตอนนี้
ขีดจํากัดสายเลือดวิชากระดูก ของ ตระกูลคางุยะเมื่อรวมเข้ากับร่างกายที่ยอดเยี่ยมของพวกเขา มันก็เหมือนกับการรวมการโจมตีที่รุนแรงและการป้องกันที่ยอดเยี่ยมเข้าด้วยกัน วิธีการต่อสู้และอาวุธทั่วไปจะไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเขา แม้แต่มวยอ่อนก็อาจจะไม่ได้ผลอะไรมากนักกับขีดจํากัดสายเลือดนี้ ดังนั้น ตระกูลคาง ยะ จึงได้ชื่อว่ามีทักษะด้านวิชากระบวนท่าที่ไม่มีใครเทียบได้และน่าเสียดายที่จูนินของเราทั้ง 2 ทั้งคู่เป็นนินจาสายกระบวนท่า
ดังนั้น คุโรโตะ จึงตัดสินใจใช้การจู่โจมด้วย จุติเหนี่ยวสวรรค์เพื่อดึงหัวหน้าของพวกเขาเข้ามาและพยายามผนึกจักระของเขาด้วย มวยอ่อนก่อนที่คู่ต่อสู้จะทันได้ใช้ขีดจํากัดสายเลือดของเขา
หลังจากตัดสินใจแล้ว คุโรโตะ ก็จงใจแสดงท่าทางให้ดูอ่อนแอเพื่อทําให้ศัตรูตายใจ “นี่คือเขตของแคว้นแห่งไฟกรุณาออกไปด้วยครับ!”
เมื่อนินจาศัตรูได้ยินคําวิงวอนของ คุโรโตะ พวกเขาก็หัวเราะอย่างไร้ยางอาย บางคนถึงกับเอาขวดไวน์ออกจากกระเป๋าและเริ่มดื่มไวน์อย่างไร้ความกังวลแม้แต่น้อย พวกเขาไม่มองไปที่คุโรโตะและไกเลยด้วยซ้ํา
“ดีมาก!” คุโรโตะ คิดในใจ
คุโรโตะ ก้าวไปข้างหน้า 2 – 3 ก้าวแล้วแสร้งทําเป็นแสดงท่าที่อรั้นเล็กน้อยและตะโกนว่า “ถ้าคุณไม่รีบออกไปก็อย่ามาโทษว่าโคโนฮะโหดร้ายนะครับ!”
ประโยคนี้ดึงดูดความสนใจของคนพวกเขาทุกคนเพราะคุโรโตะพูดถึงหมู่บ้านโคโนฮะ
ดังนั้น นินจาตระกูลคางุยะ ก็เดินเข้าไปใกล้ คุโรโตะและพูดด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย “เจ้าหนูแกไม่รู้หรอว่าฉันเป็น…”
พูดไปได้ครึ่งประโยค ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าแรงบางอย่างดึงดูดเขาเข้าไปหา คุโรโคะ
ทันทีที่เป้าหมายพุ่งเข้าถึงตัวเขาคุโรโตะก็สกัดกั้นเขาทันที!
ตอนแรกทั้ง 2 ยืนอยู่ห่างจากกันประมาณ 10 เมตรและเมื่อศัตรูเดินเข้ามาใกล้จนเข้าระยะ คุโรโตะ ก็ใช้กระบวนท่ามวยอ่อน 8 ทิศทันที
ปังปังปัง…
ด้วยเสียงกระทบของฝ่ามือ นินจาตระกูลคางุยะไม่มีโอกาสได้ใช้ขีดจํากัดสายเลือดของเขาด้วยซ้ําเพราะจุดจักระของเขาถูกผนึกด้วยกระบวนท่ามวยอ่อนเรียบร้อยแล้ว
การปิดผนึกจุดจักระทั้งหมดไม่ใช่จุดจบ คุโรโตะไปไกลกว่านั้นและยังคงใช้มวยอ่อน 8 ทิศเล็งไปที่จุดสําคัญอย่างต่อเนื่องและเนื่องจากศัตรูไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ มันจึงทําลายสมองของเขา
ส่งผลให้ นินจาตระกูลคางุยะ ล้มลงกับพื้นเหมือนกระสอบทรายโดยทําอะไรไม่ได้
นินจาพเนจรเหล่านี้แตกต่างจาก ทีมลอบสังหารของคิริ ที่พวกเขาเผชิญมาก่อนหน้านี้ ภารกิจที่ต้องทําคือกําจดนินจาเหล่านี้ ดังนั้นคุโรโตะจึงโจมตีเพื่อฆ่าตั้งแต่ครั้งแรก
ในเวลาเดียวกัน คุโรโตะ ก็ส่งสัญญาณให้ ไก ดังนั้น ไก จึงได้เริ่มการต่อสู้ระยะประชิดกับนินจาพเนตรคนอื่นด้วย
ยกเว้น นินจาตระกูลคางุยะ นินจาอีก 4 คนเป็นเพียงแค่เกะนินขั้นสูงเท่านั้น ดังนั้นก่อนที่ คุโรโตะ จะเข้าไปช่วยไกพวกเขาก็ลงไปนอนจมกองเลือดกับพื้นแล้ว
คุโรโตะ และ ไกไม่ต้องเสียเวลาใด ๆ หลังจากที่พวกเขาตรวจสอบแล้วว่าไม่มีนินจาพเนตรเหลืออยู่แถวนี้อีก พวกเขาก็ผนึกศพเอาไว้ในม้วนผนึกและเดินทางกลับหมู่บ้านทันที
ระหว่างทาง ไก อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย “คุโรโตะการโจมตีของนายเมื่อกี้นี้คืออะไรเหรอ? ทําไมหัวหน้าของพวกมันถึงลอยเข้าไปหานายแบบนั้น?”
คุโรโตะ ยิ้มและพูดด้วยน้ําเสียงที่เย่อหยิ่ง “อย่าคิดว่านายเป็นคนเดียวที่มีวิชาลับสิ ฉันก็มีวิชาลับเหมือนกัน”