กำเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ - ตอนที่ 12
หลังจากทําแผลให้ คุโรโตะ เสร็จแล้ว อังโกะ ก็กลับไปที่ห้องของเธอโดยไม่พูดอะไรที่ไม่จําเป็น เพราะเธอเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขา
ตอนนี้ คุโรโตะ นอนอยู่บนเตียงและคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้
ภารกิจที่เขาไปทําในวันนี้แน่นอนว่าเป็นกับดัก และ ซึนะ ก็มีส่วนร่วมด้วย หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวโดยไม่คาดคิดของ ซาโซริแห่งทรายสีแดง สิ่งที่ คุโรโตะ ต้องเจอในวันนี้ก็น่าจะทีมลอบสังหารของซึนะ
บางทีถ้าจําเป็นหัวหน้ามิซุย ก็อาจเข้าร่วมในการปิดล้อมเพื่อกําจัดเขาด้วย!
สําหรับเหตุผลที่ทําไม หมู่บ้านซึนะ จึงเข้ามามีส่วนร่วมในปฏิบัติการกวาดล้า งของ โคโนฮะ นั้น คุโรโตะ ได้ไตร่ตรองเรื่องนี้เล็กน้อยเขาก็ได้คําตอบที่เป็นไป ได้มากที่สุด
คาเสะคาเงะรุ่น4 ของ ซึนะ เพิ่งเข้ามารับตําแหน่งเนื่องจากการหาตัวไปของ คาเสะคาเงะรุ่น 3
เมื่อมหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 3 สิ้นสุดลง คาเสะคาเงะรุ่น4 จําเป็นต้องลดอิทธิพลของ คาเสะคาเงะรุ่น 3 ใน ซึนะ ลง ดังนั้น ซึนะ จึงจําเป็นต้องทําการกวาดล้างของพวกเขาด้วยเช่นกัน และ สําหรับพวกเขาการกวาดล้างนี้ยิ่งใหญ่กว่าของโคโนฮะ มาก
นอกจากนี้ หลังสงคราม ซึนะ ก็ได้ลงนามในสนธิสัญญาพันธมิตรกับ โคโนฮะ
ทั้งหมดนี้สามารถอธิบายได้ว่าทําไม หมู่บ้านซึนะ จึงรวมมือกับ โคโนฮะ คน ระดับสูงของทั้ง 2 ฝ่ายตกลงช่วยเหลือในแผนการกวาดล้างของกันและกันอย่างเห็นได้ชัด
วิธีนี้ไม่เพียงแต่ป้องกันไม่ให้มือของตัวเองเปื้อนเลือดแล้ว แต่ยังเป็นข้ออ้างที่เป็นไปได้ที่จะโยนความผิดให้หมู่บ้านอื่นอีกด้วย
เมื่อคิดแบบนี้แล้ว คุโรโตะ ก็รู้ด้วยว่า แม้ว่าจะเป็น ดันโซ ที่เป็นต้นคิดในการกวาดล้างครั้งนี้ในหมู่บ้าน แต่ โฮคาเงะรุ่น3 และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่น ๆ ก็ต้องรับรู้รายละเอียดเรื่องนี้อย่างแน่นอน
มิฉะนั้น ดันโซ เพียงคนเดียวคงจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงเจ้าหน้าที่ของหมู่บ้าน และเจรจาการดําเนินการครั้งใหญ่แบบนี้กับ หมู่บ้านซึนะ ได้โดยไม่ได้รับความ ยินยอมจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงเหล่านั้น
เมื่อนึกถึงผู้คนมากมายที่ถูกหมู่บ้านทอดทิ้งอย่างไร้ความปรานี คุโรโตะ ก็ทั้ง รู้สึกผิดหวังและโกรธ
กล่าวได้ว่า 90% ของคนเหล่านี้เป็นผู้บริสุทธิ์ มีเพียงแค่คนกลุ่มเล็ก ๆ เท่า นั้นที่ได้เข้าร่วมในการทดลองกับมนุษย์ที่สั่งการโดย โอโรจิมารุ และส่วนใหญ่ก็ แค่ช่วยอย่างผิวเผินเช่น คุโรโตะ
โครงการหลักที่แท้จริงที่เกี่ยวข้องกับการทดลองในมนุษย์เกือบทั้งหมด โอโรจิมารุ เป็นคนทําการทดลองด้วยตัวของเขาเอง และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีคุณ สมบัติเพียงพอที่จะเป็นผู้ช่วยเขาได้ แม้แต่ คุโรโตะ เองก็ไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น
ไม่ใช่เพราะ คุโรโตะ กําลังพยายามปัดความรับผิดชอบให้คนอื่น แต่นอกจาก โอโรจิมารุ แล้วก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทําการทดลองที่ซับซ้อนกับมนุษย์ได้
“จุดประสงค์จริง ๆ ของหมู่บ้านคืออะไรกันแน่?”
ยิ่ง คุโรโตะ คิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติในค วามล้มเหลวทั้งหมดนี้ ผู้นาระดับสูงของหมู่บ้านทราบดีว่าการกวาดล้างครั้งนี้จะ ส่งผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์จํานวนมาก แต่พวกเขาก็ยังทําเช่นนั้น ต้องมีบางอย่าง ที่ คุโรโตะ ไม่รู้
คุโรโตะ ได้พยายามคิดมากขึ้นเกี่ยวกับการออกจากหมู่บ้านของ โอโรจิมารุ และพฤติกรรมที่แปลกไปของ ดันโซ ที่ก่อนหน้านี้พยายามรักษาระดับความสัมพันธ์ร่วมมือกับ โอโรจิมารุ มาโดยตลอด
และทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในความคิดของเขา!
คงเป็นเพราะความโกรธและความข้องใจ เพราะบางสิ่งบางอย่างที่ โอโรจิมารุ ทํานั่นอาจทําให้ ดันโซ รู้สึกไม่ปลอดภัยจนทําให้เขาตัดสินใจกําจัดผู้ที่เกี่ยวข้องกับ โอโรจิมารุ ทั้งหมด
มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ!
แต่ไม่ว่าความคิดของ คุโรโตะ จะถูกต้องหรือไม่ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความ จริงที่ว่าการกวาดล้างได้เริ่มขึ้นแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องรวมความคิดในแง่มุมต่าง ๆ และจัดการกับภัยคุกคามที่เขากําลังเผชิญอยู่ในตอนนี้อย่างใจเย็น
ภัยคุกคามที่เขาหมายถึงคือการกวาดล้างของหมู่บ้านอย่างไม่ต้องสงสัย
ตอนนี้การกวาดล้างได้เริ่มขึ้นแล้ว และหมู่บ้านก็จะไม่ปล่อยเขาไปแน่นอน ดังนั้นแม้ว่า คุโรโตะ จะรอดมาได้ในครั้งนี้ แต่ก็ยังมีครั้งหน้ารอเขาอยู่และความรุนแรงก็จะยิ่งมากขึ้นเมื่อเวลานานขึ้น
นอกจากนี้การคุกคามของ ซาโซริ ก็ไม่สามารถละเลยได้
คาเสะคาเงะรุ่น 3 เคยได้ชื่อว่าเป็น คาเสะคาเงะ ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่สุดท้ายเขาก็ตายด้วยเงื้อมมือของ ซาโซริ เพียงแค่ข้อเท็จจริงนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่า ซาโซริ นั้นอันตรายแค่ไหน
ตอนนี้ คุโรโตะ ทําให้ ซาโซริ โกรธเขาจึงต้องระวังตัวอย่างต่อเนื่อง
ที่จริงแล้ว สิ่งที่ใกล้น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือปฏิกิริยาของหมู่บ้านต่อการตายของ มิซุย ถ้าหมู่บ้านสงสัยว่า คุโรโตะ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ทางเลือกเดียวของเขาก็คงจะมีแค่ต้องหนีเท่านั้น
“ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะปิดบังเรื่องนี้จากหมู่บ้านได้ถึงเมื่อไร”
มันเป็นแผนการที่ยอดเยี่ยมของเขาที่ใช้ หุ่นคาเสะคาเงะ ปลอมตัวเป็นนินจาพเนจร เพราะสงครามเพิ่งจะจบลงไปได้ไม่นานจึงมีนินจาพเนจรจํานวนมากที่แยกตัวออกมาจากหมู่บ้าน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะเจอหนึ่งในนินจาเหล่านั้นในระหว่างทําภารกิจ เพราะแต่ละหมู่บ้านก็อ่อนกําลังลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ด่านชายแดน
นอกจากนี้ หัวหน้าทีมอีก 2 คนที่ คุโรโตะ คิดว่านินจาหน่วยราก ก็ได้เห็นนินจาพเนจรคนนั้นด้วยตาตัวเอง ซึ่งทําให้คําพูดของ คุโรโตะ น่าเชื่อมากขึ้น
หลังจากคิดเรื่องนี้ทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้น คุโรโตะ ก็หาโอกาสแอบเอา หุ่นคาเสะ คาเงะรุ่น 3 ที่ซ่อนอยู่ใกล้กับด่านชายแดนหลับมาและปิดผนึกไว้ในม้วนหนังสือทันที
ตอนนนี้ที่ด่านชายแดนแห่งนี้อ่อนกําลังลงเป็นอย่างมาก
ในบรรดานินจา 4 คนที่เหลือ มีผู้บาดเจ็บ 2 คนนั้นคือ อังโกะ และ คุโรโตะ ดังนั้นทางหมู่บ้านจะต้องส่งทีมสนับสนุนมาอย่างแน่นอน หรือบางทีทีมสนับสนุนนั้นก็อาจอยู่ระหว่างทางแล้วก็ได้
และทีมสนับสนุนก็ต้องเป็นทีมสอดแนมอย่างแน่นอน ดังนั้นถ้าเขายังเอาหุ่นออกมาโชว์หราอยู่รอบ ๆ ด่านแห่งนี้ก็มีโอกาสที่จะถูกทีมสนับสนุนเจอและ ถูกจับได้ก็ได้
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตัวตนของ หุ่นคาเสะคาเงะรุ่น 3 ก็สะดุดตาเกินไป
ไม่ต้องพูดถึงคนอย่าง คุโรโตะ ที่ระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ ซาโซริ ที่กล้าหาญก็ยังไม่ค่อยให้หุ่นตัวนี้ออกมา และถ้าพวกเขารู้ว่าหุ่นตัวนี้อยู่ในมือ ของ คุโรโตะ มันก็จะยิ่งยากที่จะหาคําอธิบายอะไรใด ๆ มาอธิยายโดยที่ไม่ให้ เนตรจุติ ของเขาถูกเปิดเผย ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่เขาไม่เต็มใจที่จะรับ
ท้ายที่สุดแล้ว คาเสะคาเงะรุ่น 3 ก็เคยเป็น คาเงะ ของ หมู่บ้านซึนะ ที่เป็นถึง 1 ใน 5 หมู่บ้านใหญ่
แม้ว่าจะเป็นเพียงการรักษาภาพลักษณ์ของพวกเขาในฐานะหมู่บ้านใหญ่ แต่ หมู่บ้านซึนะ ก็ไม่หยุดที่จะกําจัดผู้ต้องสงสัยที่เป็นไปได้ว่าจะเป็นผู้ที่ฆ่า คาเงะ ของพวกเขาและพยายามนําศพของคาเงะ ของพวกเขากลับมา
อย่างไรก็ตาม คุโรโตะ ที่ถูกระบุว่าเป็นเป้าหมายในการกวาดล้างของ โคโนฮะ ก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะรุกราน หมู่บ้านซึนะ แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันมีเพียง 2 คนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นที่รู้ว่า คาเสะคาเงะ รุ่น 3 ได้กลายเป็นหุ่นเชิดมนุษย์ไปแล้ว นั้นก็คือ คุโรโตะ และ ซาโซริ
คุโรโตะ ไม่มีความตั้งใจที่จะเปิดเผยข้อมูลนี้และสําหรับ ซาโซริ ในฐานะผู้ ร้ายที่ฆ่า คาเสะคาเงะรุ่น 3 และทําให้ คาเสะคาเงะรุ่น 3 กลายเป็นหุ่นเชิด เขา ก็คงจะไม่คิดที่จะเปิดเผยข้อมูลนี้อย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นในเรื่องความกังวลของ ซาโซริ ก็คาดกันว่าในขณะนี้เขายังคงท่องไปทั่วโลกนินจาเพื่อรวบรวมกองกําลังเพื่อสร้างหุ่นต่าง ๆ ในขณะเดียวกันก็ ระดมความคิดที่จะชิง หุ่นคาเสะคาเงะรุ่น 3 คืนจาก คุโรโตะ ดังนั้นเขาจะไม่ เปิดโปงข้อมูลนี้อย่างแน่นอนเพราะมันจะทําให้มีแต่ผลเสียกับเขา
ขณะที่นึกถึงความคิดที่ยุ่งเหยิงเหล่านี้ คุโรโตะ ก็กลับไปที่ห้องของเขาเพื่อ พักผ่อนต่อ
2 – 3 วันต่อมา ทุกอย่างสงบยังคงดูสงบ
คุโรโตะ ใช้ประโยชน์ในโอกาสที่เหลืออยู่ไม่มากนักในการศึกษาความสามารถของ เนตรจุติ ที่ใช้ควบคุมหุ่นต่อไป
หลังจากพยายามหลายครั้งเขาก็พบว่าความคล่องแคล่วของหุ่นขึ้นอยู่กับปริ มาณจักระของ เนตรจุติ ที่เขาฉีดเข้าไปในหุ่น ในระยะสั้น ยิ่งเขาฉีดจักระเข้าไป มากเท่าไรความคล่องแคล่วของหุ่นก็จะสูงขึ้นเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่า คุโรโตะ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านหุ่นเชิด
เขาไม่รู้ว่า หุ่นคาเสะคาเงะ มีประสิทธิภาพดีหรือไม่ แต่เพียงแค่เปิดใช้ งานมันก็ต้องใช้จักระเกือบครึ่งหนึ่งของเขา หากเขาต้องการให้หุ่นเชิดใช้ความสามารถระดับสูงอย่าง คาถาทรายเหล็ก เขาก็คงต้องใช้จักระมากถึง 2 ใน 3 ของทั้งหมด
ดังนั้นหากเขาต้องการใช้หุ่นนี้อย่างเต็มความสามารถเขาก็จะเหลือจักระให้ ใช้อยู่ 1 ใน 3 ของจักระของเขาทั้งหมด!
คุโรโตะ ยังลองใส่จักระทั้งหมดของเขาเข้าไปในหุ่นเพื่อดูว่าหุ่นตัวนี้จะสามา รถทําอะไรได้มากกว่านี้หรือไม่
แต่ผลที่ตามมาก็ทําให้เขาผิดหวัง
เขาไม่รู้ว่าจํานวนจักระทั้งหมดที่เขามีนั้นน้อยเกินไปหรือด้วยเหตุผลอื่น อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะฉีดจักระทั้งหมดของเขาเข้าไปในหุ่นแล้ว แต่หุ่นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ คุโรโตะ ก็ได้เรียนรู้ที่จะปรับความคิดของเขาและไม่มี อะไรเทียบได้กับความประทับใจของเขาที่มีต่อ โอซึซึกิ โทเนริ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ สึกหงุดหงิดเท่าไรนัก เพียงแค่รําคาญความอ่อนแอของเขาเล็กน้อยเท่านั้นเอง