กำเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ - ตอนที่ 11 : ไล่ล่า
คุโรโตะ ไม่คิดที่จะหันกลับไปสู้กับ ซาโซริ และเขาก็บินข้ามศพของ มิซุย ไปทันที ในขณะเดียวกันเขาก็ขว้างคุไนติดยันต์ระเบิด 2 – 3 อันไปที่ศพของ มิซุย โดยไม่ลังเล
ตู้ม – ตู้ม…ตู้ม…
ตู้ม…!!!
ด้วยการระเบิดอย่างรุนแรง ร่างกายของ มิซุย ก็แหลกเป็นชิ้น ๆ
สาเหตุที่ คุโรโตะ ทำลายร่างของ มิซุย ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ ซาโซริ เจอร่องรอยของเขาบนตัวของ มิซุย
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ที่ด่านชายแดนอีกนานแค่ไหน ถ้าวันหนึ่ง ซาโซริ มาเคาะประตูห้องของเขา เขาจะไม่มีที่ให้หนีไปได้อีกแน่นอน คุณต้องอย่างลืมว่าตอนนี้หมู่บ้านกำลังพยายามกำจัดเขาอยู่ หากเขาละทิ้งด่านชายแดนและหลบหนีไป หมู่บ้านก็จะมีข้ออ้างที่สมเหตุสมผลในการลงโทษเขาในความผิดฐานหลบหนีและเขาจะถูกประหารชีวิตอย่างยุติธรรมซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการา
ดังนั้นเขาจึงทำลายร่างกายของ มิซุย ทิ้งเพื่อตัดปัญหา แบบนี้แล้ว ซาโซริ ก็จะไม่สามารถหาเขาเจอได้ง่าย ๆ
เพราะไม่ว่า ซาโซริ จะแข็งแกร่งแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นนินจาถอนตัว และหากไม่มีการสนับสนุนจาก หมู่บ้านซึนะ เขาก็จะขาดแหล่งข้อมูลที่จำเป็นในการตามหายตัว คุโรโตะ
ครั้งนี้ โคโนฮะ และ ซึนะ ร่วมมือกันอย่างลับ ๆ และมันเกี่ยวข้องกับการกวาดล้างอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นคงจะมีแค่คนวงในเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้และต้องเป็นคนระดับสูงของทั้ง 2 หมู่บ้าน ดังนั้นแม้ว่า ซาโซริ จะอยากได้ข้อมูลจาก โคโนฮะ หรือ ซึนะ ก็คงจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาที่จะค้นหารายชื่อคนที่เกี่ยวข้องกับการกวาดล้างครั้งนี้เจอ
คุโรโตะ นึกถึงความคิดที่ยุ่งเหยิงเหล่านี้ขณะทีเขาลอยหนีอยู่บนท้องฟ้าโดยมี ซาโซริ วิ่งไล่ล่าเขาอยู่บนพื้น ดังนั้นระยะห่างระหว่างทั้ง 2 คนจึงค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ
เมื่อมองไปที่ ซาโซริ ที่ดูโกรธเกรี้ยวจากทางด้านหลัง คุโรโตะ ก็ยิ้มออกมาอย่างอิสระ
ตอนนี้ ซาโซริ ยังไม่ได้เข้าร่วม แสงอุษา แม้ว่าเขาจะมีประวัติที่น่าประทับใจในการฆ่าคนระดับ คาเงะ แต่เขาก็ยังคงอยู่ในหมวดหมู่ของ ปรมาจารย์นักเชิดหนุ่นของซึนะ ดังนั้นเขาจึงมีวิธีโจมตีอยู่ไม่กี่แบบและนั่นก็ขึ้นอยู่กับหุ่นเชิดหรือยาพิษของเขา ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาขาดวิธีรีบมือวิชาแปลก ๆ ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นหลังจากที่ คุโรโตะ ชิงเอา หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 ของเขามาได้ พลังต่อสู้ที่มีประสิทธิภาพของ ซาโซริ ก็ลดลงทันที
การอ่อนกำลังลงของ ซาโซริ นี้ ไม่ได้หมายถึงประสิทธิภาพในการรบเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นคือความคล่องตัว หากไม่มี หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 ซาโซริ ก็สูญเสียความคิดที่จะเข้าร่วมในสนามรบ
Chan’s Translation นิยายแปลไทย@TranslatedByMild
ยกตัวอย่างเช่น โฮคาเงะรุ่น 4
ผู้ที่ต่อสู้กับ โฮคาเงะรุ่น 4 ไม่สามารถตามทันเขาได้ในแง่ของความเร็ว และผู้ที่ไม่สามารถต่อสู้กับเขาได้ในแง่ของความแข็งแกร่งก็จะไม่สามารถหลบหนีเขาได้
ที่ไหน? เมื่อไหร่? ยังไง? ความคิดทั้ง 3 เหล่านี้อยู่ในหัวของ รุ่น 4 ตลอดเวลา มันทำให้ศัตรูที่ต้องเผชิญหน้ากับเขาทำอะไรไม่ถูก และในขณะที่ความแข็งแกร่งของ รุ่น4 ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละวัน แทบจะไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้ในระยะเวลาสั้น ๆ และในที่สุดฉายา ประกายแสงสีทอง ก็กลายเป็นชื่อที่ศัตรูของเขาเกรงกลัวอย่างมาก
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ โฮคาเงะรุ่น 4 สามารถเหนือกว่า 3 นินจาแห่งโคโนฮะ และนินจาระดับ คาเงะ คนอื่น ๆ ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของ ซาโซริ ยังไม่ถึงจุดสูงสุด เมื่อเขาเข้าร่วมองค์กรแสงอุษา ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ เนตรสังสาระ และเข้าใจแนวคิดของพลังที่เหนือระดับ คาเงะ เมื่อนั้นความแข็งแกร่งของเขาก็จะได้รับการพัฒนาขึ้น
ด้วยความคิดนี้ คุโรโตะ จึงค่อย ๆ ดึงการไล่ล่าของ ซาโซริ ให้ออกจากทะเลทรายและมุ่งไปในทิศทางของป่าที่เป็นชายแดนของ แคว้นแห่งชา
หลังจากยืนยันให้แน่ใจแล้วว่า ซาโซริ ตามเขามาไม่ทันอีกต่อไปแล้ว คุโรโตะ ก็ตั้งใจวนไปรอบ ๆ และในที่สุดเขาก็หยุดอยู่บนต้นไม้ใหญ่ห่างจากด่านชายแดนหลายไมล์
เขารู้ดีว่าถ้าเขากลับไปเพียงคนเดียว ความผิดเรื่องการตายของ นารา มิซุย จะต้องถูกโยนให้เขาแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถบอกพวกเขาได้ว่าได้เผชิญหน้ากับ ซาโซริแห่งทรายสีแดง มา เพราะหากหมู่บ้านเกิดสีบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจังขึ้นมา มันคงจะยากสำหรับเขาที่จะเก็บ หุ่นคาเสะคาเงะรุ่น 3 ไว้กับเขาได้
และเมื่อนินจาถอนตัวระดับ S เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หมู่บ้านก็คงจะส่งนินจาระดับสูงมาทำการสอบสวนอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น ความน่าจะเป็นที่ เนตรจุติ ของเขาจะถูกเปิดเผยก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ดังนั้นเขาจึงต้องจัดฉากเพื่อให้การตายของ มิซุย ดูสมเหตุสมผลและน่าเชื่อถือ
หลังจากครุ่นคิดสักพัก คุโรโตะ ก็เริ่มลงมือ
Chan’s Translation นิยายแปลไทย@TranslatedByMild
เขาห่อ หุ่นคาเสะคาเงะ ด้วยผ้าพันแผลตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนนี้มีเพียงดวงตาที่หมองคล้ำของหุ่นเท่านั้นที่โผล่ออกมาให้เห็น และสุดท้ายเขาก็สวมเสื้อคลุมสีเทาให้มัน
เนื่องจากเดิมทีหุ่นนั้นทำมาจากศพของมนุษย์ ดังนั้นรูปร่างของมันจึงเกือบจะเหมือนกับเมื่อก่อน ต่างกันก็เพียงด้านจักระที่ควบคุมมันเท่านั้น
หลังจากที่ คุโรโตะ ปลอมตัวหุ่นเสร็จแล้ว ตอนนี้มันดูเหมือนนินจาที่มีชีวิตจริง ๆ
หลังจากการตรวจสอบดูรอบ ๆ เพื่อไม่ให้มีจุดบกพร่องแล้ว คุโรโตะ ก็ได้คุไนฟันไปที่ผ้าคลุมของหุ่น 2 – 3 ครั้งเพื่อให้การแสดงดูเหมือนจริงมากขึ้น
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น คุโรโตะ ก็รีบวิ่งไปยังทิศทางของด่านชายแดนทันที
ที่ด่านชายแดนของ แคว้นแห่งไฟ และ แคว้นแห่งลม
เมื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ มิทาราชิ อังโกะ ที่เพิ่งฟื้นตัวจากการบาดเจ็บก็ตกตะลึงแล้วรีบกระโดดออกจากห้องและออกมาข้างนอกทันที
ในขณะเดียวกันหัวหน้าทีมอีก 2 คนที่อยู่ในด่านชายแดนก็กระโดดออกมาและมองไปยังทิศทางของเสียงขอความช่วยเหลือของ คุโรโตะ ด้วยการตื่นตัวอย่างเต็มที่
ไม่นานนัก นินจาทั้ง 3 คนก็มองเห็น คุโรโตะ ที่เนื้อตัวเปื้อนเลือดและสะดุดล้มลง ขณะที่ด้านหลังเขามีนินจาประหลาดที่ไล่ตามเขาอยู่
นินจาทั้ง 3 ไม่ลังเลเลยและพุ่งเข้าหานินจาประหลาดทันทีด้วยจิตสังหารที่เต็มเปี่ยมเพื่อหวังปลิดชีพนินจาประหลาดคนนั้น
แม้ว่า หุ่นคาเสะคาเงะรุ่น 3 จะใช้แค่กระบวนท่า แต่ก็ยังแข็งแกร่งกว่า อังโกะ และหัวหน้าทีมระดับ จูนิน อีก 2 คน ดังนั้น คุโรโตะ จึงต้องทำให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ทำให้ศัตรูดูเก่งเกินไป เพื่อให้ศัตรูสามารถหลบหนีได้โดยไม่เกิดข้อสงสัย
ในการเผชิญหน้ากันเป็นเวลาสั้น ๆ อังโกะ และหัวหน้าทีมอีก 2 คน ก็ช่วยกันโจมตีศัตรูและหลังจากไล่ต้อนศัตรูได้เล็กน้อย ศัตรูก็แสร้งทำเป็นหลบการโจมตีไม่ได้และถูกโจมตีไป 2 – 3 ครั้ง จากนั้นก็หนีไปทันที
ทั้ง 3 คนรู้สึกสับสนว่าทำไมศัตรูถึงเลือกที่จะล่าถอยในเมื่อเขาได้เปรียบพวกเขาในด้านความแข็งแกร่ง แต่พวกเขาก็ยังตัดสินใจที่จะไม่คิดมากกับเรื่องนี้และไม่ต้องการที่จะไล่ตามไป
เมื่อเห็นว่านินจาประหลาดคนนั้นไม่ได้แอบอยู่แถวนี้แล้ว พวกเขาก็หันไปหา คุโรโตะ ที่กำลังหายใจหอบและได้รับบาดเจ็บ นินจาที่อาวุโสที่สุดก็ถามเขาทันทีว่า “มันเกิดอะไรขึ้น?”
คุโรโตะ ส่ายหัว “ผมก็ไม่รู้ครับ จู่ ๆ เราก็ถูกซุ่มโจมตีทันทีที่เราเข้าไปใน แคว้นแห่งลม หัวหน้ามิซุย เสียชีวิตทันที แต่ผมหนีมาได้ แต่ศัตรูก็ยังไล่ตามผมมา ผมซ่อนตัวอยู่หลายหนจนมาถึงที่นี่”
เมื่อ อังโกะ ได้ยินเรื่องราวของ คุโรโตะ สีหน้าของเธอก็มืดมนอีกครั้ง อย่างไรก็ตามการแสดงออกของหัวหน้าทีมทั้ง 2 ก็ทำให้ประหลาดใจ
หลังจากที่ คุโรโตะ กลับมาที่ห้องของเขา อังโกะ ก็ตามเขามา ขณะที่เธอกำลังช่วยเขาพันผ้าพันแผลที่บาดแผล เธอก็พูดด้วยเสียงแหบขึ้นมาว่า “ทุกคนตายหมด!”
Chan’s Translation นิยายแปลไทย@TranslatedByMild
‘พวกเขา’ ในที่นี้หมายถึงนินจาทั้งหมดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ โอโรจิมมารุ ที่มาที่ด่านชายแดนแห่งนี้พร้อมกับ คุโรโตะ และ อังโกะ
วันนี้มีเพียง อังโกะ คนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้ไปทำภารกิจ ส่วนอีก 2 ทีมได้รับภารกิจพิเศษให้ไปทำเช่นกัน แต่มีแค่หัวหน้าทีม 2 คนเท่านั้นที่กลับมาอย่างมีชีวิต โดยที่พวกเขาบอกว่าสมาชิกในทีมประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตทั้งหมด
คุโรโตะ ยังคงเงียบขณะที่ อังโกะ เล่าให้เขาฟัง ขณะที่เธอช่วยเขารักษาบาดแผล เขาก็พยักหน้าอย่างเงียบ ๆ
มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะไม่สังเกตเห็นความผิดปกตินี้
ที่ด่านชายแดนที่ห่างไกล มีนินจา 12 คนได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจพิเศษ 8 คนเสียชีวิตในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ และที่สำคัญคือทั้งหมดเสียชีวิตในลักษณะเดียวกันโดยที่ไม่ได้อยู่ในช่วงสงคราม
เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้ต้องดำเนินการภายใต้คำสั่งของหน่วยงานระดับสูง
หลังจากนั้นไม่นาน คุโรโตะ ก็พูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “ต้องระวังตัวให้ดีนะ พวกเขาส่วนใหญ่น่าจะเป็นหน่วยราก อย่าเปิดโอกาสให้พวกเขาเด็ดขาด”
อังโกะ สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับพวกเขาและพยักหน้า
สุดท้ายเธอก็ถามว่า “วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับนาย?”
คุโรโตะ เหลือบมอง อังโกะ ที่เป็นดูห่วงเขาและตอบเบา ๆ ว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงฉันขนาดนั้นหรอก มันเป็นแค่อุบัติเหตุจริง ๆ”