กำเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ - ตอนที่ 10 : ขโมยหุ่นเชิด
ในตอนนี้มีเพียงความคิดเดียวที่หลงเหลืออยู่ในใจของ คุโรโตะ นั้นก็คือ ว่า ‘ชีวิตเราคงจบแล้วล่ะ’
ด้วยประสบการณ์ของนินจาที่แข็งแกร่งอย่าง ซาโซริ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถลอบโจมตีได้เป็นครั้งที่ 2 และการต่อสู้กับ ซาโซริ ถ้าได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของเขาเพียงเล็กน้อยก็จะถูกพิษของเขาจนไม่สามารถต่อสู้ต่อได้ และคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่ คุโรโตะ จะต่อสู้กับเขาแล้วจะไม่ได้รับบาดเจ็บ
ดังนั้นความล้มเหลวของการลอบโจมตีครั้งนี้หมายความว่าชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ได้ถูกตัดสินให้ คุโรโตะ แล้ว
ในทันทีที่ หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 ถูกดูดเข้าหา คุโรโตะ ด้วย จุติเหนี่ยวสวรรค์ และเมื่อด้ายจักระของ ซาโซริ ขาดออกจาก หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 หอกเหล็กใน อากาศยุบตัวและกลายเป็นทรายเหล็กสีดำที่กระจัดกระจายไปทั่วและร่วงลงสู่พื้น และเมื่อ หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 มาถึงตัว คุโรโตะ เขาก็คว้ามันไว้ด้วยมือข้างเดียว
เมื่อมองไปที่หุ่นของเขาที่ตอนนี้อยู่ในมือของ คุโรโตะ ใบหน้าของ ซาโซริ ก็ดูมึนงง ในตอนนี้เขาทั้งประหลาดใจและสงสัยและรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
แม้ว่าหัวใจของ คุโรโตะ แทบจะหยุดเต้นเมื่อเขาพลาดเพียงโอกาสเดียวที่จะขับโล่ ซาโซริ ไปได้ แต่ คุโรโตะ ก็ยังคงรักษาท่าทีภายนอกให้นิ่งสงบเอาไว้ได้จนมองไม่เห็นความรู้สึกใด ๆ บนใบหน้าของเขา
หลังจากนั้นทั้ง 2 ก็ยืนเผชิญหน้ากันและดูเชิงกันอย่างระมัดระวังอย่างเงียบ ๆ
การเผชิญหน้าแบบนี้ทำให้ คุโรโตะ ซึ่งขาดความมั่นใจรู้สึกกังวลมากขึ้น และในขณะนั้นเองเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าจักระในร่างกายของเขากำลังวิ่งเข้าหา หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 ที่เขาถืออยู่ตลอดเวลา
ถึงแม้ว่าจะเกิดความผิดปกตินี้ แต่ คุโรโตะ ยังคงไม่กล้าแสดงอาการใด ๆ บนใบหน้าของเขายังคงจ้องไปที่ ซาโซริ อย่างเย็นชา
เขารู้สึกถึงจักระในร่างกายของเขาที่หลั่งไหลเข้าไปใน หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 มากขึ้นเรื่อย ๆ ความกล้าของ คุโรโตะ ก็ว่างเปล่ามากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน ในใจเขาคิดแต่ว่า ‘กว่าจะปลุก เนตรจุติ ขึ้นมาได้ก็เหนื่อยแทบตาย ดันมาตายตั้งแต่การต่อสู้ครั้งแรกสะงั้น’
ทันใดนั้นเมื่อจักระ 2 ใน 3 ส่วนของ คุโรโตะ หลั่งไหลเข้าสู่ หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 ที่เขาถืออยู่ จู่ ๆ มันก็กระกระตุกอย่างไม่เป็นระเบียบ
ด้วยการกระตุกของหุ่นทำให้ทรายเหล็กที่ก่อนหน้านี้กระจัดกระจายตกลงสู่พื้นเริ่มลอยขึ้นมาอีกครั้ง
ซาโซริ สะดุ้งเมื่อเห็นสิ่งนี้และตะโกนว่า “เฮ้ย! นี่แกรู้วิธีใช้หุ่นเชิดด้วยเหรอ? แกเป็นใครกันแน่? ทำไมแกถึงต้องลอบนัดพบกับ ทีมลอบสังหารของซึนะ ด้วย?!”
“ทีมลอบสังหาร…ของ ซึนะ?!”
เมื่อฟังคำถามขอ งซาโซริ หัวใจของ คุโรโตะ ก็ตะลึง
ตัวตนของซากศพที่กองอยู่บนพื้นตรงหน้า ซาโซริ ก่อนหน้านี้ก็คือ หน่วยลอบสังหารของหมู่บ้านซึนะ! นั้นก็หมายความว่า หมู่บ้านซึนะ ได้เข้าร่วมในปฏิบัติการชำระล้างของ โคโนฮะ ด้วยอย่างไม่ต้องสงสัยและยังหมายความว่าผู้นำระดับสูงของ โคโนฮะ ทุกคนมีส่วนร่วมกับแผนการครั้งนี้
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะเอามาคิดในตอนนี้!
คุโรโตะ พยายามระงับความแค้นที่มีต่อ โคโนฮะ ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและกลับมาสนใจการต่อสู้ในปัจจุบัน
หลังจากที่ไม่รู้ตัวในตอนแรก ตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมจู่ ๆ เขาก็สามารถใช้ หุ่นเชิดคาเสะคาเงะ ได้
ตามความทรงจำที่คลุมเครือจากชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา เขาจำได้ว่า เนตรจุติ เหมือนกับ เนตรสังสาระ ตรงที่มีความสามารถที่ยอดเยี่ยมคล้ายกันอย่างหนึ่งนั่นคือการควบคุมหุ่นเชิด
วิธีการใช้ เนตรสังสาระ ควบคุมหุ่นเชิดก็คือใช้แท่งเหล็กสีดำ เหมือนอย่างที่ นางาโตะ ใช้ควบคุม เพน 6 วิถี ในขณะเดียวกันวิธีการใช้ เนตรจุติ ควบคุมหุ่นเชิดก็คือต้องฉีดจักระเนตรจุติเข้าไป เมื่อฉีดมันเข้าไปในปริมาณที่เพียงพอแล้ว มันจะสามารถกระตุ้นวิญญาณภายในหุ่นทำให้พวกมันได้รับสติปัญญาและความเป็นอิสระในการเคลื่อนไหวได้ในระดับหนึ่ง
นอกจากนั้น คุโรโตะ ยังจำได้อีกว่า โอซึซึกิ โทเนริ ได้ใช้หุ่นเชิดลงมาที่โลกนินจาและเอาชนะ ผู้นำตระกูลฮิวงะ นั้นก็คือ ฮิวงะ ฮิอาชิ ที่มีความแข็งแกร่งเกือบจะเท่ากับระดับ คาเงะ ได้ และลักพาตัว ฮิวงะ ฮานาบิ ไป
หลังจากเข้าใจประเด็นนี้แล้ว คุโรโตะ ก็มีความคิดบางอย่าง จากนั้นภายใต้ความคิดของ คุโรโตะ หุ่นคาเซะคาเงะ ก็ลอยไปช้า ๆ และตั้งท่าโจมตีไปทาง ซาโซริ ที่อยู่ตรงข้ามราวกับว่ามันกำลังปกป้อง คุโรโตะ ที่อยู่ด้านหลัง
ในตอนนี้ คุโรโตะ พูดอย่างเฉยเมยว่า “ฉันไม่สนใจที่จะกำจัด นินจาถอนตัวของซึนะ หรอกนะ เราไม่จำเป็นต้องต่อสู้กันหรอก”
ตอนนี้ใบหน้าของ ซาโซริ บูดบึ้งและเคร่งขรึมด้วยความโกรธเมื่อได้ยินคำพูดของ คุโรโตะ “เอาผลงานของฉันไป แกคิดว่าฉันจะปล่อยแกไปงั้นเหรอ?”
แม้แต่ ซาโซริ เองก็รู้สึกว่าถูกคุกคามเมื่อต้องเผชิญหน้ากับวิชาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน วิธีที่ คุโรโตะ ใช้ควบคุมหุ่นคาเสะคาเงะ ในตอนนี้ ซาโซริ ตั้งเป้าแล้วว่า คุโรโตะ เป็นศัตรูที่ทรงพลังที่สามารถคุกคามชีวิตของเขาได้
คุโรโตะ ยิ้ม “หุ่นตัวนี้ยังคงมีพลังต่อสู้เกือบทั้งหมด ฉันต้องขอบอกเลยว่า คุณเป็นอัจฉริยะในการสร้างหุ่นจริง ๆ”
รอยยิ้มนี้ไม่ใช่ท่าทางเก๊กของ คุโรโตะ แต่ในตอนนี้เขารู้สึกมีความสุขจริง ๆ เพราะตอนนี้เขามี หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงมีความสามารถในการบินอยู่ในมือ และมันจึงขึ้นอยู่กับเขาว่าเขาจะอยู่ต่อไป หรือจะต่อสู้ หรือจะหนี
และเหตุผลที่เขาไม่ออกจากสนามรบในทันทีและยังคงต่อปากต่อคำกับ ซาโซริ ก็เพียงแค่ซื้อเวลาคิดหาวิธีซ่อนตัวตนเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคตที่จะมาจากการตามหาล้างแค้นของ ซาโซริ
อย่างไรก็ตาม คุโรโตะ ไม่ต้องการให้คนอย่าง ซาโซริ ติดตามเขาไปตลอดเวลา คุโรโตะ รู้ดีว่าหากเขาประมาทเพียงเล็กน้อยกับ ซาโซริ เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการให้ ซาโซริ ตามล่าเขา
“แกควบคุมหุ่นโดยไม่ใช้ด้านจักระได้ยังไง?” หลังจากเงียบไปนาน ซาโซริ ก็พูดขณะที่เอียงศีรษะของเขาและยิ้มอย่างชั่วร้าย “ช่างมันเถอะ เมื่อฉันจับแกได้ ทุกอย่างก็จะชัดเจนเอง!”
หลังจากนั้น ซาโซริ ก็หยิบม้วนหนังสือสีแดงออกมา
ด้วยคำพูดที่นุ่มนวลของ ซาโซริ ม้วนหนังสือก็ถูกเหวี่ยงออก ทันใดนั้นก็มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งบินออกจากม้วนหนังสือลอยอยู่รอบตัวเขา
พวกเขาเหล่านี้เป็นหุ่นทั้งหมดที่สวมเสื้อคลุมสีแดง มีหุ่นมากถึง 10 ตัว พวกมันมีรูปร่างที่แตกต่างกันบางคนถือมีด บางคนถือดาบและบางคนก็ถือดาวกระจายขนาดใหญ่
ซาโซริ ยิ้มและพูดว่า “คาถาลับแดง เชิด 10 หุ่น!”
เมื่อมองไปที่ภาพตรงหน้าเขา คุโรโตะ ก็พูดอย่างลับ ๆ ว่า “ดูเหมือนว่า ซาโซริ ในตอนนี้ยังไม่เชี่ยวชาญการเชิดหุ่น 100 ตัว แต่ถึงอย่างนั้น แค่ 10 ตัว ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราจะตัดการได้!”
เกร๊ก…เกร๊ก…เกร๊ก…
ท่ามกลางการสั่นของหุ่นเชิดเสื้อคลุมสีแดง ทันใดนั้นหุ่นทั้ง 10 ตัวก็พุ่งเข้าหา คุโรโตะ
คุโรโตะ ขมวดคิ้วและยกมือขึ้นอีกครั้งเพื่อใช้ จุติพิชิตฟ้า
หลังจากสูญเสียจักระไป 2 ใน 3 เขาก็ไม่มีพลังพอที่จะต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงใช้ จุติพิชิตฟ้า เพื่อดีดหุ่นทั้ง 10 ตัวกลับไป จากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปบนหลัง หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 ทันที
ทันใดนั้นทรายเหล็กที่ลอยอยู่ในอากาศก็กลายเป็นปีกเหล็กคู่หนึ่งและ หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 ก็บินหนีไปพร้อมกับ คุโรโตะ ตรงไปยังศพของ มิซุย ที่อยู่ห่างออกไป
ซาโซริ ที่ถูกดีดหุ่นเชิดกลับก็แอบสาปแช่ง “ไอบ้านั้นมันใช้วิชาที่ฉันไม่รู้จักอีกแล้ว!”
ซาโซริ รู้สึกปวดหัวเมื่อนึกถึงวิชาแปลก ๆ ของ คุโรโตะ มันเป็นวิชาที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น มันสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องประสานอิน แต่จากการเผชิญหน้าครั้งนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่าระยะทำลายของวิชาทั้งดึงและผลักนั้นอยู่ที่ประมาณ 15 เมตรเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนกลยุทธ์การโจมตีทันที และเขาก็ควบคุมหุ่นเชิดให้โจมตีด้วยการขว้างอาวุธใส่ คุโรโตะ จากระยะไกล
อย่างไรก็ตาม หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ คุโรโตะ ก็แข็งแกร่งมาก มันทำตามความคิดของ คุโรโตะ และใช้ทรายเหล็กป้องกันคุไนและดาวกระจายทั้งหมดที่ตรงเข้ามา
ซาโซริ ที่กำลังไล่ตาม คุโรโตะ เมื่อเห็นสิ่งนี้ มีใบหน้าของเขาก็โกรธขึ้น เขารู้สึกราวกับว่าเขาถูกตบหน้าด้วยผลงานชิ้นเอกของตัวเอง
ในไม่ช้าภายใต้การควบคุมของ ซาโซริ อาวุธขว้างทั้งหมดของหุ่นเสื้อคลุมสีแดงทั้ง 10 ตัวก็ถูกเปลี่ยนเป็นกระดูก 1,000 ชิ้นที่เต็มไปด้วยยาพิษ
เนื่องจากทรายเหล็กไม่สามารถควบคุมอโลหะได้ ดังนั้น หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 จึงเปลี่ยนส่วนหนึ่งของทรายเหล็กให้เป็นโล่รูปครึ่งวงกลมที่ป้องกัน คุโรโตะ จากด้านหลัง
เป้ง…เป้ง…
เสียงของคุไนและดาวกระจายชนเข้ากับกำแพทรายเหล็กยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะที่ คุโรโตะ กำลังหลบหนี…