กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - ตอนที่ 476 ฮ่องเต้หญิง พวกเราแต่งงานกันเถิด (12)
ใบหน้าตงฟางเจ๋อสะดุดกึก เขากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ๋อมิกล้าทำให้องค์รัชทายาททำผิดกฎเกณฑ์ของตนเอง แต่หัวใจที่เจ๋อมีต่อซูซู ไม่ใช่เรื่องลวง เรื่องในอดีต หากเจ๋อกระทำผิดตรงที่ใด ก็หวังว่าองค์รัชทายาทจะทรงให้อภัย”
ซูหลีเงยหน้ามองเขา อดีตอันเจ็บปวดที่ไม่อยากหวนนึกถึงย้อนกลับมาทีละฉากๆ นางไม่เคยคิดว่า หลางฉ่างที่เป็นคนอบอุ่นอ่อนโยนมาโดยตลอด กลับมีอารมณ์ด้านนี้ด้วย นางยิ่งไม่เคยคาดคิดว่า ความเจ็บปวดและความสิ้นหวังของนางในวันนั้น จะกลายเป็นบาดแผลในใจที่ยากจะลืมเลือนของเขา วาจาแหลมคมและความเสียใจอย่างสุดซึ้งของเขา ทำให้หัวใจของซูหลีที่เดิมทีปล่อยวางได้แล้วเจ็บแปลบขึ้นมารางๆ
ความมั่นใจในตอนแรกของนาง เริ่มสั่นคลอนเล็กน้อย
ตงฟางเจ๋อสังเกตเห็นใบหน้านางซีดขาว ก็รีบเดินเข้าไปกุมมือนาง กล่าวอย่างรุ่มร้อนใจ “ซูซู เหมือนอย่างที่เจ้าว่า อดีตล้วนผ่านไปแล้ว! ข้าจะไม่มีวันทำร้ายเจ้าอีก!”
“อาหลีน้อย!” เงาร่างสีแดงเพลิงของหยางเซียวพุ่งพรวดเข้ามา ดึงซูหลีไปด้วยใบหน้าเกลื่อนยิ้ม “มาดูของขวัญที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าเร็วเข้า!”
ฝ่ามือใหญ่พลันว่างเปล่า ตงฟางเจ๋อหรี่ตา ไอพิฆาตอันเยือกเย็นพวยพุ่งทันใด หยางเซียวกลับลากซูหลีไปอีกด้านหนึ่งอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขาโบกมือออกคำสั่ง คนนับสิบเรียงแถวเป็นหนึ่งโดยประคองถาดหยกไว้ในมือ บนถาดหยกเต็มไปด้วยสร้อยข้อมือถั่วแดงสารพัดรูปแบบ แพรวพราวงามตา
ซูหลีตะลึงงัน “ท่าน…ทำอะไรน่ะ?”
“มอบของขวัญให้เจ้าอย่างไรเล่า!” หยางเซียวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ดูสิ เหล่านี้ข้าล้วนคัดสรรมาอย่างดี เจ้าชอบอันไหนก็สวมอันนั้น ขอเพียงเจ้ามีความสุข วันหนึ่งจะใส่กี่อันก็ย่อมได้!”
ซูหลีหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ก็ไม่ออก “ข้าจะสวมหมดนั่นได้อย่างไรกัน?”
“เช่นนั้นเจ้าก็เลือกสักอันแล้วกัน” หยางเซียวหยิบขึ้นมาหนึ่งอันอย่างเอาอกเอาใจ “เส้นนี้เป็นอย่างไร? นี่เป็นไข่มุกเทียนจูที่เม็ดใหญ่ที่สุด หายากมากเชียวละ”
พูดไป เขาก็สวมสร้อยข้อมือให้นาง
มือข้างหนึ่งยื่นเข้ามาแย่งสร้อยถั่วแดงเส้นนั้นไป หยางเซียวบ่นอุบ “ท่านจะทำอะไรน่ะ?”
ตงฟางเจ๋อมองหน้าเขาด้วยสายตาเย็นชา “ซูซูสวมถั่วแห่งความรักที่ข้ามอบให้แล้ว ของท่านแม้จะดีอีกสักแค่ไหน ก็คงต้องมอบให้ผู้อื่นแล้ว”
หยางเซียวเบิกตากว้างจ้องหน้าเขา คล้ายไม่อยากเชื่อ “ท่านมอบถั่วแห่งความรักให้นางแล้วหรือ? จะเป็นไปได้เช่นไร?!”
ตงฟางเจ๋อชูมือซูหลีขึ้น ถั่วแดงสีแดงสดที่แตกออกเป็นสองส่วนเปล่งประกายเจิดจ้าอยู่ภายใต้แสงแดด ทุกคนต่างอุทานด้วยความตกใจ
หยางเซียวอ้าปากค้าง ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
ตงฟางเจ๋อกุมมือซูหลีแน่นอีกครั้ง กวาดมองใบหน้าทุกคนรอบหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงก้องกังวาน “เป็นเช่นไรบ้าง?”
หยางเซียวจิ๊ปาก “นึกไม่ถึงว่าท่านจะยังหาหนทางจนได้ ก็ได้ ถือว่าท่านร้ายกาจ แต่ว่า…ท่านยังไม่ได้รับดอกซิ่วฉิวจากอาหลี…หึๆ เช่นนั้นก็ยังถือว่าไม่สำเร็จ”
“ถูกต้องแล้ว” หลางฉ่างก้าวเข้ามา ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ประเพณีเทศกาลถงซินของแคว้นติ้งเรา บุรุษมอบถั่วแดง สตรีมอบดอกซิ่วฉิว สองฝ่ายได้รับของแทนใจ การหมั้นหมายจึงจะถือว่าสมบูรณ์”
ตงฟางเจ๋อหันมองไปซูหลี เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ซูซู เจ้ากับข้าผ่านเรื่องราวด้วยกันมามากมาย สำหรับข้า ใต้ฟ้ายังไม่สำคัญเท่าเจ้าเพียงผู้เดียว ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว ไม่ว่าถั่วแดงจะแตกสลายอย่างไร ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหัวใจที่เป็นของกันและกันของพวกมันได้ เจ้า เชื่อใจข้าหรือไม่?”
ซูหลีมองหน้าเขาแน่นิ่ง สายตาของเขาสะท้อนให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวที่ยอมละทิ้งได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ความไม่แน่นอนอันเปราะบาง และความอ่อนโยนลึกล้ำดั่งมหาสมุทร แม้ต้องเผชิญหน้ากับความเย็นชาของฮ่องเต้แคว้นติ้ง และความกดดันจากหลางฉ่างกับหยางเซียว เขาก็ยังสุขุมเยือกเย็น และรับมือได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่สีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อยของนาง กลับทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ เขากลัวที่จะสูญเสียนางไปถึงเพียงนั้น กลัวจนไม่อาจทนรับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของนางได้แม้เพียงน้อยนิด
ขอบตาของซูหลีร้อนผ่าว
“ข้าไม่เชื่อ!”
เสียงของฮ่องเต้แคว้นติ้งพลันดังแทรกขึ้นมา สายตาเต็มไปด้วยความหวาดระแวง เขากวักมือเรียกซูหลีเบาๆ “ฉางเล่อ มาหาข้า”
ซูหลีอยากดึงมือออก แต่เขากลับกุมไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยมือ ซูหลีแย้มยิ้มเล็กน้อย ยกมืออีกข้างกุมมือใหญ่ “ไม่ต้องห่วง”
หัวใจของตงฟางเจ๋อสั่นไหว ในที่สุดก็ยอมปล่อยมือ
ซูหลีเดินไปหาฮ่องเต้แคว้นติ้ง แล้วกุมมือของเขา “เสด็จพ่อ”
ฮ่องเต้แคว้นติ้งถอนหายใจ “ฉางเล่อ เขาเคยทอดทิ้งเจ้าเพราะผลประโยชน์และบัลลังก์ ยากจะรับประกันได้ว่าอนาคตจะไม่เกิดเรื่องแบบเดิมซ้ำอีก ฉางเล่อของข้า…จะต้องมีบุรุษที่ทำเพื่อนางทั้งหัวใจคอยเคียงข้างเท่านั้น! หากตงฟางเจ๋อทำไม่ได้ ข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าแต่งงานกับเขาเด็ดขาด! มิเช่นนั้นภายหน้า หากเกิดเรื่องใดขึ้นกับเจ้า วิญญาณของข้าที่อยู่ในปรโลกคงตายตาไม่หลับไม่ต่างจากมารดาเจ้า เจ้า…เข้าใจหรือไม่? ฉางเล่อ?”
การตายของเสด็จแม่เป็นบาดแผลในใจที่ซูหลีไม่อาจลืมเลือนได้ไปตลอดชีวิต นางสูดหายใจลึกๆ เพื่อพยายามสงบความเจ็บปวดเศร้าโศกในใจ
ตงฟางเจ๋อกล่าวเสียงขรึม “ข้าไม่คิดว่าบ้านเมืองและคนรักจะไปด้วยกันไม่ได้แต่อย่างใด ข้าเป็นได้ทั้งประมุขแห่งแคว้น และสวามีที่ดีของซูซู ตลอดชีวิตนี้ของตงฟางเจ๋อ ต้องการแค่ซูซูผู้เดียว ไม่มีวันแต่งหญิงอื่นอีกเป็นอันขาด”
“ท่านจะเอาอะไรมารับประกันได้?” ฮ่องเต้แคว้นติ้งแค่นเสียง
“ข้าไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ให้ผู้อื่นเห็น ขอเพียงซูซูเชื่อใจข้า แค่นั้นก็เพียงพอ!” น้ำเสียงของเขาก้องกังวาน สายตาหนักแน่นจับจ้องไปที่ซูหลี
ซูหลีเองก็กำลังมองเขา หัวใจอันหนักแน่นของเขา นางรับรู้อย่างชัดเจนตั้งนานแล้ว นางเอ่ยปากอย่างแช่มช้า “เสด็จพ่อ หม่อมฉันเชื่อว่าเขาทำได้เพคะ”
ฮ่องเต้แคว้นติ้งลูบเส้นผมนางด้วยความรักใคร่หวงแหน พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงจนใจ “เด็กโง่ หัวใจของกษัตริย์เปลี่ยนผันยากจะคาดเดา ข้าเองก็เป็นฮ่องเต้ รู้ดีว่าหลายครั้งการเป็นประมุขแห่งแคว้นไม่อาจกระทำตามใจได้เสมอไป เขากล่าวว่าจะไม่แต่งหญิงอื่นเพิ่มตลอดชีวิต เช่นนั้นพ่อถามเจ้า หากภายหน้าเจ้าไม่อาจให้กำเนิดบุตรได้ เขาจะทำเช่นไร?”
ตงฟางเจ๋อร้องบอก “เป็นไปไม่ได้!”
หลางฉ่างพลันกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ฮ่องเต้แคว้นเฉิงเคยแช่น้ำในเดือนสามเป็นเวลาเจ็ดวัน พิษเย็นซึมลึกถึงกระดูก จนถึงตอนนี้ยังต้องใช้ยารักษา อนาคตจะเป็นเช่นไร ไม่มีผู้ใดคาดเดาได้ ภายหน้าหากเกิดเหตุการณ์อย่างที่เสด็จพ่อตรัสจริง ขุนนางในราชสำนักจะต้องเกลี้ยกล่อมให้ท่านเลือกสนมเข้าวังทุกวัน เพื่อบ้านเมืองและแว่นแคว้น ท่านจะทำเช่นไรได้อีก?”
ตงฟางเจ๋อกำหมัดแน่น สีหน้าย่ำแย่สุดขีด วาจาของหลางฉ่างบ่งบอกว่ากำลังตั้งข้อสงสัยกับ ‘ความสามารถ’ ของเขาอย่างเห็นได้ชัด เขากล้ำกลืนไฟโทสะ แล้วกัดฟันตอบว่า “เรื่องนี้คงไม่รบกวนให้องค์รัชทายาทต้องเป็นห่วง ข้าไม่มีทางปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่นอน!”
หยางเซียวหัวเราะเสียงดังลั่น แล้วกล่าวอย่างเบิกบาน “ตงฟางเจ๋อ หากท่านมีความบกพร่องจริง อย่าได้คิดปิดบังเพียงเพื่อรักษาศักดิ์ศรีเชียว รีบบอกข้าแต่เนิ่นๆ ข้าจะหาตำรับยาวิเศษให้ ภายหน้าจะได้ไม่ต้องรู้สึกละอายจนไม่มีหน้าไปพบบรรพบุรุษ…”
ตงฟางเจ๋อใบหน้าเขียวคล้ำด้วยความโกรธขึ้ง เขาตวาดเสียงเกรี้ยว “หยางเซียว! การปราบจลาจลกองทัพกบฏของหยางเจิ้นในตอนนั้น หากไม่ใช่เพราะข้ายื่นมือเข้าช่วย ยามนี้ท่านจะยังสามารถปกครองแคว้นเปี้ยนได้อย่างมั่นคงเช่นนี้หรือ?! อย่าได้ลืมบุญคุณคนง่ายๆ!”
หยางเซียวกล่าว “โอ้ นี่ท่านทวงบุญคุณข้าหรือ ข้าใช้คืนไปนานแล้วนา ยาแก้พิษยาไร้รัก ข้ามอบให้ท่านไปแล้ว ตอนนี้ระหว่างเราไม่มีใครติดค้างใคร หากท่านอยากสู่ขออาหลี ก็ต้องผ่านด้านข้าไปด้วย!”
ตงฟางเจ๋อกล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ “หลังพิธีอภิเษกสมรสในแคว้นเปี้ยน ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนน่าจะเข้าใจแล้ว ว่าในใจซูซูมีข้าเพียงผู้เดียว!”
หยางเซียวเลิกคิ้ว เอ่ยพร้อมแย้มยิ้ม “ท่านบอกเองว่าอดีตล้วนเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ใครจะรู้เล่า อาหลีอาจเปลี่ยนใจแล้วก็ได้?! ใช่หรือไม่? อาหลีน้อย คนเราต้องมองอนาคตข้างหน้าสิ! ถั่วแดงของข้ามีให้เจ้าเลือกตั้งมากมาย!”
……………………….
Related