กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - ตอนที่ 458 ต้องได้พบกันอีก (ตอนจบแคว้นเปี้ยน) (4)
หยางเซียวเดินไปนั่งที่โต๊ะหนังสือ ชำเลืองมองจดหมายใต้จานฝนหมึก สายตาเคร่งขรึมลงทันที แต่ไม่นานก็กลับมาสงบนิ่ง เขาแกะเปลือกลำไยอบแห้งลูกหนึ่งแล้วโยนใส่ปาก กล่าวด้วยท่าทางเกียจคร้านว่า “ถ้าไม่ปิดไว้จะอันตรายมากเลยละ ยามนี้ทุกคนล้วนรู้ว่าลัทธิธิดาเทพอยู่ใต้บังคับบัญชาของราชวงศ์เปี้ยน ถ้าเกิดวันหนึ่งมีคนแอบหนีไป ก็แย่น่ะสิ” สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ ตอบคำถามได้อย่างไม่มีที่ติ สายตาที่มองนางกลับแฝงไว้ด้วยแววตัดพ้อลึกๆ
ยามนี้หัวใจของซูหลีจมดิ่งสู่ก้นบึ้ง เส้นทางลับสายนี้มุ่งหน้าสู่ลัทธิธิดาเทพ เป็นเส้นทางที่ดีที่สุดที่นางจะสามารถไปจากแคว้นเปี้ยนได้โดยที่ตงฟางเจ๋อไม่รู้ ส่วนเขาคงเดาได้แต่แรกแล้วว่านางจะไปจากที่นี่ จึงได้สั่งให้คนปิดเส้นทางนี้อย่างลับๆ!
นางเดินมาตรงหน้าเขา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หยางเซียว ข้าแต่งงานกับท่านไม่ได้ ข้าจะไปแล้ว” หลายครั้งหลายหนที่เมื่อวาจามาถึงปลายลิ้น แต่ก็มิอาจเอ่ยออกไปได้ มาถึงตอนนี้ไม่อาจเสียเวลาได้อีกต่อไปแล้ว
หยางเซียวหน้าเปลี่ยนสีทันที เขาตะโกนด้วยอารมณ์อันพลุ่งพล่าน “เพราะอะไร? เจ้าจะทิ้งข้าหรือ!”
ซูหลียังไม่ทันกล่าวอะไร เขาก็รีบลุกขึ้น รั้งมือนางแน่น ราวกับเด็กที่ถูกทอดทิ้ง กลัวว่านางจะหายไป พฤติกรรมของเขายังคงดูไม่จริงจัง แต่แววผิดหวังและใส่ใจในดวงตากลับเป็นเรื่องจริง เขาถามด้วยความร้อนใจ “หรือเพราะ…ข้าทำอะไรไม่ดีพอ หรือว่างานแต่งกระชั้นชิดเกินไปจึงทำให้เจ้าไม่พอใจ? เจ้าบอกข้ามา ข้าจะสั่งให้พวกเขาจัดงานใหม่ทันที!” เอ่ยจบ เขาก็ดึงมือซูหลีเดินออกจากห้องหนังสือ
ซูหลีสะท้านไปทั้งใจ รีบห้ามปรามเขา หยางเซียวหันกลับมาอย่างไม่เข้าใจ นางกลับเอ่ยเสียงเบา ไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ “หยางเซียว ข้ารับปากแต่งงานกับท่าน เพราะสถานการณ์บังคับ และเป็นแผนรับมือชั่วคราว ใจท่าน…ย่อมรู้ดีแน่นอน”
ถึงแม้รู้ว่าวาจาของตนเองโหดร้าย แต่นางกลับจำเป็นต้องพูด นางมองรอยยิ้มที่มุมปากของเขาค่อยๆ แข็งทื่อ ดวงตาค่อยๆ หม่นหมองลง หัวใจของนางเจ็บปวดขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม
ภาพจินตนาการแห่งความสุขที่เขาเพียรพยายามรักษาไว้ถูกนางทำลายอย่างไร้เยื่อใย เขานึกมาโดยตลอด ขอเพียงเขาจริงใจมากพอ ก็จะต้องมีความหวังแน่นอน แต่นางกลับหนักแน่นถึงเพียงนี้ ราวกับไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน หรือรั้งนางอีกเท่าใด ก็มิอาจเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของนางได้
ความเงียบงันเหมือนหยุดหายใจ กลืนกินนางกับเขาเหมือนกระแสน้ำขึ้น
หยางเซียวมองนางอย่างเหม่อลอย ไม่พูดอะไร ใบหน้าค่อยๆ ซีดเผือด หางตากับคิ้วคมเข้มแฝงไว้ด้วยความเศร้าสลด เขาปล่อยมือนางช้าๆ พร้อมกับแย้มยิ้มเล็กน้อย “เจ้าไปเถิด”
ซูหลีประหลาดใจ เมื่อครู่เขายังยื้อและรั้งนางไว้ทุกวิถีทาง เหตุใดจู่ๆ ก็ปล่อยนางไปง่ายดายเช่นนี้?
เขามองนางด้วยสายตาลึกซึ้ง ก่อนจะหมุนกายเดินจากไปด้วยฝีเท้ารวดเร็วและเร่งรีบ
ซูหลีสับสนและประหลาดใจ หมายจะขานเรียกเขา แต่กลับเห็นหยางเซียวที่ก้าวเท้าออกจากห้องหนังสือจู่ๆ ก็หยุดเดิน ยกมือกุมหน้าอกแน่น ราวกับกำลังฝืนทนกับความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยาย! ร่างกายของเขาสั่นเทา ก่อนจะล้มลงไป!
ซูหลีตกตะลึง รีบพุ่งเข้าไปประคองเขา แล้วกล่าวด้วยความร้อนใจ “ท่านเป็นอะไรไป?”
หยางเซียวใบหน้าซีดเผือด กลีบปากสั่นเทาพูดอะไรไม่ออก กลีบปากของเขาเป็นสีแดงสดจนน่ากลัว ราวกับย้อมไว้ด้วยเลือด! หัวใจของนางแตกตื่น รีบประคองเขาไปนอนบนเตียง แล้วหมุนกายหมายจะออกไปเรียกหมอหลวง แต่กลับถูกเขารั้งไว้
ราวกับหวาดกลัวว่านางจะไปแล้วไม่หวนกลับมาอีก เขาจับมือนางแน่น กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ “อาหลี…อย่าไป!”
หยางเซียวพยายามลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก สายตากลับเต็มไปด้วยแววอ้อนวอน ซูหลีพลันใจอ่อน เอ่ยว่า “ข้าไม่ได้ไปไหน ข้าจะไปเรียกหมอหลวง”
“หมอหลวง…ก็ช่วยข้าไม่ได้” ใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวไร้ชีวิตชีวา สายตากลับสะท้อนแววจนใจ
ซูหลีกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ท่านรู้ว่าตนเองเป็นอะไรเช่นนั้นหรือ?”
หยางเซียวไม่พูดอะไร เพียงล้วงขวดหยกสีขาวลวดลายประณีตออกมาจากอกเสื้อ
ซูหลีถามด้วยความสงสัย “นี่คืออะไร?”
“ยา” หยางเซียวค่อยๆ เปิดฝาขวด กลิ่นหอมประหลาดลอยปะทะจมูก ให้ความรู้สึกหอมเย็นและสดชื่น ซูหลีสะดุดใจ กลิ่นหอมเช่นนี้…เหตุใดจึงคุ้นจมูกยิ่งนัก แต่นางกลับนึกไม่ออก
“ยาอะไร?” นางตกตะลึง
หยางเซียวถอนหายใจ แล้วกล่าวว่า “นี่คือ…ยาแก้พิษยาไร้รัก เดิมทีข้าอยากมอบให้เจ้าตอนร่วมหอด้วยกันในคืนนี้…” เขาเอนกายอยู่บนหัวเตียง ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยอย่างไม่อาจควบคุม
“เหตุใดท่านจึงมียาแก้พิษยาไร้รัก?” ซูหลีตกตะลึงจนหน้าเปลี่ยนสี ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนเคยบอกนางว่าพิษของยาไร้รักไม่มีทางแก้ได้ หรือเขาโกหกนาง?”
“เสด็จพ่อ ทิ้งเทียบยาแก้พิษไว้ โดยใช้อักษรลับเปี้ยนในการบันทึก และซ่อนไว้ในกล่องเก็บพระราชโองการ” หยางเซียวหอบหายใจ “ข้าพยายามอย่างมาก กว่าจะตามหาวัตถุดิบได้ครบ แล้วปรุงมันขึ้นมา”
“ท่าน!” หัวใจของซูหลีตึงเครียด รีบจับชีพจรเขาทันที ครั้นตรวจดู ก็พบว่าชีพจรของเขาปรวนแปรมาก กลับมีร่องรอยของการถูกยาพิษ! มิน่าเล่ากลีบปากของเขาจึงได้แดงสดผิดปกติ เมื่อคืนนางก็รู้สึกแปลกๆ แล้ว อยากจะถามแต่เขากลับเปลี่ยนเรื่องก่อน
นางกล่าวด้วยความตกใจ คล้ายไม่อยากเชื่อ “ท่านถูกพิษตอนที่ปรุงยาแก้พิษหรือ?” ราชวงศ์เปี้ยนชำนาญเรื่องยาพิษมากที่สุด พิษที่แม้แต่ตัวเขาก็ยังไม่อาจรักษาได้ จะร้ายแรงถึงเพียงใดกัน?! นางไม่กล้าจินตนาการ ได้แต่กล่าวเสียงเข้ม “ข้าจะไปตามเจียงหยวนมา!”
หยางเซียวถอนหายใจเบาๆ ลมปราณคล้ายอ่อนลงอีกหนึ่งส่วน “ไม่มีประโยชน์ ไม่มีใครช่วยข้าได้ทั้งนั้น” สายตาของเขาหม่นหมองไร้ชีวิตชีวา ราวกับช่วงชีวิตสุดท้ายกำลังจะมาเยือนในอีกไม่นาน
หัวใจของซูหลีสะดุด นางถามเสียงร้อนใจ “เหตุใดจึงช่วยไม่ได้? แม้แต่ยาไร้รักยังมียาแก้พิษ! ท่านรู้หรือไม่ว่าตนเองถูกพิษชนิดใด?”
หยางเซียวไม่พูดอะไร คนที่มักเฮฮาร่าเริงอยู่ตลอดเวลา จู่ๆ ก็เงียบขรึม สายตาที่เขามองนางอย่างเงียบงัน เต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์
ซูหลีร้อนใจดั่งไฟสุมอก “ท่านรีบบอกมาเร็วสิ หรือท่านอยากตายนักหรือไง?”
หยางเซียวขยับกลีบปาก หมายจะเอ่ยวาจาแต่ก็เงียบไปอีกครั้ง แววกระอักกระอ่วนสะท้อนในดวงตา ราวกับมีเรื่องที่ยากจะเอ่ยปาก
“หากท่านไม่พูด ข้าจะไม่มีวันให้อภัยท่านตลอดไป!” ซูหลีเอ่ยเสียงเกรี้ยว ความตายมาเยือนตรงหน้าแล้วเขายังมัวพะวงอันใดอีก? มีอะไรที่สำคัญกว่าชีวิตเขาอีกงั้นหรือ?
หยางเซียวเห็นนางโกรธ ใบหน้าก็เหงาหงอย เขายิ้มอย่างขมขื่น “พิษนี้มีทางแก้ แต่ว่า…มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ช่วยข้าได้” น้ำเสียงของเขาสะดุด คล้ายเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองพลั้งปากเสียแล้ว
ซูหลีจับความหมายแฝงในวาจาของเขาได้อย่างรวดเร็ว นางถามเสียงขรึม “ผู้ใด?”
หยางเซียวหลบสายตานาง แต่กลับถูกนางประคองใบหน้าให้หันกลับมา เขาไม่อาจหลบตานางได้อีก ทำได้เพียงสบกับสายตาคมปลาบของนาง หัวใจของเขาพลันสั่นไหว ตอบออกไปอย่างเหม่อลอย “เจ้า…”
ซูหลีพูดไม่ออก นางปล่อยมือออกโดยไม่รู้ตัว
หยางเซียวหัวเราะเสียงเบา “ระหว่างปรุงยาแก้พิษยาไร้รักมีความเสี่ยงต่อการถูกพิษเล่นงานสูง ยาพิษชนิดนี้เป็นสายเดียวกับดอกฉิงฮวา หากถูกพิษ ก็จำต้องร่วมหอกับสตรีที่มีพิษยาไร้รักอยู่ในร่างกาย มิเช่นนั้นจะต้องตายภายในสิบวัน…อย่างไร้ข้อแม้”
ซูหลีเงยหน้ามองหยางเซียวอย่างตะลึงงัน ชั่วขณะหนึ่งนางเองก็ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี
หยางเซียวกระอักกระอ่วน เขายิ้มขมขื่น แล้วกล่าวว่า “เจ้าวางใจเถิด ข้าปรุงยาแก้พิษให้เจ้าด้วยความเต็มใจ เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดด้วยเรื่องนี้”
หัวใจของซูหลีหนักอึ้งสุดแสน “ข้าไม่เคยต้องการแก้พิษยาไร้รัก เหตุใดท่านต้องทำเกินความจำเป็น เสี่ยงอันตรายเพื่อปรุงยาแก้พิษด้วยเล่า?”
…………………………
Related