กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - ตอนที่ 373 ผู้ใดจะสามารถกุมหัวใจของเขาได้ (3)
ละอองฝนเบาบางโปรยปรายกลางอากาศ ซากดอกบัวในทะเลสาบปี้หูลอยไหวไปตามสายลมเบาๆ ฤดูใบไม้ร่วงได้มาเยือนอย่างเงียบงัน หัวใจของนางพลันบังเกิดความอ้างว้างและหนาวเหน็บ
หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ นางกล่าวอย่างใจเย็น “เข้ามา”
เซี่ยฝูอันเดินเข้ามาในห้องอย่างแช่มช้า วางอาหารเช้าไว้บนโต๊ะ สีหน้าราบเรียบ ไม่ปรากฏแววอ่อนล้า ราวกับการเข้านอนช้าเมื่อคืนไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขาแม้แต่น้อย ในถาดอาหารยังคงเป็นผักเครื่องเคียงฝีมือประณีตหลายจาน คู่กับเกี๊ยวน้ำไก่ ทั้งผักและเนื้อสัตว์เข้ากันเป็นอย่างดี รูปรสกลิ่นสีล้วนสมบูรณ์พร้อม
ซูหลีไม่พูดอะไร เพียงนั่งลงแล้วกินอาหารเงียบๆ กลางคืนนอนหลับไม่สนิท นางจึงไม่ค่อยอยากอาหารมากนัก แต่ครั้นกลิ่นหอมของน้ำแกงไก่ และรสชาติสดใหม่ของเกี๊ยวน้ำไหลลงสู่ท้อง ก็พลันกระตุ้นความอยากอาหารให้เพิ่มขึ้นหลายส่วน นางอดใจไม่ไหวกินแล้วกินอีก ไม่นานก็กินหมดไปครึ่งชามเล็ก
นางเพิ่งมาอยู่ในลัทธิธิดาเทพได้ไม่นาน ไม่เคยบอกรสชาติอาหารที่ชอบ แต่เซี่ยฝูอันกลับสามารถเดารสชาติอาหารที่นางชอบได้อย่างแม่นยำเสมอ คนผู้นี้ได้เป็นผู้ดูแลแท่นบูชาหลักทั้งที่อายุยังน้อย เพราะมีความสามารถที่เหนือกว่าคนทั่วไปหลายเท่าจริงๆ
หัวใจของนางสั่นไหวเล็กน้อย ชำเลืองมองเซี่ยฝูอันสองสามครั้ง วันนี้เขาสวมเสื้อคลุมตัวนอกสีเทาอ่อน และสวมเสื้อตัวในสีขาวเหมือนหิมะ อาภรณ์ที่เรียบง่ายธรรมดาขับเน้นให้ใบหน้าเขาสุภาพดูดี ทั้งที่เป็นเพียงผู้ดูแลเรื่องต่างๆ ในแท่นบูชาหลักแท้ๆ แต่กลับมีราศีสูงส่งที่ยากจะอธิบายแผ่อยู่รอบกาย
ที่จริงแล้วเซี่ยฝูอันไม่ได้มีเครื่องหน้าที่โดดเด่นแต่อย่างใด เขาเป็นคนที่หากจับไปรวมอยู่ในฝูงชนก็จะแยกแยะไม่ออก มีเพียงนัยน์ตาลึกล้ำคู่นั้นที่เหมือนแสงดาวเย็นยะเยือกบนท้องฟ้ายามกลางคืน ที่สามารถมองทะลุความมืดมิด และอ่านใจคนได้อย่างง่ายดาย
บางทีอาจเป็นเพราะจุดที่คล้ายกันจนน่าตกใจนี้ นางจึงได้สงสัยในตัวเขา ทว่าหลังสืบข้อมูลกลับไม่เป็นไปดังที่นางคาดไว้ ตัวตนของเขายังคงเป็นปริศนามาจนถึงตอนนี้
ครั้นนึกถึงคนผู้นั้น รอยยิ้มขมขื่นก็ผุดขึ้นที่มุมปากนาง ไม่ว่านางจะแสร้งทำเป็นเย็นชาหรือใจเย็นต่อหน้าผู้คนมากขนาดไหน เมื่อถึงกลางคืนยามที่เงียบสงัดและร้างไร้ผู้คน อดีตอันเจ็บปวดและหอมหวานเหล่านั้นก็มักจะซัดสาดและถาโถมใส่หัวใจ ยิ่งพยายามลืมเขา กลับยิ่งไม่อาจลืมเลือน
ที่แท้ ความทรงจำของนางที่เกี่ยวกับตงฟางเจ๋อ ก็สลักลึกถึงเพียงนี้แล้ว
นางหยุดตะเกียบ นิ่งงันไปชั่วขณะ เซี่ยฝูอันรับรู้ได้อย่างรวดเร็ว เขาหันมามอง สบเข้ากับสายตาของนางที่ไม่ทันละออกไปพอดี ละอองฝนที่โปรยปรายอย่างต่อเนื่องนอกหน้าต่างตกใส่ใบบัวจนเกิดเป็นเสียงเบาๆ
ต่างคนต่างไม่อาจละสายตาออกจากกัน สายตาของทั้งสองสบสานกันอยู่เช่นนั้น หัวใจของซูหลีเต้นรัว พลันนั้น เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังมาจากทางเดินยาวๆ ด้านนอก นางรีบสลัดอารมณ์สับสนเหล่านั้นทิ้ง แล้วละสายตาออกไป ในใจลอบตกตะลึงเล็กน้อย
ประตูตำหนักถูกเคาะเสียงดัง ซูหลียังไม่ทันพูดอะไร ผู้มาก็อดทนไม่ไหว ผลักประตูเข้ามาทันที ปิ่นปักผมและอาภรณ์มีหยาดฝนเกาะอยู่เต็มไปหมด สีหน้าของเขาตึงเครียด ปิดบังความร้อนรนเอาไว้ไม่อยู่ เป็นเซี่ยงหลีนั่นเอง
“เสวียนฟงหายตัวไปแล้ว!”
“อะไรนะ?” ซูหลีได้ยินก็ตกใจ “เกิดอะไรขึ้น?”
“ข้าน้อยไปเดินตรวจตราที่ห้องลับตอนเช้า เขาก็ไม่อยู่แล้ว คนที่เฝ้าอยู่หน้าห้องกลับไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย ในห้องขังก็ไม่มีเบาะแสใดเลย ราวกับหายตัวไปกลางอากาศอย่างไรอย่างนั้น! ช่างน่าประหลาดโดยแท้!” เซี่ยงหลีขมวดคิ้วแน่น รู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ
ถูกขังในห้องลับแล้วจะหายตัวไปกลางอากาศได้อย่างไรกัน เรื่องนี้จะต้องมีเงื่อนงำแน่ๆ!
ซูหลีลุกขึ้นทันที กล่าวเสียงเข้ม “ไปดูหน่อย”
เซี่ยงหลีกับเซี่ยฝูอันรีบตามนางไป ทั้งสามสาวเท้าออกจากห้อง มุ่งหน้าไปยังห้องลับที่อยู่ใกล้กับเส้นทางลับตรงตีนเขา
เทียบกับครั้งที่แล้วที่ซูหลีมาหาตงฟางเจ๋อ ห้องลับไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไป ยังคงมืดมิดและอับชื้นเช่นเดิม ฝนตกตลอดทั้งคืน อากาศหนาวเย็นลอยผ่านเข้ามาทางรูระบายอากาศ ยิ่งทำให้หนาวเหน็บขึ้นไปอีก หญ้าแห้งกองรุงรังอยู่ในห้องขัง ซูหลีสังเกตบริเวณรอบๆ อย่างละเอียด นางยิ่งตึงเครียด เหมือนที่เซี่ยงหลีบอก ทุกอย่างในนี้ปกติดี ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ใดๆ เขาหนีไปได้อย่างไรกัน?
“หากมีคนมาช่วยเสวียนฟง คนเฝ้าไม่น่าจะไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยเช่นนี้ ข้าถามซ้ำหลายครั้งแล้ว ทุกคนพูดเหมือนกันหมด พวกเขาไม่ได้โกหก ไม่เหมือนตระเตรียมกันมา” เซี่ยงหลีจับคางทำท่าครุ่นคิด ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม “ดูท่าแล้ว เกรงว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เสวียนฟงจะหนีไปด้วยตนเอง”
ซูหลีเดินไปที่ประตูบานเก่าๆ แล้วกล่าวว่า “แม่กุญแจของที่นี่ถูกทำขึ้นด้วยเหล็กกล้า หากไม่มีลูกกุญแจจะไม่สามารถเปิดออกได้ จะต้องมีคนคอยช่วยเขาแน่นอน”
“แต่พักนี้แท่นบูชาหลักไม่มีใครเข้าออกเลย นอกเสียจาก…คนผู้นี้แฝงตัวอยู่ในนี้ระยะหนึ่งแล้ว หากเป็นเช่นนี้จริง…” เขาพูดได้ครึ่งเดียวก็หยุด แล้วหันไปมองสีหน้าหนักใจของซูหลี
ซูหลีเข้าใจความหมายของเขา สามารถแฝงตัวอยู่ในแท่นบูชาหลักนานขนาดนี้ได้โดยไม่ถูกจับ คนผู้นี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!
เซี่ยงหลีจ้องแม่กุญแจ แล้วกล่าวเสียงเคียดแค้น “คนผู้นั้นก็ช่างเลือกเวลาได้ดีเหลือเกิน เมื่อคืนฝนตกหนักทั้งคืน ถึงแม้จะทิ้งร่องรอยไว้ก็คงถูกฝนลบรอยจนเกลี้ยงแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ยากจะตรวจสอบได้ว่าเขาหนีไปทางใด”
ซูหลีกล่าวว่า “เขาหนีไปคราวนี้น่าจะมีโอกาสรอดน้อย ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้ไปอย่างแน่นอน”
“เขาอาจมีเหตุผลที่หนีไป” เซี่ยฝูอันที่เงียบมาตลอดพลันพูดขึ้น “วาจาของอวี๋เชียนจีเมื่อวาน คล้ายมีความหมายแฝง”
ซูหลีอึ้งงัน เงยหน้ามองเขาด้วยความแปลกใจ คนผู้นี้มีความสามารถในการสังเกตที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถหยุดเสวียนฟงไม่ให้ฆ่าตัวตายได้สำเร็จ! เขาพูดถูก การสอบสวนเมื่อวาน เดิมทีเสวียนฟงมีท่าทีลังเล แต่ครั้นได้ยินวาจาของอวี๋เชียนจี เขาก็ตัดสินใจปลิดชีพตนเองทันที จุดประสงค์ของหญิงสาวนางนี้น่าสงสัยจริงๆ หรือว่า…อวี๋เชียนจีคือหมากอีกตัวที่แฝงตัวอยู่ในลัทธิและอยู่เบื้องหลังเสวียนฟง? หากเป็นเช่นนั้นจริง เช่นนั้นผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะต้องวางแผนมานานมากแล้วแน่นอน!
เซี่ยงหลีเองก็คิดได้เช่นกัน เขารีบถามขึ้นทันที “ให้จับตัวอวี๋เชียนจีมาสอบสวนหรือไม่ขอรับ?”
ซูหลีส่ายหน้า “ไม่ เสวียนฟงเป็นผู้อาวุโสในลัทธิ ตำแหน่งสูงและมีอำนาจ อวี๋เชียนจีเป็นหัวหน้าสำนักจันทร์เสี้ยว ทั้งสองคนล้วนมีฐานะไม่ธรรมดา ผู้ที่สามารถใช้งานสองคนนี้ได้ จะต้องเป็นคนที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน จะแหวกหญ้าให้งูตื่นไม่ได้”
“เช่นนั้นควรทำอย่างไรดีขอรับ?” เซี่ยงหลีขมวดคิ้วครุ่นคิด “เสวียนฟงเป็นเบาะแสที่สำคัญที่สุดของเรื่องนี้ ยามนี้เขาหายตัวไป หากต้องการตามหาตัวผู้บงการ เกรงว่าคงเป็นเรื่องที่ยากมากๆ”
“อาจไม่เสมอไป” เซี่ยฝูอันกล่าว “เบาะแสสำคัญเช่นเสวียนฟงหายตัวไปแล้ว แต่หากจะตามหาผู้บงการ ก็อาจไม่ใช่เรื่องยาก” เขาแสยะยิ้มเล็กน้อย สายตาคมปลาบ สีหน้าหนักแน่น ราวกับไม่มีสิ่งใดในโลกนี้สามารถเล็ดลอดไปจากสายตาของเขาได้!
ซูหลีสะท้านไปทั้งใจ ความรู้สึกอันรุนแรงนั้นบังเกิดขึ้นอีกครั้ง! นางยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก เขาก็หันมองมาที่นาง ความรู้สึกอันคุ้นเคยที่ทำให้ใจสั่นแทบจะกลืนกินนางไปทั้งตัว ราวกับมีบางอย่างวิ่งผ่านสมองนาง แต่นางกลับนึกไม่ออกว่าเป็นสิ่งใด
เซี่ยฝูอันกล่าวเสียงขรึม “บังอาจใช้ลัทธิธิดาเทพเป็นเครื่องมือในการสังหารองค์ชายสี่แห่งราชวงศ์ปัจจุบัน ทั่วทั้งแคว้นเปี้ยน จะมีสักกี่คนที่กล้า?”
ซูหลีได้ยินก็ตกตะลึง เอ่ยถามเสียงขรึม “หมายความว่าเช่นไร?”
เซี่ยฝูอันจ้องหน้านาง “ด้วยความปราดเปรื่องของท่านธิดาเทพ คงมิจำเป็นต้องให้ข้าน้อยอธิบายมากไปกว่านี้”
หัวใจของซูหลีหนักอึ้งทันใด ในลัทธิมีไม่กี่คนที่รู้ฐานะที่แท้จริงของหยางเซียว หากรู้วิธีใช้ลัทธิธิดาเทพเป็นเครื่องมือในการสังหารหยางเซียว แสดงว่าคนผู้นี้จะต้องรู้เรื่องสายสัมพันธ์ระหว่างลัทธิธิดาเทพกับราชวงศ์อย่างแน่นอน นางออกคำสั่งว่าห้ามส่งสารไปที่พระราชวัง แต่เสวียนฟงกลับยังแอบรายงานให้ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนรู้เรื่องที่หยางเซียวถูกวางยาพิษจนตาย คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นใครกันแน่?
…………………………