กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - ตอนที่ 236 พบปะอย่างลับๆ (2)
ซูหลีถอนหายใจเบาๆ ท่าทางดูสงบขึ้น เทียบกับการถูกใส่ร้ายว่าลอบปลงพระชนม์ฮองเฮา ความทุกข์เหล่านี้ จะนับเป็นอะไรได้? ยามนี้ความผิดยังไม่ชัดเจน ฮ่องเต้ได้สั่งให้คนสืบหาความจริงแล้ว ยังไม่ได้ถอดยศท่านอ๋องของตงฟางเจ๋อ นึกดูแล้วฮ่องเต้คงยังไม่ถอดใจจากโอรสองค์นี้ ตัวเขาอยู่ในคุก ก็คงไม่ได้ลำบากมากมาย ยามนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องสืบคดีลอบปลงพระชนม์อย่างเต็มที่
“เรื่องลอบปลงพระชนม์ มีเหตุการณ์ตื้นลึกหนาบางใดหรือไม่?” นางครุ่นคิด ขมวดคิ้วแล้วถาม
ครั้นกล่าวถึงเรื่องนี้ เซิ่งฉินกำหมัดแน่น สายตาเคียดแค้นราวกับจะมีไฟลุกท่วม “ท่านหญิงปราดเปรื่องยิ่งนัก! เถียนหย่งผู้นั้นถูกคนซื้อตัวไปอย่างลับๆ เจ้านั่นมันทรยศ!”
เป็นเช่นนี้ดังคาด
“จิตใจคนยากแท้หยั่งถึง” ซูหลีค่อยๆ นั่งลง นิ้วมือลูบไล้ขอบแก้วชา ม่านตาเย็นชา กล่าวเสียงเรียบ “แม้เป็นสายเลือดเดียวกัน ก็รับประกันได้ยากว่าจะไม่ทรยศเจ้าในสักวัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนนอก เถียนหย่งผู้นี้ มีเบาะแสใดเกี่ยวกับเขาบ้างหรือไม่?”
“พ่อแม่ของเถียนหย่งตายแล้ว คนในครอบครัวก็ไม่เหลือใคร ประวัติขาวสะอาด ตั้งแต่เข้ามาเป็นองครักษ์ชุดเกราะ ก็มีฝีมือโดดเด่น ไม่พบเรื่องผิดปกติอื่นใด ฉะนั้นหากจะสืบหาก็ต้องใช้เวลาสักหน่อยขอรับ”
ยิ่งเป็นคนที่ชาติกำเนิดธรรมดา เบาะแสที่มีให้สืบหาก็ยิ่งน้อย ซูหลีเคร่งเครียด ข่มกลั้นความว้าวุ่นในใจ กำชับเสียงเข้ม “ท่านอ๋องจะพ้นความผิดได้หรือไม่นั้น คนผู้นี้มีส่วนสำคัญ จะต้องสืบหาให้ละเอียด อย่าได้พลาดอะไรไปแม้แต่น้อย ยามนี้การพิจารณาคดีร่วมกำลังจะมาถึง จะต้องทำเวลา หากยืดเยื้อแม้เพียงน้อยนิด สถานการณ์ของท่านอ๋องจะยิ่งแย่”
“ขอรับ!” เซิ่งฉินรับคำอย่างแข็งขัน สายตาที่มองซูหลีเสมือนกำลังมองท่านอ๋องของเขา เต็มไปด้วยความเคารพเลื่อมใส
นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ซูหลีพลันตัดสินใจอย่างกล้าหาญ จ้องมองหลุมอุโมงค์และกล่าวอย่างครุ่นคิด “อุโมงค์เส้นนี้ขุดได้กำลังดี…”
สีหน้าหวั่นซินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เริ่มคาดเดาจุดประสงค์ของนางได้รางๆ กล่าวถามเสียงขรึม “คุณหนูใช่คิดจะกลับจวนไปพบนายท่านหรือไม่?”
นัยน์ตาคู่งามเปล่งประกาย ซูหลีแย้มยิ้มเล็กน้อย “ถูกต้องแล้ว” ตงฟางเจ๋อเสี่ยงอันตรายขุดอุโมงค์เส้นนี้ขึ้นมา จะต้องวางแผนบางอย่างไว้แน่นอน นางเองก็มีคำถามที่ต้องการถามให้กระจ่างเช่นกัน ฉะนั้น การไปพบตงฟางเจ๋อที่คุกมืด ถือเป็นเรื่องจำเป็น และคนที่จะช่วยเปิดทางสะดวกให้นางได้ดีที่สุด ก็คือซูเซียงหรู
วันถัดมาเมื่อล่วงสู่ยามกลางคืน ซูหลีและหวั่นซินแต่งตัวปลอมกาย ลอดอุโมงค์มุ่งหน้าไปยังจวนเจิ้นหนิงอ๋องอย่างไร้ซุ่มเสียง จากนั้นก็ปลอมตัวเป็นบ่าวรับใช้ออกจากจวนอ๋อง มุ่งหน้ากลับจวนอัครเสนาบดีอย่างรวดเร็ว
แม้ล่วงเลยสู่ยามค่ำ ห้องหนังสือของซูเซียงหรูก็ยังคงมีแสงไฟส่องสว่าง เงาสีดำที่พาดทับบนบานหน้าต่าง กำลังเดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง คล้ายร้อนใจยิ่งนัก
ซูหลีกับหวั่นซินคุ้นเส้นทางเป็นอย่างดี ไม่นานก็เลี่ยงสายตาบ่าวรับใช้มาถึงหน้าประตูห้องหนังสือ เคาะประตูห้องเบาๆ
เงาร่างที่เดินไปเดินมาพลันหยุดชะงัก ได้ยินเพียงซูเซียงหรูเค้นถามเสียงเคร่งขรึม “ใคร?”
บานประตูเลื่อนออกเบาๆ คนผู้หนึ่งสวมเสื้อคลุม เดินก้มหน้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว ปีกหมวกว้างถูกกดลงต่ำ ปิดบังใบหน้ากว่าครึ่งส่วน เห็นชัดว่ามีท่าทางลับๆ ล่อๆ
ซูเซียงหรูตกใจ ตวาดเสียงเข้ม “เจ้าเป็นผู้ใด?”
ปีกหมวกถูกดันไปข้างหลังช้าๆ เผยให้เห็นใบหน้างดงามของซูหลี นางเดินเข้ามาค้อมกาย “ซูซูคารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ”
“ซูซู?!” ซูเซียงหรูอึ้งงัน เขาคล้ายไม่อยากเชื่อ ในใจพลันยินดี รีบเข้าไปประคองนางพลางพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ไม่ได้เจอกันนาน ซูหลีไม่ได้เปลี่ยนไปมาก ยังคงสง่างามเยือกเย็นดังเดิม
ครั้นเห็นนางสุขสบายดี ซูเซียงหรูก็คลายใจ แต่ก็ถามอย่างกังวลอีกว่า “ฮองเฮามีรับสั่งให้กักบริเวณเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงออกมาได้เล่า?” พักนี้มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นมากมาย แม้แต่ซูเซียงหรูก็ยังตั้งรับไม่ทัน ตงฟางเจ๋อถูกขังคุก ซูหลีถูกกักบริเวณ เขาไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องที่สืบมาได้อย่างลับๆ ล้วนไม่ชัดเจน เจ้าตัวก็ติดต่อไม่ได้ในช่วงนี้ ทุกวันเขาต้องขมวดคิ้วแน่น กินไม่ได้นอนไม่หลับ
วันที่ซูหลีย้ายออกจากจวนอัครเสนาบดี นางเคยคิดว่าตลอดชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสกลับมาเหยียบที่นี่อีก นึกไม่ถึงว่าเพื่อตงฟางเจ๋อแล้ว นางต้องกลับมาขอความช่วยเหลือจากซูเซียงหรู เพียงแต่ ท่าทางลังเลไม่แน่นอนของซูเซียงหรูในพิธีคัดเลือกพระชายา ทำให้นางลอบระแวดระวังอยู่บ้าง
ซูหลีสายตาไหวระริก ถอนหายใจเบาๆ กล่าวว่า “ยามนี้ท่านอ๋องถูกขังคุก ซูซูถูกกักบริเวณ ไม่รู้ควรทำเช่นไร ทำได้เพียงเสี่ยงอันตรายออกจากจวนมาหารือกับท่านพ่อเจ้าค่ะ”
ซูเซียงหรูทำหน้าบึ้งตึง แค่นเสียงเย็นชาทันที “เรื่องนี้ หากใครมีตาย่อมต้องดูออก เจิ้นหนิงอ๋องฉลาดปราดเปรื่อง ไหวพริบล้ำเลิศ จะทำร้ายคนด้วยแผนการชั้นต่ำอย่างนี้ได้เช่นไร? อีกอย่าง ท่านอ๋องเพิ่งจะก้าวเท้าข้างหนึ่งเข้าไปในคุก ทางนี้ก็บอกว่าเจ้าเป็นผู้ต้องสงสัยลอบสังหารอดีตพระสนม? ที่น่าตลกที่สุดก็คือแทบไม่มีหลักฐานน่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย! เกรงว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือฮองเฮาฉวยโอกาสใช้เรื่องนี้กักบริเวณเจ้า!”
“ท่านพ่อปราดเปรื่องมองเหตุการณ์ได้ปรุโปร่งดังคาด…” ซูหลีทำหน้าดีใจเล็กน้อย
“ตั้งแต่ที่จวนอัครเสนาบดีแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับจวนเจิ้นหนิงอ๋อง ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานท่านอ๋องเป็นพิเศษ จิ้งอันอ๋องเสียกิริยาต่อหน้าพระพักตร์เพราะเรื่องของท่านหญิงหมิงอวี้ หลีเฟิ่งเซียนก็มาถูกยึดอำนาจทางทหาร มีหรือนางจะไม่ร้อนใจ? พิษที่ร้ายกาจที่สุดยังมิสู้จิตใจของสตรี นึกไม่ถึงว่านางจะวางแผนชั่วทำร้ายท่านอ๋องเช่นนี้!” ยิ่งพูด ซูเซียงหรูก็ยิ่งนึกแค้น แววเกลียดชังปรากฏในดวงตา เดิมทีเส้นทางราบรื่นสว่างสดใส กลับถูกฮองเฮาทำให้กลับตาลปัตร เขาจะไม่เจ็บใจได้เช่นไร?
ครั้นเห็นเขากล่าววาจาที่เต็มไปด้วยความเกลียดแค้นที่มีต่อฮองเฮา ซูหลีก็เริ่มมั่นใจขึ้นมาหลายส่วน รีบคุกเข่าลง กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ท่านพ่อปราดเปรื่องยิ่งนัก วันนี้ซูซูมาหาท่าน ก็เพราะอยากขอให้ท่านพ่อช่วยลูกสักเรื่องเจ้าค่ะ”
ซูเซียงหรูตกใจ รีบประคองนางขึ้น พลางกล่าวตำหนิ “เจ้าเป็นบุตรสาวของพ่อ ครอบครัวเดียวกัน เหตุใดจึงพูดจาเช่นคนนอกเยี่ยงนี้เล่า! มีเรื่องใดก็พูดมาตรงๆ เถิด” ท่าทางของเขาราวกับบิดาผู้แสนประเสริฐ น้ำเสียงจริงใจ ไม่เหมือนเสแสร้งแกล้งทำสักนิด
ซูหลีเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ลูกอยากขอให้ท่านพ่อช่วยหาทางลอบเข้าคุกมืด เพื่อไปพบท่านอ๋องเจ้าค่ะ”
ซูเซียงหรูตกตะลึง ไม่พูดอะไร เขาทำหน้าลำบากใจ ค่อยๆ หย่อนกายนั่งบนเก้าอี้ ยกมือลูบเคราใต้คางหนแล้วหนเล่า คล้ายกำลังครุ่นคิดบางอย่าง “คุกมืดคือสถานที่สำคัญสำหรับการลงทัณฑ์ทรมานของราชสำนัก มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา จะเข้าไปไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหตุใดซูซูต้องไปที่คุกมืดด้วยเล่า? หากถูกจับได้ ผลที่ตามมาอาจร้ายแรงจนไม่กล้าคิด”
“ท่านพ่อเจ้าคะ!” ซูหลีกล่าวอย่างครุ่นคิด “ยามนี้ลูกได้ชื่อว่าเป็นว่าที่พระชายาของเจิ้นหนิงอ๋องแล้ว ถึงแม้ยังไม่มีงานอภิเษกสมรส แต่สกุลซูกับเจิ้นหนิงอ๋องเป็นหนึ่งเดียวกันนานแล้ว ยามนี้ท่านอ๋องถูกวางแผนให้ร้าย หากพวกเราสามารถช่วยให้เขาพ้นผิดได้ ตำแหน่งของท่านพ่อไม่มีทางเป็นเช่นวันวานแน่นอนเจ้าค่ะ เจิ้นหนิงอ๋องชำนาญการวางแผน ลูกคิดว่าเขาจะต้องมีแผนรับมือเรื่องนี้แน่นอน หากสามารถเข้าไปพบเขาได้สักครั้ง จะต้องมีประโยชน์กับการพิจารณาคดีแน่นอนเจ้าค่ะ!”
ซูเซียงหรูมีสีหน้าหวั่นไหว ครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “ซูซูมีความคิดรอบคอบ เช่นนั้น พ่อจะคิดหาวิธีให้เอง”
ซูหลีคลายใจ รีบคุกเข่ากล่าวว่า “ลูกขอบคุณท่านพ่อยิ่งนัก”
ซูเซียงหรูทอดถอนใจ “พ่อทำงานกับท่านอ๋องมานานหลายปี ต่างพึ่งพาอาศัยกัน มีทุกข์ร่วมทุกข์ มีสุขร่วมเสพ ยามนี้เกิดเรื่องกับเขา ผู้เฒ่าเช่นพ่อจะนิ่งดูดายได้เช่นไร ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นว่าที่พระสวามีของลูกรักของพ่อ”
…………………………………………………………..