กำเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess - ตอนที่ 78 มุมมองที่แตกต่างกัน
นิยาย กําเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess
ตอนที่ 78 มุมมองที่แตกต่างกัน
คําพูดถูกแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วและเรื่องราวภายในคฤหาสน์ตระกูลหลินที่ว่าหลินเซียวเหมิงถูกเรียกตัวไปที่วังและได้สนทนากับจักรพรรดินีเกี่ยวกับการแต่งงานของคุณหนูสี่แห่งตระกูลหลิน ทุกคนก็ต่างพากันไม่เชื่อในข่าวลือนี้
“เจ้าแน่ใจหรือไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้”คุณหญิงสองซ่งหยานยี่กล่าวถามคนรับใช้ของเธอที่พยักหน้า
“เห็นได้ชัดว่าท่านผู้อาวุธโสรีบไปหาคุณหนูสี่หลังจากกลับมาจากวัง” สาวใช้พูดพร้อมกับก้มหน้าลงริมฝีปากของเธอมีรอยยิ้มเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้เมื่อเหล่าสาวใช้รวมตัวกันอยู่ในครัวเธอได้ยินเรื่องราวจากสาวใช้ที่คอยรับใช้อย่างใกล้ชิดกับหลินเซียวเหมิงว่านายท่านของพวกเขากําลังประสบปัญหาเกี่ยวกับหลานคนโปรดของ
เขา
จักรพรรดินี ได้วางแผนให้องค์ชายจิงแต่งงานกับหลินเสี่ยวเฟยซึ่งเป็นคุณหนูสี่แห่งตระกูลหลิน
เมื่อสาวใช้ได้ยินข่าวจากปากของคนรับใช้ผู้หนึ่งที่คอยรับใช้อยู่ในลานบ้านของหลินเซียวเหมิงพวกเขาก็รีบไปหานายท่านและคุณหญิงเพื่อรายงานข่าวที่น่ายินดีเช่นนี้แก่พวกเขาในทันที
พวกเขารู้มาตลอดว่าเลือดที่ไม่ดีที่เกิดขึ้นในตระกูลหลิน และคุณหนูสีที่มักจะชอบถูกผู้อื่นเหยียดหยามดังนั้น พวกเขาจึงคิดว่าเป็นการดีสําหรับพวกเขาที่จะรายงานเรื่องนี้ต่อนายท่านและคุณหญิงของพวกเขา
ซึ่งหยานยี่ ฟังคําพูดของสาวใช้และยิ้มด้วยความดีใจข่าวที่หลินเสี่ยวเฟยจะแต่งงานกับองค์ชายจึงเป็นสิ่งที่พวกเขามีความสุขและควรเฉลิมฉลองให้แก่สิ่งนี้
เธอเกลียดชังหญิงสาวผู้นี้และไม่เคยให้เกียรติเธอเลยและด้วยการพระราช
ทานของจักรพรรดินี เธอดีใจที่หลินเสี่ยวเฟยจะได้รับในสิ่งที่เธอสมควรเพื่อถูกส่งไปยังกรงของหมาป่ากรง
ซ่งหยานยเหลือบไปมองที่หัวหน้าแม่บ้านจางและพยักหน้า หัวหน้าแม่บ้านจางดึงสาวใช้ที่อายุน้อยกว่าออกมาข้างนอกแล้วหยิบแท่งเงินสองแท่งออกจากแขนเสื้อแล้วรีบส่งให้กับสาวใช้
หัวหน้าแม่บ้านจางพูดกับหญิงสาวที่คลั่งไคลด้วยรอยยิ้มว่า
“คุณหญิงยินดีกับเรื่องราวของเจ้าและอยากมอบสิ่งนี้ตอบแทนการรับใช้ของเจ้า”
“ไม่นะ! ข้าจะรับรางวัลของคุณหญิงได้อย่างไรข้าแค่ทําในสิ่งที่ข้าควรทํา”
สาวใช้สาวโค้งคํานับ คําพูดของเธอฟังดูเหมือนเธอไม่ต้องการรับแท่งเงินที่อยู่ในมือของหัวหน้าแม่บ้านจาง
แต่หากอยู่อย่างใกล้ชิด ใครๆก็เห็นว่ามือของเธอได้สัมผัสกับหัวหน้าแม่บ้านจางแล้วและรู้สึกถึงแบ่งเงินที่อยู่ในมือของเธอ
สาวใช้สาวไม่สามารถพลาดโอกาสที่จะได้เงินจากสิ่งนี้
เมื่อหัวหน้าแม่บ้านจางกลับมาที่พักของซ่งหยานยี่เธอเห็นคุณหญิงของเธอยังคงยิ้มอยู่
“คุณหญิง ดูเหมือนว่าสวรรค์ยังช่วยเราอยู่” หัวหน้าแม่บ้านจางแสดงความคิดเห็น
“เจ้าพูดถูก แม้ว่าเราไม่สามารถกําจัดเธอด้วยอุบายที่เราวางแผนไว้เมื่อครั้งที่แล้วได้ถ้าองค์ชายจิงแต่งงานกับอีนางตัวดีนั่นแผนของเราก็จะยังเหมือนเดิม”ซ่งหยานยหัวเราะเบาๆ
เรื่องที่พวกเขาวางแผนที่จะทําให้หลินเสี่ยวเฟยเสียเกียรติและกําจัดเธอออกจากภาพลักษณ์ด้วยการจ้างให้เค่อซ่งไปข่มขืนเธอแต่แล้วแผนการกลับล้มเหลวอย่างน่าสังเวช
และด้วยความช่วยเหลือจากหลินเซียวเหมิงตามที่หลินเสี่ยวเฟยกล่าวขึ้นเมื่อครั้งที่แล้วคุณหญิงทั้งสองก็ไม่สามารถทําอะไรกับเธอได้อีกเนื่องจากพวกเขากลัวว่าจะทําให้หลินเซียวเหมิงโกรธ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่จําเป็นต้องใช้มือของตัวเองและวางแผนเพื่อกําจัดหลินเสี่ยวเฟยอีกต่อไป
จักรพรรดินีและองค์ชายจึงกําลังทําในสิ่งที่พวกเขาทําไม่ได้และนําหลานรักที่เปรียบเสมือนไข่มุกที่อยู่ในมือของหลินเสี่ยวเหมิงไป
ซ่งหยานยี่ปรารถนาให้เธอหายตัวไปตั้งแต่หลินเซียวเหมิงแสดงความรักที่มีต่อหลินเสี่ยวเฟยและไม่สนใจบุตรสาว ของเธอ
เธอพบว่ามันไม่ยุติธรรม ที่มีเพียงหลินเสี่ยวเฟยเท่านั้นที่กลายเป็นหลานคนโปรดของหลินเซียวเหมิงและนี่กลายเป็นเหตุผลหนึ่งที่ซ่งหยานยมักจะรังแกและต่อต้านหลินเสี่ยวเฟย
ในขณะที่ซ่งหยานยี่ชื่นชมยินดีกับความโชคร้ายที่เกิดขึ้นกับหลินเสี่ยวเฟยแต่มีบางคนที่มีอารมณ์ปะปนเมื่อได้ยินว่าหลินเสี่ยวเฟยได้รับความสนใจจากจักรพรรดินีและองค์ชายจิง
หลินเฟิงและหลินซาง มีมุมมองที่แตกต่างกันในเรื่องนี้หลินซางมีความสุขและค่อนข้างกระตือรือร้นเกี่ยวกับการแข่งขัน ในครั้งนี้
เนื่องจากเขาสามารถเห็นตัวเองมีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในราชสํานักหากหลินเสี่ยวเฟยแต่งงานกับองค์ชายจิงและหากไม่มีพรสวรรค์เพียงพอในสนามหลินซางก็จะพึ่งพาความสัมพันธ์
จากเขา
ในทางกลับกัน หลินเฟิง รู้สึกซับซ้อนและมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากพี่ชายของเขาแม้ว่าเขาจะไม่ชอบหลานสาวของเขา
แต่เขาไม่อยากให้เธอแต่งงานกับองค์ชายจิงเพราะมันจะไม่มีประโยชน์สําหรับเธอที่จะแต่งงานกับชายหนุ่มที่ไม่มี พรสวรรค์และจะลากให้ตระกูลหลินเข้าไปแปดเปื้อนเป็นโคลนมากขึ้น
แค่ชื่อเสียงในด้านมืดของหลินเสี่ยวเฟยก็เพียงพอที่จะทําให้ชื่อของพวกเขาแปดเปื้อนมากพออยู่แล้วเขานึกไม่ถึงว่าจะมีคราบอื่นเพิ่มขึ้นอีกในตระกูลหลินหากมีองค์ชายจึงเข้ามาเพิ่มอีกคน
อย่างไรก็ตาม เขาควรจะทําอย่างไรกับเรื่องนี้? เขาสามารถขอให้สหายของเขาซักถามและช่วยเขาเปลี่ยนความคิดของจักรพรรดินี
แต่ถ้าองค์ชายจิงหลงใหลในตัวหลานสาวของเขาและลงเอยด้วยการเกลี่ยกล่อมให้จักรพรรดินีเขียนพระราชกฤษฎีกาให้ตระกูลหลินไม่มีทางรอดจากการแต่ง
เมื่อมองไปที่ภรรยาของเขาที่กําลังอ่านหนังสืออยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ หลินเฟงก็บังคับปากของเขาให้พูดกับเธอแต่พวกเขาแสดงท่าทางเย็นชาต่อกันและไม่ค่อยได้พูดคุยกันในช่วงนี้เขารู้สึกว่า มันยากสําหรับเขาที่จะพูดกับเธอโดยไม่ประหม่าในจิตใต้สํานึก
หลินเฟิงกระแอมในลําคอและกล่าวถามภรรยาอย่างเชื่องช้า “ท่านคิดอย่างไรกับแผนของจักรพรรดินี?”
หวี่จิงหยานเอียงศีรษะและตกใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินเขาพูดกับเธอ เธอส่ายหัวและกล่าวขึ้นหลังจากครุ่นคิด
“จักรพรรดินี่ต้องทําเช่นนี้เพื่อบุตรชายของนาง” หรู่จิงหยานจ้องมองเขา “แต่ข้าไม่คิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี”
เป็นเวลาหลายปี ที่ตระกูลหลินได้ช่วยเหลือราชวงศ์ และความคิดที่จะรวมเป็นหนึ่งกับพวกเขาไม่เคยอยู่ในความคิดของตระกูลหลิน มีเพียงราชวงศ์เท่านั้น ที่พยายามผลักความคิดเรื่องการแต่งงานให้กับพวกเขา
แต่เนื่องจากหลินเซียวเหมิงได้ออกไปทําสงครามอยู่เสมอ จักรพรรดิองค์ก่อนจึงไม่ต้องการแบกรับภาระของหลินเซียวเหมิง จึงทําให้เขาลืมพูดถึงความตั้งใจของเขาที่จะรวมสองตระกูลเป็น หนึ่งเดียวกัน
“นั่นคือสิ่งที่ข้าก็คิดเช่นกัน” หลินเฟิงพยักหน้า “จักรพรรดินีต้องทําเช่นนี้ไม่เพียงเพื่อครอบงําการกระทําของบุตรชายของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหาของราชวงศ์ด้วย”
หวี่จิงหยานเห็นด้วยกับเขาอย่างเงียบๆ คําพูดของหลินเฟิงน่าเชื่อจริงๆเพราะจะไม่มีสิ่งที่ดีๆเกิดขึ้นหากพวกเขาเข้าไปพัวพันกับราชวงศ์ที่มีศัตรูนับพันในทุกพื้นที่เพรช
หลินเฟิงดีใจที่ผู้หญิงตรงหน้าเขาคิดแบบเดียวกับที่เขาคิดมีผู้หญิงจํานวนไม่มากของเขาในลานชั้นในที่สามารถเดาได้ว่าเขากําลังคิดอะไรอยู่และมีความคิดแบบเดียวกันกับเขา
เขารู้สึกเจ็บใจทันทีที่ภรรยาปฏิบัติต่อเขาอย่างเงียบเชียบและดูเหมือนว่าเขาต้องใช้เวลากับเธอมากขึ้น
ในขณะที่สามีของเธอกําลังคิดอย่างนั้นหรู่จิงหยานก็เงียบและสงสัยว่าหลินเสี่ยวเฟยจะเงียบและจะไม่ทําสิ่งใดเลย
หลังจากความล้มเหลวที่เค่อซ่งเสียชีวิตหรู่จึงหยานสามารถเข้าใจได้ว่าการจะต่อต้านคุณหนูสี่แห่งตระกูลหลินนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิด
เธอจะไม่ปฏิเสธว่าเธอต่อสู้กับคําพูดของหลินเสี่ยวเฟย แต่ก็มีไม่มากและบ่อยครั้งเท่ากับซ่งหยานยี่ดังนั้น ความเกลียดชังของเธอที่มีต่อหลินเสี่ยวเฟยจึงไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นเธอกําลังสับสนเมื่อเธอสั่งให้เค่อซ่งลักลอบเข้าไปที่ลานบ้านของหลินเสี่ยวเฟยและเมื่อเห็นศพของเขาเธอถูกดึงให้ตื่นอย่างแรงราวกับว่าร่างกายของเธอถูกราดด้วยน้ำเย็น
ใบหน้าที่สวยงามของหลินเสี่ยวเฟยที่ไม่แม้แต่ซีดเมื่อเห็นศพของเค่อซ่งราวกับว่าการเห็นศพของเธอเป็นเรื่องที่ปกติ สําหรับหวี่จิงหยานใบหน้านั้นเป็นเหมือนฝันร้ายสําหรับเธอ
และตั้งแต่นั้นมาหวี่จิงหยานพยายามอยู่ห่างจากหลินเสี่ยวเฟย และหยุดพยายามสร้างปัญหาให้กับตัวเองเธอหมกมุ่นอยู่กับการจัดการที่พักและลืมไปว่ายังมีสามี
หวี่จิงหยานยังไม่มีความคิดที่ว่าสามีของเธอกําลังวางแผนที่จะใช้เวลากับเธอมากกว่านี้และหากเธอรู้เรื่องนี้เธออาจจะต้องเตรียมอีกห้องสําหรับการนอนพัก