นิยาย กําเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess
ตอนที่ 73 กัดลิ้นของเธอ
จักรพรรดิหยุนขมวดคิ้ว และพยายามเก็บอารมณ์ที่เขารู้สึกอยู่ภายในใจ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด ในขณะที่เขาโยนกระดาษที่ยู่ยี่แผ่นนั้นจากในมือเขาให้กับหยูเฟิงซู ซึ่งยืนอยู่ตรงข้ามกับเขา
“เจ้าคนโงไร้ความสามารถ!” เขาตะโกนต่อว่า “ในวันนี้มีเหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้นที่ถ้ํา และตอนนี้เจ้ายังกล้าที่จะข่มขืนหญิงสาวระหว่างงานเลี้ยงอีกหรือ! หยูเฟิงซู !..เจ้าอยากให้ข้าโกรธกับสิ่งที่เจ้ากระทําลงไปจริงๆใช่หรือไม่?”
จักรพรรดิจ้องเขม็งไปที่หยูเฟิงซู เขาไม่ชอบความจริงที่ว่า ไม่เพียงแค่ถ้ําสมบัติของเขาที่ได้ถูกทําลายไปแล้ว แต่อาณาจักรชูกําลังจะค้นพบหัวใจที่โลภมากของพวกเขา และเรื่องนี้กําลังจะอื้อฉาวและถูกแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงราวกับไฟ
“ท่านพ่อ สิ่งที่เกิดขึ้นกับถ้ําเป็นเพียงอุบัติเหตุ ส่วนหญิงสาวผู้ถูกสังหาร… ข้าขอสาบานต่อเลือดของข้า ในฐานะบุตรชายของท่านและองค์ชายแห่งอาณาจักรนี้ ว่าข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวผู้นั้น” หยูเฟิงซูคุกเข่าลง
จักรพรรดิหยุนนั่งลงอย่างโกรธเคือง และไม่ต้องการที่จะฟังบุตรชายของเขาที่ก่อปัญหาขึ้นมากมายภายในวันนี้
โดยปกติ หยูเฟิงซูเป็นบุตรชายที่โดดเด่นและเป็นองค์ชายที่มีความสามารถ ซึ่งเป็นที่รักของสามัญชน เนื่องจากเขามีลักษณะที่ถ่อมตน แม้แต่เจ้าหน้าที่ในราชสํานักขององค์จักพรรดิก็ยังชื่นชมความคิดของเขา ในการทําให้อาณาจักรเติบโตขึ้น
ในฐานะจักรพรรดิ จักรพรรดิหยุนมองข้ามภารกิจต่างๆของบุตรชายเขา แม้จ รู้ดีถึงจิตใจที่มืดมิดและความตั้งใจที่จะโค่นล้มใครบางคน
สําหรับเขา เกมที่บุตรชายของเขาเล่นเป็นรายการที่น่าจับตามอง ตราบใดที่มันจะสามารถช่วยอาณาจักรของเขาได้ พวกเขาก็จะไม่หยุดยั้ง
อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาพยายามที่จะกบฏต่อพระองค์ เขาก็ไม่จําเป็นที่จะต้องให้อภัยพวกเขา เขาจะกําจัดพวกมันอย่างง่ายดายก่อนที่พวกเขาจะถูกกบฎเองในทางกลับกัน ปัญหาที่องค์ชายสร้างขึ้น เขาจะมองข้ามมันไปตราบเท่าที่พวกเขาสามารถแก้ไขมันได้อย่างลับๆ และปราศจากเรื่องอื้อฉาวที่จะทําให้ชื่อเสียงของพวกเขาแปดเปื้อน
“ฝ่าบาท องค์ชายสี่พูดถูก” จักรพรรดินีข้างๆจักรพรรดิกล่าว “แม้ว่าลายมือ ในจดหมายจะคล้ายกับลายมือขององค์ชายสี่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีใครบางคนลอกเลียนวิธีการเขียนของเขา และจงใจทําให้เกิดสิ่งนี้ขึ้น”
คําพูดที่จักรพรรดินีนั้น ฟังดูสมเหตุสมผลสําหรับทั้งหยูเฟิงซูและจักรพรรดิ พวกเขาทั้งหมดต่างมีศัตรูของตนเองที่ต้องการวางอุบายต่อต้านพวกเขา และ ทาให้พวกเขาเสียหน้าในที่สาธารณะ
ดังนั้น จึงมีโอกาสเล็กน้อยที่เหตุการณ์เหล่านี้จะเกี่ยวข้องกับศัตรูคนใด คนหนึ่งหนึ่งของพวกเขา อีกประการหนึ่งคือถ้ํา อาจเป็นเครื่องเตือนใจของพวกเขาด้วย
ราชวงศ์ไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ใดคือ ศัตรูที่กล้าต่อสู้กับพวกเขา เหตุผลเหล่านั้นจึงไม่สําคัญสําหรับพวกเขา เพราะ หากจักรพรรดิพบว่าผู้ใดคือศัตรู พวกเขาก็จะพร้อมที่จะหยุดพวกมันในทันที
เหตุใด จึงใช้หญิงสาวจากตระกูลซ่ง เพื่อเป็นเครื่องมือในการต่อต้านหยูเฟิงซู
นั่นคือสิ่งที่ทําให้หยูเฟิงซูรู้สึกสับสน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาพยายามทําให้ภาพลักษณ์ของตนสะอาดหมดจด และไม่มีใครตําหนิเขาได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีบางคนที่เกลียดชังต่อเขา
อย่างไรก็ตาม หากพวกเขามีเชี่ยวชาญด้านการคัดลายมือและลอกลายมือของเขา เพราะเหตุนี้จึงเกือบที่จะทําให้พ่อของเขาสูญเสียความไว้วางใจ
“หลินเสี่ยวเฟย ดูเหมือนว่าเราจะต้องออกไปที่นี่ได้แล้ว” หลิวฉี่ฉี่กล่าว
ขณะที่เธอและหลินเสี่ยวเฟย เดินไปที่รถม้าของพวกเขาที่จอดอยู่
เมื่อจักรพรรดิหยุนเห็นสิ่งที่เขียนไว้ในกระดาษ ทหารยามหลายคนก็เริ่มแยก ฝูงชนให้ออกจากที่เกิดเหตุและบังคับทุกคนออกจากบริเวณของวัง แต่นอกจากตระกูลซ่งที่จะต้องอยู่คอยฟังการสอบสวนว่าจะเป็นอย่างไร
หลินเสี้ยวเฟยมองดูเธอและกล่าวว่า “มันช่างโชคร้ายจริงๆ”
เธอไม่ได้พูดถึงความโชคร้ายที่เธอจะจากกันกับหลิวขี่นี่ แต่ความจริงที่เธอกล่าวถึงคือเธอไม่ได้เห็นปฏิกิริยาของราชวงศ์มากนัก
หยูเฟิงซูจะมีสีหน้าเป็นอย่างไร เมื่อเขาพบว่าลายมือของเขาถูกคัดลอก และความผิดทั้งหมดก็ถูกวางไว้บนศีรษะของเขา
เธอไม่คิดว่าจักรพรรดิจะลงโทษหยูเฟิงซู เพราะเธอรู้ว่าพ่อของเขาจะไม่ทํา เช่นนั้นกับบุตรชายคนโปรดของเขา สิ่งที่เธอต้องการเห็นคือความกลัวที่พวกเขาจะต้องรู้สึก เมื่อรู้ว่าแผนการของพวกเขาเริ่มถูกปิดกั้น
และหลังจากนี้ เธอจะไม่หยุดวางแผนที่จะขวางทางพวกเขา
หลินเสี่ยวเฟยเข้าไปในรถม้าของเธอ ภายในนี้ไม่มีผู้ใดนอกจากตระกูลหลิน
เธอพยายามก้าวเข้าไปในรถม้าของเธอ เนื่องจากเขารู้สึกคลื่นไส้หลังจากที่ได้เห็นร่างของซ่งหลิน
“คุณหนู เป็นอย่างไรบ้าง ท่านสบายดี หรือไม่”
ซูถังกล่าวถามเธอ แต่หลินเสี่ยวเฟยกลับมองเธอด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“มือของคุณหนูสั่นตั้งแต่เข้าไปที่วัง ไม่เพียงแค่นั้น ใบหน้าของคุณหนูดูซีด เมื่อเข้าไปในรถม้าคุณหนูต้องการให้ เราเรียกหมอเฟิงมาดูอาการหรือไม่” ซูถังมองเธออย่างกังวล
หลินเสี่ยวเฟยไม่รู้ว่ามือของเธอสั่น จนกระทั้งซูถังพูดถึงมัน แม้ว่าจิตใจของเธอจะหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่จะทําให้แผนการในอนาคตของหยูเฟิงซูล้มเหลวได้อย่างไร จนเธอไม่ทันได้สังเกตว่าอารมณ์ของเธอกําลังต่อสู้กันเอง
หลังจากนั้นไม่นาน หลินเสี่ยวเฟยก็กล่าวขึ้นว่า “ไม่ต้องเรียกหมอ แต่ข้าจะหลับพักผ่อนสักพัก เจ้าช่วยปลุกข้าด้วย เมื่อเราไปถึงที่คฤหาสน์หลิน”
“ได้เจ้าค่ะ”
เมื่อหลินเสี่ยวเฟยหลับตาลงในที่สุด เธอไม่ได้หลับในขณะที่คําพูดของหลิวนี่ นี่เริ่มทําให้เธอรู้สึกหงุดหงิด
ความคิดของเจ้าของคนก่อน ที่กําลังตกหลุมรักใครซักคนที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน
ทันทีที่เธอตื่นขึ้นภายในร่างกายนี้ เป้าหมายเดียวของเธอคือการแก้แค้นและ ฆ่าศัตรูของเธอ และไม่รวมถึงความคิดเรื่องความรักด้วย
การมีส่วนร่วมของเธอกับฉู่เซียวซูก็เป็นความบังเอิญเช่นกัน เพราะเธอไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะเป็นผู้จัดการของหงเป่ยโหลว หากเธอรู้ล่วงหน้าว่าเจ้าของร่างคนก่อนชอบฉู่เซียวซูเป็นอย่างมาก เธอคงจะไม่พยายามไปรับระเบิดและอยู่ ฃให้ห่างจากเขา
ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นคือ เธอไม่เพียงแต่ทําข้อตกลงกับเขาเท่านั้น แต่ชายที่น่ารังเกียจผู้นั้นก็ได้ยินสิ่งที่หลิวฉี่ฉี่บอกกับเธอด้วย
อย่างไรก็ตาม ความคิดที่จะพบเขาอีกครั้งหลังจากวันนี้จะทําให้เธอปรารถนาที่จะตัดหูหรือควักตาของเขาออก
แม้ว่าเธอจะพยายามควบคุมร่างกายที่เธออยู่ได้อย่างเต็มที่ แต่เธอก็กลัวว่า ความรู้สึกที่ค้างอยู่ของเจ้าของร่างคน ก่อนจะทําให้เธอเสียสมาธิ
“ซูถัง…”
“ใช่ คุณหนู?” ซูถังกล่าวขึ้น ในขณะที่เธอกําลังถือเค้กดอกไม้
“คุณหนูคนเล็กจากตระกูลหลิว เคยบอกว่าข้าท่านเคยชื่นชมดยุคเซียวมาก่อน…แต่ทําไมข้าถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย” ในที่สุดหลินเสี่ยวเฟยก็ถามขึ้นหลังจากมีปัญหาบางอย่าง
เมื่อซูถังได้ยินสิ่งที่หลิวฉี่ฉี่เคยบอก เธอจึงหัวเราะคิกคักและรีบเช็ดปากที่เต็มไปด้วยแป้งและน้ําตาลจากการกินเค้กดอกไม้
เธอนั่งใกล้กับหลินเสี่ยวเฟยและยิ้มอย่างสดใส “คุณหนู ท่านได้คุยกับดยุคหรือไม่?” แทนที่จะตอบคําถามของหญิงสาว เธอจึงตัดสินใจตอบ
” ไม่…” หลินเสี่ยวเฟยโกหก
“น่าเสียดายเจ้าคะ คุณหนู” ซูถังส่ายหัวอย่างผิดหวัง “เมื่อก่อนคุณหนูมักจะรู้สึกเป็นลมเมื่อเห็นเขาและแอบชื่นชมเขาจากระยะไกล ข้ายังจําได้เมื่อคุณหนูเคยพยายามจะคุยกับเขา แต่ดันกัดลิ้นตัวเองและหนีไปเสียก่อน.”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเสี่ยวเฟยก็ลืมตากว้างและความเหนื่อยล้าที่เธอรู้สึกก็หายไป
“มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่?”
ซูถังเอียงศีรษะของเธอ “ฉันคิดว่ามันเป็นช่วงงานเลี้ยงวันเกิดของท่านผู้เฒ่าหลิน เมื่อสามปีที่แล้ว ในเวลานั้นทุกคนประหลาดใจกับการปรากฏตัวของดยุคและท่านผู้เฒ่าหลินยินดีที่จะต้อนรับเขา คุณหนูขี้อายจนไม่ได้ออกไปที่ห้องโถง และแอบมองเขาจากระยะไกลเท่านั้น”
หลินเสี่ยวเฟยฟังอย่างตั้งใจและนวดศีรษะของเธอ ใบหน้าของเธอขมวดคิ้ว ขณะที่เธอปล่อยให้ซูถังพูดต่อไป
“แต่เมื่อดยุคกําลังจะจากไป คุณหนูขวางทางและดูเหมือนว่ากําลังจะพูดอะไรกับเขา น่าเสียดายเมื่อคุณหนูเห็น เขายิ้มให้คุณหนูก็กัดลิ้นตัวเองและ แทบจะเป็นลมในทันที ”
เธอไม่มีข้อแก้ตัวสําหรับการกระทําของเจ้าของร่างคนก่อน แต่เธอรู้สึกว่าไม่มีเหตุผลใดที่เธอจะต้องเป็นลมจากรอยยิ้มของเขา
หลังจากฟังเรื่องบอกเล่าสั้นๆจากซูถัง หลินเสี่ยวเฟยก็เอามือปิดหน้าของเธอ
เธอกัดริมฝีปากและขมวดคิ้วพร้อมกัน เธอรู้สึกอับอายจากสิ่งที่เจ้าของร่างคน ก่อนทําไว้ในอดีตและสิ่งที่แย่ที่สุดคือ ตอนนี้ คือเธออยู่ในร่างนั้นและนั่นทําให้เธอรู้สึกแย่มาก
เธอไม่รู้ว่าต่อไปเธอจะแสดงใบหน้าแบบไหนต่อหน้าฉ่เซียวซู หากพวกเขาได้พบกันอีกครั้ง
MANGA DISCUSSION