นิยาย กําเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess
ตอนที่ 71 แต่ข้าชอบ
ความเงียบที่กําลังครอบงําในศาลา งานเลี้ยง ผู้คนในงานถึงกับพูดไม่ออก เมื่อพวกเขาได้หันไปสบตากับหญิงสาวที่มีใบหน้าที่งดงามด้วยความตกตะลึง
หญิงสาวและบุตรชายผู้สูงศักดิ์ส่วนใหญ่ที่นั่งอยู่ที่นั่นแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจ อย่างไรก็ตาม ลึกๆในใจของหญิงสาวเหล่านั้นก็รวมกันเป็นหนึ่ง เนื่องจากพวกเขาต้องการให้หลินเสี่ยวเฟยต้องประสบเคราะห์กรรมตามทางของเธอ
ดวงตาของหลินเสี่ยวเฟยเย็นชา ขณะที่เธอชั่งใจว่าเธอควรจะตอบองค์หญิงหรือไม่
หลิวนี่ฉีกัดริมฝีปากของเธอและมองเพื่อนของเธออย่างกังวล และต้องการพูดแทนหลินเสี่ยวเฟย อย่างไรก็ตาม หากเธอทําเช่นนั้น อาจมีกรณีที่องค์หญิงจะขุ่นเคืองกับการกระทําของเธอ และนั่นอาจจะสะท้อนไปถึงบิดาของเธอที่กําลังจะไต่เต้าไปอยู่ในตําแหน่งที่สูงขึ้นในราชสํานัก
แน่นอน ว่าหลินเสี่ยวเฟยไม่ได้คาดหวังอะไรจากผู้ใดเลย เธอไม่ไว้วางใจหรือแสดงความรักต่อใครเพียงเพราะพวกเขาเป็นคนในตระกูลหรือเพื่อนของเจ้าของร่างคนก่อน
ขณะที่หลินเสี่ยวเฟยกําลังจะตอบ สาวใช้ในวังก็รีบวิ่งไปที่ศาลาด้วยใบหน้าที่น่าสยดสยอง และเหงื่อที่ไหลอาบใบหน้าของเธอ
สาวใช้หายใจอย่างลําบาก เมื่อในที่สุดเธอก็หยุดอยู่ใกล้กับหัวหน้าสาวใช้ที่ มีอายุมากกว่าซึ่งยืนอยู่ใกล้ศาลาขององค์หญิงเกา ในตอนแรกหัวหน้าสาวใช้ ต้องการประณามสาวใช้อีกคน แต่เมื่อสาวใช้กระซิบบางอย่างกับเธอ ใบหน้าของหัวหน้าสาวใช้มีสีหน้าเคร่งขรึมเมื่อได้ยินคําพูดของสาวใช้อีกคน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ความสนใจของทุกคนได้เปลี่ยนจากหลินเสี่ยวเฟยไปเป็นสาวใช้สองคนที่ดูเหมือนกลืนเข็มเข้าไปแทนขนม
“เกิดอะไรขึ้น?!” องค์หญิงเกาเป็นคนแรกที่กล่าว
หัวหน้าสาวใช้ลังเลและไม่รู้จะพูดอย่างไร เมื่อทุกคนกําลังรอฟังและจับจ้องไปที่เธอ
องค์หญิงรู้สึกว่าอารมณ์โกรธของเธอเริ่มมากขึ้นและต้องการลงโทษกับสาวใช้ทั้งสอง แต่ทันใดนั้น จู่ๆก็มีเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นก็และทําลายความเงียบในศาลา
ทุกคนหันไปทางเสียงที่ตะโกนขึ้นและ รู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาเริ่มหนักอึ้ง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีความกลัวอยู่ในใจ ความอยากรู้ของพวกเขาจึงเอาชนะมันและรีบเดินไปดูราวกับฝูงนก ศาลาที่เต็มไปด้วยผู้คนก็ว่างลงในทันที และเหลือเพียงไม่กี่คน
เมฆฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว ขณะที่พวก เขาเดินไปในทิศทางที่เสียงกรีดร้องดังขึ้น ซึ่งดังมาจากเจดีย์พระจันทร์ฤดูหนาว
หลิวขี่นี่รีบจับแขนหลินเสี่ยวเฟย เพื่อตามไปดูความโกลาหลที่เกิดขึ้น
ในขณะที่เธอกําลังจะออกจากศาลา หลินเสี่ยวเฟยก็ไม่ลืมที่จะส่งสายตาที่ชั่วร้ายไปยังฉ่เซียวซูผู้ซึ่งส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับเธอ
“เร็วเข้า เราต้องไปถึงที่นั้นให้เร็วกว่านี้” หลิวฉีฉีกล่าวขณะที่เธอยกกระโปรงขึ้นด้วยมือของเธอ ในขณะที่ดึงมือของหลินเสี่ยวเฟยไปด้วย
หลินเสี่ยวเฟยที่ปล่อยให้หลิวฉีฉีดึง แขนตัวเองและพึมพําว่า “ไม่ต้องรีบร้อน สิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่นมันจะไม่หายไป”
หรือพูดให้ตรงกว่านั้นคือ สถานการณ์นั้นคงจะไม่จบลงง่ายๆ เธอคิดกับตัวเอง
เมื่อพวกเขาไปถึงเจดีย์ จะเห็นได้ว่าชายหนุ่มที่วิ่งเร็วกว่าคนอื่นๆถอยหลัง และสะสุดจนล้มลง ในขณะที่นิ้วของเขาชี้นิ้วไปข้างหน้า
ทุกคนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงเขากรีดร้อง
“อ่า…ก… ศพ!” ชายหนุ่มกรีดร้อง
อาจเป็นเพราะพวกเขาอยู่ในวัง ชายอีกสองคนที่ติดตามเขาไปคิดว่าเขากําลังเล่นตลกกับทุกคนและเพียงแสดงท่าทางเช่นนั้น พวกเขาจึงไม่ได้สนใจชายผู้นั้น
“สุภาพบุรุษซัน หยุดการกระทําของคุณซะ”
“ถูกต้อง
เพื่อนของชายหนุ่มทั้งสองคนหัวเราะ และไม่เชื่อเขา พวกเขายังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้าและก้าวไปข้างหน้าโดยไม่สนใจชายหนุ่มที่พวกเขาเรียกว่าสุภาพบุรุษซัน
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าพวกเขาก็ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าต่อได้ เมื่อสายตาของพวกเขากัมลงมองสิ่งที่อยู่บนพื้นซึ่งมีสาวใช้นั่งอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าซีดเซียว เสียงกรีดร้องที่พวกเขาได้ยินก่อนหน้านี้นั้นมาจากเธอ
เมื่อหลิวขี่และคนอื่นๆมาถึงและเห็นสิ่งนี้ พวกเขารู้สึกว่าท้องของพวกเขาปั่นป่วนเพราะหวาดกลัวเมื่อเห็นกับสภาพของศพ พวกเขาเกือบจะหันไปด้านข้างทันที เพราะไม่อยากเห็นภาพที่สยดสยองนี้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม หลินเสี่ยว
ของศพซ่งหลิน ใบหน้าของเธอไม่ได้เปลี่ยนสี เธอไม่ได้พยายามแสร้งทําเป็น ได้รับผลกระทบจากมันเพราะมันไม่จําเป็น เมื่อทุกคนต่างให้ความสนใจกับซ่งหลิน
เธอจึงกวาดสายตาไปรอบๆเจดีย์ เธอสังเกตว่าทหารยามสองคนยืนอยู่ข้างหนึ่งด้วยสีหน้าที่ลําบากใจ พวกเขาอาจจะรีบวิ่งไปยังที่ที่มีเสียงกรีดร้องเพื่อตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้น จนไม่ทันได้สังเกตสาวใช้และร่างไร้ชีวิตเหมือนคนอื่นๆ
สาวใช้ตกใจและร่างกายของเธอก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว ทั้งความกลัวและความตกใจ รวมถึงการตระหนักถึงความผิดพลาดของเธอเข้าครอบงําร่างกาย เธอตกใจเมื่อเห็นศพของหญิงสาวในเจดีย์ แต่เพราะเสียงกรีดร้องของเธอ กําลังจะทําให้ชีวิตของเธอสิ้นสุดลง หลังจากที่ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมายและสร้างเรื่องอื้อฉาว
หลินเสี่ยวเฟยไม่สามารถตําหนิสาวใช้ได้ หากเธอพบศพตอนที่เธอยังไร้เดียงสาเหมือนกับสาวใช้และหญิงสาวทุกคนในเมืองหลวง เธอก็อาจจะเป็นลมในทันที
อย่างไรก็ตาม เมื่อรู้ว่าราชวงศ์เป็นอย่างไร หลินเสียวเฟยรู้ว่าพวกเขาจะไม่ยอมให้สาวใช้มีชีวิตอยู่ เมื่อเสียงกรีดร้องของเธอเป็นสาเหตุที่ทําให้ผู้คนแตกตื่นและไม่สามารถเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้อีกต่อไป และยังสร้างเรื่องอื้อฉาวที่สกปรกภายในพระราชวังจักรพรรดิ
ในที่สุด หลินเสี่ยวเฟยก้มลงดูร่างของซ่งหลิน ดวงตาของเธอปิดลง ราวกับว่าเธอหลับสนิทและสภาพศพของเธอดูปกติ ถ้าไม่ใช่เพราะกระโปรงของเธอที่ถูกยกขึ้นจนกระทั่งขาคู่สวยของเธอถูกเปิดออกและเห็นว่ามันถูกแยกออกจากกันเล็กน้อย ในขณะที่มือของเธออยู่เหนือศีรษะ แสดงให้เธอเห็นได้ชัดว่าซ่งหลินถูกละเมิด
วิธีการขององค์ชายจิงในการเล่นกับหญิงสาวของเขานั้นเกินความคาดหมายของหลินเสี่ยวเฟย เธอได้ยินถึงการเสียดสีขององค์ชายจิงจากหยูเฟิงซู และรู้สึกรังเกียจเขา
การข่มขึ้นของเขายังไม่เป็นที่เพียงพอ เขายังพบว่าการบีบคอคนๆหนึ่งนั้นมันน่าตื่นเต้นและน่าพอใจสําหรับเขา และเขามักจะทําทั้งสองสิ่งนี้ไปพร้อมๆกัน
ไม่เพียงเท่านั้น องค์ชายจึงไม่เกรงกลัวต่อผลสะท้อนจากการกระทําของเขา เพราะเขามั่นใจว่าไม่มีผู้ใดในวังจะจับผิดเขาได้ และสิ่งต่างๆ จะได้รับการแก้ไขก่อนที่ปัญหาจะมาถึงราชวงศ์
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทําไมหลังจากที่รู้ว่าซ่งหลินมาจากตระกูลที่มีการสร้างพระสนม เขาก็ยังไม่สามารถควบคุมแรงกระตุ้นของเขาและฆ่าเธอได้
ความไม่ประมาทดังกล่าว อันที่จริงมีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่มีสิทธิเช่นนี้ได้
“ข้าเข้าใจ… และจดหมายก็ได้ทําหน้าที่ของมัน” เธอได้ยินเสียงที่มีเสน่ห์ลึกๆจากข้างหลังเธอ หลินเสี่ยวเฟยไม่ต้องหันหลังกลับไปดู เพราะเธอรู้ว่านั้นคือเสียงของฉ่เซียวซู
“ส่งหญิงสาวผู้นั้นไปอยู่ในมือขององค์ชายจิง ท่านไม่กลัวว่าราชวงศ์จะจับท่านมาเพื่อสิ่งนี้หรือ?” เขากล่าวเพิ่ม
หลินเสี่ยวเฟยไม่ตอบ ขณะที่เธอคาดหวังให้เขาเดาว่าใครคือผู้ที่ละเมิดซึ่งหลิน ส่วนราชวงศ์…เธอไม่สนใจว่าพวกเขาจะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปเมื่อรู้ความจริง
นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาสา มารถเชื่อมโยงเหตุการณ์นี้กับเธอได้หรือไม่
ไม่มีการตอบสนองจากเธอ ฉ่เซียวซุเหลือบมองที่ร่างกายก่อนที่จะเอนตัวแนบหูของเธอ “ท่านกล้าหาญและชั่วร้ายมาก…แต่ข้าชอบ”
หลังจากพูดเช่นนั้น ฉ่เซียวซูก็แตะไหล่ของเธอเบาๆก่อนจะหันหลังเดินจาก
ทางเข้าของปรมาจารย์มีเหล่าคุณหญิงมากมายตามมา นายท่านของตระกูลซ่งและแม่ของซ่งหลินได้มารวมอยู่กับผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์เกิดขึ้น และรู้ถึงโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับบุตรของพวกเขา
“หลินเอ่อ!!!” แม่ของซ่งหลินร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจเป็นอย่างมาก และรีบวิ่งไปหาบุตรสาวของเธอ น้ําตาของเธอไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อได้เห็นร่างไร้ชีวิตของบุตรสาวของเธอ “หลินเล่อของแม่! เกิดสิ่งนี้ขึ้นกับเจ้าได้อย่างไร! ไม่จริง!
สมาชิกตระกูลซ่งไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไร
ในเวลานี้ จักรพรรดิและจักรพรรดินีก็ ไปยังสถานที่ที่เกิดความโกลาหล
MANGA DISCUSSION