กำเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess - ตอนที่ 64 พบกันอีกครั้ง
กําเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess
ตอนที่ 64 พบกันอีกครั้ง
ตามที่คาดไว้ หยูเฟิงซูเข้าไปในห้องโถงอีกครั้ง ใบหน้าของเขาเริ่มถอดสีและแสดงความกังวลเหงื่อที่ไหลพรากอยู่บนหน้าผากของ เขาแม้ว่าเขาจะพยายามเช็ดมันออกเพียงใดและรักษาสภาพปกติของเขาไว้มันจึงไม่สามารถควบคุมหัวใจที่เต้นแรงของเขาได้
เขาเม้มปากขณะที่เขาเดินไปที่นั่งของเขา ทุกคนในห้องโถงสังเกตเห็นว่าเขาดูเหนื่อยและกระสับกระส่าย ทําให้พวกเขาสงสัยว่าทหารผู้ต่ําต้อยผู้นั้นได้บอกอะไรกับเขา
จักรพรรดิหยุนขมวดคิ้วด้วยความสงบ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไหร่และที่ใดราชวงศ์จะต้องเผชิญหน้าต่อผู้อาวุโสที่มีเมตตา ซึ่งไม่มีปัญหาใดที่พวกเขาจะไม่สามารถแก้ไขได้ต่อหน้าผู้คน
“ หน้าซีดเชียวนะพี่สี่ ดื่มชาก่อนแล้วสงบสติอารมณ์ เจ้าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ต่อหน้าท่านพ่อและเจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างหน้าเราตอนนี้” หยูจิงเหล่ย น้องสาวของเขาซึ่งเป็นองค์หญิงคนที่สองกล่าวขึ้นเพื่อเตือนพี่ชายของเธอ
ในฐานะองค์หญิงที่อาศัยอยู่ภายในพระราชวังที่เต็มไปด้วยสิ่งสวยงามและแฝงไปด้วยความน่ากลัวที่สามารถฆ่าคนได้
หยูจิงเหล่ยรู้ทุกอย่างว่าพ่อและพี่น้องที่รักของเธอมีความลับหลายอย่าง พวกเขาจึงจําเป็นที่จะต้องเก็บความลับเหล่านี้ให้พ้นจากสาธารณะเพื่อให้ครอบครัวของพวกเขา สามารถครอบครองทุกสิ่งและดูถูกผู้อื่นได้
“ขอบคุณพี่สาว.” หยูเฟิงซูพยักหน้าราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นความสงบของเขากลับมาและใบหน้าของเขาแสดงรอยยิ้มที่สดชื่นซึ่งเป็นที่สนใจของหญิงสาวที่พบเห็น
หญิงสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้และมองมาทางเขาตาบอดชั่วครู่หลังจากเห็นรอยยิ้มที่บาดใจของเขา เหล่าคุณหญิงในห้องโถงก็ไม่สามารถหยุดหวังว่าบุตรสาวของพวกเขาจะได้รับความสนใจจากองค์ชายที่อยู่ตรงหน้า หากพวกเขาโชคดี ตระกูลของพวกเขาจะมีเกียรติและชีวิตจะอยู่อย่างรุ่งโรจน์อย่างไม่รู้จบ
ในบรรดาคนเหล่านี้ที่ชื่นชมและมองไปยังทิศทางขององค์ชายอย่างกระตือรือร้น ซึ่งหลินไม่สามารถละสายตาจากหยูเฟิงซูได้และรู้สึกว่าขนนกกําลังจักจี้ไปทั่วร่างกายของเธอ ขณะที่เธอเฝ้าดูชายในอุดมคติของเธอ
หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะ ในตอนที่เธอมองดูร่างของเขาเมื่อตระกูลของเธอเข้าไปในห้องโถงและเห็นหยูเฟิงซูองค์ชายที่โดดเด่นและถ่อมตนเช่นเดียวกับหญิงสาวคนอื่นที่ต้องการไต่อันดับและใช้ ชีวิตที่หรูหราซ่งหลินก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ
นอกเหนือจากชื่อของนางสนมหรือมเหสีที่อยู่เคียงข้างของหยูเพิ่งจูเขายังเป็นที่ต้องการของหญิงสาวอีกหลายคน แต่ซึ่งหลินก็ยังเก็บหัวใจของเขาไว้
ใบหน้าของเธอเริ่มแดง และจ้องไปที่หยูเฟิงซูด้วยความหวังว่าเขาจะสังเกตเห็นการจ้องมองของเธอและตกหลุมรักเธอบ้าง
ขณะที่เธอมองดูเขาต่อไป ก็ยังมีคนอีกคนหนึ่ง ที่กําลังมองดูอยู่ทิศทางไหนสักแห่ง คนๆนั้นไม่ได้มองไปที่ทิศทางขององค์ชายสี่แต่กําลังเฝ้าดูซ่งหลินอยู่ตลอดเวลา
และคนๆนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากหลินเสี่ยวเฟย
ด้วยรอยยิ้มที่เยาะเย้ยบนริมฝีปากของเธอ เธอสามารถเข้าใจได้ว่าทําไมซ่งหลินจึงถูกพาตัวไปที่หยูเฟิงซู ผู้ที่ทําให้ชีวิตของเธอต้อง อนาถหญิงสาวคนใดจะไม่อยากมีองค์ชายรูปงามที่มีทุกอย่าง และมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นผู้ปกครองของอาณาจักรนี้เป็นคนต่อไป?
แม้แต่เธอที่เคยถูกเขาทําร้ายในอดีต และความรักในครั้งนั้นได้ลากเธอเข้าไปในคุกใต้ดินเพื่อทรมานและสังหารอย่างไม่รู้จบ
อืม…. หยูเฟิงซู เจ้ามีความสามารถในการทําให้ดอกไม้ทุกดอกส่งเสียงร้องและปล่อยร่างกายต่อหน้าเจ้าเพื่อก้าวขึ้นไป หลินเสี่ยวเฟยคิด
เธอเกลียดความจริงที่ว่าเธอเคยรักเขาและอุทิศชีวิตให้แก่เขาในฐานะภรรยา
แต่ชีวิตและความรักนั้นไม่มีอีกต่อไปแล้ว เมื่อมันพรากชีวิตของเธอไปและนําเธอไปมีชีวิตอีกครั้งในร่างของคนอื่น
ดวงตาของหลินเสี่ยวเฟยเป็นประกายขึ้น
ดีมาก… ดูเหมือนว่าเธอไม่ต้องใช้ความพยายามมากนักในการสอนบทเรียนให้กับซ่งหลินและตระกูลของเธอ
ผู้เล่นทั้งสองอยู่ที่นั่น และเธอจะใช้พวกเขา
เมื่องานเลี้ยงครึ่งแรกเสร็จสิ้น แขกทุกคนสามารถเดินไปรอบๆวังเพื่อเที่ยวชมหรือสูดอากาศบริสุทธิ์ พระบรมวงศานุวงศ์ยังได้ร่วมเสด็จพระราชดําเนินไปตามสถานที่ต่างๆ ที่พวกเขาเคยพบเห็นตั้งแต่ประทับอยู่ในวัง และเนื่องจากมีคนจํานวนมาก จึงไม่สามารถหลีเกเลี่ยงที่จะเดินไปยังสถานที่เหล่านี้ได้
หลินเฉินยูสะกิดเธออย่างอ่อนโยนจากด้านข้างของเธอเมื่อพวกเขาออกจากห้องโถงและเห็นว่าหลินเสี่ยวเฟยอยู่เพียงลําพังจากนั้นเขาก็กระซิบกับเธอว่า “ลูกพี่ลูกน้องที่รัก ไปด้วยกันสิคนอื่นๆได้พบกันและรวมกลุ่มกับเหล่าสหายของพวกเขาแล้ว ข้าเห็นว่าเจ้าอยู่เพียงลําพังข้าก็เช่นกัน ข้าคิดว่าเราควรไปเดินเที่ยวในพระรา ชวังด้วยกัน”
เขาเสนอด้วยความภาคภูมิใจในตนเอง ที่พยายามไปกับลูกพี่ลูกน้องที่โดดเดี่ยวซึ่งไม่มีใครอยู่เคียงข้างเธอ
เนื่องจากเธอเป็นคนที่มีชื่อเสียงที่น่าอับอาย ผู้คนจึงพยายามหลีกเลี่ยงหลินเสี่ยวเฟยและแม้ว่าพวกเขาจะพยายามเอาใจเธอเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากตระกูลหลิน แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกรังเกียจเธออยู่ดี
ดังนั้น หลินเฉินยูจึงคิดว่าจะเป็นความคิดที่ดี ที่จะใกล้ชิดกับเธอและพาเธอเดิมชมวังเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอยิ่งขึ้น
หลินเสี่ยวเฟย เหลือบมองด้านข้างและไม่ได้ปฏิเสธ เธออยากจะหัวเราะเยาะข้ออ้างของเขา ที่บอกว่าเขาเป็นหนึ่งเดียวและไม่มีใครอยู่กับเขาเหมือนเธอ
เธอเห็นเขาสนทนาอย่างเป็นมิตรกับบุตรชายของตระกูลคนอื่นๆและพวกเขาก็ไม่ได้เป็นศัตรูกัน แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไรที่หลินเฉินยูถูกทิ้งให้อยู่ตามลําพังกับหลินเสี่ยวเฟย?
หลินเสี่ยวเฟยพูดโกหกและไม่ปฏิเสธ
ไม่ใช่เพราะเธอเหงา แต่มุมมองของหลินเฉินยูที่มีต่อเธอ เธอกลัวว่าหากมีโอกาสที่เธอจะได้พบหยูเฟิงซูระหว่างทาง เธออาจจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้และอาจจะทําอะไรที่ไม่ควรซึ่งมันอาจจะส่งผลต่อแผนการในอนาคตของเธอ
หลินเฉินยูยังคงพูดคุยหัวเราะอย่างสนุกสนานและแสดงความพอใจกับทิวทัศน์ตรงหน้าของพวกเขา
ข้างหลังพวกเขา มีคนกําลังเฝ้าดูและติดตามพวกเขาอย่างเงียบๆ
หลินเสี่ยวเฟยและหลินเฉินยูเดินไปยังสถานที่ที่ไม่มีแขกคนอื่นๆอยู่ในห้องโถง
พวกเขายังคงเดินไปตามทางเดินและหลินเฉินยูรู้สึกถึงกับสวนที่พวกเขาไป
“ลูกพี่ลูกน้องที่รัก ห้องโถงทางซ้ายมือของเราคือหอหญ่กวนข้าได้ยินมาว่านั่นคือที่ที่จักรพรรดิองค์ก่อนสิ้นพระชนม์”
” ที่อยู่ข้างหน้าเราคือเจดีย์พระจันทร์ฤดูหนาว…”
“และอันนั้นคือ…”
หลินเฉินยูพูดพล่ามต่อไป และชี้นิ้วไปยังทิศทางต่างๆในขณะที่อยู่ห่างจากหลินเสี่ยวเฟย
แทนที่จะได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ แต่ดูเหมือนพวกเขากําลังจะเดินทางเข้าไปในวัง
หลินเสี่ยวเฟยไม่ได้เว้นแม้แต่สถานที่ที่เขาชี้ไปเธอไม่สนใจทัศนียภาพภายในวังเมื่อไม่มีอะไรที่สวยงามหรือยิ่งใหญ่ในสถานที่ที่สร้างขึ้นบนกองกระดูกและรอยเลือดที่ตกเป็นเหยื่อของทุกราชวงศ์
อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถตําหนิเขาได้จริงๆที่ทําตัวเช่นนี้หลังจากที่เธอแต่งงานกับหยูเฟิงซูในเวลานั้นเขาได้พาเธอไปที่วังเพื่อฝึกฝนมารยาทของราชวงศ์และเรียนรู้วิธีการทําตัวเหมือนเป็นสมาชิกที่เหมาะสมของราชวงศ์
เธอยังรู้สึกถึงกับความตระการตาของวัง ที่เต็มไปด้วยควา มยิ่งใหญ่ตระการตาทุกที่ที่เธอมองไปก็เพียงพอที่จะขับไล่ขอทานเพื่อกัดทุกอย่างเพียงเพื่อตรวจสอบว่าเป็นของจริงหรือไม่และเข้าไปขโมยสมบัติที่ซ่อนอยู่ลึกเข้าไปในที่พักของราชวงศ์
หลังจากหมดความสนใจในการเดินครั้งนี้ หลินเสี่ยวเฟยจึงตัดสินใจเอนหลังพิงโคนต้นไม้ที่อยู่ใกล้กับเธอ
เมื่อจู่ๆ เสียงของชายคนหนึ่งก็พูดขึ้นข้างหลังเธอว่า “ทําไมเจ้าไม่มาที่เจดีย์สวรรค์ ตามที่ข้าเขียนไว้ในจดหมาย” คนข้างหลังกล่าวขึ้นต่อว่า ” ท่านทําให้ข้ารอเป็นเวลานาน”
ด้วยความตกใจเล็กน้อยบนใบหน้าของเธอ หลินเสี่ยวเฟยไม่รู้สึกว่ามีใครบางคนยืนอยู่หลังต้นไม้ที่เธอพิงอยู่ จนกระทั่งเธอได้ยินเสียงของเขา
เขามายืนข้างหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่? เธอคิดว่าอยากจะเดินไปรอบๆต้นไม้และเผชิญหน้ากับเขาแต่มันกลับทําให้เธอรู้สึกกังวล
“ข้าไม่ชอบให้ใครมาสั่ง” เธอกล่าวตอบ. เธอมองไปที่ทิศทางที่หดินเฉินยูยืนอยู่ และเห็นว่าเขากําลังหันหลังให้กับเธอ ” และเจ้าไม่ได้ระบุเวลาที่เราต้องพบกัน”
“อืม… ถูกต้อง ข้าขอโทษสําหรับเรื่องนั้น” คนข้างหลังหัวเราะ“แต่ขาหวังว่าท่านจะไม่รังเกียจถ้าข้าจะพาท่านไปที่อื่น ที่เราคุยกันได้โดยไม่ให้ผู้อื่นได้ยิน”