กำเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess - ตอนที่ 3 หลินเสี่ยวเฟย
“ ไม่เป็นไรนะ ตาอยู่ที่นี่เเล้ว”
เสี่ยวเฟยตื่นขึ้นจากอาการตกใจ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เธอก็ไม่ได้กล่าวคำใดๆออกมา
อะไรกัน!?
ชายชราคนนี้เป็นใครกันนะ?
ด้วยน้ำตาที่ยังคงไหลอาบเเก้มและมือที่สั่นเทา เสี่ยวเฟยจึงรีบผลักตัวเองออกจากคนที่กำลังลูบหัวเธอ
ความสับสนของเธอไม่สามารถปิดบังสายตาใครได้ เธอยังได้เเสดงความรู้สึกประหลาดใจออกมา ขณะที่เธอมองไปยังรอบๆ ตัวเธอ
ไม่ คนเหล่านี้ ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเธอ
ก่อนหน้านี้ เธอไม่ได้สนใจเเละสังเกตว่าเธออยู่กับใครและอยู่ที่ไหน อารมณ์ของเธอที่อดกลั้นไว้ระเบิดออกมาหลังจากที่เธอลืมตาตื่น
ที่อยู่ตรงหน้าเธอคือหลินเซียวเหมิง แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรเซิง เขากำลังนั่งอยู่ข้างๆเธอ สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ เขาทำตัวใกล้ชิดกับเธอราวกับว่าเธอเป็นคนที่เขารู้จัก
เท่าที่เธอจำได้ครั้งที่เสี่ยวเฟยได้พบกับหลินเซียวเหมิง ก็ตอนงานเลี้ยงของราชวงศ์และเนื่องจากเธอเป็นนางสนมที่องค์ชายสี่โปรดปราน เธอจึงสามารถนั่งในห้องโถงเดียวกันกับคนสำคัญเหล่านี้ได้
หลินเซียวเหมิงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลยเพราะพวกเขาไม่เคยพูดคุยกัน เพราะตำแหน่งของเขาสูงกว่านางสนมในที่พำนักขององค์ชายสี่อย่างมาก เขาอาจจะเคยเห็นเธอผ่านๆตา ตอนงานเลี้ยงของราชวงศ์บ้างเท่านั้น
หยูเฟิงซูเคยบอกกับเธอว่า หลินเซียวเหมิงเป็นคนที่พวกเขาไม่สามารถล่วงเกินได้เนื่องจากเขาเป็นคนพิเศษของจักรพรรดิองค์ก่อน และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งอาณาจักรซึ่งแม้แต่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันก็ยังทำตัวเป็นกันเองและให้เกียรติเขา
การเป็นแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรเซิง หลินเซียวเหมิงเปรียบเสมือนผู้อาวุธโสของข้าราชการทหารทุกคนเคารพเขา เเต่อย่างไรก็ตาม ตามข่าวลือ เบื้องหลังเสื้อคลุมสีทองของเขา มีหลานสาวที่เเสนจะไร้ประโยชน์อยู่
หลินเสี่ยวเฟยเป็นไข่ในหินของหลินเซียวเหมิง เพราะเธอเป็นลูกสาวของหลินหยุน ลูกสาวที่มีค่าต่อแม่ทัพหลินที่สุดซึ่งเสียชีวิตไปหลังจากให้กำเนิดเสี่ยวเฟย ด้วยชื่อเสียงของตระกูลหลิน ทุกคนต่างก็หวังว่า หลินเสี่ยวเฟยจะเป็นหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความสามารถ
เเต่อย่างไรก็ตาม หลินเสี่ยวเฟย เป็นสิ่งที่เกินความคาดหวังของทุกคน เธอเกิดมาพร้อมกับหน้าตาที่งดงาม แต่เป็นเพราะว่าเธอหยาบคาย นิสัยเสียและหยิ่งยโส ใบหน้าที่สวยงามของเธอ จึงถูกมองข้ามเพราะการกระทำอันเลวทรามที่เธอเคยก่อไว้
อีกทั้งเธอยังเคยรังแกหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ในวัยเดียวกัน สร้างปัญหาให้ทั้งตระกูลหลินและเหยื่อ ทำให้ต้องเปลืองเงินทองภายในห้องสมบัติของตระกูลหลินไปมากมาย ทุกคนทำได้เพียงส่ายหัวและพูดไม่ดีเกี่ยวกับตัวเธอ
ดังนั้น ชื่อเสียงของหลินเสี่ยวเฟยจึงทำให้ชื่อเสียงตระกูลหลินตกต่ำอย่างมาก แม่จะมีแม่ทัพหลินผู้ยิ่งใหญ่อยู่ก็ตาม
ก่อนหน้านี้เสี่ยวเฟยในชีวิตก่อนเกลียดผู้หญิงคนนี้มาก เพียงเพราะว่าพวกนางใช้ชื่อที่เหมือนกัน และทั้งคู่ก็มีใบหน้าที่งดงาม แตกต่างกันตรงที่คนหนึ่งมีความสามารถและใครหลายคนต่างชื่นชม ในขณะที่อีกคนเป็นผู้หญิงที่งี่เง่าเอาใจเเต่ใจที่ทุกคนต่างพากันเกลียดชัง
ไม่รู้ว่าการกระทำหรือนิสัยที่ก้าวร้าวของหลินเสี่ยวเฟย อาจจะมีผลมาจากการหย่าร้างของพ่อแม่หรือไม่ก็มาจากการตายของแม่เธอ ไม่ว่าอย่างไรบุคลิกของเธอก็ช่างทำให้ใครๆรังเกียจเธออยู่เสมอ
ไม่ว่าเธอจะเป็นอย่างไรก็ตาม แม่ทัพหลินก็ยังคงรักเธอ
หลังจากที่แม่ของเธอเสียชีวิต ตระกูลหลินได้นำหลินเสี่ยวเฟยมาจากตระกูลโจวซึ่งเป็นครอบครัวฝั่งบิดา และได้เปลี่ยนนามสกุลจากตระกลูโจว เป็นตะกูลหลิน เป็นเรื่องยากสำหรับหญิงสาว
ที่ยังไม่ได้แต่งงานจากครอบครัวอันทรงเกียรติที่จะเปลี่ยนนามสกุลโดยกะทันหัน แต่เนื่องจากหลินเสี่ยวเหมิง ได้พูดคุยกับจักรพรรดิและขออนุญาตให้เธอเปลี่ยนนามสกุลเป็นการส่วนตัว จึงไม่มีใครกล้าพูดอะไร
แต่ข่าวลือที่แพร่กระจายเกี่ยวกับตัวเธอ กลับดูไม่น่าฟังเลยสักนิด เธอไม่เพียงเเม้แต่มีบุคลิกที่น่ารังเกียจเท่านั้น หลินเสี่ยวเฟยยังถูกกล่าวขานว่าเป็นเด็กอกตัญญู เพราะการละทิ้งครอบครัวบิดาของเธอ
หลังจากเธออายุได้ 13 ปี หลินเสี่ยวเฟยได้หายตัวไปอย่างลึกลับจากสายตาของผู้คน ไม่มีใครรู้เลยว่าเป็นเพราะสาเหตุอันใด จะมีก็เเต่ข่าวลือมากมายที่ถูกกล่าวขาน เเละหนึ่งในนั้นก็คือหลินเสี่ยวเฟย ที่ทำสิ่งที่น่าละอายจนถูกตระกูลหลินลงโทษ ให้ไปอยู่ที่วัดปิงซัง
อีกข่าวลือ คือหลินเสี่ยวเฟยได้ประสบอุบัติเหตุและทำให้ใบหน้าของเธอเสียโฉม จนไม่กล้าออกไปไหน อย่างไรก็ตาม ข่าวลือเหล่านี้ไม่มีมูลความจริง แต่ผู้คนต่างเชื่อว่าใบหน้าของหลินเสี่ยวเฟยเสียโฉมไปและไม่มีใบหน้าที่งดงามอย่างอย่างเคย เธอจึงไม่กล้าที่จะแสดงตัวต่อหน้าสาธารณชน และสืบเนื่องมาจากหลินเสี่ยวเฟยได้ทำสิ่งที่น่าละอายไว้มากมายในอดีต เธอจึงคิดว่า หากเธอไม่มีใบหน้าที่งดงาม อย่างที่เธอเคยภูมิใจ มันคงจะดีกว่าที่เธอจะต้องตายมากกว่ามีชีวิตอยู่
เสี่ยวเฟยขมวดคิ้ว หลังจากถอยตัวเองเองออกห่างจากหลินเซียวเหมิงเล็กน้อย “แม่ทัพหลินท่านมาทำอะไรที่นี่?”
หลินเซียวเหมิง รู้สึกประหลาดใจเมื่อเขาเห็นเด็กน้อยทำตัวห่างเหินจากเขา เขาเริ่มรู้สึกไม่พอใจที่เธอพูดกับเขาเหมือนกับว่าเขาเป็นเพียงคนรู้จัก
“เจ้าเด็กน้อย เจ้าคิดว่าว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้าควรทำเช่นนี้กับตาของเจ้าหรือไม่ ในขณะที่ตาของเจ้ากำลังปลอบโยนเจ้าอยู่?”
ตา?
เสี่ยวเฟยจ้องตาของเขา เเละเธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงเรียกแทนตัวเองว่าเป็นตาของเธอ ในเมื่อปู่ย่าตายายของเธอนั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่ก่อนที่เธอนั้นจะจำความได้เสียอีก
หลินเซียวเหมิง ขมวดคิ้ว และเริ่มเแปลกใจ หลังจากที่ได้เห็นปฏิกิริยาของเธอ
“นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน แม่ทัพหลินคงเข้าใจผิดเเน่ๆว่าข้าเป็นหลานสาวของเขา หลานสาวของเขาก็ต้องอยู่ในบ้านของเขาสิ ไม่ใช่ …” เสี่ยวเฟยหยุดคิดทันที เละไม่สามารถคิดต่อได้อีกเมื่อเธอตระหนักว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ
เธอหมกมุ่นอยู่กับการโวยวายและระบายอารมณ์ออกมา จนเธอไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลยเพราะเธอคิดว่าเธอตายแล้วและได้ไปอยู่ที่อื่นแล้ว แต่เมื่อมองไปยังรอบๆห้องที่เธออยู่อีกครั้ง เธอก็เห็นห้องที่ถูกตกแต่งด้วยเครื่องเรือนที่มีแต่ในตระกูลขุนนางชั้นสูง
เสี่ยวเฟยสูดอากาศเต็มปอด ราวกับว่าเธอถูกเติมด้วยอากาศที่บริสุทธิ์อย่างเต็มที่
เธอไม่ได้โง่ถึงขนาดที่จะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ แต่เธอก็ยังลังเลกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันน่าเหลือเชื่อเกินไป
ทันใดนั้น เสี่ยวเฟยก็รีบลุกขึ้นยืนและมองไปรอบๆ เพื่อมองหากระจกและเธอก็พบมัน เธอเห็นมือที่บอบบางขาวนวล มือของเธอก็เริ่มสั่น ไม่ใช่เพราะความตื่นเต้นเเต่อย่างใดเเต่เป็นเพราะความหวาดกลัว
หลินเซี่ยวเหมิงมองดูพฤติกรรมแปลกๆของหลานสาวของเขาเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อจู่ๆเธอก็เงียบไปทันทีหลังจากทำเรื่องยุ่งวุ่นวาย
“เฟยเอ๋อ มานั่งนี่สิ เจ้ายังไม่หายดี!” เสียงของหลินเซี่ยวเหมิง ได้กลบความดังของเสียงหัวใจที่กำลังเต้นอย่างหนักของเธอ
เสี่ยวเฟยมองไปที่กระจก และเห็นใบหน้าที่แปลกแต่คุ้นเคย จมูกแหลมเล็ก ริมฝีปากแดง และฟันขาว ขนตายาวพลิ้วสะไหว ราวกับปีกของจักจั่น ตาสองชั้นที่ดึงดูดใจใครก็ตามที่ได้จ้องมองเธอ
ทันใดนั้น เสี่ยวเฟยก็จำได้ว่า ครั้งหนึ่งเธอเคยเห็นหญิงสาวที่ยืนหยิ่งยโสอยู่ข้างๆ เเม่ทัพหลินในงานเลี้ยงของจักรพรรดิ
เธอมองไปยังกระจกในมือของเธอ เสี่ยวเฟยที่เห็นภาพในกระจกก็ปล่อยมือจากกระจกทันที เเละในไม่ช้าเสียงกระจกที่แตกนั้นก็ดังขึ้นในห้องที่เงียบงัน ในขณะที่กระจกแตกกระจายไปทั่วพื้นห้อง
ความเป็นจริงที่เสี่ยวเฟยเห็น ทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธที่จะยืนยันและยอมรับกับภาพที่ปรากฏต่อหน้าเธอได้