การเดินทางของผมกับจอม(มาร)ปราชญ์ผู้อยากเที่ยวรอบโลก - ตอนที่ 14 ร่องรอยของมังกร
ในยามเช้าตรู่ แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องขึ้นมาจากขอบฟ้า ทำให้หมอกบางๆ ที่ลอยอยู่เหนือภูเขาเลือนหายไปช้าๆ ลีโอและอาร์วินเริ่มต้นการเดินทาง ขึ้นบนภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ และทิวทัศน์ที่งดงาม แต่บรรยากาศโดยรอบ กลับแฝงไว้ด้วยความลึกลับ พวกเขาก้าวผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยวและขรุขระ กิ่งไม้และใบไม้ที่ร่วงหล่นกระจายอยู่บนพื้นดินเปียกชื้นจากน้ำค้างในยามเช้า
เสียงร้องของนกนานาชนิดดังก้องมาจากทั่วทุกทิศ ราวกับนกเหล่านี้กำลังเตือนภัยถึงกัน อาร์วินหยุดฟังเสียงนั้นชั่วครู่ แล้วหันไปสบตากับลีโอ
“สำหรับพวกนกต่างๆ พื้นที่รอบๆ นี้คงยังปกติสำหรับพวกมัน” เขากล่าวเบาๆ
“มังกรคงไม่ได้ล่านกเป็นอาหารหรอกมั้ง” ลีโอตอบกลับ “สำหรับพวกมัน จะมีหรือไม่มีมังกรคงไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่”
“ก็ถูกของเจ้า” อาร์วินพยักหน้าตอบรับ “แต่มังกรของเราไม่ได้มาแค่ตัวเดียว ยังมีก๊อบลินที่น่าจะอยู่กับมันอีก”
“งั้นท่านว่าอย่างไร? พวกนกไม่ได้ร้องกล่าวพวกก๊อบลินอย่างนั้นเหรอ?” ลีโอถาม เขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าอาร์วินจะรู้มากขนาดนั้นไหม จากแค่เสียงของนกรอบๆ
“ถ้าพวกก๊อบลินไม่ได้ล่าพวกมันมากไปกว่านักล่าทั่วไป ก็คงจะไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงจริงๆ” อาร์วินตอบกลับมา “แต่ถ้ามันสามารถล่านกกินกันได้ง่ายๆ ก็คงจะไม่ต้องออกมาปล้นผู้คน”
“ก็จริงของท่าน” ลีโอพยักหน้าตอบ ก่อนจะนำทางขึ้นไป
เสียงใบไม้ขยับเบาๆ ในยามที่ลมพัดผ่านมา เสียงกระทบกันของกิ่งไม้ ก่อให้เกิดเสียงที่คล้ายกับการกระซิบแผ่วเบา บางครั้งก็มีเสียงกระรอก หรือสัตว์ตัวเล็กๆ กระโดดผ่านพุ่มไม้หรือวิ่งไปตามกิ่งไม้สูง เสียงเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวาขึ้นบ้าง ในช่วงสายที่พระอาทิตย์เริ่มสาดแสงลงมา ลีโอและอาร์วินก้าวเดินต่อไปอย่างระมัดระวัง โดยพยายามฟังเสียงแปลกๆ ที่อาจบ่งบอกถึงสิ่งที่ใหญ่กว่าสัตว์ป่าธรรมดาในภูเขาแห่งนี้
เสียงของสรรพสัตว์บนภูเขา ดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่เสียงธรรมชาติที่คุ้นเคย แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ทุกเสียงนั้นอาจแฝงไปด้วยความหมาย พวกเขาทั้งสองรับรู้ถึงความไม่ปกติ ที่ลอยคลุมอยู่ทั่วผืนป่า ขณะที่สายตาของพวกเขาจับจ้องไปยังเงามืด ที่พาดลงบนพื้นจากแสงแดดยามเช้า
ลีโอกวาดสายตาไปรอบๆ ขณะที่พวกเขาเดินลัดเลาะไปตามทางลาดเล็กๆ ที่ปกคลุมด้วยต้นไม้สูง และพุ่มไม้หนา เขาหยุดยืนพลางมองไปที่อาร์วิน ที่เดินตามหลังมาไม่ไกลนัก
“ท่านคิดว่าเราควรมองหาอะไรบ้าง?”เขาถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด “อย่าว่าแต่มังกรเลย ขนาดล่าสัตว์ ข้าก็ไม่เคยล่าอย่างจริงจังมาก่อน”
“ข้าคิดว่ารอยเท้าคงเป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุด” อาร์วินตอบพลางมองไปรอบๆ ด้วย “แต่เจ้าก็ต้องระวังไว้ด้วย เพราะมันอาจจะไม่ได้มีร่องรอยที่เห็นได้ชัดเจนเท่าไหร่ อีกอย่างถ้ามันเป้นมังกรจริง มันอาจจะบินเป็นหลัก รอยเท้าอาจจะมีไม่มางอย่างที่คิด”
“ถ้าอย่างนั้น เราน่าจะหาทางที่จะเห็นร่องรอยจากสิ่งอื่นได้ไหม? อาจจะเป็นรอยขีดข่วนบนต้นไม้ กิ่งไม้ที่หัก หรือก้อนหินที่แตก?” ลีโอเสนอ เขามองไปรอบๆ ด้วยความตั้งใจที่จะค้นหาร่องรอยเหล่านั้น อาร์วินยิ้มเล็กน้อย เมื่อได้ยินข้อเสนอแนะเช่นนั้นจากลีโอ
“ใช่แล้ว เจ้านี่ก็มีหัวทางนี้อยู่ไม่หยอกนะ” อาร์วินกล่าวชม ขณะบินขึ้นบนโขดหินก้อนหนึ่ง “นอกจากนี้ เจ้าอาจจะมองหาพวกซากสัตว์ หรือร่องรอยการล่า มันอาจจะทิ้งรอยของเหยื่อที่มันจับได้ด้วยเช่นกัน”
“ยังไงเสีย มังกรก็เป็นสัตว์นักล่านี่นะ” ลีโอพยักหน้าตอบรับ “ว่าแต่… ท่านก็เป็นถึงจอมมาร… ไม่ใช่ว่าพวกท่านก็เลี้ยงมังกร หรือไม่ก็ใช้งานพวกมันหรือ?”
อาร์วินหัวเราะออกมาเบาๆ “ถ้าการเลี้ยงและควบคุมมังกร มันเป็นเรื่องง่ายขนาดนั้น ข้าคงไม่แพ้สงครามหรอก จริงไหม?”
“อ่า… ก็มีเหตุผล…” ลีโอพึมพำ ก่อนจะถามออกมาต่อ “แต่ในตำนาน และเรื่องเล่าจากสงคราม หลายครั้งก็เหมือนมังกรจะอยู่ในการต่อสู้ด้วยนะ”
“แล้วเจ้าคิดว่าฝั่งมารไม่ได้ต่อสู้กับมังกรอย่างนั้นหรือ?” อาร์วินถามกลับ ระหว่างลูบๆ ไปที่หิน พยายามปัดรอยของน้ำค้างบนนั้น “จริงอยู่ ที่ผู้นำทัพบางตน อาจจะแกร่งกล้า จนสามารถสยบมังกรระดับล่างๆ ลงได้ และเอามันมาเพิ่มบารมี เป็นสัตว์คู่ใจ แต่สุดท้ายแล้ว ไม่ใช่ว่าฝั่งเจ้าก็มีเรื่องราวอะไรแบบนั้น คล้ายๆ กัน ในตำนานหรือเปล่า?”
“อ้อ นั่นสิ ตำนานหนึ่งที่เล่าต่อกันมาในหมู่พวกค้า ปฐมกษัตริย์ต้นราชวงศ์ ก็มีคู่หูเป็นมังกรที่มีเกล็ดสีทองเช่นกัน จนมีตำนานกล่าวว่า เมื่อใดที่มังกรทองปรากฏตัวในแถบนครหลวง จะถือว่ามีมหากษัตริย์คนใหม่ กำลังจะกำเนิด” ลีโอลองเล่าเรื่องที่เขาได้ยินมา “แล้วก็ยังมีผู้คน ที่มาจากในอาณาจักรดราโกเนียทางตะวันออกไกล ซึ่งเข้ามาร่วมสงครามในภายหลัง พวกเขาก็อ้างว่าพวกตนมีเชื้อสายของมังกรเช่นกัน ถึงข้าว่าพวกเขา จะดูคล้ายคลึงกับมนุษย์กิ้งก่ามากกว่าก็เถอะ”
“แต่อย่าไปบอกใครว่าข้าพูดอย่างนั้นนะ ข้าไม่อยากกลายเป็น ศัตรูของชาวดราโกเนียน่ะ” ลีโอรีบบอกปัด ที่ตนเผลอพูดความคิดในใจออกมา
“ฮ่ะๆๆ ยังไงซะ มังกรเป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง จะถูกนำมาใช้ผูกพันธ์กับ สายเลือดหรือผู้นำก็ไม่แปลก” อาร์วินสรุปประเด็นให้ฟัง “จริงๆ ก็คงไม่ต่าง จากการใช้สัตว์อื่นๆ มาแทนสัญญะบางอย่างเท่าไหร่”
“ใช่ๆ อันนี้ข้าก็พอรู้เหมือนกัน” ลีโอพยักหน้าตอบ “ตำนานของเมือง หรือตระกูลขุนนาง บางตระกูล ก็มีการใช้สัตว์อย่างสิงโต หมี สุนัขป่า กวาง หรือม้า มาอยู่ในตำนานของพื้นถิ่นตน ที่ใช้สัตว์อสูรอย่าง มังกร หรือกริฟฟิน ก็มีไม่น้อย”
“ยังไงก็เถอะ มังกรก็ยังเป็นอสูรที่ดุร้าย ข้าเองก็เคยได้พบกับมังกรอยู่บ้าง ในตอนที่ข้ายังอยู่ในอาณาจักรมาร แต่ข้าคงไม่เรียกว่าข้ารู้จักพวกมันดีนัก มันมีความลึกลับ และแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มังกรไม่เหมือนกับพวกอสูร หรืออมนุษย์ที่อื่น มันมีสัญชาตญาณและความฉลาดเฉพาะตัว” อาร์วินอธิบายสิ่งที่เขารู้กับมังกรต่อไป “พวกมันแข็งแกร่งเกินกว่าจะฟัง หรือยอมสยบให้ใครง่ายๆ หลายครั้งพวกทหารในอาณาจักรมาร ก็ต้องเจอปัญหา ที่เกิดจากมังกรเช่นกัน ไม่น่าจะต่างจากพวกเจ้าเท่าไหร่หรอก”
ลีโอพยักหน้ารับฟัง เขารู้เรื่องราวในมุมของอาร์วินมากขึ้น “แล้วท่านคิดว่า มังกรตัวนี้จะต่างจากมังกร ที่ท่านเคยพบหรือเปล่า?”
อาร์วินหยุดเดินสักครู่ เหมือนกำลังคิดอะไรชั่วขณะ ก่อนจะตอบกลับมา “ข้าคิดว่ามันเป็นไปได้ มังกรแต่ละตัวที่ข้าเคยเห็น ก็มีลักษณะแทบจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับชาติพันธุ์และสภาพแวดล้อมที่มันโตขึ้นมา ข้าไม่อาจคาดเดาได้ว่า มังกรตัวนี้จะมีลักษณะเป็นอย่างไร แต่ข้าก็มีทฤษฎีเล็กน้อยเกี่ยวกับมันอยู่”
“ทฤษฎี?” ลีโอขมวดคิ้ว เขาสนใจจะฟังสิ่งที่อาร์วินกำลังจะพูดต่อไปอย่างมาก
“มังกรทั้งหลายที่ข้าพบเจอ ล้วนแต่ถูกหล่อหลอมด้วยสิ่งแวดล้อมของพวกมัน ราวกับว่ามันดูดซับพลังและจิตวิญญาณของธาตุจากสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเข้าไปมาตลอดชีวิตของมัน” อาร์วินเริ่มอธิบาย “และด้วยเหตุนี้ มังกรทุกตัวที่ข้าเคยเห็น จึงมีลักษณะหนึ่งที่คล้ายกัน คือการหวงถิ่นอย่างมาก พวกมันครอบครองพื้นที่ และปรับเปลี่ยนสภาวะแวดล้อมรอบๆ ตัว ให้เข้ากับสิ่งที่มันเป็น”
“อืม… แต่ว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แปลว่าพื้นที่รอบๆ นี้ก็ต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงตามมังกรตัวนี้แล้ว?” ลีโอกล่าวถามด้วยความสงสัย
“นั่นแหละ สิ่งที่ข้าอยากรู้” อาร์วินพูดขึ้น “ถ้าทุกเบาะแสที่เราหามาได้นั้น เป็นเรื่องจริง แปลว่ามังกรตัวนี้ อาจจะยังไม่ได้เปลี่ยนสภาพของตัวเองให้เข้ากับที่นี่ หรือว่าในทางกลับกัน สถานที่นี้ ก็อาจจะยังไม่ได้ถูกปรับเปลี่ยน ตามความต้องการของมังกรเช่นกัน”
“มังกรตัวนี้อาจจะเพิ่งเริ่มย้ายถิ่นฐาน ตามหาสภาพแวดล้อมที่มันต้องการ หรือหลบหนีจากภัยคุกคามที่ใหญ่กว่าตัวมันเองอยู่” อาร์วินอธิบายต่อไป “สิ่งที่ข้าอยากรู้มากๆ เลย และไม่เคยมีโอกาสได้ศึกษาดูเลยสมัยที่เป้นจอมมารก็คือ การเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น จะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่กัน? และหน้าตาของการเปลี่ยนแปลงนั้น เป็นอย่างไรกันแน่”
อาร์วินดูจะตื่นเต้นกับสิ่งที่พูดออกมาอย่างมาก ในขณะที่ลีโอ ไม่แน่ใจนัก ว่ามันจะง่ายขนาดนั้นไหม ที่จะหาคำตอบเรื่องนั้น เป้าหมายของเขาในตอนนี้ ก็คงไม่ได้ตรงกับความอยากรู้อยากเห็นของอาร์วินซะทีเดียว เพราะเขามาหาร่องรอยของมังกร เพื่อที่จะได้กำจัด หรือขับไล่มันออกไปจากบริเวณนี้ ก่อนที่มันจะสร้างปัญหาให้กับคนทั่วไปต่างหาก
เวลาผ่านไปจนเกือบถึงช่วงเที่ยงวัน ทั้งสองเดินไปอย่างช้าๆ บนทางที่ลาดชันเป็นชั้นๆ ของป่าบนเนินเขา สายตาของพวกเขา กวาดไปทั่วพื้นและต้นไม้รอบข้าง เส้นทางคดเคี้ยวและแผ่เงามืดจากกิ่งไม้หนาแน่น แต่ลีโอและอาร์วินยังคงสังเกตสิ่งรอบตัวอย่างละเอียด พวกเขาพยายามมองหา ทั้งรอยข่วน ร่องรอยเศษกิ่งไม้ที่หลุดร่วง หรือแม้กระทั่งซากของสัตว์ป่า หรือคราบเลือด ที่อาจจะเกิดจากการล่าของมังกร
“การตามหาร่องรอยนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ข้าชักเริ่มเข้าใจความยากลำบาก ของพวกนายพรานแล้วล่ะ” ลีโอพึมพำพลางหยุดมองที่พื้นดิน “แทบมองไม่ออกด้วยซ้ำ เหมือนว่าที่นี่ไม่มีอะไรผิดปกติมาก่อนเลย”
“ถ้าอย่างนั้นพักเที่ยงกันก่อนสักหน่อยก็ได้” อาร์วินกล่าวขึ้น ก่อนจะนั่งลง “เจ้าซื้ออะไรมาบ้างจากในหมู่บ้าน?”
“ก็เสบียงเดินทางทั่วๆ ไป มีเนื้อแห้ง เนยแข็ง แล้วก็ขนมปังกรอบ” ลีโอวางกระเป๋าลงกับพื้นแล้วพยายามค้นเสบียงที่เตรียมมา ก่อนที่เขาจะไปสะดุดตากับอะไรบางอย่างที่อยู่บนรากไม้
ลีโอก็ก้มตัวลงใกล้พื้น สำรวจสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้า “นี่มัน… รอยเท้าหรือเปล่า?” เขาพูดพลางชี้ไปยังรอยประทับขนาดใหญ่ที่มีลักษณะลึกและคมชัด บนรากไม้และดินโคลนรอบๆ รอยเท้าคู่นี้มีรูปทรงผิดแปลกจากสัตว์อื่นๆ เหมือนเป็นรอยของกรงเล็บ และมีลวดลายของเกล็ดแบบสัตว์เลื้อยคลาน แต่ใหญ่กว่ารอบเท้ากิ้งกว่าหลายสิบเท่า
“รอยเท้าของมังกร” อาร์วินเอ่ยขึ้นอย่างเคร่งขรึม สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่ เขามองตามรอยเท้าเหล่านี้ ไปยังเส้นทางที่มุ่งหน้าลึกไปในหุบเขา “ไม่ได้ใหญ่อย่างที่จินตนาการไว้… แปลว่าข้อสัญนิษฐานเราอาจจะถูก มันเป็นมังกรที่ยังไม่โตเต็มวัย”
ลีโอและอาร์วินมองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้า ดูเหมือนการหยุดพักจะต้องถูกเลื่อนไปก่อน พวกเขาทั้งคู่เดินตามทิศทางของรอยเท้านั้นไป ขณะที่พวกเขาก้าวลึกเข้าไปในป่า บรรยากาศก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ทั้งเสียงลม เสียงสัตว์น้อยใหญ่ ต่างก็ลดลงจนแทบไม่เหลืออะไร นอกจากเสียงฝีเท้าของพวกเขา ต้นไม้ใหญ่ที่พวกเขาเดินผ่านมีรอยขีดข่วนลึกที่ดูเหมือนรอยเล็บบางๆ และยังมีก้อนหินกรวดที่กระจัดกระจายและแตกออกจากแรงกระแทก พื้นดินข้างก้อนหินนั้น เต็มไปด้วยรอยเล็บคม และนอกจากรอยของกรงเล็บแล้ว ยังมีรอยของอุ้งเท้าอีกด้วย
“ดูเหมือนว่ามันจะมีการต่อสู้เกิดขึ้นที่นี่” ลีโอเอ่ยขึ้น ขณะที่สายตาของเขา กวาดไปทั่วบริเวณ ก่อนจะพบคราบเปื้อนสีดำสนิทบนโขดหิน ซึ่งอาร์วินกำลังตรงข้าไปดู “ทั้งมังกรและคู่ต่อสู้ อาจได้รับบาดเจ็บ”
“มีร่องรอยของเลือดอยู่ด้วย” อาร์วินพยักหน้า เขาก้มลงใกล้รอยเลือดสีเข้มที่ซึมลงในแผ่นหิน ก่อนจะเอามือลูบเบาๆ แล้วมองขึ้นมาสบตากับลีโอ “ยังแอบชื้นๆ อยู่… แต่ซึมเข้าไปในเนื้อหินแล้ว อย่างนานที่สุดข้าให้เป็นรอยจากเมื่อวาน”
“แผ่นหินตรงนั้นก็ด้วย” ลีโอเดินไปดูรอยที่แตกรอยลึกบนหิน “ดูเหมือนว่าบางสิ่งบางอย่างที่มีน้ำหนัก กระแทกลงมาที่นี่ ไม่ใช่ร่องรอยสัตว์ปกติแน่”
อาร์วินพยักหน้าเห็นด้วย เขาสำรวจรอบๆ และพบรอยเล็บที่ต้นไม้ข้างๆ “รอยนี้เหมือนเป็นรอยเล็บที่ใหญ่พอสมควร และก็ดูลึกเข้าไปในเนื้อไม้ด้วย” เขาพูดพร้อมใช้นิ้วลูบรอยที่เจาะลึกลงไปนั้น “รอยเล็บที่คม และแข็งแรงแบบนี้ ต้องเป็นสัตว์ที่มีกรงเล็บขนาดใหญ่ และใช้มันในการล่า”
“อาจเป็นมังกรที่เราตามหาอยู่ไหม?” ลีโอกระซิบ เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
“ข้าไม่แน่ใจ… อย่างที่บอก มังกรมีหน้าตาและพฤติกรรมหลากหลาย” อาร์วินตอบพลางก้าวไปสำรวจเนื้อไม้ ด้านหลังของรอยเล็บนั้น มันทะลวงไปอีกฟากของต้นไม้เลยทีเดียว “แต่ข้าไม่เคยเห็นมังกรที่ใช้กรงเล็บ ในการจิกลงในเมื้อของเหยื่อแบบนี้เลย มังกรส่วนมาก จะใช้กรงเล็บในการตะปบข่วน เหมือนกับหมีมากกว่า และฟันของพวกมันก็มีเกือบร้อยซี่ ไม่น่าจะทำให้เกิดรอยไม่กี่จุดแบบนี้ รอยนี้น่าจะเป็นกรงเล็บแบบที่ใช้จับเหยื่อ”
“ถ้าอย่างนั้น คู่ต่อสู้ของมังกรตัวนี้ คืออะไรกันแน่?” ลีโอถามด้วยความสงสัย พวกเขาทั้งสองเริ่มพิจารณาสิ่งที่อาจเป็นไปได้
“จากความสูงของรอยกรงเล็บนี่ อาจเป็นสัตว์ที่มีปีก หรืออย่างน้อย ก็ตัวที่เคลื่อนไหวบนอากาศได้” อาร์วินค่อยๆ พูดออกมาเหมือนกำลังคิด “ร่องรอยนี้มีวิธีการโจมตีที่ต่างจากมังกร เหมือนกับโฉบลงมาจากที่สูง และโจมตีอย่างรวดเร็ว แต่คงพลาดเป้า เลยทิ้งรอยนี้ไว้”
ลีโอจ้องไปยังรอยถลอกบนพื้นและรอยข่วนบนต้นไม้ ที่บ่งบอกถึงการต่อสู้ที่ดุเดือด เขาพยักหน้า “ข้าคิดว่ามันน่าจะเป็นอย่างนั้น มันอาจจะต่อสู้กับมังกรและทำให้มังกรหนีไป แต่เรายังไม่รู้แน่ชัดว่ามันคืออะไร”
อาร์วินยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างที่อยู่ไม่ไกลจากพื้น “บางทีเราอาจจะได้คำตอบในไม่ช้านี้” เขาพูด ก่อนจะชูขนนกขนาดใหญ่ขึ้นมา มันมีก้านที่ยาวเกือบสองฝ่ามือ และกว้างน้อยกว่าฝ่ามือเพียงนิดเดียว
“น- นั่นอะไรน่ะ? นกยักษ์เหรอ?” ลีโอตื่นตะลึงกับก้านขนนกสีน้ำตายแดงที่เห็น
“ข้าบอกแล้วว่ามันอาจจะเป็นพวกสัตว์ที่มีกรงเล็บยาวและแข็งแรงใช่ไหม?” อาร์วินพิจารณาเพิ่มเติม “ขนแบบนี้ก็บ่งชี้ค่อนข้างชัดเจนว่ามันต้องเป็นสัตว์ปีก”
ลีโอพยักหน้าเห็นด้วย “แปลว่ามังกรที่เรากำลังตามหาอยู่ สู้กับนกยักษ์ในแถบนี้อย่างนั้นหรือ?”
“ข้าว่าเจ้าอาจจะด่วนสรุปไป” อาร์วินกล่าวขึ้นมา แล้วชี้ไปที่พื้น “ถ้าเป็นนกยักษ์จริง มันจะสร้างรอยแบบนั้นได้อย่างไร? มันจะเหวี่ยงมังกรที่บินได้เหมือนกัน ใส่หินตรงนั้นเหรอ?”
“นั่นสิ… หรือถ้ามันโดนมังกรเหวี่ยงซะเอง แล้วทำให้หินแตกขนาดนั้นได้ มันน่าจะตายคาที่เลยมากกว่า” ลีโอพึมพำ
“แปลว่าเป็นสัตว์ที่มีพละกำลังและน้ำหนักตัวพอสมควร” อาร์วินช่วยสรุปให้ “แต่การต่อสู้ส่วนมากคงจะอยู่บนฟ้า แค่มีจังหวะที่ลงมากระแทกตรงนี้ แล้วก็มีการต่อสู้บนพื้นดิน นานพอให้เกิดรอยแผลเลือดออกตรงนั้น แล้วก็รอยบนต้นไม้นั่นด้วย”
“ถ้ามันเป็นอย่างที่เราคิดจริงๆ เราคงต้องระวังตัวให้มากกว่านี้” ลีโอพูดด้วยน้ำเสียงระแวดระวัง “ข้าไม่แน่ใจว่าเราพร้อมรับมือกับสิ่งที่บินได้ และมีพละกำลังแบบนั้นหรือเปล่า”
“แบบนั้นก็ต้องมองบน…” อาร์วินเงยหน้าขึ้นไปด้านบน ก่อนที่จะกระตุกคิ้วกระทันหัน และตะโกนขึ้น “บนฟ้า!”
ไม่ทันที่จะได้ตั้งตัว เสียงกระพือปีก และเสียงร้องแหลมแต่แตกดังกังวาล ไม่ต่างจากเสียงนกอินทรีย์ตัวใหญ่ดังก้องขึ้นจากทิศทางหนึ่ง สายตาทั้งคู่หันไปจับจ้องบนท้องฟ้า ในอึดใจนั้น เงาทะมึนสีเข้มโฉบลงมาจากบนฟ้าอย่างรวดเร็ว ลีโอพยายามมองตาม แต่ความเร็วของมันเกินกว่าที่เขาจะตอบสนองทัน ร่างนั้นพุ่งใส่อาร์วินอย่างจัง แต่ในจังหวะพริบตานั้น อาร์วินก็โจนตัวหลบออกจากวิถีของการโฉบ ออกไปยันตัวอยู่บนพื้นไม่ไกลจากต้นไม้ที่มีร่องรอยกรงเล็บ
ร่างใหญ่ของอสูรกายปรากฏชัดเบื้องหน้าทั้งคู่ ขนของมันรุงรังและหนา ประกอบเป็นปีกอันแข็งแรง แม้อาจจะเคยดูสง่างาม แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยรอยขาด และร่องรอยของเลือดที่แห้งกรัง ไปตามเส้นขน สีน้ำตาลอ่อนที่ดูมัวหมอง เพราะฝุ่นและคราบเลือดที่เคลือบอยู่ทั่วตัว
ที่โคนปีกข้างซ้ายของมันมีบาดแผลขนาดใหญ่ที่เปิดกว้าง เป็นรอยฉีกที่ลึกเข้าไปจนเห็นเนื้อใน แมลงวันหลายตัวบินตอม และคลานไปทั่วบาดแผล มันเป็นบาดแผลที่ชัดเจนว่า เกิดจากการต่อสู้อันดุเดือด
ดวงตาของมันเป็นประกายแหลมคม มีสีเหลืองอำพัน ราวกับไฟที่ลุกโชน มันมองพวกเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความดุดัน ทุกอาการเคลื่อนไหวของมัน แสดงถึงความตึงเครียด และระแวดระวัง กรงเล็บของมันยื่นออกมาเป็นแถวคมกริบ มันค่อยๆ กางปีกออกเล็กน้อยเพื่อข่มขู่ ลมหายใจดังกระหืดกระหอบอย่างรุนแรง ผ่านจงอยปากสีส้มสด ที่แตกออกจนไม่เป็นทรงเท่าไรนัก
ลีโอเห็นได้ทันทีว่าอวัยวะหลายส่วนของมันมีบาดแผลฉกรรจ์ ดูเหมือนมันจะผ่านการต่อสู้อย่างหนักหน่วงมาแล้ว แต่ถึงกระนั้น ดวงตาของมันก็ยังเต็มไปด้วยความดุร้าย
“ดูท่าจะเจอเข้าจนได้ กริฟฟินสินะ…” อาร์วินพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม แม้จะมีเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากด้วยความตึงเครียด เขาจ้องไปที่กริฟฟิน ที่ตอนนี้ยืนนิ่งอยู่ระหว่างทั้งสองคน ตาทั้งสองของมันกลอกสลับไปมาระหว่างลีโอ และอาร์วิน
กริฟฟินส่งเสียงคำรามต่ำๆ ก่อนจะโผนเข้าหาลีโอ ในจังหวะนั้น เขาก็ยกดาบขึ้นพร้อมรับมือเตรียมตอบโต้ สัตว์ร้ายพุ่งเข้าใส่ด้วยกรงเล็บอันคมกริบ ลีโอก้าวหลบอย่างรวดเร็ว ดาบของเขาวาดผ่านอากาศกระทบกับกรงเล็บของกริฟฟิน เสียงเหล็กกระทบกับกรงเล็บดังสนั่น และมีประกายไฟขึ้นมาเล็งน้อย
อาร์วินพึมพำร่ายเวทมนตร์ เพื่อเสริมสร้างพลังป้องกันให้แก่ตัวเองและลีโอ ในขณะที่กริฟฟินพลาดการจู่โจมครั้งแรกไป “ระวังด้วย มันไม่น่าจะลงมาแค่ หยอกล้อกับพวกเราเล่นๆ” อาร์วินกล่าวพลางยกมือขึ้น และเสกเกราะเวทมนตร์ ล้อมขึ้นมาเหนือผิวพวกเขาทั้งสอง “เกราะนี่น่าจะช่วยลดดูดซับแรงกระแทกได้บ้าง แต่ถ้ากรงเล็บมันฉีกทะลุเข้ามาโดนผิวหนังได้นี่ แผลไม่เล็กแน่ๆ”
“เข้าใจแล้วขอรับ ขอบคุณมากท่านอาร์วิน” ลีโอกล่าวตอบ ในขณะที่เขาพยายามใช้ฝีเท้า ถอยไปด้านหลังของมันเพื่อสร้างระยะห่าง พวกเขาต่างรู้ดีว่าทุกย่างก้าว สำคัญเพียงใดในช่วงเวลานี้ และการต่อสู้เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น