“ขอปฏิเสธ เนี๊ยว”
เฮ้ย…!!
“เดียว เดียว เดียว! ปกติมันต้องตอบว่า [ตกลงค่ะ! เพื่อช่วยตัวฉันอีกคนแล้ว ต่อให้ต้องลุยน้ำลงไฟ ฉันก็ยอมทำค่ะ!] อะไรแบบนี้ไม่ใช่เรอะ!? ”
“กับสถานที่ ที่เรียกว่า [โลกวิญญาณ] ฟังยังไงมันก็ดูไม่น่าไว้ใจ ขออัญเชิญแกไปคนเดียวเถอะ”
“ผมต้องการคนช่วย!”
“ระดับฝีมืออย่างแกยังต้องการคนช่วยอีกเรอะ? ”
“…”
เถียงได้อย่างมีเหตุผล
ไม่รู้เลยว่าจะโต้กลับยังไงดีแฮะ
“…เอาเป็นว่าถ้าแกได้กลับไปโลกวิญญาณอะไรที่ว่านั่น คือจะมีวิธีช่วยตัวฉันอีกคนอยู่สินะ? ”
“ใช่”
“งั้นทำไมถึงไม่ใช้วิธีนั้นตั้งแต่แรก? ”
“เออ…คือถ้าใช้วิธีนั้นมันจะมีเรื่องจุกจิกเยอะ แล้วมันต้องจัดเตรียมสถานที่ ต้องมีอุปกรณ์อะไรอีกเยอะแยะ อีกอย่าง ระหว่างที่ฉันไปโลกวิญญาณ ร่างกายนี้มันจะอยู่ในสภาพเหมือนหลับลึก ถ้าไม่มีคนช่วยเฝ้าดู มันออกจะ—”
“ถ้าอยากได้สถานที่ สิ่งของ คนเฝ้ายาม— สบายมาก เดียวฉันจัดการเตรียมให้เอง อยากได้เท่าไหร คนป้องกันระดับประธานาธิบดีหรือยังไง สถานที่ใหญ่ระดับสนามกีฬาที่สามารถป้องกันได้แม้แต่ระเบิดระเบิดซูเปอร์โนวา ของพวกนี้ ฉันสามารถจัดหาให้แกได้หมดภายในคำพูดเดียวเท่านั้น”
อูว— สมกับที่เป็นผู้มีอำนาจ
อยากจะทำอะไรมันก็ง่ายไปเสียหมดจริง ๆ
“ฮือ… ทั้งที่เค้าอยากพาทัวร์อวดบ้านเค้าแท้ ๆ ”
“ขอบคุณ แต่ไม่สนใจ เนี๊ยว~”
ตัดขาดอย่างไร้เยื่อใย
แง—
เอโซ ลาพิส—
เค้าคิดถึงพวกเธออ่า—
ยอมกลับไปก้มหัวขอโทษพวกเธอที่แอบจิกของหนีออกมา แล้วยอมมอบตัวกับท่านยมดี ๆ มันจะดีกว่าไหมเนี่ย?
แต่เพราะกลัวการลงโทษจากท่านยมมากกว่าความเหงา เลยตัดสินใจที่จะหาทางสำรอกเอาวิญญาณของโนอาร์ออกมาให้ได้ก่อน
มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้อะนะ…
ว่าแล้วก็เริ่มถกแผนการขั้นถัดไปกับโนอาร์เลยดีกว่า~
***ในเวลาเดียวกัน***
ณ ห้องพักของ [แวนเจอร์]
หนึ่งในผู้ก่อตั้งชมรมกินเนื้อสัตว์ [คาร์นิวอย]
บุรุษปีศาจผู้เคร่งครัดในศาสนาเทพทั้งสาม
ผู้ที่มีอีกนามในองค์กรว่า “ [บาร์-ธา-ซ่าร์] ”
โดยปกติแล้ว ศาสนาแห่งเทพทั้งสาม คือศาสนาที่ว่าด้วยการปฏิเสธเทพเจ้า
พิธีกรรมของพวกเขา คือการด่าทอเทพเจ้า เอาความโชคร้ายกับอารมณ์ที่แสนหงุดหงิดทั้งปวงในชีวิตไปลงกับรูปปั้น
แต่เป็นเพราะราคารูปปั้นนั้นแสนแพงและยากจะเอื้อมถึง เลยทำให้คนส่วนใหญ่นิยมไปทำพิธีที่ว่ากันในวิหารหลัก
หรือหากมีใครที่เคร่งครัด ก็จะซื้อมาเพียงหนึ่งชุดเอาไว้ในบ้าน แล้วใช้มันในการระบายอารมณ์อย่างทะนุถนอม
ดังนั้น หากว่าบ้านไหนใช้งานมันอย่างหนัก ยอมปล่อยให้มันถูกทำลายแล้วปล่อยทิ้งเอาไว้ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความเคร่งครัดต่อการด่าทอทำร้ายเทพเจ้า ในระดับที่ยอมเสียเงินซื้อใหม่แค่ไหนก็ยอมทุ่มให้กับมันได้
ซึ่งรูปปั้นของเทพที่เก็บเอาไว้ภายในห้องพักที่ว่านี้ มันมีสภาพอย่างที่ว่านั้น
ภายในห้องเช่าเล็ก ๆ ที่เรียบง่าย มีเพียงแค่เครื่องเรือนสองสามชิ้นพอสำหรับใช้ชีวิตประจำวันพื้นฐาน
แต่สิ่งของที่เก็บข้างใน มันกลับถูกถมเต็มไปด้วยรูปปั้นที่ถูกทำลาย
ไม่ว่าจะบนพื้น โต๊ะ ชั้นวาง ล้วนแต่ถูกถมกองไปด้วยเศษรูปปั้นที่แตกหัก จนแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีที่ยืนเหลือให้เดินได้อีก
“อีกาดำ ทางตำรวจสากลมีการเคลื่อนไหวยังไงบ้างในช่วงนี้? ”
เสียงของบุรุษเจ้าของห้องที่ชวนขนหัวลุก กำลังพูดคุยกับใครบางคนผ่านทางเครื่องสื่อสารที่เป็นอุปกรณ์สวมใบหู
มีเสียงปิดน้ำก๊อกดังลั่นไล่ตามบทสนทนา พร้อมกับไอน้ำอุ่น ๆ ที่ลอยออกมาจากห้องอาบน้ำ
“หลังจากที่พวกท่านเก็บตัวเงียบสนิท ทางตำรวจสากลก็เริ่มลดกำลังคนที่จะมาสืบสวนพวกเราแล้วครับ ปัจจุบันนี้น่าจะเหลือแค่หน่วยของผม กับอีกหน่วยหนึ่งที่ผมยังไม่รู้ว่าเป็นใครหน้าไหน แต่รู้มาว่าขึ้นตรงกับผู้บัญชาการสูงสุดของ [No-name] ครับ”
“คิดว่าสามารถเคลื่อนไหวทำกิจกรรมได้ไหม? ”
บุรุษปีศาจโต้ตอบกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่หิวกระหาย
เขาย่ำเท้าที่เช็ดจนแห้งออกมาเดินบนพื้นพรมของห้อง แล้วนั่งลงบนเตียงแสนนุ่มฟู ก่อนจะคว้าเสื้อยืดตัวหนาสีขาวมาสวมทับบนร่างกายที่เต็มไปด้วยมวลกล้ามเนื้อ
“คิดว่าปลอดภัยครับ เพราะตอนนี้หน่วยสืบสวนส่วนใหญ่มุ่งเป้าไปที่คุณ [เดสตินี่ย์] กันหมดเลยครับ”
บุรุษปีศาจหน้าหล่อใช้ลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
“อ๊า~ ดีเลย ต้องขอบคุณเจ้ามดแท้ ๆ ที่ไปดึงตัวเจ้า [ออน-เอ็ซท] ที่แกกำลังตามล่าอยู่มาใกล้ตัวเอง เลยทำให้ทั้งตำรวจสากล ทั้งสาขาย่อยขององค์กร พากันมุ้งเป้าไปที่มันทั้งหมด”
“ตอนแรกผมยังตกใจเลยครับ พอได้ยินข่าวว่าอยู่ ๆ คุณเดสตินี่ย์ เสนอให้เอาตำรวจหนุ่มคนนั้นมาใช้งาน ทั้งที่กระผมก็แจ้งไปแล้วแท้ ๆ ว่าเจ้าหมอนี่มันน่าสงสัย อาจเป็นสายของฝั่งศัตรูได้”
“ [บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ] ปล่อยให้เจ้านั่นทำตามใจตัวเองไปเถอะ มันก็มีนิสัยแบบนี้มานานแล้ว”
“รับทราบครับ ว่าแต่ท่าน [บาร์-ธา-ซ่าร์] จะให้กระผมกระจายข่าวให้สาขาอื่น ๆ มารวมตัวไหมครับ? ”
บุรุษปีศาจเงียบไปครู่หนึ่ง
เขาครุ่นคิดอยู่ราวหนึ่งนาที ก่อนจะลืมตาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย
“ไม่ อย่าพึ่งรวมตัวกันเลยจะดีกว่า”
“แปลว่าจะไม่ให้สาขาอื่น ๆ เคลื่อนไหวกันเลยอย่างงั้นหรือครับ? ”
“แบบนั้นก็คงจะไม่ดี คนเราถ้าถูกสะกดความอยากมาก ๆ เดียวมันจะระเบิดเอาได้ เอาเป็นว่าให้ [อนุญาตให้เคลื่อนไหวแยกได้] แล้วปล่อยให้หัวหน้าแต่ละสาขาตัดสินใจกันเอาเอง ว่าจะเคลื่อนไหวกันยังไง ทำแบบนี้น่าจะปลอดภัยต่อภาพรวมองค์กรมากกว่า ”
“รับทราบครับ”
บุรุษปีศาจรับคำขอบคุณ แล้วหยิบขวดแก้วบรรจุเลือดของเผ่า [มนุษย์] มารินใส่แก้วไวท์
เขารินของเหลวหนืดสีแดงใส่ลงไป หยอดเกลือตามลงไปราวหนึ่งช้อนชา แล้วบีบมะนาวใส่ราวสองหยด ก่อนจะนำมันมาแตะริมฝีปากเพื่อลิ้มรสชาติมันอย่างช้า ๆ จนหมด
“อีกเรื่อง ยังจำเหตุการณ์ [นักบวชผมสีฟ้า] ที่มาถล่มงานเลี้ยงมื้อใหญ่ของเจ้าเสือได้ไหม? ข้าเจอกับยัยนั่นที่เมืองนี้ด้วยละ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนดังของวิหารเทพนี้เอง”
“คนดังอย่างงั้นหรือครับ? ”
“ข้าว่าข้าจำหน้าไม่ผิดตัวแน่ ชื่อของมันคือ [ลาพิส ลาซูลีล] ยัยนี่กับเพื่อนของมันมีชื่อเสียงในเรื่องการป่วนชาวบ้านมานานแล้ว ข้าพึ่งจะได้เห็นหน้ายัยนี่ก็เมื่อหลายวันก่อนเป็นครั้งแรก ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนเดียวกัน”
“รับทราบครับ กระผมจะรีบไปสืบข้อมูลของเธอมาให้ท่านทันทีครับ”
“ฮะ ฮะ ฮะ เจ้านี่รู้งานดีจริง ๆ ขอบคุณมาก อีกาดำ”
“เช่นกันครับ ท่าน [บาร์-ธา-ซ่าร์] ”
ว่าแล้วเสียงตามสายก็เงียบลง
องค์กรชมรมกินเนื้อสัตว์ คาร์นิวอย คือองค์กรที่เกิดจากการก่อตั้งของผู้นำทั้ง 9 เผ่า
ในสายตาคนอื่นอาจคิดเป็นเช่นนั้น
แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับไม่ใช่เช่นนั้น
ไม่ว่าจะองค์กรใด ๆ ล้วนแล้วแต่ไม่เคยมีความเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง
ด้วยความสามารถการบริหาร ความฉลาด อำนาจ เงินตรา และความแข็งแกร่ง
ผู้ที่มีทุกสิ่งเหล่านั้นต่างหาก คือผู้นำที่แท้จริงของสิ่งที่เห็นว่าเป็นความเท่าเทียมในสายตาคนนอก
[แวนเจอร์] หรือในอีกนามว่า [บาร์-ธา-ซ่าร์] คือผู้นำตัวจริงของ ชมรมสัตว์กินเนื้อ กลุ่ม [คาร์นิวอย (carnivore) ]
“ฮืม~♫ ฮึม ♬~ หือ ♪ ~♩ ”
เขาฮำเพลงอยู่ในลำคออย่างสบายอารมณ์ ในระหว่างที่สวมสูทตัวเก่งทับลงบนเสื้อยืดสีขาว
เป็นเวลาที่เนิ่นนาน ที่พวกเขาไม่ได้กินในสิ่งที่อยากกิน
ความกระหายต่อความบ้าคลั่งที่ยากจะเข้าใจ กำลังปะทุขึ้นอยู่ภายในใจ
“ทำทุกอย่างตามใจปราถนา~ ♪”
“กินเลือด กินเนื้อ กินแม้แต่กระดูก~ ♪”
“ฆ่าฟัน ทำลายล้าง มอบปัญหา ความวุ่นวาย ภัยพิบัติ ให้เหล่าเทพผู้สร้างโลก เป็นของขวัญรับวันปีใหม่~ ♪”
“จากใจของข้า [แวนเจอร์] ปีศาจผู้ศรัทธาแห่งศาสนาเทพทั้งสาม~ ♪”
***
“ก็ประมาณนี้ จัดมาให้ผมได้ใช่ไหมโนอาร์? ”
“รายการบ้าอะไรนี่… แต่สามารถจัดหามาให้ได้อยู่ พรุ่งนี้ตอน 40 นาฬิกา ให้มาหาฉันที่โรงแรม ตรงห้องเครื่องที่แกเจอกับพวกเราครั้งแรก”
“เร็ว!”
“ความจริงถ้าทำได้ อยากให้เป็นเช้าพรุ่งนี้เลยเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้มันมืดมากแล้วนี่สิ แล้วของบางอย่างมันต้องไปซื้อนำเข้าจากเผ่าอื่นด้วย เลยลำบากที่จะไปหามาภายในช่วงค่ำมืดของวันนี้”
พูดแบบไม่คิดจะให้ลูกน้องของตัวเองได้นอนพักผ่อนกันเลยเรอะ?
ใช้งานคนโหดชิบหาย!
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องของฉันอ่าน่า~
“งั้นฉันขอตัวก่อน”
“อืม เดียวผมพาไปส่งถึงหน้าประตูให้”
ผมบินมาเปิดประตูกระท่อมขยะหลังน้อยของตัวเองให้กับแขก
ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แค่ 1 ชั่วโมง แต่การที่ได้พูดคุยกับใครสักคน มันทำให้ผมรู้สึกหายเหงาได้มากเลยทีเดียว—
*ตู้ม!*
“ฆ่ามัน! ฆ่าพวกขยะ แล้วเอาเนื้อพวกมันมากินฉลองปีใหม่! หัวหน้าไฟเขียวให้แล้ว! เทศกาลล่าเนื้อเริ่มต้นขึ้นแล้วโว๊ยพวกเรา!”
“หัวหน้า ชี เจ้าพวกบ้านี้ที่ติดเข็มกลัดรูปหม้อต้มกระดูกคือใครกันครับ!”
“ถามฉันแล้วฉันจะไปถามใครกันเล่า! เจ้า ชาง!”
กะ— เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?
ทำไม ชาง-ชี ถึงจับกลุ่มคนออกไปยกพวกตีกับคนแปลกหน้ากันละ?
แล้วเผ่าปีศาจที่สวมชุดกันหนาวสีดำ ติดเข็มกลัดรูปหม้อต้มกระดูกพวกนี้คือใคร?
แก๊งคู่อริอย่างงั้นเรอะ?
จะว่าไป ไอเข็มกลัดสีทองนั้นมันออกจะดูคุ้น ๆ ตาอยู่เหมือนกันแฮะ?
“ปกป้องกระท่อมนี้ด้วยชีวิต! อย่าให้ใครเข้าไปรบกวนการประชุมของท่านผู้นั้นได้เด็ดขาด!”
“วานาดิไนต์ มันบินอ้อมไปหลังแกคนหนึ่งแล้ว!”
“ซุนไกท์ ที่ด้านหลังเอ็งก็มีอยู่คนหนึ่งเหมือนกันวะ!”
ในจุดที่ห่างออกไปไม่ไกล มีคนคุ้มกันของโนอาร์กำลังต่อสู้อยู่
พวกเขาเล็งปืนกระบอกโตใส่อีกฝ่าย แล้วลั่นไกยิงลำแสงสีแดงขนาดหนึ่งฟุตออกไปหาอีกฝ่าย
ลำแสงนั้นวิ่งเฉี่ยวข้างลำตัว พุ่งไปอาบร่างของเผ่าปีศาจที่กำลังกางปีกค้างคาวบินอ้อมมาทางข้างหลังพวกเขา
“มันเจ็บนะโว๊ย! ไอพวกสัตว์หน้าขน!”
“โดนไปขนาดนั้นยังไม่ตายอีกเรอะ!? ”
แต่ทว่าพลังงานรังสีที่หลอมละลายได้แม้แต่ผิวหุ้มเกราะรถถัง ก็ยังไม่อาจฆ่าเผ่าปีศาจสองคนนั้นได้ภายในหนึ่งนัด
ทำได้อย่างมากก็แค่เผาผิวหนังชั้นนอกจนไหม้เกรียมไปเท่านั้น
ถ้าผมจำไม่ผิด ในยุคแรก ๆ ของเผ่าปีศาจ ผิวของพวกมันเหนี่ยวในระดับที่ทนต่อลูกปืนขนาดเล็ก แต่ไม่ทนต่อแสงรังสีนี่?
จะบอกว่าผ่านมา 100 ปี พวกมันยังสามารถพัฒนาสายพันธุ์ไปได้ในอีกระดับหนึ่งอย่างงั้นเรอะ?
เป็นเผ่าที่น่ากลัวชะมัด…
“ฮึ่ม!”
ผู้คุ้มกันของโนอาร์ทั้งสองคนกำลังถูกเผ่าปีศาจทิ้งน้ำหนักตัว พร้อมกับใช้พลังเวทย์สร้างสถาวะแรงโน้มถ่วงลงมากดทับจากด้านหน้า
สองแขนของพวกเขาจับยึดกับแขนของอีกฝ่ายที่กดลงมา แล้วเริ่มดันพลังสู้กัน
เท้า— ของฝ่ายผู้คุ้มกันกำลังจมมิดลงไปในพื้นดิน
“คิดว่าข้าคนนี้จะแพ้ในด้านการประลองกำลังเช่นนั้นหรือ! ซุนไกท์!”
“รู้แล้ว วานาดิไนต์!”
หมีไซบอร์กับกอลลิล่าไซบอร์ก สองสัตว์ใหญ่ผู้มีความภาคภูมิในพละกำลังเริ่มคำรามลั่น
เสียงคำรามของสัตว์ป่าได้ดังกระหึ่มจนแม้แต่แผ่นดินยังสะเทือน
แขนกลทั้งสองข้างเริ่มส่งเสียงทำงาน ส่งไอร้อนระอุลอยโชยทะลุผ่านเสื้อกันหนาวจนลุกวาวไปด้วยไฟสีแดง
“ระ— ร้อน!? แขนเหล็กพวกนี้เป็นของจริงหรือเนี่ย!—”
“รู้ตัวตอนนี้ก็สายไปแล้วเฟ้ย!”
ด้วยพละกำลังที่เหนือกว่า สัตว์ยักษ์ทั้งสองจึงเป็นฝ่ายดันร่างของปีศาจกลับไป
ปีกที่กระพืออย่างบ้าคลั่ง กับแรงโน้มถ่วงที่สร้างขึ้น มิ อาจต้านทานพละกำลังของสัตว์คลั่งได้
“ดะ– เดียว—!”
“ไม่มีเดียวแล้วโว๊ย!”
*โครม!*
ปีศาจทั้งสองถูกสัตว์ยักษ์อัดแซนวิชเข้าหากันอย่างรุนแรง
เขี้ยว ปีก ล้วนหักครึ่งแนบชิด ดวงตาถล่นออก เลือดไหลทะลักผ่านช่องปาก ผิวหนังบี้แบนจนกระดูกแทงทะลุออกมาตามหัวไหล่
ถึงจะไม่ตาย แต่ปีศาจผู้น่าสงสารทั้งสองตนก็ได้สิ้นสภาพที่จะเคลื่อนไหวไปอย่างถาวรในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ของพวกเขา
“ฮึ่ม!”
“โอ๊ว! นั่นท่านประชุมเสร็จแล้ว!”
เหมือนว่าผู้คุ้มกันของโนอาร์จะรู้ตัวว่าพวกเราออกมาข้างนอกกระท่อมขยะกันแล้ว
“แก๊งของผม…”
ฐานทัพของผมกำลังลุกเป็นไฟ—
ผมไม่รู้หรอกว่าพวกมันเป็นใคร แต่การที่กล้ามาบุกในถิ่นของผม— นับว่าพวกมันช่างกล้าหาญมาก
ถึงจะคิดเล่นสนุกแค่ชั่วคราว แต่ตอนนี้คนที่เป็นหัวหน้าแก๊ง [ภูติสีชาด] ก็คือผม
“บังอาจ! มารุกรานถิ่นของผมอย่างงั้นเรอะ!”
ผมจะไม่ยอมให้ใครบังอาจมาลูบคมได้เด็ดขาด
โทษของพวกแกคือ [ตายทั้งเป็น] เท่านั้น
MANGA DISCUSSION