***วันที่ 55 เรตนิว เวลา 40:00 น.***
ณ ยามราตรีที่หิมะโปรยปรายเต็มท้องฟ้า มีสตรีเผ่ามนุษย์สัตว์-แมว ขนสีเงินคนหนึ่ง กำลังเดินอยู่ในตรอกขนาดเล็ก
เธอสวมชุดกันหนาวตัวหนาที่เต็มไปด้วยขนสัตว์ แล้วดึงฮูดสีขาวขนาดเกินตัวมาปิดบังใบหน้าตัวเองเอาไว้อีกชั้น
ทว่าด้วยรูปโฉมอันงดงามของเธอ จึงทำให้เพียงแค่ริมฝีปากที่ส่งไออากาศหายใจสีขาวลอยออกมา ก็สามารถทำให้กระตุ้นความหื่นกระหายของเหล่าหมาป่าเถื่อนที่สิงสู่อาศัยในตรอกซอยแห่งนี้ได้
“ชิ…”
พวกป่าเถื่อนต่างพร้อมใจกันเดาะลิ้นส่งเสียงครางอย่างเสียดายออกมา
เพราะดอกไม้งามสีเงินดอกนั้นไม่ได้มาด้วยตัวเพียงคนเดียว
ที่ข้างซ้ายและขวาของเธอ มีเผ่ามนุษย์สัตว์ร่างใหญ่อีกสองกำลังเดินเคียงคู่กันมาด้วยสีหน้าที่ถมึงทึง
พวกเขาทั้งคู่สวมชุดกันหนาวที่ถูกย้อมขนจนมีสีดำสนิท ดึงฮูดลงมาปิดบังใบหน้า แล้วถกแขกเสื้อขึ้นเพื่ออวดแขนเหล็กกล้าให้เห็นเต็มตา
คงไม่มีใครบ้าพอจะวิ่งเข้าไปหาเรื่องกับชายที่มีร่างกายครึ่งหนึ่งเป็นเครื่องจักรกลหรอก…
แต่ถ้าหากว่าอีกฝ่ายพยายามจะลูบคมในถิ่นของตัวเอง มันก็เป็นอีกเรื่อง
ขาวหนึ่งดำสอง กลุ่มแขกลึกลับผู้มาเยือนได้หยุดลงตรงหน้ากำแพงขยะที่ถูกนำมาถมปิดเส้นทางเพียงหนึ่งเดียวของซอยระหว่างเสาค้ำถนนลอยฟ้า
บนกำแพงขยะนั้น มีป้ายกระดานไม้สกปรกถูกแกะสลักด้วยลายมือไก่เขี่ยเอาไว้ว่า [ถิ่นของภูติสีชาด]
“จะไปไหนกันหรือ? ”
ชายเผ่าลิซาร์ดแมนร่างสูงเกล็ดสีเขียว กับสตรีเผ่าปีศาจผิวสีเงินร่างโต กระโดดข้ามกำแพงขยะมายืนขวางกลุ่มแขกลึกลับผู้มาเยือน
“เส้นทางนี้เป็นเขตของ [ภูติสีชาด] ถ้ายังรักชีวิตอยู่ จงหันหน้ากลับออกไปเสีย หรือถ้าอยากผ่านเส้นทาง ก็จงจ่ายค่าผ่านทางมาด้วย [กาแฟ] … ซะ!”
สตรีปีศาจกำลังยื่นหน้าเข้าไปใกล้แขกลึกลับเพื่อข่มขู่
เธอดูไม่หวั่นเกรงกลัวแขนเหล็กกล้าของผู้คุ้มกันเลยแม้แต่น้อยนิด
แต่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุใด เลยทำให้เธอแสดงสีหน้ากล้ำกลืนฝืนทนออกมาให้เห็น ในตอนที่พูดประโยคสุดท้าย
“ฉันคือแขกของหัวหน้าพวกแก ไปบอกว่า [แมวสีเงินพร้อมขวดแก้ว] เดียวก็รู้เอง”
สตรีในชุดสีขาวว่าเช่นนั้น
“เอ๊ะ? เออ—”
“ไม่ต้องมาส่งเสียงคราง ไปบอกหัวหน้าพวกแกก่อนค่อยมาหาเรื่องก็ยังไม่สายจริงไหม? หรือว่าพวกแกอยากถูกพวกหน้าพวกแกโกรธกันละ? ”
“จะ— เจ้า [ชาง] ! แกรีบไปถามหัวหน้าก่อนซิ ฉันจะเฝ้ายัยนี่ให้เอง!”
“ระ— รับทราบครับหัวหน้า [ชี] !”
ชายเกล็ดเขียวรีบขานรับด้วยฟันเขียวอันใหญ่โตของเขา ก่อนจะกระโดดข้ามกำแพงขยะกลับเข้าไปข้างใน
เกิดเสียงดังและความวุ่นวายเล็กน้อยมาจากอีกฟากของกำแพงขยะ ก่อนจะเงียบลงจนบรรยากาศนิ่งสนิท
“หัวหน้า [ชี] ครับ! คุณหัวหน้าภูติสีชาดบอกให้พาแขกเข้ามาได้ครับ!”
“ชิ… เชิญทางนี้ค่ะ”
สตรีปีศาจเริ่มต้อนรับแขกด้วยใบหน้าที่ดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหรนัก
เธอเอื้อมมือไปพลักประตูที่ทำจากแผ่นหลังคาขึ้นสนิมเพื่อเปิดมันออก
ข้างหลังประตูบานนั้น เต็มไปด้วยคนหนุ่มสาวจำนวนมากถึง 100 ชีวิต
ส่วนใหญ่เป็นเผ่าปีศาจ กับเผ่าชาวต่างดาวที่ไม่ใช่ชนพื้นเมืองของโลกไดม่อน
บางกลุ่มนั่งรุมล้อมรับความอบอุ่นจากเตาไฟที่ใช้ขยะมาสุมจุด
บางกลุ่มกำลังกินอาหารที่ดูยังไงก็เหมือนคุ้ยมาจากเศษขยะที่ถูกทิ้ง
บางกลุ่ม กำลังช่วยเผ่านางไม้ที่แผ่ขยายชิ้นร่างกายเป็นกิ่งก้านใบ หักมันออกมาทำเป็นโครงเต็นท์ขนาดเล็กเพื่อใช้ป้องกันลมหนาว
“ไม่เคยเห็นคนยากจนหรือยังไง? ”
“เปล่า แค่คิดว่าหัวหน้าของเธอเก่งดีนะ ที่สามารถรวบรวมพวกหน้าโฉดกลุ่มนี้ให้เป็นหนึ่งเดียวได้ภายใน 6 วันที่ผ่านมา”
“… คุณรู้จักกับหัวหน้าด้วยอย่างงั้นหรือคะ? ”
“รู้แบบผิวเผิน”
“ฮึ…”
“พ่นลมหายใจอย่างเสียมารยาทต่อหน้าแขกหลายต่อหลายครั้งที่พูดถึงหัวหน้าเธอแบบนี้— แสดงว่าเธอคืออดีตหัวหน้าของที่นี่สินะ? ”
“ฉลาดดีนี่? เพราะฉะนั้นคุณแขกของคุณหัวหน้าคนปัจจุบัน ยังไงก็กรุณาระวังหลังเอาไว้ให้ดีด้วยะคะ ฮึ ฮึ ฮึ~”
“เธอกับลูกน้องเธอไม่ต้องแสดงท่าทีรังเกียจอย่างชัดเจนขนาดนั้นหรอก เพราะอีกไม่นานเจ้าบ้านั่นคงได้คืนตำแหน่งให้เธออย่างแน่นอน”
“? ”
ไม่มีบทสนทนาเพิ่มเติม ๆ ใดระหว่างแขกกับผู้นำทางอีก
พวกเขาเดินตัดพื้นว่างระหว่างเสาค้ำถนนลอยฟ้าด้วยความเงียบ
ถึงแม้จะมีสายตาของเหล่าคนเถื่อนส่งความอาฆาตพยาบาทอย่างมุ่งร้ายมาเป็นระยะ แต่แขกผู้มาเยือนหาได้สนใจแสดงท่าทีหวาดกลัวออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย
กลับกันแล้ว เธอกลับดูมีความกระหาย อยากให้อีกฝ่ายเข้ามาหาเรื่องเธอก่อนเสียมากกว่าอีก
“ถึงแล้วค่ะ”
“รสนิยมแย่ชะมัด”
แขกผู้มาเยื่อนถึงกับหลุดคำด่าออกมาโดยไม่ตั้งใจเมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าของเธอ
มันคือโดมก้อนขยะขนาดใหญ่
ถูกสร้างจากการเอาชิ้นส่วนเศษเหล็ก พลาสติก และไม้ มาอัดรวมเป็นเนื้อเดียวกันด้วยแรงดันมหาศาล แล้วก่อเรียงขึ้นมาในลักษณะของกระท่อมน้ำแข็งเอสกิโม่
ขนาดของมันไม่ได้ใหญ่โตมากนัก มีรัศมีเพียง 3 เมตร สูง 4 เมตร และมีขนาดประตูทางเข้าเพียง 1.8 เมตร เท่านั้น
“พวกเจ้ารออยู่ข้างนอก อย่าให้ใครมารบกวนการสนทนาของพวกเราเด็ดขาด ส่วนเจ้า ชื่อ [ชี] สินะ? เจ้าเองก็ห้ามเข้ามาเด็ดขาด นี่คือคำสั่ง”
“รับทราบครับ”
ชายเผ่าสัตว์ร่างยักษ์ที่มีแขนเป็นโลหะขานรับสตรีร่างเล็กด้วยเสียงอันดัง
“เป็นแค่แขกอย่ามาทำเป็นสั่ง—”
“กรุณาถอยออกไปครับ”
นางปีศาจพยายามที่จะเดินเข้าไปหยุดแขกผู้สวมชุดกันหนาวสีขาว
แต่พอเห็นปืนรังสีสงครามกระบอกเท่าควายที่ชายร่างยักษ์หยิบออกมาโชว์ให้เห็น เธอก็ถึงกับหน้าถอดสี แล้วยอมถอยออกไปเอง
“เด็กดี”
แขกผู้มาเยือนพูดด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน ก่อนจะเปิดประตูเข้าสู่กระท่อมขยะขนาดเล็ก
เข้าไปหาภูติสีชาด เพื่อนำผลลัพธ์ของภารกิจมาแสดงให้เธอได้เห็น
***
“รวบรวมวิญญาณเสร็จแล้วหรือโนอาร์? ”
“เสร็จแล้ว ว่าแต่พูดจาเสียงดังขนาดนั้นจะไม่เป็นไรหรือ? ”
“กระท่อมที่ผมสร้างเองเสียอย่าง ไม่มีทางที่เสียงจะเล็ดลอดออกไปได้หรอก แม้แต่พยายามเองก็ไม่มีทางมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างในนี้ได้ด้วย”
“พยายม? ”
“แค่ชื่อของคนรู้จัก ไม่มีอะไรหรอก ฮะ ฮะ ฮะ”
ผมกำลังต้อนรับแขกที่รู้จักดีด้วยสีหน้าที่เบิกบาน
นี่ไม่ได้โกหก เพราะตอนนี้ผมกำลังรู้สึกดีใจจริง ๆ ที่มีคนมาหา
เพราะไม่ได้เจอหน้าลาพิสกับเอโซมาตั้ง 6 วันเต็ม เลยรู้สึกดีใจมากที่มีคนรู้จักมาหา
ที่พูดนี่ไม่ใช่เพราะว่าเหงาหรอกนะ!
ไม่ได้เหงาจริง ๆ นะ!
โอเค— ยอมรับก็ได้ว่าเค้ารู้สึกเหงา…
ที่มาถล่มยึดแก๊งชาวบ้านสร้างเป็นฐานอยู่อาศัยชั่วคราว ก็เพราะรู้สึกว่าเหงาเนี่ยแหละ เลยอยากมีเพื่อนคุยด้วย
แต่เจ้าพวกนี้— มันดันไม่มีใครเต็มใจอยากจะมาคุยกับผมเลยเนี่ยสิ
ฮือ…
“ว่าแต่ตกใจเลยแฮะ ไอตอนที่แกบอกว่ามาเป็นหัวหน้าแก๊งแล้วเนี่ย? เพราะตามข่าวสารของฉัน อีแก๊งนี้มันกำหราบยากชนิดที่แม้แต่ตำรวจก็ไม่อยากมายุ่งเลยนะ”
“แค่กำหราบแก๊งอัตพาลแก๊งสองแก๊งมันไม่เหนือบ่ากว่าแรงของผมหรอก ผมว่าเธอต่างหากที่น่าทึ่งกว่า ใช้เวลาแค่วันกว่าก็สามารถสยบความวุ่นวายที่เกิดขึ้นได้แล้ว”
“เผ่ามนุษย์สัตว์มันปกครองง่ายแบบนี้แหละ แค่ฉันไปโผล่หน้าไปให้เห็นพร้อมกับพูดสองสามคำ ทุกคนก็ว่าตามอย่างเชื่อง ๆ เหมือนลูกหมาตัวน้อยกันแล้ว ปกครองโคตรง่ายเลย”
ความวุ่นวายที่พวกเรากำลังพูดถึง คือเหตุการณ์ที่โนอาร์หายตัวไปเมื่อหลายวันก่อน
ตอนแรกก็ประโคมข่าวกันยกใหญ่ว่าเป็นฝีมือของผู้ก่อการร้าย
เดากันไปเรื่อย—
พอโนอาร์กลับไปแสดงตัวว่ายังอยู่ดีครบ 32 ประการ พร้อมกับคำพูดแค่สองสามคำ เผ่ามนุษย์สัตว์ทุกคนก็หยุดทำข่าวกับคดีกันไปเอง
ไม่มีใครคิดแม้แต่จะสืบค้น หรือตั้งคำถามมากความไปกว่านี้ ว่าโนอาร์ ผู้นำสูงสุดของตัวเองหายหน้าไปไหนถึง 2 วันเต็ม
“อย่าเสียเวลามากนักเลย เพราะอีกไม่นานฉันจะต้องกลับไปอยู่ที่โรงแรมแล้ว ไม่งั้นเดียวจะวุ่นกันอีก แถมเป็นเพราะพวกแกตีกันที่วิหารเมื่อวันก่อน เลยทำให้ตารางงานเทศกาลขึ้นปีใหม่วุ่นไปหมด นี่! ของที่แกต้องการไง ขวดที่บรรจุวิญญาณจนแน่น!”
โนอาร์โยนขวดแก้วที่ถูกบรรจุแน่นไปด้วยแสงไฟสีขาวกับสีฟ้ามาให้ผม
ยะ— เยอะ!?!
ไปทำอีท่าไหน ถึงรวบรวมมาได้เยอะขนาดนี้ภายในเวลาแค่ไม่กี่วันกันเนี่ย!?
“นี่เธอคงไม่ได้ไปไล่ฆ่าคนมาหรอกใช่ไหม? ”
“เปล่า~ ไม่ได้ทำแบบนั้นหรอก~ เนี๊ยว~”
เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์
ควรจะเชื่อดีไหมเนี่ย?
ฉันนำขวดแก้วบรรจุวิญญาณมาเปิดฝาออกอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แล้วลองใช้สัมผัสวิญณาณดมกลิ่นของมันดู—
“!!!”
เหม็นโคตร!
เหม็นระดับพระเจ้ายังต้องกรีดร้อง!
กลิ่นแบบนี้— พี่แกไปรวบรวมมาจากโรงงานฆ่าสัตว์ชัว!
“ก็บอกแล้วไงว่าอย่าเอาวิญญาณของสัตว์ทั่วไปมา!”
“รู้ได้ยังไงเนี่ย? แกเองก็ตัวโตเป็นควายแล้ว อย่ามาทำเป็นเลือกกินไปหน่อยเลย แดก ๆ มันเข้าไปเถอะ!”
“เฮ้ย เดียวก่อน!? อย่ายัดเข้ามาแบบ— อุ๊ป!? อ๊อก!!”
เพราะไม่ทันตั้งตัว เลยถูกโนอาร์จับกรอกคอ…
วิญญาณของสัตว์เน่า ๆ จำนวนมากกำลังบินหาทางออกมาจากขวดแก้วผนึก
พวกมันเริ่มบินทะลักผ่านทางฝาขวดราวกับเป็นฝูงผึ้งที่แตกรัง
แต่แทนที่พวกมันจะบินไหลไปตามลำคอ กลับกลายเป็นว่าแสงไฟเหล่านั้นพากันบินทะลุแก้มและผิวหนังของผมไปแทน
ความพยายามของโนอาร์ที่ผ่านมา กำลังบินหายไปกับอากาศแล้ว~
“เอ๊ะ? ”
“อิอานใอเอาอินอันอางอากอัน! (วิญญาณใครเขากินทางปากกัน!) ”
“ไม่จริง… นี่จะบอกว่า… ต้องใช้เวลาอีกนาน… เพื่อช่วยตัวฉันอีกคน…”
แต่ยังถือว่าดวงดีอยู่ ที่ไม่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนกินของเน่า ๆ เข้าไป
“…”
โนอาร์นิ่งเงียบไปเลยแฮะ
แถมดวงตาของเธอทำท่าว่าจะร้องไห้ออกมาอีก…
อุ…! น้ำตาของเด็กสาวตัวน้อยมัน!!!
น้ำตาของเธอมันทำให้ผมใจอ่อน!
“…ช่วยไม่ได้แฮะ แบบนี้คงต้องงัดไม้เด็ดออกมาใช้กันแล้ว”
“ฮืม? ”
วิธีการนี้ออกจะเป็นการแหกกฏโลกคนตายอยู่บ้างเล็กน้อย
แต่มันช่วยไม่ได้อ่า~น้า~
เพราะน้ำตาของเด็กสาว มันสำคัญกว่ากฏของเทพเจ้า~ (ขอย้ำว่าอายุโนอาร์มากกว่าเลขสามหลัก)
“โนอาร์ อยากไปทัวร์โลกวิญญาณกับฉันในช่วงก่อนสิ้นปีนี้ไหม? ”
ถ้าหากว่าการวิญญาณจากโลกคนเป็นมันยุ่งยากวุ่นวายนัก งั้นก็ไปหาวิญญาณจากโลกคนตายแทนเสียเลย
ที่บ้านของฉันทางฟากนู้นนะ มันมีเก็บสำรองเอาไว้อยู่เพียบเลยละ~
MANGA DISCUSSION