“ผมจะล่อสองคนนั้นเอาไว้เอง ส่วนเธอแยกไปตามจับวิญญาณก่อนเลย!”
“เอ๊? เออ? ”
“ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว!”
ผมสร้างระเบิดลมขึ้นตรงหน้า เพื่อพลักเธอให้กระเด็นออกไป
ตอนนั้นเองที่มีขกนกสีทองคมดุจใบมีดเข้ามาวิ่งตัดผ่านหน้า
*ฉึบ!*
เจ้าขนนกที่ว่าได้วิ่งพลาดเป้า แล้วไปตัดรูปปั้นสำริดที่ตั้งอยู่ข้างหลังจนขาดครึ่ง
รอยตัดของรูปปั้นนั้นได้ถูกตัดออกอย่างเรียบสนิท ประหนึ่งถูกเฉือนด้วยใบมีดเลเซอร์กำลังสูง
“…”
โนอาร์มองดูรอยที่ถูกตัดไปของรูปปั้นโดยไม่พูดอะไร
“เข้าใจแล้ว นี่เบอร์ติดต่อของฉัน ถ้าแกหายตัวหนีไป ฉันจะใช้อำนาจทั้งหมดที่ตัวเองมี ตามล่าแกให้ถึงสุดขอบฟ้าเลยคอยดู”
โนอาร์โยนกระดาษแผ่นหนึ่งให้ผม ก่อนจะดึงฮู้ดกันหนาวขึ้นมาปิดใบหน้า แล้วหนีหายไปกลางฝูงชนที่กำลังมารวมตัวตรงลานของวิหารด้านล่าง
ว่าแต่… คนมารวมกันถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหรกันเนี่ย?
*ฉัวะ!*
เกิดเสียงบางอย่างที่ถูกฟันขาดครึ่งดังลั่นไปทั่วหลังคากระเบื้อง
หอคอยระฆังฝั่งทิศเหนือที่พวกเราอยู่กันเมื่อกี้ ได้ขาดสะบั้นออกเป็นสองท่อนจากคมปีกของเอโซ
ระฆังสำริดขนาดยักษ์ หมุนควงใจกลางอากาศ ส่งเสียงกังวาลเป็นจังหวะอย่างน่ารำคาญ ก่อนจะเงียบงันพร้อมกับที่มันฝังตัวลงไปในผิวดินด้านล่าง
” คิดจะหนีไปไหนแมรี่!”
[กลับมาให้ตีก้นเสียดี ๆ นะคะ Xd]
” เหวอ!?! กับอีแค่ตามจับผม ไม่ต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นก็ด้ายยยยย!”
ผมรีบออกตัวบินหนีทันทีโดยสัญชาตญาณ
เลือกใช้ประโยชน์จากหลังคาที่เต็มไปด้วยหุ่นสำริดประดับเป็นสิ่งกีดขวาง แล้วบินลัดเลาะหักเลี้ยวไปมาเพื่อสร้างความลำบากในการไล่ล่า
“คิดว่าหุ่นสำริดโง่ ๆ จะช่วยให้หนีจากพวกเราได้อย่างงั้นหรือ? ”
เสียงของเอโซกำลังดังไล่ตามหลังมา
เส้นสีทองวิ่งไล่เส้นสีแดง วาดผ่านเป็นสองสายยาวอยู่บนผืนกระเบื้องหลังคาสีน้ำตาลที่สะท้อนเงาแสงอาทิตย์ยามเช้า
เส้นทางที่สองสีนั้นวิ่งผ่าน จักถูกบดขยี้สิ้นให้กลายเป็นซากอาคารที่ถูกทิ้งร้าง
ทุกคร่าที่ปีกสีทองของผู้ล่าได้สะบัดลง จักบังเกิดขนปีกที่คมกริบเสมือนลูกดอกเหล็กปลายแหลม
ความเร็วของขนนกลูกดอกนั้น มีไม่ต่ำกว่า 300m/s
เร็วดั่งเป็นลูกปืนสังหาร
ทุกสิ่งที่ขวางทางมัน ไม่ว่าจะเหล่าหุ่นสำริด หรือแผ่นกระเบื้องหลังคาสีน้ำตาลที่วางเรียงรายอย่างวิจิตรศิลป์ ล้วนต่างถูกแรงลมปัดกวาดยกขึ้นสูง ถูกเจาะเป็นรูพรุนด้วยความแข็งพิกลของขนปีก ทำให้ทุกสิ่งที่ขวางเส้นทางการดจมตีกลายเป็นรังผึ้ง ทำลายพินาศสิ้นประหนึ่งถูกภัยธรรมชาติลงทัณฑ์
“เอโซ! ใจเย็น ๆ หน่อย! เล่นปารัวแบบไม่สนใจอย่างงั้น เดียวเธอก็ได้กลายเป็นนกหัวโกร๋น หมดความน่ารักไปกันพอดี!”
“ว่าใครเป็นนกหัวโกร๊นกันยะ!”
กลายเป็นไปเพิ่มความโกรธของยัยนั้นแทนซะงั้น!
บนพื้นเบื้องล่างของการไล่ล่า คือเหล่าผู้คนของวิหารที่เริ่มรู้สึกตัวถึงภัยพิบัติที่กำลังเริ่มก่อตัว
พวกเขาล้วนต่างเงยหน้ามองขึ้นสูงตามเสียง แล้วหรี่ตาสู้แสงอาทิตย์ยามเช้าเพื่อเค้นมองต้นเหตุแห่งความวายป่วงทั้งปวง
“ฝีมือของพวกสามแสบอีกแล้ว! กลับมาได้วันเดียวก็คิดที่จะถล่มวิหารทิ้งเลยอย่างงั้นเรอะ!? ”
“ใครก็ได้ ช่วยรีบไปตามแม่ชีเทเรซ่ามาหยุดพวกเธอเร็ว!”
“เออ… เหมือนว่าแม่ชีเทเรซ่าจะออกไปทำธุระที่เมืองข้าง ๆ ตั้งแต่เมื่อคืน กว่าจะกลับคงเป็นพรุ่งนี้…”
“เวร!”
คุณป้าไปทำธุระที่ต่างเมือง?
ก็ว่าอยู่ว่าทำไมถึงไม่เห็นตัวตั้งแต่เช้า
“อ๊ะ? แย่ละสิ!”
เพราะดันสมาธิหลุด เลยทำให้ถูกลาพิสอ้อมมาดักข้างหน้าตั้งแต่เมื่อไหรก็ไม่รู้
เรียวขาสวยงามที่สามารถบดได้แม้แต่รถถังของเธอ มันกำลังฟาดเป็นวงท่าฟาดหางจระเข้อย่างสวยงาม ตรงมาทางใบหน้าของผม
บะ— บาเรียระดับแข็งสุด!
*โครม!!*
ผมกำลังปลิว
กำลังปลิวเป็นลูกปืนใหญ่ที่ถูกยิงออกมาจากปากกระบอกปืน
ปลิวไปพร้อมกับม่านสสารมืดที่ผสมเข้าด้วยกันกับคลื่นพลังงานแรงสูง ผสานกับคลื่นพลังงานวิญญาณ
ทั้งที่มันคือม่านบาเรียที่ถูกป้องกันทั้งทาง กายภาพวัตถุ – พลังงาน – วิญญาณ แต่มันกลับเกิดรอยยุบเป็นรูปฝ่าเท้าลึกเข้ามาถึง 1 ข้อศอก
เจ้าบาเรียทรงกลมที่ไม่อาจควบคุมทิศทางการลอยตัวเพราะถูกแรงฟาด กำลังพุ่งตรงลงไปที่สวนข้าวโพดแป้งสีขาวด้านหลัง
บอลสีดำสนิทลูกนั้นได้ลื่นไถลไปตามแรงส่ง ระเบิดผิวดิน พร้อมกับเปลี่ยนภูมิทัศน์ของสวนทั้งหมดให้กลายเป็นเศษดินกับขี้โคลนไปในพริบตา
ถึงจะรอดมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ถ้าถูกลูกถีบนั้นเข้าไปเต็ม ๆ คิดว่าคงมีสภาพที่ไม่ค่อยสวยเท่าไหรนัก
ยัยสองคนนี้มันเอาจริงนี่หว่า…
ถ้าไม่สู้กลับ มีหวัง [ซี้ แหง่ แก๋]
“!!!”
มีบางอย่างกำลังพุ่งตามลงมาจากหลังคา
มันคือขนนก
ขนนกสีทองจำนวนสามเล่มกำลังหันปลายแหลมมาตรงที่หน้าผาก
ราวกับเวลาได้ถูกหยุดลง
ชั่วขณะแห่งเสี้ยววินาทีแห่งความเป็นกับความตาย สมองได้ถูกรีดเร้นทำงานอย่างเร่งด่วน
ความเร่งด่วนของการเร่งคำนวณวิเคราะห์ ทำให้การมองเห็นรอบตัวตกอยู่ในสภาพที่เสมือนได้หยุดเวลา
หลบไม่ทัน
กางบาเรียไม่ทัน
คงเหลือแค่วิธีนั้นวิธีเดียว
“บิดมิติ!”
ก่อนที่ปลายขนนกสังหารจะสัมผัสกับผิวสีแทน มิติตรงที่ว่างได้เกิดการบิดผันขึ้น
มิติที่บิวเบี้ยวนั้น กำลังโค้งหมุนเป็นวังน้ำวน เพิ่มระยะทางของที่ว่างให้ยืดยาวบน ณ จุด ๆ หนึ่งของเส้นเวลา
เสมือนหนึ่งจากระยะทางเพียงหนึ่งนิ้วสัมผัส ได้ถูกยืดออกให้ห่างออกไปไกลนับหมื่นลี้เช่นนั้น
“ฮึม!”
ผมรีบใช้จังหวะที่ยืดระยะทางการวิ่งของขนนก เพื่อเอาตัวเองบินหลบออกมา
แต่ไม่วายรอดพ้นอันตราย
ราวกับเอโซเดาเอาไว้แล้วว่าผมต้องหาทางป้องกันได้ เลยมีขนนกสีทองพุ่งไล่ตามในตำแหน่งที่ผมกำลังจะฉีกตัวออกมาในทันที
แถมในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ลาพิสก็จะไล่ตามมาทันแล้วด้วย
“เดียว เดียว เดียว! จะโหดไปแล้วนะยะ! ขอเวลาทางนี้พักหายใจหน่อยสิ!”
“ใครมันจะโง่ปล่อยให้เธอมีเวลาใช้พลังภูติกันละ? มันคือกฏพื้นฐานของการสู้กับพวกสายจอมเวทย์เลยนะ~”
เอโซว่าเช่นนั้น แล้ววิ่งขนานไปกับเส้นทางที่ผมกำลังบินฉีกหลบขนนกของเธอ
เพราะหลบพ้นไม่หมด เลยต้องใช้สมาธิกับการสร้างมิติบิดเบี้ยวในการยืดระยะทางโจมตีของเธอ เพื่อซื้อเวลาในการบินหลบออกไป
“อีกไม่ถึง 2 วินาที ลาพิสก็จะไล่ตามทันแล้ว ฉันว่าเธอยอมแพ้—”
*พลั๊ก!!*
เป็นรอบที่สองของวัน ที่ต้องปลิวกระเด็นเหมือนลูกปืนใหญ่
เพราะเอโซพูดมากเกินไป เลยทำให้ผมไหวตัวกางบาเรียป้องกันตัวเองเอาไว้ได้ทันเวลา
ไม่อย่างงั้นคงตัวขาดครึ่งเพราะลูกถีบที่พุ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ของลาพิสไปแล้ว
ฮือ… แต่ละการโจมตี นี่กะเล่นเอาถึงตายเลยไม่ใช่หรือยังไง?
เป็นเพื่อนกันแท้ ๆ …
ทั้งที่ผมออมมือ ไม่ใช้เทคนิคสร้างรูหนอนเพื่อสะท้อนการโจมตีของพวกเธอ… หรือฮีกร่างของพวกเธอออก…
แต่พวกเธอกลับ…
โหดร้ายอ่า…
เค้าจะร้องไห้แล้วนะ…
ร้องไห้จริง ๆ นะ…
แง…
“…”
ว่าแต่นี่ผมจะลอยไปถึงไหนกันเนี่ย?
เหมือนว่าจะลอยเป็นวิถีโค้งสวยงามเลย?
ลอยโค้งเหมือนลูกโฮมรันที่ไม่รู้ว่าจะลอยไปถึงไหน~
ฉันจะลอย~♪ ลอย~♪ ลอยไปถึงสุดขอบฟ้า~♬ ♫~♩
ยังมีอารมณ์จะมาร้องเพลงได้อีกนะเรา
ฮะ ฮะ ฮะ
*บรึ้ม!*
ในที่สุดเจ้าบอลเจ้ากรรมก็หยุดลงได้เสียที
“ที่นี่… ทุ่งหญ้านอกเมือง? ”
ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มองเห็นแต่ทุ่งหญ้ากว้าง กับเส้นทางลาดยางที่ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล
มีรถระบบล้อยาง กับยานเหาะอากาศสองสามคันวิ่งผ่านเป็นระยะ แต่ไม่มีคันไหนที่คิดจะหยุดดูผมที่กำลังปีนขึ้นมาจากหลุมอุกกาบาต
ไม่มีวี่แววของสหาย ไม่มีวี่แววการส่องมองดูจากโลกวิญญาณของท่านยม
“นี่เราหนีรอดมาได้? ”
โชคดีชะมัดยาดเลยวุ้ย!
สมกับที่เป็นยัยสมองกล้ามลาพิส คงลืมกะกำลังจนเผลอส่งผมปลิวออกมาไกลเกินไป เลยทำให้ไล่ตามไม่ทัน
โชคดีจริง ๆ เลยนะเราเนี่ย~
***ในเวลาเดียวกัน***
ณ ที่สวนข้าวโพดแป้งของวิหารเทพทั้งสาม
“แย่ละ แย่ละ ลาพิสแตะแรงไปหน่อยไหม? แบบนี้คงไล่ตามไปไม่ทันแล้ว~”
[ก็สั่งให้ฉันทุ่มสุดแรงเองนี่คะ •ิ_•ิ) ?]
“เอาน่า~ เอาน่า~ นาน ๆ ทีคนมันก็ต้องมีออกคำสั่งพลาดกันบ้าง~ ในเมื่อปล่อยให้หลุดมือไปแล้ว ก็ปล่อยไปแบบนั้นเลยแล้วกัน~”
[จงใจสินะคะ (ᗜˬᗜ) ]
“จุ ๆ ! รีบเก็บป้ายนั้นลงไปเลยนะยัยบื้อ!”
นักบวชที่มีผมสีเหลือง รีบวิ่งเข้าไปเก็บป้ายข้อความของนักบวชผมสีฟ้า
“ (ถึงจะไม่ค่อยพอใจ และไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรก็เถอะ แต่— ยัยแมรี่คงมีความจำเป็นบางอย่าง ตอนนี้พวกเราทำได้แค่เล่นละครลิงหลอกท่านยม เพื่อให้แมรี่ไปจัดการเรื่องของเธอไปก่อนเท่านั้น) ”
เธอกระซิบเบา ๆ ราวกับกำลังระแวงว่าจะมีใครได้ยิน
[แต่ฉันกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิด แล้วเกลียดพวกเรานะคะ…]
“ (คงไม่โง่ขนาดนั้นหรอกมั้ง? เพราะอย่างตอนที่สู้กับพวกเรา ยัยนั่นยังช่วยออมมือให้อยู่เลยไม่ใช่หรือ? ฝีมืออย่างยัยนั่นถ้าเอาจริง กับอีแค่ลบเมืองสองเมืองให้หายไปภายในหนึ่งนาที น่าจะทำได้ไม่ยากนักหรอก) ”
นักบวชผมสีเหลืองไม่ได้รู้เลยว่าสหายของเธอได้เข้าใจผิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…
“ (เอาเป็นว่าตอนนี้พวกเรารีบซ่อมวิหารกลับให้เป็นปกติก่อนที่ป้าเทเรซ่าจะกลับมาก่อนดีกว่า) ”
นักบวชผมสีเหลืองกระซิบบอกสหายของเธอ
“ (ไม่อย่างงั้น พรุ่งนี้พวกเราสองคนได้ตูดบานแน่…) ”
ก่อนจะพูดทิ้งท้ายด้วยใบหน้าของคนที่ถูกบังคับให้กลืนยาขมลงคอเป็นการทิ้งท้าย
MANGA DISCUSSION