ตอนนี้ผมรู้ความปราถนาของโนอาร์แล้ว ทั้งฝั่งบุคลิกที่ดุร้ายกับบุคลิกที่อ่อนโยน
“ฮะ ฮะ ฮะ…”
พอรู้ความจริงนี้เข้า เลยทำให้แค่หัวเราะแห้ง ๆ ออกมา
ผมเข้าใจความรู้สึกนี้อยู่นะ
เพราะว่าผมเองก็เป็นเทพที่มีอายุมานับพันปีแล้วเช่นกัน
ตัวเองมีชีวิตเป็นอมตะ ในขณะที่คนรอบข้างมีแต่ทยอยกันจากไปเกิดใหม่อีกชาติภพ
ของผมยังดีที่มีสหายรักทั้งสองคนคอยอยู่เป็นเพื่อน
แต่เธอคนนี้ไม่มีใครเลย…
“เอาคืนมา… เอาเธอคืนมา…”
น้ำตาของสาวน้อย—
“… ดีละ! ตัดสินใจแล้ว! โนอาร์! เธอไม่ต้องร้องไห้! ถึงเธอจะไม่รู้จักผม แต่ผมนั้นรู้จักเธอดี! ถึงผมจะเป็นคนฆ่าตัวเธออีกคน แต่เธอคนนั้นยังไม่ได้ตายไปจริง สบายใจได้! จงวางใจทุกอย่างให้ผม! ผมจะช่วยเธอ แสดงปฏิหาริย์ให้เธอเห็นเอง! ”
“…? ”
เธอกำลังเงยหน้ามองมาทางผมด้วยสายตาของคนที่สับสน
ไม่เชื่อใจอย่างงั้นหรือ?
แต่ไม่เป็นไร เพราะอีกเดียวเธอจะเชื่อใจในสิ่งที่ผมพูดเอง
เพราะว่าตัวจริงของผมนะคือ—
“เพราะว่าผมคือ เทพไร้ขา [แมรี่ โกลด์] เทพตัวจริงเสียงจริงยังไงละ!”
***วันที่ 48 เรตนิว เวลา 15:00 น.***
” ยัยแมรี่มันหายไปไหนของมันกันเนี่ย? ลาพิส เธอหายัยนั่นเจอไหม? ”
[ไม่เจอค่ะ ดูท่าว่าเธอจะใช้อะไรบางอย่างมาบังคลื่นวิญญาณตัวเองเอาไว้ค่ะ]
“ขนาดเธอยังหาไม่เจอ แบบนี้ท่านยมเองก็คงไม่เจอเช่นกัน ให้ตายสิ หายไปไหนของยัยนั่นกันแน่? ”
แอบรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
เพราะวันนี้คิดว่าจะใช้เวลาว่างไปจัดการเรื่องสืบสวนวิญญาณของท่านยมกับทุกคนสักหน่อย แต่กลายเป็นต้องมาปวดหัวกับเรื่องของยัยแมรี่แทน
ยัยแมรี่หายตัวไปตั้งแต่เช้าเมื่อวานนี้
เห็นลาพิสบอกว่า สัมผัสวิญญาณสุดท้ายที่จับได้ คือเธอกำลังกินใครสักคนเข้าไปอยู่
หลังจากนั้นไม่นาน ท่านยมก็ส่งคนของเขามาหาพวกเรา พร้อมกับแจ้งว่าให้ตามจับยัยแมรี่ เพราะยัยนั่นดันไปทำผิดกฏของเทพเข้าให้
คดีก็ไม่พ้นเรื่องที่ยัยนั่นไปเผลอกินวิญญาณคนเป็นนั่นแหละ
ยัยบ้าแมรี่เอ๊ย…
พวกเราไม่มีทางขายเพื่อนหรอก ต่อให้ต้องกลายเป็นศัตรูกับท่านยมก็ตาม!
เพราะงั้น รีบ ๆ กลับมาได้แล้ว!
“แต่พูดไปก็เท่านั้น… ช่วยไม่ได้ เราต้องจัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง วันนี้คือวันว่าง ต้องใช้โอกาสนี้สืบสวน ส่วนเรื่องของแมรี่ค่อยเอาไว้จัดการทีหลัง”
[ได้ค่ะ (•ิ_•ิ\) ]
ฉันเริ่มเดินนำลาพิสไปที่สวนข้างหอพัก
เสียงพูดคุยสนุกสนานของบรรดาเจ้าหนูไซน์ ทั้งร่างหลักกับร่างโคลน กำลังดังอื้ออึงอย่างไร้ซึ่งความเกรงใจผู้คน
ในพื้นที่ห่างออกไปไม่ไกล แถวหน้าทางเข้าสวน มีร่างของแม่กระต่ายสาวที่กำลังนั่งสมาธินิ่ง ท่ามกลางเสียงหนวกหูแสนซนของเจ้าพวกลูกลิง
ดีมาก ขอให้พวกเธอวุ่นวายอยู่ตรงนั้น อย่ามาหางานเพิ่มให้กับพวกเราวันนี้เชียวละ
ฉันเดินตัดผ่านสวนยามเช้า โดยไม่สนใจความวุ่นวายของบรรดาลูกลิงที่เกิดขึ้น
ผ่านทิวต้นพืชที่ดูคล้ายฝักข้าวโพดที่มีสีขาวสะอาด ตรงไปทางกระท่อมไม้ซุงโทรม ๆ หลังหนึ่ง
กลิ่นอายไม้เก่าแก่ที่ชวนคิดถึง เริ่มลอยโชยมาแตะปลายจมูก
ที่บนประตูไม้ของกระท่อม มีป้ายขนาดใหญ่ถูกตอกยึดเอาไว้อย่างหยาบคาย ด้วยลายมือที่ดูคุ้นเคย
ป้ายที่มีข้อความว่า [กระท่อมของสามเทพ อย่าได้บังอาจเข้ามาก่อนได้รับอนุญาต]
*เอี๊ยด~*
เสียงผิวไม้ที่เสียดสีกับบานพับเหล็กขึ้นสนิม กำลังดังขับขานพร้อมกับสองปีกที่พยายามออกแรงเปิดมันออกมา
แสงสว่างจากภายนอก กำลังวิ่งลอดผ่านรอยแยกเข้าสู่ภายในกระท่อมไม้
ฝุ่นและหยักใยที่ไม่ถูกแตะต้องมายาวนานกว่า 10 ปี ต่างเริ่มกรีดร้อง แล้วปลิ้วกระจายไปตามสายลมที่มาเยือน
“ไม่ได้เปิดใช้งานมานานเลยแฮะ”
[ก็พวกเราสามคนเล่นยึดเอามาใช้เป็นฐานของตัวเอง เลยทำให้ไม่มีใครกล้ามายุ่งนั่นละคะ ^_^]
“ลองมีใครมายุ่งกับทีนี่สิ ฮึ~ฮึ~ฮึ~ ไม่อยากจะคิดว่าคน ๆ นั้นจะเจอกับอะไรบ้าง”
เรากำลังยิ้มให้กับตัวเองอย่างชั่วร้าย
กระท่อมไม้ซุงโทรม ๆ หลังนี้ ความจริงคืออาคารเก็บอุปกรณ์ทำสวน
แต่ด้วยความซนแสบระดับพระเจ้ายังต้องวิ่งหนีของพวกเรา เลยทำให้ไม่มีใครอยากจะมายุ่งกับกระท่อมโทรม ๆ ที่ถูกพวกเรายึดมาเป็นของตัวเอง
พอไม่มีใครมายุ่ง พวกเราเลยถือโอกาสดัดแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กลายฐานทัพน้อย ๆ ของพวกเราไป
สิ่งแรกที่เห็น คืออุปกรณ์ทำไร่เก่า ๆ ที่วางคู่กับหุ่นยนต์เก็บผักรุ่นเก่าเก็บที่เต็มไปด้วยสนิม
บนชั้นวางไม้ มีแกนคริสตัลผิวแตกร้าว ที่ใช้สำหรับสร้างโกเล็มที่เป็นเทคโนโลยีหุ่นยนต์ของเผ่าภูติ วางสุ่มกองเอาไว้เหมือนกองขยะ
ที่มุมในสุด มีรถติดล้อยางรุ่นเก่าที่ใช้ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงสุดเหม็นฉุน เพราะเต็มไปด้วยเชื้อรา จอดนิ่งเอาไว้
หากดูผิวเผิน จะเห็นเป็นแค่ที่เก็บของเก่า ๆ ไม่มีค่าอะไร
แต่ถ้าหากว่ามีใครทะลึ่งเดินเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพวกเรา และไม่สนใจป้ายเตือนอันตรายที่แขวนเอาไว้ตรงหน้าประตู รับรองว่าจะได้พบกับนรกทั้งเป็น
“เออ— ก่อนอื่นต้องปลดกับดักก่อน— น่าจะอยู่ตรงนี้มั้ง? ”
ฉันเอาปีกของตัวเองไปขยับเส้นด้ายเล็ก ๆ ที่วางขึงอยู่ระดับข้อเท้าด้านล่างตรงหน้าประตู
“แล้วก็ตรงนี้~”
หลังจากนั้นก็เอื้อมไปปิดเซ็นเซอร์เล็ก ๆ ตรงผนังด้านข้าง
“กับตรงนี้”
ต่อด้วยเอาเท้าไปเขี่ยพื้นใต้พรม เพื่อปลดสลักกับดักหลุมพรางอย่างง่ายบนพื้นออก
[จะว่าไปแล้ว ข่าวเมื่อเช้านี่ทำเอาทุกคนวุ่นอยู่เหมือนกันนะคะ]
“หมายถึงข่าวการหายตัวไปของโนอาร์ กับสัญญาณดาวเทียมสงครามของเผ่ามนุษย์สัตว์ ที่อยู่ ๆ ก็ทำงานจนเกือบยิงถล่มใส่เมืองนี้นะหรือ? ”
มันเป็นข่าวใหญ่ของเช้าวันนี้
เมื่อวานตอนเช้าตรู่ อยู่ ๆ เผ่ามนุษย์สัตว์ก็มีการออกคำสั่งยิงโจมตีใส่เมืองหลวงของเผ่าปีศาจบนทวีปคริสตัล ด้วยดาวเทียมสงคราม
แถมเป็นเพราะสัญญาณคำสั่งนั้นถูกส่งมาจากตัวของเทพเจ้าของพวกเขา [โนอาร์] ที่เป็นคำสั่งระดับสูงสุด เลยทำให้ไม่มีใครสามารถไปยกเลิกคำสั่งนั้นได้
ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไร อยู่ ๆ คำสั่งที่ว่าก็ได้ถูกหยุดเอาไว้กลางคัน ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มรู้ตัวกันว่าเทพเจ้าของพวกเขาได้หายตัวไป
เพราะไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร พวกเขาเลยสันนิษฐานกันว่าเป็นฝีมือของพวก [กลุ่มต่อต้านเทพเจ้า โนอาร์] ที่มีมาตั้งแต่ยุคบุกเบิกเมื่อ 100 ปีก่อนหน้านี้
สำหรับฉันแล้ว ข้อสันนิษฐานนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่งี่เง่ามาก
เพราะไอกลุ่มที่ว่านั้น ปณิธานกับอุดมการณ์ของพวกมันได้ตายหายไปพร้อมกับอายุขัยของพวกมันไปตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์ที่ 65 แล้ว
ฉันที่ส่องดูโลกนี้เป็นระยะในสมัยที่เป็นเทพเจ้า ย่อมรู้ความจริงนี้ดี
ให้ตายเถอะ ทำไมช่วงนี้ถึงมีแต่เรื่อง
ทั้งต้องหาทางคิดช่วยเด็กไซบอร์กของยัยกระต่าย (ถึงจะเล็งผลประโยชน์ร่วมที่จะเกิดขึ้นในหลังจากนั้น)
ทั้งเรื่องของยัยแมรี่ที่ไม่รู้ว่าดันเป็นบ้าอะไรขึ้นมา
แล้วยังอยู่ ๆ มีข่าวการหายตัวไปของโนอาร์ที่เป็นเป้าหมายถัดไปของพวกเราอีก
“เดียวก่อน… ยัยแมรี่ที่หายตัวไปเพราะต้องสงสัยว่าไปกินวิญญาณใครสักคน กับโนอาร์ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ…”
เวลามันเหมาะเจาะเกินไป
อย่าบอกนะว่าคนร้ายก็คือ—?
เออ… คงไม่ใช่หรอกมั้ง?
เพราะฉันว่าฉันเคยบอกแผนการเดิมของฉันให้ยัยนั่นไปแล้ว ว่าจะให้ยัยแม่กระต่ายสาวเป็นคนจัดการสังหารโนอาร์ แล้วพวกเราค่อยเก็บกู้วิญญาณมาในฐานะคนตาย
ทีนี้ เราจะมีแอบชิมรส หรืออยากจะทำอะไรก่อนส่งให้ท่านยม มันก็ไม่มีใครมาว่าพวกเราได้
ถ้าทำแบบนี้ มันจะสามารถเลี่ยงบาลีกฏของเทพเจ้าได้ ไม่กลายเป็นปัญหาในภายหลังด้วย
ต่อให้ยัยบ้านั่นรักของน่ารัก ๆ แค่ไหน ก็คงไม่น่าถึงขนาดโง่บุกไปฆ่าโนอาร์ตรง ๆ เพื่อเอาวิญญาณของโนอาร์มานวยเล่นหรอก
ถึงจะคาดหวังแบบนั้น แต่ภายในใจลึก ๆ กลับมีความรู้สึกไม่สบายใจก่อตัวขึ้นมา
ฉันส่ายหัว แล้วใช้ปีกเปิดพรมเน่า ๆ ขึ้นมา เพื่อเตรียมเปิดประตูลับลงสู่ชั้นใต้ดินของกระท่อม
ใต้พรมและพื้นไม้ที่วางปูอย่างเรียบง่าย มีบันไดหินทอดตัวยาวลงไป
รอบกำแพงของบันได มีอักขระสีแดงที่เห็นแล้วชวนขนหัวลุกถูกเขียนจารึกเอาไว้ ตลอดทั้งระยะของบันไดที่ทอดตัวลงไป
มันคือภาษาของโลกคนตาย เป็นวงจรพลังงานวิญญาณชนิดหนึ่ง ที่เอาไว้ใช้ [กักขัง] ดวงวิญญาณ
นอกจากใช้เพื่อกักขังวิญญาณแล้ว มันยังช่วยทำให้เวลามีคนปกติมาพบ แล้วพยายามเดินผ่านลงไป พวกเขาจะรู้สึกเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างพยายามกระชากวิญญาณให้หลุดออกจากร่างกาย เป็นเหตุให้รู้สึกไม่ดี หวาดกลัว จนไม่อยากคิดที่จะก้าวเท้าเดินลงไปต่อ
แถมมันยังมีคุณสมบัติปิดกั้นพื้นที่ ไม่ยอมให้เทพสอดรู้สอดเห็นตัวไหนมาแอบดูพวกเราจากอีกมิติได้อีกด้วย
“ลาพิส ไม่ได้ลืมขวดบรรจุวิญญาณใช่ไหม? ”
[เอามาแล้วค่ะ :3]
สหายหัวฟ้าถือขวดแก้วบรรจุวิญญาณสีฟ้าออกมาโชว์ให้เห็น
มันคือวิญญาณตัวการที่ท่านยมบอกให้พวกเราสืบสวนตัวนั้น
ฉันตั้งใจที่จะนำมันออกมาในพื้นที่กักขังข้างใต้นี้ เพื่อสืบสวนว่าใครคือตัวการที่สอนมันให้รู้วิชาของเทพเจ้า
“อ๊า~ ห้องที่แสนคิดถึง”
ฉันกับลาพิสเดินลงมาราว 50 ขั้น จนกระทั้งมาถึงห้องใต้ดินที่มืดและชื้นเหม็นอับ
ตะเกียงไฟนีออนเล็ก ๆ ถูกจุดขึ้นพอเป็นแสงสว่าง เพื่อให้โลกที่มืดมิดนี้สุกสว่าง
บนพื้นมีวงแหวนเวทย์มนของโลกคนตายถูกวาดเขียนเอาไว้ด้วยผงสีรุ้ง ที่บดมาจากก้อนคริสตัลแห่งชีวิต
กำแพงซ้ายและขวาคือกำแพงหินที่ถูกลงลวดลายอักขระสีแดงของภาษาโลกคนตาย เหมือนกับพื้นที่ตรงบันได
ตรงผนังด้านในสุด คือชั้นวางไม้ที่มีอุปกรณ์จากโลกฝั่งคนตาย ที่พวกเราแอบสร้างมันขึ้นมาเอง
มีตั้งแต่ผ้าคลุมนักบวชป้องกันผี ขวดแก้วกักขังวิญญาณ อาวุธที่ใช้ต่อกรกับพวกผีร้าย รวมไปถึงคริสตัลวิญญาณทีมีคุณสมบัติดึงดูดวิญญาณ
บนชั้นวางที่ว่างเปล่านี้ คืออุปกรณ์ที่ไม่ควรมีอยู่ในโลกของคนเป็น เลยต้องเอามาแอบ ๆ ซ่อนเอาไว้ในสถานที่แห่งนี้
“…”
เดียวก่อนสิ…
ทำไมชั้นวางของตรงนั้นมันถึงว่างเปล่ากันได้ฟะ?
แล้วแบบนี้ฉันจะเอาอุปกรณ์ที่ไหนมาใช้ทำการสืบสวนกันเนี่ย?
คนที่รู้ และน่าจะมาหยิบเอาไปใช้ มันมีเพียงแค่สามคนบนโลกใบนี้…
“ยัย— แม—รี่—โกลด์—!!!!”
MANGA DISCUSSION