“แว๊กกกกกก!! ซวยแล้ว! ถ้าท่านยมดูอยู่ ต้องโดนเฉ่งแน่ ๆ !? เขาคงไม่เห็นหรอกใช่ไหม!? ใช่ไหม! ท่านคงไม่ว่างมาดูพวกเราตลอดเวลาหรอกใช่ไหม!? ถ้าท่านเห็นทุกอย่างจริง คงไม่ส่งพวกเรามาทำงานนี้บนโลกคนเป็นหรอก!”
การกินวิญญาณคนเป็นที่ไม่ใช่วิญญาณหลงโดยพลการ มันมีโทษหนักในหมู่กฏของเทพเจ้า
เพราะถ้าปล่อยให้เทพเจ้าลงมากินวิญญาณคนเป็นได้ตามใจชอบ มันจะทำให้เกิดการเสียสมดุลทางธรรมชาติระหว่างมิติคนเป็นกับคนตาย
บทลงโทษจึงหนักมาก
ขั้นหนักสุดคือถูกทำลายกายวิญญาณ จนสูญเสียความเป็นตัวตนอัตตาไปตลอดการ
ซวยแล้ว!
ก่อนอื่นต้องสำรอกกลับออกมาก่อน!
*ล้วงคอ*
เอ๊ย! ไม่ใช่สิ! ล้วงคอให้อ๊วก วิญญาณมันไม่ออกมาหรอก!
มันต้องใช้จิตในการแบ่งออกมาไม่ใช่หรือ!?
“ม่ายยย! ตัวฉันอีกคน! ทำไมสัญญาณหายไปละ!? แก! แกทำอะไรกับโนอาร์กัน!”
เสียงนั้น—?
ฉันหันไปมองตามเสียงตะโกน
บนท้องฟ้า มีโนอาร์อีกคนกำลังอุ้มร่างของโนอาร์คนที่ถูกแทงเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง
โนอาร์คนที่ดูอ่อนโยนกำลังมองมาทางผมด้วยสายตาที่เคียดแค้น
แขนทั้งสองข้างเริ่มเรืองแสงสีแดง เหมือนกับกำลังต่อสัญญาณกับอะไรสักอย่าง
ในเวลาเดียวกัน ได้มีรอยเบี้ยวของมิติเกิดขึ้นที่ท้องฟ้าข้างหลัง
การบิดเบี้ยวของมิตินี้ ไม่ได้สะท้อนอยู่ในดวงตาของโนอาร์
แสดงว่ามันคือการบิดในมิติเชิงซ้อนที่อยู่คนละแผ่นกระดานกับมิติคนเป็น ซึ่งคนทั่วไปจะไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้
เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นฝีมือของเทพเจ้า
เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย!
คงไม่ใช่ท่านยมส่ง [สุวรรณ] กับ [สุวาณ] มาจับผมกลับไปลงโทษหรอกนะ?
ทีงี้ละ เจือกรู้ดี รีบส่งคนมาจับเชียวนะ!
ข้างหน้าก็วุ่นข้างหลังก็ทำท่ากำลังจะวุ่น—
*วูปปป~*
เสียงเหมือนอะไรสักอย่างกำลังถูกหลอม…
ไอฉิบหาย! เพราะตกใจไปหน่อย เลยเผลอ [หลอมวิญญาณ] เข้าไปแล้ว!
[หลอมวิญญาณ]
ถ้าให้เปรียบเทียบ ก็เหมือนกับตอนแรกยังอมอาหารอยู่ในปาก ที่ยังพอจะสำรอกออกมาได้
แต่ตอนนี้คือเผลอกลืนลงท้องไปตรง ๆ เลยซะงั้น
วิธีคายออกมาในกรณีนี้มีเหลือทางเดียว คือรอให้ถูกย่อยจนหมด จนแทบไม่เหลือพลังวิญญาณ แล้วหลุดออกมาแค่อัตตาเปล่าที่ไร้เรี่ยวแรง
เปรียบเทียบง่าย ๆ คือเหมือน [อึ] ที่ออกมาทางรูตูดนั่นแล~
วิญญาณของโนอาร์จะหลุดออกมาทางรูตูดของเรา~ ในสภาพของก้อนอึละ~
“แมรี่ โกลด์ ท่านยมอยากจะคุยกับเจ้า”
มันใช่เวลาจะมาเล่นมุขไหมเฮ้ย!
เสียงที่ดังลอดมาจากมิติบิดผัน คือเสียงของเจ้าบ้า [สุวรรณ] กับ [สุวาณ] แน่ ๆ !
“ใครมันจะอยู่ตรงนี้ให้โง่กันเล่า! เผ่นก่อนละ!”
ผมเร่งพลังสนามแม่เหล็กรอบตัวสุดแรงเกิด แล้วพาตัวเองบินหนีลงภาคพื้นดินอย่างไม่คิดชีวิต
*หมับ*
รู้สึกจะมีมือแมวนุ่ม ๆ มาจับหลังเอาไว้ แต่ตอนนี้ช่างหัวมันไปก่อน
ผมรีบมองหาพื้นที่เหมาะ ๆ ที่ไม่มีคนและเป็นมุมอับสายตา
อืม— ไปลงจอดตรงซอกระหว่างกำแพงบ้านสองหลังตรงนั้น ดูน่าจะเข้าท่าไม่เลว
ผมรีบลงจอดบนพื้น แล้วสร้างม่านบาง ๆ ที่ดวงตามองไม่เห็นออกมา
มันคือคลื่นแม่เหล็กที่มีในดลกของคนตาย ที่มีคุณสมบัติขัดการแผ่กระจายของคลื่นวิญญาณตัวเอง
พูดง่าย ๆ คือผมกำลังสร้างสนามพลังที่สามารถรบกวนการตรวจจับตำแหน่งด้วยคลื่นความถี่วิญญาณเอาไว้ ไม่ให้ท่านยมกับลูกน้องของเขาหาผมเจอ
เท่านี้ก็จะไม่มีใครสามารถหาผมเจอได้—
*ตรู๊ดดดดดดดดด~*
เสียงมือถือเข้า…
เป็นสหายเอโซที่หมุนติดต่อเข้ามา
ไม่จำเป็นต้องรับสายก็รู้ว่าอีกฝ่ายอยากจะพูดอะไร
“…”
กดวางสายโลด!
ตอนนี้ต้องทำเป็นเสมือนไม่มีตัวตนจนกว่าจะหาทางสำรอกโนอาร์ออกมาได้ไปก่อน!
ถ้าเอาโนอาร์ออกมาได้ ยังไงคงสามารถขอลดโทษกับท่านยมได้แน่ ๆ ละ
ก็คนมันไม่ได้ตั้งใจจะกินลงไปอะ!
***หลังจากนั้น 1 นาที***
ไม่มีใครตามมา~
ซ้ายขวาทางสะดวก~
รอดตายแล้ว~
*หมับ*
เหวอ!?
ใครมาจับเอวผม—?!…
เอ๋? โนอาร์อีกคน? มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร?
หรือว่าจะเป็นตอนที่รู้สึกว่ามีอะไรมาเกาะตอนบินหนีออกมาเมื่อกี้?
มือไวไม่เลวเหมือนกันนะเธอคนนี้
“เอา— ตัวฉันอีกคน— คืนมา—”
โนอาร์คนที่ดูอ่อนโยนกำลังใช้สองมือเกาะตัวผมเอาไว้
“คืน— เธอ— มา— ให้ฉัน— ทั้งไพไรต์— ทั้งควอตซ์ที่เป็นสัตว์เลี้ยงของเขา— หรือแม้แต่ยัยขี้ขโมยอย่างโทแพซ— ทุกคน— ที่ฉันรู้จัก— ไม่มีใครเหลือ— อีกแล้ว— นอกจากตัวฉันอีกคน— เอาคืนมา—”
เธอกำลังร้องไห้…
งง!
เธอพูดอะไร ไม่รู้เรื่องเลยสักนิด!
“…”
จะปล่อยให้สาวน้อยน่ารักมีใบหน้ามัวหมองเพราะความเศร้าไม่ได้!
ผมต้องยื่นมือเข้าไปช่วยสาวน้อยน่ารัก!
* (ตัวเองคือต้นเหตุ)
แต่ถ้าไม่รู้ถึงสาเหตุของน้ำตา ก็ไม่รู้ว่าจะควรช่วยเหลือยังไงดี
* (ขอย้ำอีกครั้งว่าตัวเองคือต้นเหตุ)
“…”
ตัดสินใจละ!
ไหน ๆ ตอนนี้ก็ต้องหาทางหนีประวิงเวลาจนกว่าจะหาทางคายวิญญาณของโนอาร์ออกมาได้ งั้นใช้เวลาที่หนีตอนนี้มาช่วยเธอคนนี้ดีกว่า
พอคิดได้แบบนี้ ผมจึงหลับตา แล้วค้นลงไปในความทรงจำของโนอาร์ของคนที่ตัวเองพึ่งกลืนเข้าไป
ล้วงลึกเข้าไปในอัตตาของเธอ เพื่อสืบหาสาเหตุ
สาเหตุ— ของน้ำตาสาวน้อยที่น่าสงสารคนนี้
***
โนอาร์ คือตัวตนที่มีชีวิตอยู่จริงเมื่อ 1000 ปี ก่อนยุคประวัติศาสตร์ที่ 0 ของดาวไดม่อน
ในยุคสมัยที่ดาวบ้านเกิดของเผ่ามนุษย์สัตว์ที่กำลังจะสิ้นอายุขัย ณ ช่วงเวลานั้น สุดยอดนักวิทยาศาสตร์เผ่าแมว [โนอาร์] กับเผ่าหมี [บาวล์] ได้ร่วมมือกันสร้างยานอพยพที่มีชื่อว่า [โนอาร์] ขึ้นมาได้สำเร็จ
ยานลำนั้นถูกแบ่งออกเป็น 8 เขตตามระบบเตาสุริยะของยาน และมอบหมายให้กับสุดยอดหุ่นยนต์อัจฉริยะทั้ง 8 หุ่นยนต์ ดูแล
กลัทโทนี่ย์ , ไพรด์ , กรีด , เอนวี่ , ลัซ , ราธ , สล็อต , เวนโกลี่
(อืม… โจทย์เก่าเกือบยกแก๊งเลยแฮะ)
เป็นเพราะความหวาดกลัวความตายของ โนอาร์ ในเวลานั้น เธอได้เลือกที่จะถ่ายโอนข้อมูลสมองและวิญญาณของตัวเอง ไปลงในเครื่องจักรกลของยานอพยพ และมีชีวิตเป็นอมตะในฐานะหุ่นยนต์
(ช่างเป็นเทคโนโลยีที่น่าทึง เธอคืออัจฉริยะตัวจริง ที่สามารถเข้าถึงขอบเขตแห่งความเป็นความตายได้)
กาลเวลาได้ผ่านจนกระทั้ง 500 ปีก่อน
โนอาร์ได้ค้นพบชาวต่างดาวอย่างเอลฟ์กับลิซาร์ดแมน และได้เลือกที่จะทำสงครามกับพวกเขาเพื่อยึดดาวมาเป็นที่อยู่อาศัยใหม่ของเผ่าตัวเอง
แต่ทว่าเธอกลับพ่ายแพ้
การกระทำที่คิดว่าทำเพื่อเผ่าตัวเอง ได้กลายเป็นความบ้าคลั่งที่มาบดขยี้เผ่าของตัวเอง
มันคือความเจ็บปวดและเศร้าเสียใจที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาครั้งแรกในชีวิตของเธอ
ภายใต้การนำของเธอนั้น ทำให้เผ่าของเธอพบกับความสูญเสีย และต้องหนีระเห็ดไปทั่วจักรวาล จนกระทั้งถึงยุค 400 ปีก่อน ที่ยานอพยพได้มาตกลงบนดาวไดม่อน
เพราะยานอพยพได้พุ่งชนลงบนดาวไดม่อนเมื่อ 400 ปี บนทวีปเทวภูมิ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เผ่าของเธอสูญพันธุ์
มันคือความเจ็บปวดครั้งที่สองของเธอ
(จะว่าไปแล้ว ตอน 400 ปีก่อน บนดาวไดม่อนยังไม่ได้มีการริเริ่มอารยธรรมเกิดขึ้นบนดาวเลย เพราะเผ่าต้นกำเนิดที่พวกเราทั้งสามคนสร้าง ยังถูกพวกเราใช้เล่นสนุกในการทำสงครามหลอก ๆ อยู่ในมิติทับซ้อนของดาว— คงเป็นโชคดีในโชคร้ายของพวกเธอ ที่ดันมาตกลงบนดาวดวงนี้)
ในเวลานั้น ผู้รอดชีวิตมีเพียงแค่ [บาวล์] ผู้ร่วมสร้างยานอพยพ กับบรรดาหุ่นยนต์ที่ดูแลยานอพยพ
มันเป็นสาเหตุที่เทคโนโลยีอันเจริญรุ่งเรืองของเผ่ามนุษย์สัตว์ได้ถูกทำลาย แล้วต้องมาเริ่มนับจากศูนย์
บาวล์ ผู้นั้นได้ตัดสินใจสร้างเผ่ามนุษย์สัตว์ขึ้นมาใหม่ด้วยเทคโนโลยีการสร้าง [โฮมุนครุส]
นอกจากสร้างโฮมุนครุสแล้ว เขายังทำการกู้ชีพโนอาร์จากซากระบบยานที่พังได้สำเร็จ
แต่ทว่าแทนที่จะเลือกอยู่ดูความสำเร็จของตัวเอง บาวล์ กลับเลือกที่จะจบชีวิตของตัวลงแทน แล้วโยนภาระทุกอย่างให้กับเธอเป็นคนดูแล
แถมเขายังบ้าบอมาดัดแปลงระบบข้อมูล แอบใส่โค้ดคำสั่งเพื่อเปลี่ยนบุคลิกนิสัยให้โนอาร์มีความอ่อนโยนมากขึ้น จนกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโนอาร์อีกอัตตาหนึ่งขึ้นมาโดยบังเอิญ
(วิญญาณ— ที่เกิดจากการสร้างอีกบุคลิกของอัตตาขึ้นมาเช่นนั้นหรือ?)
โนอาร์ไม่เข้าใจการกระทำของบาวล์
ทำไมเขาถึงเลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง ทั้งที่ยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปในฐานะเทพเจ้าผู้สร้างเผ่ามนุษย์สัตว์?
เธอไม่เข้าใจความคิดของบาวล์เลย
ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย…
ปีประวัติศาสตร์ที่ 20 ของดาวไดม่อน
ในเวลานั้น โนอาร์ ได้พบกับสิ่งที่เรียกว่า [ความรัก]
โนอาร์ของบุคลิกอ่อนโยนได้พบรักกับสิ่งมีชีวิตเผ่ามนุษย์สัตว์-ราชสีห์ ที่ชื่อว่า [ไพไรต์] ชายผู้เป็นบุตรของผู้กล้าเผ่ามนุษย์สัตว์
ความรู้สึกรักนั้นได้ส่งผลกระทบต่ออีกบุคลิกที่เป็นตัวเธอดั้งเดิม
รัก— รักมากจนไม่อยากสูญเสีย
รัก— อยากอยู่กับเขาตลอดไป
รัก— ต่อให้เขามีแม่เสือตัวน้อยที่เป็นคนรักแล้วอย่าง [โทแพซ] อยู่ข้างกาย เธอก็ยังอยากที่จะอยู่กับเขาในฐานะคู่รัก
บทสรุปของความรักของเธอ คือการที่ ราชสีห์ [ไพไรต์] ได้แต่งงานคู่
ราชสีห์ [ไพไรต์] คือชายผู้มีภรรยาสองคน [โทแพซ] กับ [โนอาร์]
คู่ชีวิตของพวกเขานั้นช่างมีความสุข
แต่ทว่าความสุขนั้นกลับทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดในภายหลัง
โนอาร์ ไม่สามารถมีบุตรให้กับราชสีห์ ไพไรต์
ร่างหุ่นยนต์ต่อให้สร้างมาดีแค่ไหน มันก็คือร่างหุ่นยนต์วันยังค่ำ
ความจริงข้อนี้ ทำให้ราชสีห์ ไพไรต์ เลือกที่จะไม่มีบุตรเลย ทั้งกับ โนอาร์ และ โทแพซ
โนอาร์ รู้สึกซาบซึ้งในความรักของ ไพไรต์ ที่ไม่อยากให้เธอรู้สึกน้อยใจ
แต่เธอก็อดคิดไม่ได้ ว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่มีบุตรหลาน
การไม่มีบุตรสืบทอดตระกูล ไม่ใช่ว่าเป็นการทำให้เขาเกิดความทุกข์หรอกหรือ?
ไพไรต์ กำลังมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับเธอจริง ๆ ใช่ไหม?
เธอเริ่มรู้สึกผิด
รู้สึกว่าตัวเองเป็นสาเหตุของความทุกข์ของครอบครัว
โนอาร์อยากถามไพไรต์ ว่าเขามีความสุขจริงหรือไม่
แต่เธอไม่กล้าถาม เพราะหวาดกลัวคำตอบที่จะได้รับกลับมา
เธอเก็บคำถามนั้นเอาไว้ในใจ
เก็บเรื่อยมาจนสามีของเธอเริ่มแก่ตัวลงตามอายุขัย
ผิดกับเธอที่ได้สละร่างเนื้อจริงไปเมื่อ 1000 ปี ก่อน ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ก็ยังเป็นสาวสวยเฉกเช่นสมัยที่รุ่งโรจน์
และแล้ว… ในที่สุด ก็ถึงวันที่คนรักและครอบครัวต้องลาจากเนื่องจากอายุที่ชราภาพ
จากไปพร้อมกับคำถามคาใจ ว่าเขามีความสุขจริงหรือไม่ ที่ได้แต่งงานกับเธอ
ไพไรต์—
โทแพซ—
พวกเธอ—
สนใจจะดัดแปลงร่างกายตัวเองให้เป็นเหมือนอย่างฉันไหม?
ผม— ไม่อยาก—
ผม— ต้องขอโทษ—
ชีวิต— คือการเดินทาง— และมีจุดจบ— ไม่ควรไปฝืน—
โนอาร์— เธอนั้นเป็นอมตะ— ผม— ขอโทษ—
ผม— กับเธอ— ผม—
นั่นคือคำพูดสุดท้ายก่อนที่ร่างกายของคนรักของเธอจะหยุดทำงาน
ชายผู้นั้นไม่อาจจะบอกคำพูดสุดท้ายออกมาได้
“ผมกับเธอ”?
“ผมกับเธอ” — แล้วยังไง?
เขากำลังต้องการจะบอกอะไรกับเธอ?
โนอาร์ไม่เข้าใจ
ทั้งสามีของเธอ หรือแม้แต่บาวล์เอง
ทำไมคนสำคัญของเธอถึงเลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง ทั้งที่สามารถเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
ทำไมถึงต้องทิ้งเธอเอาไว้?
หรือว่าจริง ๆ แล้ว— เป็นเพราะเกลียดชัง?
เกลียด ที่ไม่สามารถมีบุตรให้กับเขาได้
เกลียด ที่เธอเป็นก้างขวางคอ ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจที่จะไปมีบัตรุกับภรรยาอีกคน
เกลียด จนเขาเลือกที่จะตายไปพร้อมกับภรรยาสุดที่รักอีกคน และไม่คิดทนใช้ชีวิตอยู่ต่อกับเธอ…
“ไม่!”
“มันต้องไม่ใช่แบบนั้น!”
โนอาร์กรีดร้อง
เธอเริ่มพยายามหาทางยื้อชีวิตของของสามีตัวเองในช่วงเวลาสุดท้าย
ถึงหัวใจจะหยุดเต้น แต่ใช้ว่าคลื่นสมองจะหยุดไปในทันที
เธอรีบกระตุ้นคลื่นสมอง แล้วใช้เทคโนโลยีกับความรู้ที่เธอมี เก็บคัดลอกคลื่นสมองที่เป็นอัตตาของสามีตัวเองขึ้นมา
เธอเก็บศพของคนรักตัวเองไม่ให้ใครเห็น ปิดข่าวการตายด้วยข้ออ้างว่า “ไปอยู่กับเทพเจ้า”
เป้าหมายของโนอาร์ คือการพยายามเปลี่ยนสามีของตัวเองให้กลายเป็นหุ่นยนต์เหมือนอย่างเธอ
ทำให้เขา มีชีวิตอมตะเหมือนอย่างเธอ
(ใช่แล้ว—)
(เป็นแบบนี้นี่เอง—)
(เพราะอยากหาทางยื้อชีวิตของสามีตัวเอง เลยคิดที่จะดัดแปลงร่างกายของสามีตัวเองให้กลายเป็นหุ่นยนต์เหมือนกับที่ตัวเองเป็นอยู่—)
(ทว่าช่างน่าเศร้านัก— เธอไม่รู้เลย ว่าสิ่งที่คัดลอกมานั้น เป็นเพียงแค่ข้อมูลที่ไร้ซึ่งวิญญาณ—)
(ตัวตนของไพไรต์นั้นได้ไปสู่สุคติแล้ว ผมที่เป็นเทพเจ้านั้นรู้ดียิ่งกว่าใคร—)
โนอาร์ที่ไม่รู้ถึงความจริงข้อนี้ ได้เก็บชิบข้อมูลคัดลอกคลื่นสมองของสามีตัวเองเอาไว้ แล้วเริ่มโครงการสร้างร่างกายใหม่ให้กับสามีของเธอ
แต่เพราะเป็นว่าเทคโนโลยีการคัดลอกคลื่นสมองและย้ายจิต มันได้สูญหายไปพันกว่าปี เลยทำให้เธอไม่อาจทำมันได้อย่างสมบูรณ์
เธอต้องรื้อฟื้นเทคโนโลยีนั้นให้กลับมา
เป็นสาเหตุของการเริ่มโครงการ “มนุษย์ไซบอร์ก”
เป็นสาเหตุที่มาของเด็กกำพร้าผู้น่าสงสาร ที่ถูกรับเลือกไปสร้างเป็นมนุษย์ไซบอร์กเพื่อทดลอง
เป็นสาเหตุที่เธอยอมปล่อยให้เด็กกำพร้าไซบอร์กถูกแม่ของแม่ค้ากระต่ายแย่งตัวไปง่าย ๆ เพื่อแอบเฝ้าดู แล้วเก็บเกี่ยวกลับมาดูผลการเติบโตเมื่อถึงเวลา
เป็นสาเหตุที่เธอสนใจร่างโคลนของไซน์ในโบสถ์ เพราะมีความสมบูรณ์ของการโคลนในระดับสูง
(อ่าว… เธอคนนี้รู้หมดเลยนี่หว่าว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างนอกนี้บ้าง การข่าวของเธอน่ากลัวชะมัด ถ้าแม่สาวกระต่ายรู้ความจริงนี้เข้า คงได้จิตตกแหง่)
โนอาร์กำลังเข้าใกล้ความจริงของการรื้อฟื้นเทคโนโลยีโบราณ ที่ใช้ในการถ่ายโอนคลื่นสมองและวิญญาณ
เธอประสบความสำเร็จจากการเก็บเกี่ยวตัวอย่าง เป็นที่มาของความสำเร็จในการแยกอัตตาบุคคลิกของตัวเองเป็นอีกร่างในวันนี้
ใช่แล้ว
ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้ด้วยดี ถ้าหากไม่ใช่ว่ายัยภูติหัวแดงดันเข้ามาเจอพวกเธอกลางคันในวันนี้เสียก่อน…
ความทรงจำของโนอาร์ ได้จบลงแต่เพียงเท่านี้—
MANGA DISCUSSION