***วันที่ 47 เรตนิว เวลา 9:00 น. ***
เวลาเช้ามืดที่พระจันทร์ทั้งสามดวงยังคงทอแสงอยู่เหนือท้องฟ้า
“วิ่ง! เธอต้องวิ่งต่อไป ไม่ใช่วิ่งด้วยกาย แต่เป็นการวิ่งด้วยวิญญาณ!”
“รับทราบเจ้าค่ะท่านอาจารย์!”
“ดูลาพิสเป็นตัวอย่างซะ! ร่างกายนั้นประกอบด้วยกายเนื้อและวิญญาณ เราเคลื่อนไหวกายาด้วยเลือดและพลังงาน! เป็นภาชนะที่บรรจุวิญญาณเอาไว้ภายใน! แต่เธอสามารถสัมผัสตัวตนของพลังงานนั้นได้แล้ว! จงใช้ความรู้สึกนั้นขับดันมันออกมาให้เป็นพลังงานที่ใช้ขับเคลื่อนร่างกายแทนซะ! ”
” รับทราบเจ้าค่ะ!”
ช่างขยันกันจริง~
บนถนนที่แทบจะไร้ผู้คนเพราะยังเป็นเวลาหลับนอน กลับมีนางกระต่ายคนหนึ่งออกมาฝึกหนักราวกับเป็นบ้า
เมื่อวาน อยู่ ๆ เจ้ากระต่ายน้อยก็มาก้มขอร้องให้พวกเราฝึกวิชาให้กับเธอเพิ่มอีก
แรงผลักดันที่ทำให้เป็นบ้า คงมาจากเหตุการณ์การเมื่อวานที่โนอาร์มาเยือนนั่นละ
” ควอตซ์! อย่าจิตใจวอกแวก! ถ้าไม่อาจสามารถนำพลังวิญญาณมาใช้เสริมการเคลื่อนไหวได้ ก็จงนึกถึงความรู้สึกที่ใช้ชุดเกราะเสริมพลังซะ! เพราะหลักการและแนวคิดมันคล้ายคลึงกัน แค่เปลี่ยนจากพลังงานร่างกาย เป็นพลังงานซ้อนเร้นที่เรียกว่าพลังวิญญาณ ส่วนกายเนื้อ คือชุดสูทที่สวมใส่ให้กับอัตตาวิญญาณของเจ้า!”
“รับทราบเจ้าค่ะอาจารย์!”
วิชาที่เอโซกำลังสอนเธอ คือบทเรียนขั้นสูงที่มากกว่าการรับสัมผัสวิญญาณที่เคยได้สอนไปให้
มันเป็นวิชาว่าด้วยการนำพลังงานวิญญาณมาขับเคลื่อนและห่อหุ้มกายเนื้อ
มันคือเคล็ดลับที่ทำให้ทั้งผม เอโซ ลาพิส สามารถบดขยี้เหล็ก ป่นหิน หรือกระทำวิชาที่ดูเหนือสามัญสำนึก
แต่เอาจริงมันก็ไม่ใช่วิชาใหม่อะไรมากมายหรอก เพราะที่นี่เองก็มีพวกจอมยุทธที่ค้นพ้นวิชาการใช้พลังพวกนี้อยู่โดยบังเอิญเป็นจำนวนมาก
เช่น เวทมนตร์โบราณของเผ่าเอลฟ์ หมัดมวยของเผ่าลิซาร์ดแมน หรือแม้กระทั้งเผ่าปีศาจบางคนที่สามารถเข้าถึงสัจธรรมแห่งสรรพสิ่ง
ดังนั้นมันจึงไม่นับว่าเป็นวิชาของเทพเจ้า การสอนต่อให้เธอจึงไม่น่ามีปัญหาอะไร
“ทำไมหยุดวิ่งซะละ!”
“เอ๊!? แต่ข้าน้อยยังวิ่ง—”
“วิ่งแต่ร่างกายทว่าวิญญาณกลับไม่ได้ขยับ! ขาคู่นี้คงไม่มีความจำเป็น! ลาพิส! ตัดขาสองข้างของเธอออกมาซะ!”
“กรี๊ดดด!!! อย่านะเจ้าค่ะ!? นี่จะตัดขาข้าน้อยจริง ๆ หรือเจ้าค่ะ!”
“แหม่ ๆ ทำเป็นลืมไปได้นะว่าพวกเรานั้นฝึกโหดแค่ไหน เทียบกับการฝึกก่อนหน้านี้ ครั้งนี้ถือว่าเบาลงมาแล้วนะขอบอก~”
“ขอเวลาให้ข้าน้อยจับหลักการให้ได้ก่อนสิเจ้าค่ะ— กรี๊ดดด!!”
ภาพที่ทั้งสามคนกำลังวิ่งไล่ตัดขากันนั้น ช่างเปี่ยมสนุกไปด้วยรอยยิ้ม (?)
ส่วนผมนั้น กลับมีหน้าที่แค่รอรักษากระต่ายน้อย หากว่าเธอวิ่งหนีลาพิสไม่ทันขึ้นมาจริง ๆ
มีหน้าที่แค่นั้นเลย
“… ”
เบื่องะ แถมง่วงด้วย
ความจริงตอนนี้ผมควรจะนอนอยู่มากกว่า
ตอนนี้เจ้าหนูน้อยไซน์คงกำลังหลับฝันดีร่วมอยู่กับพี่น้องของเธอ
แค่คิดว่าตัวเองได้ไปนอนขลุกท่ามกลางสาวน้อยน่ารัก ก็รู้สึกว่ามีความสุขขึ้นมาแล้วสิ
ฮุ ฮุ ฮุ~
ผมหันไปมองสหายตัวเองที่กำลังเล่นสนุกกับของเล่นชิ้นใหม่ที่กำลังวิ่งหนีร้องไห้ทั้งน้ำตา
อืม… ไม่สนใจภูติหัวแดงที่บินดัวโด่อยู่ตรงนี้เลยแฮะ…
ตัดสินใจละ
แอบบินหนีกลับวิหารดีกว่า~
ว่าแล้วก็กางปีกภูติน้อย ๆ บินสูงขึ้นเทียมฟ้า ตัดมวลหมู่เมฆขาวที่หนาวจัด บินตัดผ่านสัญญาณไฟสัญจรของเผ่ามีปีก แล้วมุ่งหน้าตรงไปทางวิหารเทพทั้งสามซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง
มหาวิหารหินอ่อนสีขาวที่สร้างอย่างศิลปะกรีกเผ่ามนุษย์โบราณ ช่างดูโดดเด่นสง่างามเมื่อมองจากบนฟากฟ้านี้
เพียงแค่ขนาดของมัน ก็มากพอจะยัดเอาสนามฟุตบอลใส่ลงไปได้สบาย ๆ หนึ่งหลัง
ถ้าไม่ใช่ว่าวิหารนี้ถูกสร้างเพื่อใช้ด่าทอเทพทั้งสามอย่างพวกเรา มันก็คงจะเป็นวิหารที่ดูน่าเลื่อมใสอยู่หรอกอะนะ…
“… หืม? ”
แมวน้อยที่กำลังทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ตรงวงแหวนของอาคารทรงไข่ลอยฟ้าตรงนั้น— คือหนึ่งในตัวละครน่ารักน่ากอดที่เคยคิดอยากเอามาเก็บสะสม [โนอาร์] ไม่ใช่หรอกหรือ?
ในอดีตตอนที่ยังเป็นเทพ ผมเคยรู้สึกอยากได้วิญญาณของเธอมาเก็บเป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นของตัวเอง
ทว่าถึงจะน่ารักแค่ไหน แต่สุดท้ายผมก็ไม่เคยได้มีโอกาศได้เก็บดวงวิญญาณของเธอเลย
ผมรีบหันไปมองดูสิ่งที่กำลังเดินอยู่ตรงวงแหวนอาคารลอยฟ้าที่ว่า
สิ่งมีชีวิตมนุษย์แมวตัวเล็ก ๆ ที่มีผมสีเงิน ดวงตาสีเงิน ใบหน้าคมคายน่ารักและสวยงาม
นั่นคือลักษณะเด่นของโนอาร์ หุ่นยนต์ผู้อ้างตนเป็นเทพเจ้าเผ่ามนุษย์สัตว์ไม่มีผิดอย่างแน่นอน
“มาทำอะไรที่นี่กัน? ”
คือไม่แปลกที่ตัวตนระดับอย่างเธอจะมาที่ทวีปนี้ เพราะยังไงเธอก็ต้องมาร่วมงานพิธีขึ้นปีใหม่อยู่แล้ว
แต่— การที่มาป่วนวิหารของพวกเราเมื่อวานก็ดี หรืออย่างมาทำลับ ๆ ล่อ ๆ ตรงนี้ก็ดี—
ช่าง~ น่า~ โสง~ สาย~
“แอบตามไปดูดีกว่า~ ฮุ~ ฮุ~ ฮุ~”
ผมบินตามสาวน้อยหูแมวน่ารักด้วยรอยยิ้มหื่นกาม—
เอ๊ยไม่ใช่สิ!
นี่คือการสืบสวนเพื่อปกป้องหนูน้อยไซน์ กับแม่สาวกระต่ายผู้น่ารักของผมต่างหาก!
เพราะจากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ มันเลยพอจะอนุมานได้ว่าแม่สาวหูแมวกำลังมีเป้าหมายบางอย่าง มาที่บรรดาสาวน้อยของผม
นี่คือการตามไปเพื่อสืบหาความจริง! ผมจะต้องปกป้องพวกเธอ!
ไม่ใช่การแอบตามเพราะความรู้สึกหื่นกามเลยแม้แต่กระบิดนิ้วเดียว~
*ซูดดดดด—–!* (เสียงสูดน้ำลายมุมปาก)
“อ๊ะ? หายไปแล้ว!”
ผมรีบบินตามแม่แมวน้อยที่หายตัวไปจากสายตา จนอาคารทรงไข่ลอยฟ้าเริ่มเข้ามาใกล้จนมีขนาดใหญ่เต็มวิสัยทัศน์
อาคารทรงไข่ที่มีวงแหวนนี้ คืออาคารที่ถูกสร้างจากเทคโนโลยีของเผ่าภูติ
ใช้วงแหวนต่อต้านแรงโน้มถ่วงในการลอยทรงตัวอาคาร พร้อมกับสร้างม่านพลังปกป้องภัยพิบัติธรรมชาติ
ไม่ว่าอากาศภายนอกจะร้อนหรือหนาวแค่ไหน ภายใต้วงแหวนคุ้มกันอาคารนี้จะถูกปรับสภาพด้วยอนูพลังงาน จนทำให้มีสภาวะสบายแก่ผู้พักอาศัย
ส่วนตัวอาคารจะถูกสร้างเป็นทรงรีกลมรูปไข่ วางตั้งตรงอย่างเป็นเอกลักษณ์ พร้อมกับจัดแบ่งพื้นที่ภายในให้ใช้งานได้อย่างหลากหลาย
นี่คือลักษณะทั่วไปของอาคารเผ่าภูติ
แต่อาคารตรงหน้าหลังนี้ ดูเหมือนจะถูกสร้างมาอย่างเป็นพิเศษ
เพราะมันมีขนาดใหญ่เทียบเท่าตึก 30 ชั้น มีวงแหวนล้อมมากกว่า 20 วง รอบตัวอาคาร แล้วยังมีครีบทางเดินล้อมเปลือกทุกชั้น เพื่อใช้รองรับชนเผ่าอื่นที่ไม่สามารถบินได้
พอลองหันไปดูอาคารทรงไข่ที่ลอยเคียงคู่ใกล้เหมือนดาวแฝด ก็พบว่ามันเป็นอาคารที่ใช้เพื่อจอดยานบินโดยเฉพาะ
“โรงแรมภูติลอยฟ้า [เอพีเซียร์] ? อย่าบอกนะว่าโนอาร์พักอยู่ที่นี่? ”
โรงแรมภูติลอยฟ้า [เอพีเซียร์] คือโรงแรมแบรนด์ 5 ดาว ของเผ่าภูติที่เคยมีชีวิตเมื่อราว 125 ปีก่อน ถูกก่อตั้งโดยอดีต [ปฐพีคลั่ง – เอพีเซียร์]
ด้วยนิสัยรักสบายชอบหลับนอนของเขา ที่ว่ากันว่าถึงขั้นสร้างที่พักระดับต่อให้โลกภายนอกกำลังจะแตก แต่ที่พักภายในก็ยังสามารถคงความสงบ สบาย เสมือนเป็นโลกที่แยกออกมาได้ จึงทำให้ที่พักของเขามีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
“รู้สึก— เธอจะหายไปตรงวงแหวนชั้นที่— ชั้นไหนกันหว่า? ”
อยู่ ๆ ดันเจือกลืมขึ้นมาเสียอย่างงั้น
ใช้สัมผัสวิญญาณ— ไม่ไหวแฮะ มีคนพักอยู่มากไป แยกไม่ออกเลยว่าอันไหนเป็นของใคร
แถมโนอาร์ดันเป็นหุ่นยนต์ที่เกิดจากการผนึกอัตตาตัวเองลงไปได้อย่างสมบูรณ์ เลยทำให้มีวิญญาณที่ไม่พิการผิดกับสิ่งมีชีวิตหุ่นยนต์ประเภทไซบอร์กทั่วไป
พูดง่าย ๆ คือด้วยฝีมือระดับของผมในตอนนี้ ผมไม่สามารถแยกออกได้เลยว่าดวงจิตไหนเป็นของใคร
ชิ… ถ้ามีลาพิสอยู่ด้วย เรื่องมันคงจะง่ายกว่านี้
แต่ผมมีอย่างอื่นที่ใช้ตามหาคนได้ดีกว่าลาพิส
สิ่งนั้นก็คือ— แตน แต่น แต้น!
“เวลาแบบนี้มันต้อง— [โยนไม้ถามทาง] !”
ผมหยิบไม้จิ้มฟันที่ลืมทิ้งตอนกินมื้อเช้าขึ้นมา แล้วโยนมันออกไปบนพื้นวงแหวนสีขาว
*กลุ๊ก*
ไม้จิ้มฟันนั้นชี้ไปทางส่วนของระเบียงเล็ก ๆ ที่ตั้งติดกับสวนฝั่งซ้ายของอาคาร
ทางนี้สินะ?
ว่าแล้วก็บินตามไปทิศทางที่ชี้โลด!
เออ เกือบลืมเก็บไม้จิ้มฟันเลยแฮะ
ต้องเก็บมันมาด้วย เพราะว่ามันคือของนำโชคที่ผมได้ทำนายเอาไว้ในวันนี้ยังไงละ!
ผมบินตัดสวน บินลอดผ่านระเบียงที่มีแสงไฟสลัว ๆ ไร้ผู้คน
ฝั่งซ้ายคือสวน ส่วนฝั่งขวาคือห้องพักแขก
มีทั้งห้องที่ติดไฟสว่างเพื่อเรียกพนักงาน ห้องที่มีเสียงผู้ชายผู้หญิงครางเสียงหลงแปลก ๆ ลอดบานประตูออกมา และห้องที่มีเสียงหนวกหูด้วยเสียงกรนดัง
อืม… โนอาร์คงไม่มาสถานที่แบบนี้หรอกมั้ง?
แถมตอนนี้ก็เสียเวลามาเยอะมาก อีกสักพักพวกเอโซคงรู้ตัวแล้วว่าผมแอบหนีออกมา
งั้นคงได้เวลากลับ—
อยู่ ๆ ไม้จิ้มฟันเจ้ากรรมที่พกมาก็กลิ้งตกลงมาจากกระเป๋าเสื้อเพราะแรงลม
“เดียว! ของนำโชคของผม!”
ผมรีบบินตามมันไป
แต่ไม้จิ้มฟันเจ้ากรรมกลับกลิ้งตกบันได กลืนหายไปกับเงามืดของโถงบันไดที่ไม่รู้ว่าลงไปถึงชั้นที่เท่าไหร
“ใครมันจะยอมให้หายไปกันเล่า!”
ผมรีบบินตามมันลงไปข้างล่าง
บนพื้นหินเย็น ๆ สีเทาอ่อน ณ ชั้นล่าง
ไม่พบวี่แววของไม้จิ้มฟันที่ว่าเลย…
อยู่ตรงไหนของมันกันเนี่ย…
หันรีซ้าย— เจอประตูห้องเครื่อง
หันรีขวา— แล้วหันซ้ายด่วน! นั่นไง! กลิ้งไปตกอยู่ตรงช่องว่างประตูห้องเครื่องไง!
ผมรีบบินไปเก็บมัน
แต่อยู่ ๆ ก็มีแรงลมดูดเจ้าไม้จิ้มฟันให้กลิ้งลอดผ่านช่องว่างข้างใต้บานประตูเข้าไปเสียอย่างงั้น
“ประตูล็อค…”
แถมประตูยังล็อคอีก
คงต้องยอมแพ้กลับบ้าน…
ซะเมื่อไหร~
มาถึงขั้นนี้แล้วใครมันจะยอมแพ้ง่าย ๆ กันเล่า~
ใช้พลังภูตินี่แหละ ระเบิดบานประตู พังบุกเข้าไปแม่มเลย!
“ย๊ากกก!!”
*ตู้ม!*
ผมเจอไม้จิ้มฟันของตัวเองแหลกเป็นเสี่ยง ๆ ท่ามกลางฝุ่นควัน…
สงสัยว่าจะเล่นแรงไปหน่อยแฮะ
ฮะ ฮะ ฮะ…
“ค่ะ— ใครกันค่ะ!? ”
“นั่นใคร!!”
หืม?
ผมเงยหน้าตามเสียง
คนที่อยู่ตรงหน้า แล้วทักผม คือคนที่ผมกำลังตามหาอยู่
มนุษย์แมวผมสีเงิน ดวงตาสีเงินอ่อนโยน หน้าตาน่ารักราวเทพธิดา [โนอาร์]
แต่ว่ามันมีอะไรบางอย่างแปลก ๆ อยู่
“ใครกันค่ะ!? ไม่ใช่ว่าสถานที่นี้ไม่ควรจะมีใครมาบุกรุกนี่!? ไม่น้าาาาา!! พวกเรากำลังจะถูกลอบฆ่าแล้วค่ะ [โนอาร์] !”
“หนวกหูน่า [โนอาร์] ! ระดับฝีมืออย่างเราไม่แพ้ใครหน้าไหนหรอก! พวกเราต่างหากที่จะเป็นฝ่ายฆ่ามัน!”
ทำไมถึงมีโนอาร์ [สองคน] ได้ละเนี่ย?
MANGA DISCUSSION