***วันที่ 46 เรตนิว เวลา 13:00 น. ***
“รบกวนท่านนักบวชเทเรซ่าอย่าปล่อยพวกเธอออกมาป่วนได้อีกนะครับ ให้ตายสิ เห็นได้ข่าวว่าออกไปท่องเที่ยวกัน นึกว่าปีนี้จะได้จัดงานอย่าสงบสุขกับเขากันเสียอีก”
“ต้องขอโทษด้วยค่ะ ดิฉันจะสั่งสอนให้เองค่ะ”
“ไม่ใช่ความผิดของท่านนักบวชสูงสุดหรอกครับ ใคร ๆ เขาก็รู้กันว่ายัยสามแสบมันแสบขนาดไหน แต่อายุปาเข้าไปจะ 20 ปี แล้วยังทำตัวแบบนี้— มันก็นะ…”
“ทางนี้ต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะ”
ตำรวจเผ่าปีศาจคนหนึ่งกำลังยืนคุยกับนักบวชในชุดคลุมสีขาวอยู่หน้าวิหารหินอ่อนขนาดใหญ่เท่าโดมสนามกีฬา ท่ามกลางอากาศหนาวและหิมะที่ตกโปรยปราย
ที่ด้านหลังของตำรวจเผ่าปีศาจผู้มีปีกหนังค้างคาวคนนั้น มียานเหาะหนึ่งคันกำลังจอดรออยู่
ภายในรถมีสตรีหน้าตาน่ารักจำนวน 5 คน กำลังนั่งอยู่ข้างในอย่างสำนึกผิด—
“ไม่เห็นจำเป็นต้องไปขอโทษเขาเลยคุณป้าเทเรซ่า”
“ใช่ ช่าย~”
[ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ (ᗜˬᗜ) ]
—หรืออาจจะไม่คิดสำนึกผิดเลยแม้แต่กระเบียดนิ้วเดียว…
“พูดมากน่ารำคาญน่า! ถ้าจบเรื่องแล้ว งั้นพวกเราขอขนของลงจากรถก่อนนะ~”
หรื
“ขอบคุณฯที่มาส่ง~”
[ขอบคุณค่ะ (ᗜˬᗜ) ]
สามสาวกระโดดลงจากยานตำรวจ แล้วหยิบกระเป๋าเดินทางของตัวเองลงมาด้วยสีหน้าชื่นบาน
“เออ— ต้องขอโทษด้วยเจ้าค่ะ…”
“ขะ— ขอบคุณที่มาส่ง… ค่ะ…”
ส่วนอีกสองสาวที่เป็นเผ่ามนุษย์สัตว์-กระต่าย กับเผ่าคนแคระ ได้เดินตามลงมาด้วยใบหน้าที่แดงเป็นลูกตำลึง เพราะรู้สึกเขินอายด้วยความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จากความประพฤติอันเกินคาดของอาจารย์ตัวเอง
นายตำรวจเผ่าปีศาจที่เห็นภาพนี้ถึงกับยืนนิ่งเป็นรูปปั้นหิน
ปากของเขาอ้าออกแล้วหุบลง แล้วอ้าออก แล้วหุบลงอีกครั้ง เพราะไม่อาจจะนึกสรรหาคำด่าออกมาเป็นคำพูดที่เหมาะสมต่อสถานการณ์นี้ได้
ช่างเป็นตัวปัญหาที่หน้าด้านหน้าทนยิ่งนัก…
***ในเวลาต่อ***
“บ้าน~ กลับมาถึงบ้านแล้ว~”
“เตียงกับชั้นวางตุ๊กตาที่แสนคิดถึงของผม!”
“ว้าววว~!! ห้องของพวกพี่สาวดูน่ารักสุด ๆ ไปเลยค่ะ!”
[อันนี้ต้องขอบคุณแมรี่ โกลด์ ที่ช่วยใส่ใจการแต่งห้องนะน้องไซน์ ^_^]
นักบวชสามสาวกับเจ้าตัวเล็กหนึ่งคน กำลังกระโดดอยู่ภายในห้องไม้เก่า ๆ ขนาดแปดเมตรคูณแปดเมตร
มันเป็นห้องที่ตกแต่งด้วยเครื่องเรือนไม้มีอายุอย่างเรียบง่าย เต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย
ที่บนชั้นวางของข้างเตียงจำนวนสามตัว มีสิ่งของมากมายถูกจัดวางอย่างเป็นเอกลักษณ์
ตู้หนึ่งเต็มไปด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกายเสริมกล้ามเนื้อ
ตู้หนึ่งมีหนังสือกับบันทึกเล่มหนาที่ดูชวนง่วงวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ
ตู้หนึ่งถูกยัดแน่นไปด้วยตุ๊กตาน่ารัก น่ากอด น่าฟัด
“เดียวเราจะเอาผ้ามาปูตรงมุมห้องสองฝั่งซ้ายขวาให้ เป็นที่นอนเฉพาะกิจของพวกเธอสองคนไปนะ ควอตซ์ หนูไซน์”
“ขอเสนอตัวช่วยปูด้วยค่ะ!”
“งั้นมาช่วยกับพี่—”
“ช่วยพี่เอโซอยู่ มือไม่ว่างค่ะพี่แมรี่!”
“ถูกน้องปฏิเสธอีกแล้ว! แง!”
ช่างเป็นบรรยากาศที่ดูอบอุ่น ราวกับเป็นภาพของพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกันเป็นอย่างดี
“เออ… คือว่าพวกเราเข้ามาข้างในวิหารโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อน มันจะไม่เป็นอะไรหรือเจ้าค่ะ? ”
แต่ทว่าท่ามกลางความสนุกสนานนั้น กลับมีแม่ค้ากระต่ายสาว ที่ยังคงดูลังเลจะเข้าไปร่วมวงด้วย
กระต่ายนุ่มฟูผู้มีขนสีดำระบายสีขาว กำลังยืนมองดูอาจารย์ผู้มีพระคุณของตัวเองอยู่ตรงประตูของห้อง
“โอ๊ย~ คิดมากไปได้~ ถึงเห็นเป็นแบบนี้ แต่พวกเราสามคนเป็นถึงนักบวชขั้นสูงเลยเชียวนะ ได้รับคำอนุญาตจากพวกเรา ก็เหมือนได้รับคำอนุญาตจากทางวิหารแล้วนั่นละ”
“ใช่– ชาย~”
“อืม~ อืม~ อย่างงั้นหรือ? พวกเรามีธรรมเนียมแบบนั้นอยู่ด้วยสินะ? แต่ยายแก่คนนี้จำไม่ได้เลยนะว่าเคยสอนอะไรแบบนั้นให้พวกเธอนะ? ”
เงียบกริบ—
ทันทีที่มีเสียงทุ้มต่ำที่ให้ความกดดันดังขึ้น ทั้งห้องก็ตกอยู่ในสภาพตึงเครียดทันที
“กลับมาแบบไม่ส่งข่าวอะไรมาบอกก่อน ก่อความวุ่นวายไปทั่วสนามบิน แล้วยังจะทำเนียนกลับเข้าวิหารโดยทิ้งให้ยายแก่คนนี้คุยกับตำรวจคนเดียว— ส่วนเธอ ลาพิส ไม่ต้องทำมาเป็นเนียนแอบนอนเลยนะยะ!”
นักบวชเผ่ามนุษย์ที่ชราภาพจนมีผมสีขาวโพล้นคนหนึ่ง กำลังยืนอยู่ข้างหลังของกระต่ายสาวนุ่มฟู
เธอเป็นหญิงชราภาพที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น แต่กลับดูสูงศักดิ์ แถมยังมีร่างกายแข็งแรงจนสามารถยืนยืดตัวตรงได้ ทั้งที่มีอายุเหยียบย่างแปดสิบปีไปแล้ว
ความสูงรวมของเธอนั้น สูงกว่าสาวกระต่ายที่มีความสูงถึง 168 เซนติเมตร ขึ้นมาเกือบหนึ่งช่วงหัว
ที่แขนของเธอ มีเครื่องเงินประทับสัญลักษณ์สามเหลี่ยมด้านเท่าสองชิ้นกลับหัวซ้อนทับกัน ประกอบเส้นวงกลมติดทับด้านบนมาคล้องเอาไว้อยู่หนึ่งเส้น
“สะ— สวัสดี… คุณป้าเทเรซ่า…”
“มะ— ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ—ค่ะ คุณป้าเทเรซ่า”
[สะ— สวัสดี— ค่ะ คุณป้า [เทเรซ่า อมรา] \>_<\]
“ป้า? ”
“ค่ะ— แค่ล้อเล่น~”
“ใช่ค่ะ แค่ล้อเล่น~”
[ล้อเล่นค่ะ~ Xd]
สตรีสูงอายุผู้นี้มีนามว่า [เทเรซ่า อมรา]
เป็นนักบวชระดับสูงสุดของวิหารเทพทั้งสามที่ดูแลวิหารสาขาหลักบนทวีปคริสตัล
หรืออาจกล่าวได้ว่าเธอผู้นี้ คือผู้ที่ยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของศาสนา [เทพทั้งสาม] ที่มีอำนาจมากที่สุดของโลกใบนี้
“ให้ตายสิ ไอเราก็เห็นว่าสามารถกลับมาจากทวีปแห่งความแห้งแล้ง โดยไม่มีรายงานความเสียหายจากนักบวช [แคทเธอรีน] —”
***ตัดภาพกลับไปที่วิหารเทพทั้งสาม ทวีปแห่งความแห้งแล้ง***
ภายในวิหารประจำสาขาของเผ่ามนุษย์มด ที่กำลังร้างผู้คนเพราะเหล่าผู้ศรัทธาล้วนแต่ได้ออกเดินทางไปรวมตัวกัน ณ ทวีปคริสตัล
วิหารอันเงียบสงบ ตรงมุมเล็ก ๆ ของห้องมีกระเป๋าหนังใบหนึ่งถูกวางทิ้งเอาไว้
มันเป็นกระเป๋าของเอโซ
ภายในกระเป่าใบนั้นเต็มไปด้วยไข่ของแมลงชนิดหนึ่ง ที่ชอบกินหินและหนังตายซากเป็นอาหาร
พวกมันกำลังเจาะกระเป๋าหนังออกมา เพราะถึงเวลาที่ฟักตัวออกจากไข่
พวกมันกำลังบินกรูไปทั่ววิหาร แล้วเริ่มกัดแทะรูปปั้น เสา ที่ประกอบขึ้นจากหินอ่อน
ภายในเวลาไม่นานนัก วิหารประจำทวีปแห่งความแห้งแล้ง ก็พบกับจุดจบเดียวกับวิหารอื่น ๆ ที่เหล่าสามแสบได้ไปเยือนไม่ต่างกัน…
***ตัดภาพกลับมาสถานที่ปัจจุบัน***
“—กลับมาจากทวีปแห่งความแห้งแล้ง โดยไม่มีรายงานความเสียหายจากนักบวช [แคทเธอรีน] —”
“ (ความจริงวิหารที่สาขานั้น ตอนนี้น่าจะพินาศสิ้นไปแล้วต่างหาก) ”
“ (จุ! เสียงดังไปแล้ว! เดียวป้าแกก็ได้ยินกันกันพอดีหรอก แมรี่!) ”
“—แล้วยังเริ่มรู้จักเปิดใจรับคนอื่น เลยนึกว่านิสัยของพวกเธอจะดีขึ้นมาแล้วเสียอีก แต่นี่คืออะไร? ยังเป็นตัวป่วนเหมือนเดิมเลยไม่ใช่หรือยังไง? นี่อายุพวกเธอขึ้นเลข 20 แล้ว มันไม่ใช่ตัวเลขของคนอายุน้อยเลยนะ!”
“ (ความจริงคืออายุมากกว่าหนึ่งพันปีต่างหาก) ”
“ (ฮะ~ ฮะ~ ฮะ~ ถ้าคุณป้ารู้ความจริงคงได้ตกใจตาค้างแน่) ”
“แมรี่ เอโซ เมื่อกี้นี้เธอสองคนซุบซิบนินทาอะไรกัน! จงลงมานั่งบนพื้นเพื่อสำนึกผิดเดียวนี้! เธอเองก็ด้วยลาพิส!!”
““!!!””
ราวกับมีสายฟ้าฟาดใส่ ณ ใจกลางของห้อง
นักบวชสามแสบที่ทั้งไร้มารยาทและความเคารพต่อผู้อื่น ถึงกับต้องรีบกระโดดลงจากเตียงมานั่งคุกเข่าตามคำสั่งของหญิงชราที่ดูไร้พิษภัย
พวกเธอทั้งสามคนต่างนั่งนิ่ง เอนคอ 30 องศามองลงพื้น พร้อมกับเผยสีหน้าที่หวาดกลัวออกมาให้เห็น
เป็นภาพที่ไม่ต่างจากเด็กตัวน้อยซึ่งกำลังหวาดกลัวแม่ผู้ให้กำเนิด
“ให้ตายสิ! งดข้าวเช้า และนั่งสำนึกผิดแบบนี้ไปสักครึ่งวันซะ! ส่วนแขกผู้น่ารักทั้งสองท่าน พวกคุณคงจะเหนื่อยมากกับการเดินทาง แต่คงต้องรบกวนตามฉันมาที่ห้องครัวด้วย เดียวฉันจะเตรียมอาหารเช้าให้ค่ะ”
“เออ… คือว่า… แล้วพวกพี่สาว…”
แม่สาวตัวน้อยผมสีเงินหันไปมองทางกลุ่มนักบวชสาวที่กำลังถูกลงโทษ แล้วหันกลับไปมองนักบวชชราตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เหมือนกำลังกินยาขมลงคอตัวเอง
“ไม่ต้องไปรู้สึกเกรงใจยัยสามหน่อตรงนี้หรอก— ใช่ไหมจ๊ะสาว ๆ ? ”
“ชะ— ใช่”
“หนูไซน์กับคุณควอตซ์ ไม่ต้องสนใจพวกเราหรอก พวกเราเจอแบบนี้จนชาชินไปแล้วละ”
“ชาชิน? ”
สายตาราวคมมีดของนักบวชชรากำลังเล็งมองไปทางนักบวชภูติที่มีผมสีแดง
“มะ— ไม่ใช่แบบนั้น! พวกเราสำนึกผิดจริง ๆ ค่ะ!”
“ฮึ! ขอให้สำนึกอย่างที่ปากพูดจริงเถอะ”
นักบวชชราพ่นลมหายใจออกทางจมูกเป็นไอขาวทิ้งท้าย ก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเด็กสาวผมสีเงิน กับกระต่ายสาวที่นุ่มฟู
เธอเดินนำแขกทั้งสองคนไปตามระเบียงทางเดินภายนอกอาคารของวิหาร
ถึงจะเป็นช่วงเวลาเช้าตรูที่ฟ้ายังมืด แต่ภายในวิหารกลับมิได้หลับไหล
ตรงสวนริมวิหารที่กำลังเต็มไปด้วยหิมะสีขาวโปรยปรายถับถมแต่งแต้มสีสันต้นไม้และหิน ให้กลายเป็นสิ่งประดับคริสตัลหิมะขาว มีนักบวชในชุดคลุมสีเทากับดำ กำลังกวาดหิมะไปถมกองรวมกัน ณ มุมหนึ่งจนเห็นเป็นภูเขาขนาดย่อม
ตรงทางเดินริมระเบียง มีนักบวชในชุดคลุมสีขาว เดินอย่างใจเย็นพร้อมกับท่องบทสวดที่ฟังดูคล้ายกับเป็นคำด่าเทพเจ้า มากกว่าจะเป็นคำสรรเสริญ
ใช่ คุณฟังไม่ผิด มันคือบดสวดที่เป็น [คำด่า]
เพราะศาสนาเทพทั้งสาม คือศาสนาที่ว่าด้วยถึงความเกลียดชังต่อเทพเจ้าผู้สร้างโลก และเชิดชูการพึ่งตัวเอง กับความสามารถตัวบุคคลเป็นความสำคัญอันดับแรก
“สุดยอด เคยได้ยินมาบ้างว่าเป็นศาสนานี้มีแต่คำด่าทอเทพเจ้า แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำหยาบแบบนี้ดังไปทั่ววิหารตั้งแต่เช้าเจ้าค่ะ”
“ผิดกับดาวบ้านเกิดของฉันเลยค่ะ เผ่าคนแคระของฉันนะ จะเชิดชูพวกภูติผีวิญญาณกับเทพีแห่งปฐพีเป็นหลักค่ะ”
“แล้วแบบนี้หนูไซน์ไม่รู้สึกลำบากใจหรือเจ้าค่ะ ที่ต้องมาพักอยู่ที่นี่ช่วงหนึ่ง? ”
“ฉันถูกพ่อแม่ทิ้งตั้งแต่ยังเล็ก เคยพยายามขอพรจากเทพแห่งแผ่นดินกับภูติผี แต่ไม่มีใครมาช่วยฉันเลยนอกจากพึ่งตัวเอง แถมพวกพี่สาวยังเป็นคนที่ช่วยฉันมาจากความตาย ดังนั้น เลยออกจะรู้สึกถูกใจศาสนาเทพทั้งสามของพวกพี่สาวอยู่มากค่ะ”
“เดียวนะ ช่วยชีวิตอย่างงั้นหรือค่ะคุณหนูน้อยที่น่ารัก? ”
“ใช่ค่ะคุณป้า—”
เด็กสาวผมสีเงินถึงกับรีบกลืนคำพูดของตัวเองลงคอ เมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่ชวนขนลุกของนักบวชชรา
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าทำไมอาจารย์ของเธอถึงได้ดูยำเกรงสตรีผู้นี้ยิ่งนัก
“—ใช่ค่ะ คุณ [พี่สาว เทเรซ่า] ”
“แหม่ ๆ ปากหวานจริงนะตัวแค่นี้~ น่ารักอย่างที่เจ้าหนูแมรี่ได้โม้เอาไว้จริง ๆ แต่เรียกน้าว่า [คุณเทเรซ่า] ก็พอแล้วจ๊ะ~ —ว่าแต่ตกลงเรื่องช่วยชีวิตที่ว่านั่นคืออะไรกันจ๊ะคุณหนูน้อย”
“เอ๊? พวกพี่สาวไม่ได้เล่าให้ฟังหรอกหรือคะ? ”
“ไม่เคยเลยสักนิด ยัยเด็กแสบพวกนั้นบอกแค่ว่าเก็บเด็กน่ารักมาได้คนหนึ่ง ฝากช่วยทำบัตรประจำตัวให้หน่อย แล้วพอรู้ตัวอีกทีก็ส่งแม่หนูกระต่ายนุ่มฟูคนนี้มาพร้อมกับเด็กโคลนของเธอนับร้อยให้ดูแลหน้าตาเฉย ฉันละอยากฉีกเด็กตัวแสบพวกนั้นให้เป็นชิ้น ๆ นักเชี่ยว!”
“ฮะ ฮะ ฮะ…”
พอได้ยินว่าตัวเองกำลงถูกพูดถึง แม่สาวกระต่ายนุ่มฟูคนที่ว่าก็เริ่มยิ้มแห้งออกมา
เธอเคยเจอกับนักบวชเทเรซ่ามาก่อนหน้านี้แล้ว
“คือว่ามันเป็นแบบนี้ค่ะ—”
เด็กสาวตัวน้อยเริ่มเล่ารายละเอียดของเหตุการณ์ที่ตัวเองถูกช่วยเอาไว้ให้นักบวชเทเรซ่าฟัง
เธอเล่าตลอดเส้นทางที่เดินผ่านระเบียง
เล่าแม้กระทั้งในช่วงเวลาที่นักบวชชราภาพกำลังเริ่มเตรียมอาหารเช้า
เล่าจนกระทั้งซุปต้มเนื้อสไลม์ร้อน ๆ ถูกนำมาเสริฟกิน
เล่าจนกระทั้งทั้งสามคนกินอาหารตรงหน้าจนหมด เธอก็ยังเล่าไม่จบ
“—แล้วพี่สาวแมรี่ก็ บะ-ตู้มมมมม! ระเบิดมดผู้ชั่วร้ายจนล้มกลิ้งไปเลยค่ะ!”
“แหม่ ได้ฟังแบบนี้แล้ว คุณป้าคนนี้ก็รู้สึกภูมิใจกับตัวเด็ก ๆ พวกนั้นขึ้นมาเลยแฮะ”
นักบวชชราภาพกำลังยิ้ม
เธอยิ้มอย่างมีความสุข เพราะได้เห็นคนอื่นกำลังกล่าวชื่นชมคนที่เป็นเสมือนลูกสาวของตัวเอง
หัวใจของเธอกำลังฟองโตขึ้นไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นที่ยากจะบรรยายได้ ต่อให้อากาศภายนอกจะหนาวเพียงใดก็ตาม
ถึงจะรู้สึกสงสัยที่มีคำแปลก ๆ อย่าง [วิญญาณ] [ผีหัวขาด] [วิชาปราบผี] หลุดออกมาจากปากของเด็กสาวตัวน้อย แต่นักบวชผู้ชราภาพก็ไม่ได้คิดเก็บไปใส่ใจเท่าไหรนัก
ผีมันจะไปมีจริงอยู่บนโลกนี้ได้อย่างไรกัน?
เธอคิดเช่นนั้น
วิหารเทพทั้งสามนั้นถึงจะปฏิเสธและไม่เชื่อในเทพเจ้ากับวิญญาณ แต่ไม่ได้ปฏิเสธว่าพวกมันไม่มีอยู่จริง
พวกเขาเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่จริง แต่อยู่คนละมิติกับที่พวกเขาอยู่
ดังนั้นแล้ว พวกเขาจึงเชื่อว่าในโลกมิติที่พวกเขาอยู่กัน ณ ปัจจุบัน ไม่มีทางที่จะมีวิญญาณมาปรากฏตัวขึ้นมาได้จริง
“หุ หุ หุ~ รู้สึกเหมือนว่าได้มีหลานสาวผุดขึ้นมาเพิ่มเลยแฮะ เดียวกินข้าวเสร็จแล้ว พวกคุณหนูมีธุระอะไรหรือเปล่า? ถ้าไม่มี สนใจจะไปดูบรรดาเด็กน้อยร้อยกว่าคนกับนักบวชคนนี้ไหมละจ๊ะ? ”
“พวกร่างโคลนของฉัน! ไปค่ะ!”
เด็กสาวตัวน้อยขานรับคำเชิญแทบจะในทันที
“เออ… ไปเจ้าค่ะ”
ส่วนกระต่ายสาวนุ่มฟูดูลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตอบรับอย่างฉะฉาน
ว่าแล้วพวกเธอก็เริ่มเก็บจานซุปของตัวเอง แล้ววิ่งไปที่ทางออกโรงอาหารของวิหารที่มีนักบวชชรายืนรอ
นักบวชผู้เป็นเสมือนมารดาของเทพทั้งสามในยุคเวลาปัจจุบัน ทั้งที่เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเดินดิน
นักบวชผู้มีจิตใจแห่งมารดาและความเป็นมิตร
นักบวชระดับสูงสุดแห่งองค์กรศาสนาอันดับหนึ่งของโลกไดม่อน
เธอ ผู้มีนามว่า
[เทเรซ่า อมรา]
MANGA DISCUSSION