“สุดท้าย ผีโง่ก็ยังเป็นผีโง่อยู่วันยังค่ำละนะ”
นักบวชผมสีเหลืองกำลังหัวเราะด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
เป็นรอยยิ้มที่ถึงกับทำให้เรารู้สึกขนลุก หวาดกลัว และเย็นยะเยือกไปถึงดวงวิญญาณ
หรือว่ามันจะวางกับดักเราเอาไว้?
ไม่ ไม่ ไม่!
เราหยุดการโจมตีของตัวเองไม่ทันแล้ว—!
*ฉึก!*
ร่างของนักบวชผมสีเหลืองกำลังถูกแขนวิญญาณของเราแทงทะลุหน้าอกซ้ายไปอย่างน่าเวทนา
ถึงใบหน้าจะยังคงยิ้มอย่างชั่วร้าย แต่ลมหายใจของมันได้หยุดนิ่งไปแล้ว
ส่วนยัยนักบวชผมสีฟ้าที่ถูกแทงไปตอนแรกนั้น—
มันกำลังนอนนิ่งอยู่บนพื้นท่ามกลางเลือดของมันเอง
รายนี้ก็เสียเลือดมากไปจนตายสนิทไปแล้วเช่นกัน
…อ่าว?
ไม่เห็นมีกับดักอะไรเลยนี่?
“เอโซ! แก! เจ้าวายร้าย!!”
สหายคนสุดท้ายของมันกำลังรวบรวมพลังงานภูติไปที่ปีก พร้อมกับกระแสพลังงานวิญญาณ เพื่อเตรียมใช้พลังเวทมนตร์บางอย่าง
ถึงจะร่ายเวทได้เร็ว แต่ด้วยร่างของเทพเจ้า เรานั้นจึงเร็วกว่า
*ฉัวะ! ฉึก! แคว๊กกกก—-!!!*
ร่างของภูติผมสีแดงถูกแขนขาทั้ง 6 ข้างของเรารุมฉีกแยกออกเป็น 6 ส่วน อย่างรวดเร็ว
ไม่มีโอกาสแม้แต่จะบินหลบ หรือกางม่านป้องกันตัวเอง
ตายแทบจะในพริบตาโดยไม่มีเสียงร้อง
“ชนะ… แล้ว? ”
เราชนะแล้ว
ชนะนักบวชที่น่าจะเป็นอุปสรรค์สุดท้ายของเราได้สำเร็จ
ถึงจะมีหน่ออ่อนหนีไปได้คนหนึ่ง แต่เด็กน้อยแบบนั้นจะไปทำอะไรได้?
เดียวเอาไว้ค่อยส่งคนตามไปเก็บกวาดทีหลังได้อยู่แล้ว
เพราะสิ่งแรกที่ตอนนี้เราต้องทำ คือการเปลี่ยนเจ้าผู้นำพวกนี้ให้กลายเป็นหุ่นเชิดของเราต่างหาก
ได้เวลาปฏิวัติยึดอำนาจเพื่อปฏิรูปเผ่าอาร์โทรโพดาของพวกเรากันแล้ว—
***3 ปี ต่อมา***
ณ เมืองหลวง หรือ เหมือง อาเทม ที่ใจกลางทวีปแห่งความแห้งแล้ง
“ผ่านมา 5 ปี แล้วหรือ นับตั้งแต่ที่เราได้อำนาจมาปกครอง… ผ่านไปไวราวกับโกหก…”
เรากำลังพูดกับตัวเองผ่านร่างทรงมนุษย์ที่กำลังนั่งอยู่ภายในปราสาทใต้ดินอันโอ่อ่า
5 ปี … เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานตั้งแต่ที่เราได้ร่างทรงนี้มาใช้
ยาวนานแต่ก็สั้น จนรู้สึกเหมือนว่าพึ่งจะเป็นเหตุการณ์เมื่อสองสามนาทีก่อนหน้านี้
เราได้ใช้เวลา 5 ปี นี้ไปกับการปฏิวัติเผ่าอาร์โทรโพดาตามแนวทางของท่านมารดาแห่งแผ่นดิน
ทั้งกระจายรายได้
ขึ้นภาษีคนรวย นำไปมอบเงินให้แก่คนจน
ยกเลิกสัมปทานต่างชาติรวมไปถึงชาวต่างดาวทั้งหมด แล้วนำมันกลับมาคืนสู่เผ่าพันธุ์ของตัวเอง
แอบเปลี่ยนกฏหมายเลือกตั้ง กลับไปใช้ระบบสืบทอดตำแหน่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ใครคนอื่นกลับขึ้นมามีอำนาจ แล้วกลับเข้าสู่วงจรอุบาทโกงเมืองเหมือนเดิม
เราทำได้ดี
เราทำได้ดีแล้ว
แล้วทำไม—
“ออกมาซะไอพวกคณะรัฐสารเลว!”
“คณะรัฐบาลออกไป! พวกแกอยู่ครบวาระ 4 ปี แล้ว! พวกเราจะเลือกอนาคตของพวกเราเอง!”
“พวกสวะเดินดิน!”
—ทำไมเราถึงต้องมาทนฟังเสียงด่าทอจากพรรคพวกเผ่าพันธุ์ของตัวเองแบบนี้ด้วย?
ที่นอกปราสาทใต้ดินซึ่งสร้างโดยการขุดอุโมงค์เป็นอาคาร มีกลุ่มประชาชนจำนวนมากกำลังมาชุมนุม
พวกมันมีเยอะมากจนแน่นไปทั่วเหมืองส่วนใต้ดิน
เยอะทั้งแต่พื้นไปจรดผนัง
มีกระทั้งพวกที่ยืนเกาะกลับหัวจากเพดานอุโมงค์ลงมา
แม้แต่ถนนลอยฟ้าเองก็ยังแน่นไปด้วยขบวนยานเหาะที่ส่งเสียงแตรดังลั่นหนวกหู
ตรงหน้าประตูใหญ่ของปราสาท มันกำลังเต็มไปด้วยฝูงชนที่โกรธแค้น
พวกเขาถือป้ายประท้วง ขว้างปาสิ่งของอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจอาวุธสงครามที่เราสั่งให้ไปยืนประจันหน้า
แม้แต่ร่างหุ่นเชิดราชินีทั้งหลายที่เราคาดหวังว่าจะสามารถเอาไปเจรจาสงบอารมณ์ ก็ยังไม่อาจใช้เพื่อดับไฟร้อนจากพวกเขาได้เช่นกัน
“เพราะการบริหารเน่า ๆ ของพวกแก เลยทำให้พวกเราต้องเป็นหนี้สินเผ่าอื่น!”
ชายคนหนึ่งตะโกนดังผ่านเครื่องขยายเสียง
“ไม่มีชาวต่างชาติที่ไหนกล้ามาลงทุนในประเทศเพราะนโยบายเผ่านิยมบ้า ๆ ของพวกแก! พวกเรารายได้หด! พวกเราจะตายกันหมด!”
นั่น— เราก็แค่อยากให้สัมปทานต่าง ๆ ถูกดูแลโดยคนของเรา 100% ต่างหาก…
“นโยบายแจกเงินประชาชนมั่วซั่ว! ทำเงินเฟ้อ! ราคาข้าวของใช้พื้นฐานแพงเกินเหตุ!”
นั่นมันเพราะพวกแกดันทะลึ่งมีลูกกันเยอะเกินไป จนเงินรัฐไม่พอจ่ายเลี้ยงดูแล เราจึงต้องไปกู้เงินมาแจกเพื่อให้ทุกคนมีกิน…
“พวกเราเผ่ามนุษย์มดมีอายุขัยสั้น! แกคิดที่จะก่อหนี้สิน แล้วตายจากโดยทิ้งภาระให้ลูกหลานหรือยังไง!?!”
แล้วพวกแกมีความคิดอื่นที่ดีกว่าการกู้เงินมาเลี้ยงคนหรือยังไงกันยะ!
““ไอสารเลวววว!””
““ออกไปปปปป!!””
ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้…
ทำไมพวกเขาถึงไม่ยอมเข้าใจ…
เราพยายามทำเพื่อเผ่าของเรา…
เราพยายามเพื่อมารดาแห่งแผ่นดิน…
แล้วทำไม…
“ไอรัฐบาลโง่!”
พวกแกต่างหากที่โง่!
พวกเราเผ่าอาร์โทรโพดานะมีจำนวนประชากรมากกว่าเผ่าอื่นเป็นเกือบสี่-ห้าเท่าตัว!
เป็นหนี้สินต่างชาติเยอะแล้วไง?
ต่างชาติไม่ยอมมาลงทุนค้าขายกับเราแล้วไง?
ทำไมต้องไปสนใจ?
พวกเรานะยิ่งใหญ่จะตายไป
อ๊า— จริงด้วยสิ
ใช่พวกเรานะยิ่งใหญ่
พวกเรานะแข็งแกร่ง
ถ้าขาดแคลนเงิน เป็นหนี้สินเยอะ แค่ไปก่อสงครามและชนะกลับมา เรื่องมันก็จบได้แล้วไม่ใช่หรือยังไง?
เพราะยังไงกองทัพเราก็มีมากกว่าเผ่าอื่น ๆ
ร่างทรงนี้เองก็แข็งแกร่ง
ถ้าเราออกไปนำทัพด้วยตัวเอง ยังไงก็ชนะสงครามได้อย่างแน่นอน
แล้วทีนี้ก็จะไม่มีใครบ่นเราได้อีกต่อไป—
*** 1 เดือน ต่อมา***
ณ ทวีป สนามแม่เหล็กภาคตะวันออก เมือง บูเล็ตฟรีโซน
ทวีปแห่งข้อพิพาทที่ยังไม่มีเผ่าไหนเป็นเจ้าของ และถูกลงมติให้แข่งขันแย่งชิงความเป็นเจ้าของโดยเลือกจากผู้ที่สามารถพิชิตทวีปได้ก่อน
แต่ทว่าเราได้ละเมิดข้อตกลงนานาชาติ ด้วยการนำกองทัพเข้าปกครองเมือง แล้วประกาศความเป็นเจ้าของเหนือทวีปนี้ไปแทน
ทันทีที่เผ่าอาร์โทรโพดาประกาศความเป็นเจ้าของทวีป เผ่ามนุษย์สัตว์ที่อยากได้ทวีปนี้ไม่แพ้พวกเราจึงได้ประกาศสงครามกับพวกเราในทันที
สงครามระหว่างเผ่ามนุษย์สัตว์กับเผ่าอาร์โทรโพดาจึงได้เริ่มต้นขึ้น โดยมีเมือง บูเล็ตฟรีโซน เป็นศูนย์กลางการรบ
ทว่า— สงครามได้จบลงอย่างรวดเร็วภายใน 10 นาที เท่านั้น
จบภายในสิบนาทีด้วยพลังอันยิ่งใหญ่
จบ… โดยชัยชนะของเผ่ามนุษย์สัตว์
“ทำไม—”
ณ ใจกลางเมือง มีแต่ซากศพของฝ่ายเรา
ไม่เพียงแค่เมือง บูเล็ตฟรีโซน แม้แต่เมืองหลวง เหมือง อาเทม ยังมีข่าวแจ้งมาว่าถูกถล่มจนยับไม่มีชิ้นดี
ทันทีที่เริ่มประกาศสงคราม ฝ่ายมนุษย์สัตว์ได้ส่งข่าวแจ้งเตือนฝั่งเรา ว่าให้อพยพออกจากเมืองสำคัญของตัวเองซะ
แน่นอนว่าเราไม่เชื่อคำขู่นั้น
พวกเรามีเทคโนโลยีล้ำหน้า
เมืองสำคัญล้วนอยู่ใต้ผืนทราย แล้วยังมีม่านพลังงานอันแข็งแกร่งคอยคุ้มครองอีกชั้นหนึ่ง
ต่อให้ทิ้งอาวุธหนักลงมาด้วยอาวุธอวกาศ ก็ไม่มีทางทำลายเมืองของพวกเราได้
เราเชื่อมั่นเช่นนั้น
แต่ความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น
เผ่ามนุษย์สัตว์— โนอาร์ ได้เผยอาวุธลับของตัวเอง
ดาวเทียมวงโคจรได้ทิ้งเสาแสงสีแดงขนาดอุกกาบาตลงมาจากฟากฟ้า
เสาสีแดงนั้นมีด้วยกันทั้งหมด 6 สาย
5 สาย ยิงไปตามเมืองสำคัญของเผ่า อีกหนึ่งทิ้งลงใจกลางเมือง บูเล็ตฟรีโซน
แสงสีแดงที่เข้มจนแทบจะกลายเป็นสีดำนั้น มีพลังงานทะลุทะลวงยิ่งกว่าพลังงานใด ๆ ในประวัติศาสตร์อาวุธ
เพราะเราใช้ร่างทรงมองผ่าน เลยรู้เห็นประจักษ์แก่สายตา
มันเป็นเสาพลังงานที่เกิดจากเทคโนโลยีสามเผ่ารวมเข้าด้วยกัน
ใช้พลังงานจากแร่แห่งความเป็นไปได้ของเผ่าลิซาร์ดแมน ผสานเข้ากับเทคโนโลยีรังสีที่เผ่ามนุษย์สัตว์เชี่ยวชาญ ผนวกเข้ากับเทคโนโลยีเวทมนตร์ของเผ่าเอลฟ์ที่มีความใกล้เคียงกับพลังงานวิญญาณมากที่สุด
เสาแสงที่เกิดจากพลังงานสามรูปแบบ ได้กลายเป็นพลังงานที่มีความคล้ายคลึงกับพลังงานจากมิติโลกวิญญาณโดยบังเอิญ
เสาสีแดงเข้มจนแทบจะเป็นสีดำ ได้กลายเป็นหลุมดำที่ดูดทุกอย่างเข้าไปในเสาแสงนั้น
เพียงพริบตาเดียว เมืองทั้งหมดของเผ่า ชีวิตของทุกคนที่เราควรปกป้อง จักตายสลายหายไปทั้งหมดพร้อมกัน
เหลือเพียงแค่เรา กับผู้คนอีกเล็กน้อย ที่รอดชีวิตมาได้…
“ทำไม…”
ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้…
ท่านมารดาแห่งแผ่นดิน… แฟตที่สอง… อาเทม…
เรา… เราทำผิดตรงไหนกันคะ ….?
“หากคุณแฟตที่สองรับรู้เรื่องนี้ เธอคนนั้นคงมีความสุขน่าดู ที่แผ่นดินของเธอถูกลบออกจากแผนที่โลกไปแล้ว~”
“…ใคร!? ”
เราพยายามมองหาต้นเสียงดังนั้น
บนร่างกายของซากศพที่นอนเรียงรายอยู่ในเมือง มีเงาวิญญาณกำลังบินลอยออกมา
แต่ทว่าเงาวิญญาณพวกนั้นดูแปลกกว่าเงาวิญญาณที่เราเคยได้เห็น
เพราะเศษเงาเล็ก ๆ เหล่านั้นกำลังลอยออกมา แล้วรวมตัวเป็นเงาสีดำขนาดใหญ่จำนวนสามเงา
หนึ่งเงาไม่มีแขน
หนึ่งเงาไม่มีใบหน้า
หนึ่งเงาไม่มีขา
“บริหารการเมืองไม่เป็น ไม่มีสมอง แล้วหน้าด้านอยากปกครองประเทศ~”
เงาไร้แขนพูด
“มีแต่กำลัง ใช้แต่พลังตัดสินคนอื่น พอเจอของจริงเข้าให้หน่อย ก็กลับตัวไม่ทันแล้ว~”
เงาไร้หน้าพูด
“สนุก สนุกจังเลย~ มีแต่กำลัง แต่สมองไม่มี~”
เงาไร้ขาพูด
“พะ– พวกแกคือ!? ”
“ทุกคนตายเพราะเธอ~”
“ตาย ตาย กันหมดเลย~”
“เก่งจังเลย บริหารยังไงให้เผ่าตัวเองตายห่านกันหมด~”
“ไม่! เราไม่ผิด! คนที่ผิดคือเจ้าพวกนี้มันดันอ่อนแอกันเองต่างหาก! ถ้าทุกคนแข็งแกร่งพอ สงครามนี้เราก็จะเป็นผู้ชนะ!”
ใช่! เราไม่ผิด!
เราทำเพื่อเผ่าของเรา! ดังนั้นเราไม่ผิด!
แค่ผลลัพธ์ออกมาแย่ ไม่ใช่ว่าเราจะผิดเสียหน่อย!
“อุ้ย~ ต้าย~ ตาย~ ไปโทษคนอื่นแทนแล้วละ~”
“เอาจริงเธอก็ไม่ผิดนะ เพราะถ้าชนะสงครามขึ้นมาที เธอก็จะกลายเป็นฮีโร่ของเผ่าไปเลย”
“แต่ดันแพ้ไง~”
“ใช่ ๆ ผิดที่แพ้นี่แหละ~”
“ไม่ได้พึงสำเหนียกเลยว่าการตัดสินของตัวเอง มันมีผลต่อชะตาชีวิตของคนอื่น~”
“แพ้เพราะโง่~”
“โง้—- โง่~”
“แล้วคนโง่ก็มักถูกนิยามให้กลายเป็นคนที่ผิดเสียด้วย~”
“น่าสงสาร~ ถ้าแฟตที่สองหรืออาเทมรู้เข้า คงได้ร้องไห้ทั้งน้ำตาแน่เลย~”
“โง่ก็ยอมรับว่าโง่เถอะ จะได้รู้สึกสบายใจกว่านี้นะจ๊ะคุณหนู~”
“!!!”
พวกเงากำลังหัวเราะ
กำลังหัวเราะเราด้วยรอยยิ้มที่น่าขนลุก
“หยุด! พวกแกไม่มีสิทธิ์มาหัวเราะหรือวิจารณ์การเลือกของเรา!”
“เธอเองก็ไม่มีสิทธิ์มาหยุดไม่ให้พวกเราวิจารณ์เธอเองเช่นกัน~”
หัวเราะ…!
มันยังหัวเราะไม่หยุด…!
“หุบปากกก!”
เราใช้ร่างทรงสร้างแขนขา แล้ววิ่งเข้าไปฟันวิญญาณสีดำจนขาดครึ่งทั้งสามร่าง
แต่วิญญาณพวกนั้นกลับเพียงแค่ปลิวกระจาย แล้วรวมตัวใหม่ กลายเป็นร่างเงาที่ใหญ่กว่าเดิม
“หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก!”
เราฟันมันไม่หยุด
ไม่ว่าจะฟันด้วยพลังวิญญาณหรือฟันด้วยกฏของฟิสิกข์
ไม่ว่าจะทำยังไง มันก็ไม่ยอมหยุดหัวเราะ และไม่ยอมสลายหายไปจากเรา
“เธอคือคนผิด~”
“ทุกคนตายเพราะเธอ~”
“แผ่นดินของมารดาตายไปเพราะเธอ~”
“วิญญาณแห่งมารดากำลังร้องไห้อยู่ละเธอ~”
หุบปากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก———!!!!
หุบปาก…
ปุบปากไปเดียวนี้…
เรา… ไม่ได้ผิด…
ไม่ได้ผิด..
ไม่ได้ผิดอะไรเลยสักหน่อย…
เราก็แค่…
ก็แค่…
…
***ณ โลกแห่งความเป็นจริง***
อุ้ยตายว้ายกรีด ถึงกับกอดเขาร้องไห้เงียบ ๆ ไปแล้ว~
สงสัยจะแกล้งหนักข้อเกินไปหน่อยแฮะ
เรากำลังมองดูวิญญาณตัวการ ผ่านทาง [จิต] ด้วยการเอาหน้าผากแนบชิดหน้าผากเจ้ามนุษย์หนุ่ม
ส่วนสหายลาพิสยังอยู่ดี และกำลังรักษารูโหว่ตรงช่วงอกอยู่กับสหาย แมรี่ โกลด์ ข้างหลังของเรา
ความเป็นจริงแล้ว การต่อสู้ทั้งหมด ได้จบลงตั้งแต่ตอนที่ แมรี่ โกลด์ สาดกระสุนแสงใส่มัน
เราจงใจพูดให้ยัยนี่ได้ยินว่าพลังงานวิญญาณนั้นมีสองขั้วหลัก คือบวกกับลบ
แต่นั่นคือการหลอก
ยัยนี่มันเรียนรู้เร็วมาก เลยต้องหลอกให้เชื่อว่าพลังงานวิญญาณมีแค่สองขั้วหลัก
ความจริงแล้ว เพราะว่าวิญญาณมันอยู่ได้ทุกสถานะ เลยทำให้มันสามารถเป็นได้ทั้งพลังงานขั้วบวก พลังงานขั้วลบ และพลังงานไร้ขั้ว
สีของพลังงานเองก็สามารถเป็นไปได้ทุกสีขึ้นอยู่กับความเข้มข้นกับความหนาแน่นของปริมาณ
เราได้พรางตัวเองด้วยขั้วพลังงานที่เป็นกลาง เพื่อหลบการตรวจจับของยัยนี่ แล้วนำหน้าผากตัวเองไปแนบหัวเจ้าหนุ่มในช่วงชุลมุนของแสงไฟที่สหายสาดโจมตี
เราลอบเข้าประชิดจากมุมอับ แล้วเริ่มทำการสะกดจิตมันผ่านทางคลื่นวิญญาณ
เราส่งภาพหลอนผ่านทางการรับรู้โดยตรงเข้าไปในดวงวิญญาณที่อยู่ข้างใน แล้วสะกดจิตเจ้าวิญญาณบ้านี่ซะ
“เอ้า~ ออกมาได้แล้ว~”
เรานำปีกข้างหนึ่งแตะที่ส่วนหัวทางขวา แล้วดึงตัวการร้ายออกมาช้า ๆ อย่างระวังไม่ให้มันรู้ตัวด้วยขั้วพลังงานวิญญาณที่หุ้มปลายปีก
ดึงออกมา แล้วนำมันไปผนึกใส่ขวดแก้วอย่างช้า ๆ เบา ๆ
“ฮึก… ฮือ… เรา… เราไม่ผิด…”
เสียงร้องไห้ยังคงดังไม่หยุดออกมาจากดวงวิญญาณสีฟ้าน้อย ๆ ดวงนี้
น่าสงสาร~
แต่ยอมรับเลยว่าถ้าสู้ตรง ๆ พวกเราคงมีสภาพไม่ต่างจากที่สร้างภาพหลอนสะกดจิต
ใครมันจะไปสู้กับร่างกายทิพย์ที่มีพลังทัดเทียมเทพเจ้าได้กันละยะ!
“ร้องไห้ไม่หยุดเลย… เอโซ นั่นเธอให้มันได้เห็นอะไรกันละเนี่ย? ”
“แค่ฝันร้ายนิดหน่อย ๆ เอง~”
“ฟังดูไม่เห็นจะรู้สึกว่านิดหน่อย ๆ เลยนะสหาย”
สหายของเราส่งรอยยิ้มซุกซนกลับมาให้เรา แล้วหันไปทำการรักษาแผลของลาพิสต่อ
“ขอโทษด้วยลาพิส ที่ต้องให้เธอรับหน้าที่หนัก ๆ แบบนี้…”
[ไม่เป็นไรค่ะ มันคือหน้าที่ของฉันอยู่แล้วค่ะ (ᗜˬᗜ) ]
แอบรู้สึกผิดกับลาพิสอยู่เหมือนกัน
ถ้าเราสามารถวางแผนได้รัดกุมมากกว่านี้ ลาพิสคงไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้หรอก
“อุ๊ก—! ใคร—!? ใครอยู่ข้างนอก! มาช่วยพวกเราที!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากหนึ่งในก้อนใยแมงมุมที่แขวนเรียงรายไปทั่วทั้งห้อง
ดูเหมือนว่าคนที่ถูกจับขังอยู่ข้างใน กำลังจะเริ่มหาทางดิ้นหลุดออกมาได้กันเองแล้ว
“รีบไปกันเถอะทุกคน”
“โอ๊ส~ ฮีโร่ที่ดี ต้องปกปิดตัวตนไม่ให้ใครรู้จัก ยามพระจันทร์สิ้นแสง นั่นหมายถึงหมดเวลาทำงานของฮีโร่แห่งเงามืด~”
[ค่ะ ★ (*≧▽≦) ☆]
ตอนนี้ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับพวกเราอีกต่อไป
ความวุ่นวายทุกอย่างได้ถูกเราจัดฉากให้เป็นฝีมือของเจ้าหนุ่มออนเป็นคนจัดการไปแทน
ทุกคนที่แหกใยแมงมุมออกมา จะเห็นเป็นเจ้าหนุ่มที่กำลังนอนสลบพร้อมปืนกระบอกโต กับซากสัตว์ยักษ์ที่ล้มตายอยู่ข้างหลังมัน
ทุกคนจะเข้าใจว่า ชายคนนี้คือผู้ที่ล้มสัตว์ยักษ์
เรื่องของทางโลก ให้คนของทางโลกรับมือไปซะ
อีกอย่าง แค่นึกใบหน้าตอนที่เจ้าหนุ่มซื่อบื้อต้องรับมือกับเรื่องวุ่นวายต่อจากนี้ ก็รู้สึกสนุกขึ้นมาแล้ว
ฮุ ฮุ ฮุ~
ส่วนตอนนี้ ที่พวกเราต้องสนใจ มีแค่สืบหาให้ได้ว่าไอบ้าตัวไหน คือตัวการที่สอนวิชาเทพเจ้าให้กับผีร้ายตัวนี้ต่างหาก—
“…อย่าบอกนะว่าท่านยมจะรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว เลยส่งพวกเรามาที่โลกนี้อะนะ? ”
MANGA DISCUSSION