*ฟูวมมมม*
มีเพียงแค่เสียงจากพายุสีดำ ที่ดังสะท้านไปทั่วอาคาร
ภายในห้องโถงจัดเลี้ยงอันโอ่อ่า กำลังตกอยู่ภายใต้ความมืดที่มีเพียงแค่แสงเทียนส่องสว่าง
เพดานถูกเจาะเป็นรูกว้าง มองเห็นแต่กระแสอันเชี่ยวกรากที่ไร้แสงไฟ
กลางอากาศเต็มไปด้วยเส้นใยแก้ว กับร่างของเหยื่อที่ถูกปิดหูปิดตาจนมืดบอด ไร้อิสระภาพหรือหนทางหนี
สถานการณ์ทุกอย่างล้วนกำลังเป็นใจให้กับเรา
ขอเพียงแค่จัดการนักบวชสี่คนตรงหน้า ความฝันของมารดาแห่งแผ่นดินจักกลายเป็นจริง
“บุก”
“รับ—ทราบ—”
คลื่นกองทัพของเราเริ่มโหมโจมตีกระหน่ำ
มังกรจากบนฟ้าพ่นแสงสีทองเป็นลำ พุ่งตรงตัดผ่านสี่เส้นสู่ภาคพื้น
วิ่งตัดไล่ตามสี่นักบวช หมายเผาให้กลายเป็นเถ้าธุลีดินไป
เราไม่ต้องการร่างกายของพวกนักบวชสาว
เรามีร่างกายที่จะใช้เป็นหุ่นเชิดมากมายพอแล้ว
“ฮิ”
นักบวชในผ้าคลุมสีดำหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยกปีกสีทองชูเหนือหัว
นักบวชสีเทาปาระเบิดควันลงพื้น
ม่านฝุ่นควันขาวฟุ้งกระจายแผ่รอบทิศ ปกคลุมบดบังตัวตนจนหายไปสิ้น
ไร้สาระ
ถึงม่านขาวจะใช้บดบังทางสายตาได้ แต่ไม่อาจใช้บดบังวิญญาณที่แผ่กระจายออกมาจากร่างกายได้หรอก
พวกเราที่เป็นวิญญาณ ไม่ได้มองวิญญาณกันเองด้วยสายตา—
“… มองไม่เห็น? ”
เรามองไม่เห็นพวกมัน…
ไม่เห็นแม้แต่คลื่นวิญญาณเลยด้วยซ้ำ!
มันไม่ใช่ม่านควันธรรมดาเช่นนั้นหรือ!?
ลำแสงสีทองจากมังกรพุ่งทะลุเข้าไปในม่านหมอกขาว
ทว่าเปลวไฟนั้นทำได้เพียงแค่กวาดพื้นที่อันว่างเปล่า
เวลาเดียวกัน ได้มีนักบวชภูติบินสวนกระแสเปลวไฟสีทอง
เธอกางสองมือออก แล้วแผ่กระจายคลื่นเสียงออกไปข้างหน้าด้วยพลังเวทภูติ
*ฮูมมม!*
คลื่นเสียงนั้นรุนแรงจนทำให้มังกรทั้งสี่ตัวบิดตัวเป็นเกลียว
พวกมันหยุดพ่นไฟ แล้วลงมาดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นพร้อมกัน
แย่ละสิ
ถ้าทนความเจ็บปวดจากการเชื่อมประสาทไม่ไหว มีหวังเจ้าพวกนั้นได้ยอมคืนร่างมังกรแน่
“เข้าไปช่วยรุมกระทืบมันสิยะ!”
*กรรรก!*
ร่างหนอนทรายยักษ์คำรามลั่น
ซากศพที่มีวิญญาณสิงสู่นับหมื่น กำลังอ้าปากกว้าง แล้วพ่นน้ำลายกรดออกไป
*เปรี๊ยง!!*
แต่ก่อนที่จะได้ทันพ่นน้ำลาย ร่างของมันกลับบิดหักงอครึ่งไปก่อน
ที่ตรงส่วนโคนลำตัวซึ่งโผล่พ้นจากพื้นห้อง มีร่างของนักบวชในชุดคลุมสีดำคนหนึ่ง กำลังใช้เรียวขาขาวแตะตัดลำตัวอยู่
เธอมีผมสีฟ้าที่สวยงาม และคาดผ้าสีดำปิดตาของตัวเองเอาไว้
*กรรกก!!*
แต่การโจมตีเช่นนั้นมันไร้ค่านัก เมื่อมาอยู่ต่อหน้าซากศพที่ถูกเชิด
เพราะว่าการสิงสู่ร่างที่ตายไปแล้ว มันจะไม่มีเหลือระบบประสาทที่ส่งผ่านความเจ็บปวดมาให้ ผิดกับการสิงสู่ร่างของคนเป็น
“กรรร!”
หนอนทรายทิ้งทั้งตัวลงหมายล้มทับใส่ทั้งยัยผมสีฟ้า กับยัยภูติหัวแดง
วิญญาณทั้งหมื่นตนที่ควบคุมร่าง เริ่มแผ่ขยายคลื่นพลังงานหุ้มกายหนอนทราย ก่อเป็นมวลน้ำหนักขึ้นในมิติโลกคนจริง
ร่างที่ถูกทิ้งลงมา ได้กลายเป็นเสมือนหนึ่งอุกกาบาตยักษ์ที่กำลังพุ่งชนโลกา
เวลาเดียวกัน ฝั่งนักบวชสาวเริ่มยืนตั้งท่า
บรรจบกายกับฟ้าและผืนดินเป็นหนึ่งเดียว
มองเห็นกระแสเลือดที่ไหลเวียน ลมหายใจ กับกระแสพลังวิญญาณที่วนบรรจบ
หมุนวนจากอากาศ หายใจผ่านทางปอด วนทั่วร่าง ก่อนลงไปรวมสู่ปลายเท้า
*ตึ่ง!*
ฝ่าเท้าขวาที่ยันลงพื้นจักแตกระแหงจมลง
ฝ่าเท้าซ้ายถูกวาดเป็นวงพระจันทร์ เหวี่ยงบรรจบดินขึ้นฟ้า สวนปะทะร่างที่ทิ้งลงมาของหนอนทราย
โฮ่?
นักบวชสาวพวกนี้ใช้พลังงานวิญญาณเป็นกันจริง ๆ ด้วยสินะ?
อย่างว่า ก็เป็นนักปราบผีนี่น่า
แต่พลังงานวิญญาณจากคน ๆ เดียว มีหรือจะสู้วิญญาณแค้นนับหมื่นคนได้?
จงสำนึกเสียใจแล้วบี้แบนเป็นเนื้อบด—
*ผัวะ!*
*กรร—? *
ราวกับโลกทั้งใบกำลังถูกกรอเทปให้เชื่องช้าลงมา
ปลายเท้าโจมตีใส่จุดรวมกระแสพลังของหนอนทราย สิ่งนั้นได้ทำลายแสงสีเงินที่หุ้มร่าง เหมือนเป็นการกะเทาะเปลือกไข่จนแตกออกมา
ร่างที่ใหญ่กว่าเกือบ 100 เท่า กำลังบิดตัวหักศอกตามแรงแตะ
ร่างกายที่เหยียดตรงเริ่ทพับทำมุมแหลม 10 องศา ก่อนจะหลุดออกมาจากหลุม แล้วปลิวเป็นลูกบอล ทะลุอาคาร จนถูกพายุสีดำที่อยู่ข้างนอกกลืนกินลงไป
*กีสสสสส!!!?? *
ร่างของหนอนทรายที่ใหญ่โต ได้ถูกรอยแยกมิติที่บ้าคลั่งกลืนกินเข้าไป
มันถูกย่อ แล้วขยาย ยืดออก จนดูเหมือนเป็นแผ่นกระดาษที่ถูกขยี้ แล้วโยนลงไปปั่นในเครื่องซักผ้า…
บะ— บ้าชัด ๆ !
ทำได้ยังไง!?
จะว่ามีพลังวิญญาณมากกว่าวิญญาณหนึ่งหมื่นตนก็ไม่ใช่?
หรือว่ามีหลักวิชาอะไรที่เรายังไม่รู้อีกเช่นนั้นหรือ?
เพราะที่เรารู้จากการเป็นผี พลังงานวิญญาณมันมีผลแค่การแทรกแทรงมิติ กับการห่อหุ้มเพื่อเพิ่มมวลสารด้วยการแทรกพลังงานเสริมสร้างอะตอม
มันไม่มีทางเป็นไปได้ ที่จะนำมาเพิ่ม—
“อืม… ดูท่าจะคาดหวังสูงเกินไปสินะ? ”
เราหันไปทางต้นเสียงที่แสนเย็นชานั้น
ที่ตรงนั้น มีนักบวชสีดำที่มีปีกสีทอง กำลังลูบหัวมังกรทั้งสี่ตัวอยู่
ที่เอวของเธอ มีขวดแก้วบรรจุแสงวิญญาณสี่ดวงถูกแขวนเอาไว้
ร่างมังกรที่เคยถูกลูกน้องของเราควบคุม ได้ถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระไปแล้ว…
” เห็นว่าถึงขั้นมีตบะแก่กล้าสร้างพื้นที่มิติแยกได้ แต่—ช่างหยาบ อ่อนแอ เหมือนเป็นเด็กที่พึ่งหัดเดินเท่านั้น”
ยัยนั่นกำลังพูดเรื่องอะไร?
กำลังว่าเราอยู่อย่างงั้นเรอะ?
“พวกแกบอกทีได้ไหมว่าใครคือหัวหน้า? ถ้ายอมบอก เดียวจะช่วยส่งไปโลกคนตายโดยไม่เจ็บปวดให้”
ยัยนี่…
ยัยนักบวชนกดูท่าจะมีระดับอันตรายมากที่สุดในกลุ่ม
สัญชาตญาณมันกำลังเตือนบอกเราแบบนั้น
*เปรี๊ยง!*
“อะไร? ไม่คิดจะยอมบอกกันเลยเรอะ? ใจร้ายกันจังน้า~”
ยัยนกเบียงตัวหลบกระสุนรังสีที่พวกฑาทิมโหมยิงใส่ไปพลาง พร้อมกับพูดจาหยอกล้อไปพลาง
หลบแสงรังสีได้…
ยัยพวกนี้มันจะขี้โม้เกินไปแล้วนะยะ!
แต่ไม่เป็นไร
เพราะจากความทรงจำของเจ้าหนุ่มร่างทรง มันบอกเราว่ายัยพวกนี้มันเป็นคนรู้จักกับพวกฑาทิมกับเจ้าหนุ่ม
ถึงปากจะร้าย แต่นิสัยจริง ๆ คือดีงามราวกับนางฟ้า
ยัยพวกนี้มันไม่มีความกล้ามากพอลงมือแรง ๆ กับพวกฑาทิมหรอก
ที่เราต้องทำ คือยิงถ่วงเวลาจนมันเหนื่อยก็พอ
แล้วหนทางสู่ชัยชนะมันจะต้องเปิดให้กับเราอย่างแน่นอน—
*ฟูวววมมมม!*
*ฉัวะ!*
*กร๊อบ!!*
สามสาวนักบวชชุดดำกำลังไล่อัด หักแขนขาด้วยลูกถีบ เผาทั้งตัวด้วยเปลวไฟเวทมนตร์ภูติ เฉือนคอกับแขนจนเลือดสาดเป็นน้ำพุด้วยปีกเคียวสีทองที่คมราวใบมีด
ร่างของยักษา ไม่ว่าจะหัวแดง หัวฟ้า หัวห้าสี
ร่างของพวกปักษา ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย
โดยเฉพาะพวกผู้ชายเผ่าปักษา ที่จะโดนเล่นงานหนักเป็นพิเศษ…
ทุกคนล้วนต่างกำลังถูกแยกออกเป็นส่วน ๆ อย่างไม่สนใจใยดีว่านั่นคือ [เพื่อน] หรือ [คนรู้จัก] ของพวกเธอ
“…”
ใจดีราวกับนางฟ้าบ้านเอ็งสิยะอีตาร่างทรง!
“แมรี่โกลด์ ฝากรักษาพวกมันก่อนสมองตายที เดียวที่เหลือเรากับลาพิสจะจัดการต่อเอง”
“ไว้ใจได้เลยสหาย สุดยอดนักบุญผู้ถือครอบตำแหน่งปราชญ์แห่งภูติจะรับช่วงดูเจ้าพวกน่าสงสารตรงนี้ให้เอง!”
นักบวชภูติหัวแดงถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลัง ส่วนนักบวชอีกสองคนกำลังเดินตรงมาทางเราที่กำลังยืนคู่กับยัยกระต่าย
” เหลือแค่สองคนแล้วน้า~ เอาละใครคือหัวหน้า? ในร่างของแม่สาวนุ่มฟู หรือเจ้าหนุ่มมนุษย์ที่มีดวงตามองเห็นผีกันน้า~”
นักบวชนกพูดด้วยรอยยิ้มที่ซุกซน
หึ! ถึงจะชนะได้ แต่อย่าลืมว่าผู้ร่วมอุดมการณ์ของเรายังมีเหลือ—
“พี่ค่ะ หนูวาดวงแหวนเสร็จแล้วค่าาา! ต้องทำยังไงต่อคะ? ”
” เร็วดีนี่หนูไซน์? งั้นเอาแท่งคริสตัลที่ให้ไปมาวางลงตรงกลางได้เลย”
” ค่ะ!”
ตอนนั้นเองที่มีเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นมาจากข้างหลังพวกเธอ
ตรงกลุ่มม่านควันขนาดใหญ่ที่กำลังจางลง มีนักบวชสีเทายืนอยู่คนหนึ่ง
ลืมยัยจิ๋วคนแคระไปเลย…
เธอคนนั้นกำลังยืนอยู่บนวงแหวนแปดแฉกที่แปลกประหลาด
มันดูคล้ายกับเทคโนโลยีเวทมนตร์ของพวกเอลฟ์
แต่มันดูเหมือนวงจรไฟฟ้าทรงกลมมากกว่าจะเป็นวงจรเวทมนตร์ โดยมีอักขระภาษาที่ไม่เคยเห็นถูกเขียนเชื่อมแต่ละวงให้เป็นเส้นเดียวกัน
สีของเส้นวงอักขระ มีลักษณะคล้ายกับ—ผงชอล์ก? ผงคริสตัล?
“วางละนะค้า~”
นักบวชเทายิ้มร่าแล้ววางคริสตัลเจ็ดสีในมือลงบนใจกลางวงจร
พริบตานั้นเอง ที่เรารู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วร่างกาย
มันคือความรู้สึก… ที่เราเคยเจอมาก่อน
เป็นความรู้สึกที่เคยลืมมันไปนานแล้ว
ความรู้สึก— ที่เหมือนกับสมัยตอนที่ตายครั้งแรก แล้วกำลังจะถูกดูดไปโลกฝั่งมิติคนตายเช่นนั้น
วิญญาณของลูกน้องกับผู้ร่วมอุดมการณ์ กำลังถูกคริสตัลเจ็ดสีก้อนนั้นดูดเข้าไป
หลุมมิติที่ไม่รู้จัก กำลังห่อหุ้มตัวก้อนคริสตัลเจ็ดสีขนาดสิบเซนติเมตร แล้วฉายภาพของท้องฟ้าสีรุ้งที่ขนลุกให้ปรากฏ
“!!!”
เราจำมันได้แล้ว!
เราเคยเห็นมัน!
เจ้าคริสตัลก้อนนั้น มันคือของที่ถูกนำมาจากฝั่งโลกของคนตาย!
หินประหลาดที่มีอำนาจในการดูดวิญญาณที่ไม่มีร่างกาย!
ซวยแล้ว ซวยแล้ว ซวยแล้ว!
เรากำลังพยายามเต็มที่เพื่อเหนี่ยวรั้งร่างกาย ไม่ยอมให้ถูกดึงออกจากร่างทรงนี้ออกไป
*กรี๊ดดดด!? *
แต่สหายอีกคนที่สิงในร่างของแม่กระต่ายสาว ไม่อาจทนทานต่อสิ่งนี้ได้
ไม่สิ ไม่ใช่ว่าทนไม่ไหว
แต่เธอเหมือนถูกอะไรสักอย่างจากข้างในร่างกาย มาพลักกระเด็นออกมาทั้งดวงวิญญาณเช่นนั้นมากกว่า
“ฮึม!”
นี่เราจะมาจบแบบนี้อย่างงั้นหรือ?
มันจะไม่ง่ายไปหน่อยหรือ?
เรา— อุตสาหะแหวกนรก เรียนรู้วิธีใช้พลังวิญญาณมาจากเขาคนนั้น เพื่อจบลงง่าย ๆ โง่ ๆ ด้วยผีมือของนักบวชแค่สี่คน?
ไม่…!
เราไม่ยอมรับเด็ดขาด…!
เพื่อมารดาแห่งแผ่นดินผู้ล่วงลับ เราจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เพียงแค่นี้เด็ดขาด!!!
” (เยี่ยม ถ้าเช่นนั้น *xxx* ผู้นี้จะสอนเคล็ดลับการใช้พลังวิญญาณระดับสูงให้) ”
“เสียงนี้!? คุณท่าน!? ”
” (ถ้าเจ้าทำให้ยัยเทพทั้งสามลำบากได้ จะดีมากเลยละ หุ หุ หุ~) ”
“เดี่ยว!? เสียง? ท่านอาจารย์—!!!”
เจ็บ
อยู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บหน้าอก
ไม่ใช่ความเจ็บปวดจากร่างกาย แต่เป็นความเจ็บปวดจากทางวิญญาณ
ทั้งเจ็บทั้งร้อน
นี่มัน—
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!”
MANGA DISCUSSION