***วันที่ 59 เอนมูว์ทัวร์ ปีที่ 125 ทวีป ออโรร่า ดาว ไดม่อน
ฤดูใบไม้ร่วงที่แสนเศร้า
เวลา 10:00 นาฬิกา
“ตื่น! เจ้าพวกขี้เกียจทั้งหลายตื่นเดียวนี้! ส่วนพวกที่เฝ้าเวรกะดึก อนุญาตให้กินข้าวและไปนอนพักบนรถก่อนได้! ”
ยักษาผิวสีเลือดหมูกำลังตะเบ็งเสียงดังลั่นในช่วงเช้าตรู
พระจันทร์สามดวงกำลังเลื่อนลอยลับเส้นขอบฟ้าแห่งม่านราตรีออโรร่า
อีกเพียงสองชั่วโมงดวงตะวันจักเฉิดฉายขึ้นเหนือแผ่นดิน
“แล้วอย่าลืมเตรียมอาหารให้กับแขกสุภาพสตรีทั้งสามคนของพวกเราด้วย อย่าให้ใครมาดูถูกว่าบุรุษเผ่ายักษ์ป่าเถือนได้เป็นอันขาดเชียวละ”
“ฟังดูไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากของหัวหน้าได้เลยแฮะ”
“ตรงนั้นที่กำลังนินทาข้า ข้าได้ยินนะเฮ้ย! ”
ทาฑิมคำรามลั่น
ผมสีส้มเปลวเพลิงที่ยาวรกรุงรังและยุ่งเหยิงถึงกับฟูฟองพองข่มขู่ ราวกับเป็นการแสดงอำนาจของจ่าฝูงผู้ยิ่งใหญ่
[ขอบคุณ แต่พวกเราไม่ต้องการติดหนี้นาย เจ้าผู้ชายบ้ากาม ชอบลักพาตัวคน วายร้ายสุดชั่วช้า เจ้าตัวที่มีดีแค่ร่างกายแต่สมองกลวง (╰_╯) ]
“ฮะ ฮะ ฮะ! ถูกลาพิสด่าเป็นชุดเลยเว้ยเฮ้ย!? ”
“ถึงเจ้ายักษ์ผิวเลือดหมูผู้น่าเวทนา หากคิดว่าการทำตัวเป็นสุภาพบุรุษจะชดเชยความผิดที่เจ้าเคยทำกับลาพิส เพื่อนของพวกเราได้ละก็ เจ้าคงคิดผิดเสียแล้วละ”
แต่แล้วผมที่ฟูฟองนั้น กลับหดตัวลงจนเหมือนหมาหงอยไปอย่างรวดเร็วด้วยเสียงจากสตรีตัวน้อยสามคนที่ลุกขึ้นออกมาจากเต็นท์สีขาวที่ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากกลุ่มของยักษาทาฑิม
“ปะ… เปล่านะ… วันนั้นข้า… แบบว่า [เมา] อยู่… คือ… ข้าสำนึกผิดแล้ว… เลยยอมให้ติดรถไปที่ใจกลางทวีปด้วยแล้วไง…”
“ให้ขึ้นรถเพื่อแลกกับการที่พวกเราไม่เอาเรื่อง มันก็เรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าทำแค่นี้แล้วจะมาทำเป็นลืมบาปที่สร้างเอาไว้ได้หรอกนะ”
สตรีที่มีผมสีเหลืองยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“อีกอย่าง คนที่สามารถเป็นทาสรับใช้พวกเราได้นะ มีแค่เจ้าหนุ่มมนุษย์น่ารักตรงนี้คนเดียวก็พอแล้ว จริงไหมเจ้าหนุ่ม~❤”
“คะ— ครับนายหญิงทั้งสาม…”
คราวนี้เป็นสตรีที่มีผมสีแดงเผยรอยยิ้มของปีศาจร้ายให้กับมนุษย์หนุ่มผมสีน้ำตาลที่สวมสูทพ่อบ้านสีดำ
“แก! เจ้าหน้าใหม่! แล้วทำไมแกถึงกลายไปเป็นพ่อบ้านให้กับยัยพวกนั้นกันได้ฟะ! มันจะน่าอิจฉา— เอ๊ยไม่ใช่! มันไม่แปลกไปหรอกหรือยังไงวะ!? ”
“ผมเองก็อยากจะบ่นเหมือนกันนั่นละครับ…”
““ (ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้กันเนี่ย…) ””
ทาฑิม กับ ออน-เอ็ซท ต่างคิดอยู่ในใจเช่นนั้น แล้วถอนหายใจพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย
***ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 58***
[อ๊ะ? สัมผัสรูปร่างแบบนี้? เจ้ายักษ์ที่มาจีบเมื่อวันก่อนนี่ (ิ_•ิ) ?]
“คนรู้จักของลาพิสหรือ? ”
[ไม่ใช่หรอก มันคือตัวบ้ากามที่ตั้งใจจะมาทำร้ายฉันนะ (¬_¬メ) ]
สตรีผมสีฟ้าว่าเช่นนั้น ก่อนจะเก็บบอร์ดสีขาวแบบพกพาลงกระเป๋า แล้วหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
พอรู้สึกตัวอีกที สตรีผู้นั้นก็ไปปรากฏบนท้องฟ้า ลอยอยู่ตรงหน้าของชายเผ่ายักษ์ที่กำลังขี่มังกรแล้ว
ขาของเธอ กำลังเตรียมพร้อมที่จะส่งชายตรงหน้าให้ลอยปลิวหายลับขอบฟ้าไป—
“มะ— ไม่ใช่นะ! เรื่องเมื่อตอนนั้นข้าแค่เมา! ข้าพูดจริง ๆ นะ! ข้าขอโทษ! ข้าสำนึกผิดแล้ว! อย่าพึ่งแตะข้าเลย ขอร้องละ!!! ”
ชายเผ่ายักษ์ร้องขอชีวิตกับเด็กสาวที่ตัวเล็กกว่าถึงหนึ่งในสี่
[งั้นก็แล้วไปค่ะ (•ิ_•ิ) ]
ลาพิสหยิบป้ายขึ้นมาเขียนแทนการพูดอย่างรวดเร็ว แล้วถีบอากาศ พุ่งตัวกลับลงไปยืนเคียงข้างกลุ่มเพื่อนของเธอ
“โฮ่~”
เวลาเดียวกัน มนุษย์นกหัวเหลืองก็แสยะยิ้มออกมา
มันเป็นรอยยิ้มของปีศาจร้าย…
“เดียวก่อนลาพิส เธอจะปล่อยคนที่ตั้งใจทำมิดีมิร้ายไปง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน? ”
เธอพูดด้วยเสียงดังที่มากพอจะได้ยินไปทั้งทุ่งหญ้ากว้าง
“แกตรงนั้น ดูเหมือนว่าจะมีรถคันโตดี ๆ ใช้งานอยู่สินะ? เราเห็นได้จากตรงนี้ ถ้าไม่อยากให้พวกเราเอาเรื่องที่แกทำกับลาพิสไปฟ้องตำรวจ ก็จงพาพวกเราไปส่งที่ใจกลางทวีปด้วยรถพวกนั้นเสียดี ๆ ซะ”
ด้วยเหตุนี้ หน่วยบุกเบิกของยักษาทาฑิมจึงต้องตกเป็นเบี้ยล่างของกลุ่มสามสาวไปเสียชิบ…
***กลับมาเวลาปัจจุบัน***
“พวกเราก็รู้สึกเกรงใจ้~❤ เกรงใจ~❤ อยู่หรอก ที่มาใช้ทรัพยากรณ์ของพวกนายในการเดินทางแบบฟรี ๆ ~❤ ยังไงก็ขอบคุณด้วยนะ คุณยักษาทาฑิม~❤”
ไม่มีความรู้สึกขอบคุณอยู่ในน้ำเสียงของมนุษย์นกตัวน้อยผู้ชั่วร้ายเลยแม้แต่สักกระเบียดนิ้วเดียว
“ฮะ ฮะ ฮะ สมกับเป็นยัยเอโซ แสบสันใช่เล่น”
“ว่าแต่เขานะยัยภูติ เธอเองก็แสบพอกันนั่นละ”
“เจ้าเป็นพ่อบ้านผู้น่ารักของผม บังอาจใช้น้ำเสียงแข็งข้อแบบนั้น อยากจะให้กระผมผู้นี้แฉตัวจริงของเจ้าให้ทุกฟังเยี่ยงนั้นหรือ? ”
“ขะ— ขออภัยด้วยครับ! นายหญิง [แมรี่โกลด์ ซินเนียร์] …”
ในขณะที่สองสาวกำลังสนุกอยู่กับการแกล้งชายเผ่ายักษ์ ที่ตรงนี้ก็มีสตรีอีกหนึ่งคนกำลังสนุกอยู่กับการแกล้งชายเผ่ามนุษย์ผู้โชคร้าย
ดูเหมือนว่าที่นายตำรวจหนุ่ม ออน-เอ็ซท ต้องมาเชื่อฟังกลุ่มของสามสาว เป็นเพราะสาวภูติผู้ชั่วร้ายจดจำได้ว่าตัวจริงของเขาคือใคร
ทำไมตำรวจถึงมาอยู่ที่นี่ในนามของคนงานหน้าใหม่?
ทำไมพวกยักษ์ถึงไม่รู้ความจริงพวกนี้?
ถ้าเป็นการสอดเรื่องชาวบ้าน สมองของภูติน้อย แมรี่โกลด์ ซินเนียร์ จะทำงานได้อย่างชาญฉลาดอย่างน่าตกใจ
คงคิดได้เพียงอย่างเดียวว่า ออน-เอ็ซท กำลังแฝงตัวเข้ามาเพื่อสืบอะไรสักอย่างแน่
ถ้าให้แกล้งคนแบบนี้ จะรู้สึกสนุกแค่ไหนกันนะ?
“ถ้าไม่อยากถูกแฉตัวจริงออกมา ก็จงมาเป็นพ่อบ้านให้กับผมซะ! ”
แมรี่โกลด์ จึงได้ข่มขู่ออกไปเช่นนั้น
“ว่าแต่ เพื่อนของนายท่าน… คนที่ชื่อว่า ลาพิส เธอคนนั้นตาบอดหรือครับ? ”
“ที่เธอคาดตาเอาไว้ก็เพื่อปิดซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้ต่างหาก— แต่ใช่ เธอตาบอด แถมยังมีความผิกปกติที่จมูก ทำให้ประสาทรับกลิ่นเสีย ลิ้นเองก็รับรสเพี้ยน ออกเสียงพูดไม่ได้ แล้วเห็นหูที่แหว่งนั้นไหม? เพราะมีหูแบบนั้นด้วย เลยทำให้เธอไม่สามารถฟังเสียงใด ๆ ได้ แต่เธอก็ฝึกจนสามารถเขียนโต้ตอบกับผู้คน และใช้ความรู้สึกทางผิวหนังในการรับแรงสั่นอากาศ เพื่อใช้ฟังแทนประสาทรับฟังของหูได้ด้วยนะ”
“สะ… สุดยอด! ”
“ใช่ไหมละ? ทั้งที่มีร่างกายแบบนั้น แต่กลับฝึกตัวเองจนทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้โดยไม่พึ่งการรักษาใด ๆ สุดยอดไปเลยละ”
ออน-เอ็ซท นึกภาพไม่ออก ว่าถ้าหากตัวเองต้องมีร่างกายในลักษณะเดียวกัน แล้วจะสามารถรอดชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ได้
“เอ๊า! ใช้สายตาอันโสมมจับจ้องเพื่อนของผมอยู่ได้! รีบไสก้นไปเก็บเต็นท์ของพวกผมเดียวนี้! ให้เวลา 10 นาที! มิฉะนั้น ปีศาจร้ายแห่งความเกียจคร้านจะมาสิงสู่เจ้าได้นะ~”
“เหวอ!? คะ— ครับ! นายท่าน! ”
ถึงจะไม่ค่อยพอใจ แต่นายตำรวจก็ยอมทำตามคำสั่งของภูติสาวตัวน้อยด้วยรอยยิ้มขม ๆ
เพราะอย่างน้อย ก็ถือว่าเป็นการแบ่งเบาภาระให้กับสตรีคนหนึ่ง ที่มีความพิการทางร่างกายละนะ
เขาคิดเช่นนั้น
“พวกเราเตรียมรถพร้อมแล้ว จะออกเดินทางกันเลยไหมครับหัวหน้า”
“รอพวกสาว ๆ ก่อนสิ”
“พวกเราเตรียมตัวเสร็จก่อนพวกนายเป็นชาติแล้วยะ”
“ระ– เร็ว!?! ”
ทาฑิมกำลังรู้สึกแปลกใจ
ปกติแล้วการออกค่ายกลางป่าเขา ต่อให้มีคนช่วย แต่ถ้าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ คงไม่สามารถจัดเก็บเตรียมตัวได้รวดเร็วถึงขนาดนี้แน่
แต่สิ่งที่พวกเธอทำ กลับดูคล่องแคล่ว ไม่ใช่ลักษณะของพวกคนเมืองที่มาเดินป่าขำ ๆ เลยแม้แต่น้อยนิด
“ (นึกว่าเป็นแค่กลุ่มของพวกมีฝีมือการต่อสู้ แต่ดูท่าจะมีความสามารถกว่าที่คิด… คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้วแฮะ) ”
ความประทับใจที่ทาฑิมมีต่อสามสาวเริ่มสูงมากขึ้น
“ (แถมยังน่ารักทุกคน โดยเฉพาะกับคนที่ชื่อว่าลาพิส… อยากได้มาเป็นเมียจัง~ ถ้าจะให้ดี อยากได้ทั้งสามคนเลย!) ”
มาก— จนเกินไปเสียด้วยซ้ำ…
ยักษาทาฑิมเริ่มแบ่งกล้ามโชว์อย่างไร้ความหมายต่อหน้าสามสาว แล้วพ่นน้ำหอมดับกลิ่นเหงื่อใส่ตัวเองในทันที
ยักษาทาฑิมที่กำลังรู้สึกตื่นเต้นเพราะมีสาวงามสามคนมาร่วมเดินทางด้วย
นายตำรวจหนุ่มผู้จริงจัง ออน-เอ็ซท ที่ทำได้แต่เดินคอตกตามหลังภูติหัวแดงสุดเพี้ยน
และสามสาวที่หัวเราะไม่หยุด เพราะได้แกล้งคนจนอิ่มอุรา
การเดินทางในวันที่สองก็ได้เริ่มต้นขึ้นด้วยสภาพเช่นนี้ไป—
***เวลา 11:50 น.***
พระอาทิตย์สีแดงสองดวงเริ่มลอยสูงขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้าจากทิศตะวันออก
ย้อมราตรี สาดแสงทาลงบนโลกาให้กลายเป็นท้องฟ้าสีเขียวอมน้ำเงินที่งดงาม
ม่านออโรร่าเริ่มบางตาจากแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง หากแต่ยังคงเรืองรองสุกสว่างงดงามในอีกรูปแบบไม่แพ้ยามราตรี
“ทุกคน พวกเรากำลังจะเข้าเขตที่ราบสูงแล้ว ขอให้ทุกคนระวังตัวด้วย”
“เอาละเจ้าพวกโง่ทั้งหลาย ได้เวลาอวดความเท่ของพวกเราให้สาวเห็นกันแล้วโว้ย! ”
“โอ๊วววววว! ”
รถบรรทุกกระทิงยักษ์ทั้งสี่คันกำลังคำรามก้องบนทุ่งหญ้าสีขาว
เหล่ายักษาหยิบจับอาวุธหอกดาบรังสีเล่มโตไว้ที่มือทั้งสอง พร้อมกับโล่ยาวขนาดใหญ่คับตัว
อาวุธแต่ละเล่มนั้น ถูกประทับตรา [เทคโนยะมะโตะ&เอสเทอ] อันเป็นของบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีของโลก
ขบวนรถทั้งสี่ ได้ก้าวข้ามผ่านเนินของทุ่งราบที่สูงที่สุด ไปสู่อีกฟากของเนินอันกว้างใหญ่แล้ว
*พรึบ*
วิสัยทัศน์ของพวกเขา ถูกถมไปด้วยต้นหญ้าสีขาว
ทั้งที่รถของพวกเขามีขนาดความสูงไม่ต่ำกว่า 5 เมตร และสามารถบินลอยตัวเหนือพื้นได้ถึง 4 เมตร แต่ทว่า รถของพวกเขากลับถูกจมลงไปในต้นหญ้าสีขาวขนาดยักษ์
ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็พบเพียงแต่ต้นหญ้าที่สูงจนท่วมตัวคันรถ
ราวกับว่า พวกเขากำลังแหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทรสีขาวอันกว้างใหญ่เช่นนั้น
*ฮูมมมม! *
เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังกึกก้อง
ที่ฝั่งขวา มีสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์สูงแปดเมตรจำนวนสี่ตัว กำลังพุ่งตรงมาทางพวกเขา
มันมีรูปร่างคล้ายปลาฉลาม หากแต่มีส่วนใหญ่หน้าคล้ายเสือ
ขาทั้งสี่มีลักษณะเป็นครีบกล้ามเนื้อ
รูปร่างผอมเพรียวมีผิวเป็นมัน ลดการเสียดสีของอากาศ ขับดันให้มันสามารถพุ่งตัวแหวกพงหญ้าขาวมาทางพวกเขาด้วยความเร็วที่ไม่แพ้เครื่องจักรกล
“กระจอกน่า! ”
เหล่าคนงานสวมชุดดำบนรถต่างหันโล่ยาวไปที่ข้างรถพร้อมกัน
โล่สีขาวเหล่านั้น ฉับพลันเกิดรอยแยกเป็นสี่ส่วน เฉิดฉายแสงสีเงินออกรอบทิศทาง
ม่านรังสีจักถูกกางออก พร้อมกับที่สัตว์ร้ายเผยฟันปลายแหลมคล้ายฉลามออกมาให้เห็น
*กีสสส!?! *
เขี้ยวที่แหลมคมกระทบถูกม่านรังสีอย่างรุนแรง แผดเผาช่องปากของพวกมันจดมอดไหม้
“จังหวะนี้ละ แทงไปที่สมองของมันเดียวนี้! ”
ทาฑิมคำรามอย่างดุดัน
พวกเขาพร้อมใจกันยื่นปลายหอกออก แล้วเร่งพลังงานอาวุธ ยิงแสงรังสีตัดผ่านสมอง ตัดขั้วสั่งการของร่างกายศัตรูจนชีวิตดับสิ้นไปในพริบตา
*กรรร??! *
เมื่อเห็นว่าเพื่อนของมันถูกปราบลงภายใน 5 วินาที เจ้าสัตว์ร้ายที่เหลือก็พากันหันหลังหนีหายเข้าไปในมหาสมุทรพงหญ้าขาวตามเดิม
[ฝีมือไม่เลว (¯▽¯) b]
“ไม่ต้องพึ่ง [battle suit] ด้วยแฮะ”
“อุปกรณ์อย่างพวกชุดเกราะเสริมพลัง มันมีเอาไว้ใช้เฉพาะกับพวกอ่อนแอเท่านั้น! ”
ทาฑิมคำรามตอบคำถามของสามสาว แล้วเริ่มเบ่งกล้ามโชว์เป็นครั้งที่สองของวัน
“จงพูดความจริงเรื่องที่ไม่ใช้ [battle suit] มาซะ ออน-เอ็ซท”
“พี่แกขนเอาไปขายทิ้งหมดแล้ว เพื่อชดใช้หนี้สินที่เจ้าตัวก่อหนี้เอาไว้นะครับ แล้วยังเป็นการแอบเอาทรัพย์สินบริษัทไปขายเอาเองด้วย ถ้าเรื่องแดงออกไป คงโดนไม่ใช่น้อยแน่นอนครับ”
“เจ้าหน้าใหม่นั่นปากเรอะ!?! แล้วทำไมเอ็งถึงรู้เรื่องนั้นได้วะ!?! ไอหมาตัวไหนปากสว่างไปบอกให้ไอหน้าใหม่รู้กัน!! อีกอย่าง ถ้าข้าทำงานนี้สำเร็จ จะกี่สิบชุด เดียวข้าก็ซื้อคืนให้บริษัทได้เองนั่นแหละ! ”
“โปรดเข้าใจกระผมด้วยครับ— คุณทาฑิม…”
“เรียกข้าว่า [หัวหน้าทาฑิม] สิโว๊ย! ให้ตายเถอะ เผ่ามนุษย์ก็เป็นเสียแบบนี้ มาถูกผู้หญิงตัวเล็ก ๆ มากุมบังเหียนเอาไว้ รู้ถึงไหน อายถึงนั่นแน่”
“แต่คุณหัวหน้าทาฑิมเองก็ถูกผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ว่ากุมบังเหียนเอาไว้ไม่ต่างกันไม่ใช่หรือครับ? ”
“อุ๋…!?! ”
ทาฑิมบ่นเสียงเบากับตัวเอง แล้วเริ่มลงมือฉีกครีบขาทั้งสี่ข้างของฉลามสิงโตออกมา ก่อนจะโยนมันเก็บลงไปในกล่องแช่เย็นที่วางเอาไว้ตรงหน้ารถ
“เก็บส่วนครีบที่มีราคาแพงไปแล้ว ส่วนที่เหลือ— เอาไว้มาทำซาซึมิเป็นมื้อกลางวันก็แล้วกันนะทุกคน ส่วนเจ้าหน้าใหม่ ข้างดมื้อกลางวันของเอ็ง อยากกิน ไปล่าเอาเอง นี่คือคำสั่ง! ”
“ยินดีครับหัวหน้า! ”
*กรรร! *
เหล่าคนงานและมังกรของพวกเขาโฮ่ร้องอย่างดีใจ
มีเพียงแค่ ออน-เอ็ซท ที่รู้สึกเหมือนกำลังกลืนยาขมลงคนเพียงคนเดียวเท่านั้น
*ฮูมมมมมมมมม! *
เกิดเสียงคำรามขึ้นเป็นรอบที่สอง
ในจุดที่ห่างออกไปไม่ไกลจากขบวนรถของพวกเขา มีรอยนูนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น
สิ่งนั้นแหวกพงหญ้าจนแยกออกเป็นพื้นที่กว้างมากกว่า 30 เมตร
มันมีรูปร่างคล้ายตัวแมงดาทะเลที่หุ้มด้วยเปลือกแข็งคล้ายกระดูก เคลื่อนไหวอย่างดุดันเหมือนรถถังด้วยครีบตีนตะขาบจำนวนที่มากเรียงรายอยู่ข้างลำตัว
ปากของมันเปิดอ้าออก เผยให้เห็นถึงฟันไร้คม ซึ่งเต็มไปด้วยสารกรดเข้มข้นเหนียวเหลวหุ้มเอาไว้
“ไอเชี่ย! นั่นมันตัว [แมงดาไททัน] นี่หว่า!? หน่วยรบมังกรเตรียมขึ้นบิน! นายท้ายปืนเตรียมปืนหัวฉมวกเจาะเพชร! เกราะหนา ๆ ของมันเอาอาวุธรังสียิงไม่เข้าหรอก! ”
ทาฑิมรีบสั่งการอย่างรวดเร็ว พร้อมกับวิ่งไปคว้าบังเหียนของมังกรที่รอเจ้านายอยู่บนรถ
ในตอนนั้นเอง—
[ไม่จำเป็นหรอก (/•ิ_•ิ) /]
—ที่สตรีตัวน้อยผมสีฟ้าชูป้ายหยุดทาฑิมกับพรรคพวกเอาไว้ก่อน
ทาฑิมมองป้ายบนมือของสาวน้อยผมสีฟ้าด้วยใบหน้างุนงง
*ก๊าสสสสสสสสสส! *
ราวกับจะตอบข้อสงสัยของเขา
สัตว์ขนาดยักษ์สีขาวที่มีรูปร่างคล้ายปลาวาฬได้ปรากฏตัวขึ้นจากทางฝั่งทางขวาของขบวนรถกระทิงเหล็ก
มันมีขนาดกว้างมากกว่า 100 เมตร ลำตัวยาวมากกว่า 300 เมตร สูงกว่า 50 เมตร
มันอ้าปากกว้างจนมีขนาดใหญ่ราวกับจะกลืนดวงอาทิตย์ได้ทั้งใบ
มันพุ่งตรงเข้าหาแมงดาไททัน แล้วกลืนเจ้าสัตว์ร้ายมีเกราะเปลือกแข็งลงคอไปทั้งตัวอย่างรวดเร็วเหมือนเป็นเครื่องดูดฝุ่นที่กำลังสูบเศษขยะเข้าไปข้างในหลุมดูด
*กร๊อบ! *
เสียงบดขยี้ร่างของเหยื่อดังกังวาลไปทั่วทุ่งราบสีขาว
*ฮุม—–*
มันคำรามเบา ๆ อย่างพึงพอใจที่ได้อาหารมื้อใหญ่ ก่อนจะบีบลำตัวให้ลีบแบน แล้วดำดิ่งจมหายไปในพงหญ้าสีขาวสูงอีกครั้ง
ปลาวาฬสีขาว [Elahw etihw] นักล่าจอมพรางตัวแห่งมหาสมุทรสีขาว
นั่นคือนามของมัน
“หาดูยากนะนั่น เห็นว่าถ้าล่ามันได้ จะมีเงินใช้กินเล่นไปสบาย ๆ ถึงสิบปีเลยละ”
“ล่า? จะบ้าหรือยังไงวะเจ้าพวกโง่! ว่ากันว่าการล่ามันตัวหนึ่ง ต้องใช้คนทั้งกองทัพเพื่อล่ามันเลยน่ะเฟ้ย! แถมเจ้าตัวนี้มันยังยิงบีมออกจากปากได้ แม้แต่เครื่องบินรบหรือมังกร ก็ยังสามารถกลายเป็นเหยื่อของมันได้เลยนะ! ”
“ยังไงก็ช่าง รีบถ่ายรูปเก็บเอาไว้ก่อนเถอะครับหัวหน้า”
ทาฑิมกับพรรคพวกชาวยักษ์ต่างรีบหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาถ่าย
บ้างก็มีรูปทรงเป็นโครงกระดูก บ้างก็มีรูปทรงเป็นลูกแก้วตามแต่รสนิยมเจ้าของ
เสียงรัวชัตเตอร์ดังขึ้นไม่ขาดสาย จนกระทั้งนักล่าสีขาวหายลับตาไป
“ว่าแต่พึ่งเข้าเขตมหาสมุทรสีขาวได้แค่ 5 นาที ก็เจอเรื่องน่าตื่นเต้นทันทีเลยวุ้ย วะ ฮะ ฮะ ฮะ! ”
ทาฑิมหัวเราะให้กับตัวเองไปพร้อมกับยืนมองดูรูปถ่ายของสัตว์ร้ายที่ได้บันทึกเอาไว้ในระยะประชิด
ที่นี่คือ [มหาสมุทรสีขาว]
มันคือพื้นที่คั่นระหว่างเขตภาคใต้สู่ภาคกลางของทวีป
เป็นทุ่งราบที่ปกคลุมด้วยแสงเหนือใต้ตลอดทั้งปี
เนื่องจากผลกระทบของคลืนแม่เหล็กที่แปลกประหลาด จึงทำให้พืชแถบนี้มีการเติบโตที่ผิดปกติ
หญ้าสีขาวที่ไม่อาจไหม้ไฟได้
ขนาดของต้นหญ้าที่สูงเทียมฟ้า
แล้วยังเหล่าสัตว์ร้ายที่มีความอันตรายสูงอาศัยอยู่อีกเป็นจำนวนมาก
ทั้งหมดนี้— ยังพึ่งจะอยู่ที่ปากทางเข้าของการมุ่งสู่ใจกลางทวีปออโรร่าเท่านั้น
****
ภาพร่างยักษาทาฑิม (เพศชาย)
MANGA DISCUSSION