***ณ ความมืด***
***ในความมืดมิด***
“อoo—”
***ผมกำลังได้ยินเสียง***
“ออน-เอ็ซท — ตื่น! ไปเล่นกัน!”
***ได้ยินเสียงของเพื่อนที่ไม่ได้ยินมานาน***
“โรโยตี้? ”
“จะใครอีกได้ละ!? ไปเล่นกัน!”
***เสียงของ [โรโยตี้] ***
[โรโยตี้] คือเพื่อนสนิทในวัยเด็กของผม
เธอเป็นเด็กทอมบอยลูกครึ่งเผ่ามนุษย์กับมนุษย์สัตว์-แมว ที่ซุกซน เกลียดชังความอยุติธรรม และชอบโมเดลปืนรุ่นเก่าเหมือนกับผม
มีผมสีฟ้ายาวงดงามเหมือนสีของน้ำทะเล กับใบหูนุ่ม ๆ ชวนน่าสัมผัส
เอ๊ะ?
เดียวนะ? เสียงของ โรโยตี้ อย่างงั้นหรือ?
“ทำไมทำสีหน้างงแบบนั้นเล่า? อยู่ ๆ นายเล่นหลับคาห้องเรียนแบบนี้ไม่สมกับเป็นนายเลยนะ ว่าแต่ ไปเล่นกันเถอะ!”
“…หลับ? ”
“ก็ใช่นะสิ! ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น อาจารย์นะโกรธนายมากเลยละรู้ไหม? ”
“อาจารย์? โรงเรียน? ”
“งงอะไรของนายกันเนี่ย? ยังฝันอยู่อีกหรือยังไง? ”
“ฝัน? ”
ผมลุกขึ้นมาสำรวจตัวเอง
สถานที่ผมกำลังลุกขึ้นตื่น ไม่ใช่อยู่ในอุโมงค์เหมืองที่มืดมิด แต่เป็นอาคารเรียนเก่าแก่ที่อยู่ท่ามกลางแสงสว่างออโรร่า
มีเสียงเด็กวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานดังมาจากนอกหน้าต่าง กับเสียงอาจารย์ที่คอยตะโกนไล่จับเด็กดื้อที่ไม่เชื่อฟัง
มือ เท้า ส่วนสูงของตัวเอง— เล็ก เตี้ย?
เอ๊?
ผมลองหยิกแก้มของตัวเอง
เจ็บ?
นี่ไม่ใช่ความฝัน?
แล้วเมื่อกี้นี้คือ—?
“มัวทำอะไรอยู่ ไปเล่นกันเถอะ มาเล่นไล่จับกัน!”
“อ๊ะ? ”
รู้สึกถึงสัมผัสอบอุ่นผ่านทางฝ่ามือ
นี่ไม่ใช่ความฝัน?
ผมในสมัยเด็กไม่ใช่ความฝัน?
แล้ววัยผู้ใหญ่เมื่อกี้นี้คือ—?
“นายเป็นคนซ่อน ส่วนฉันจะเป็นคนหา จะเริ่มนับแล้วน้า~”
“เอ๊ะ? อืม!”
ราวกับไม่ได้เล่นสนุกโดยที่ลืมทุกสิ่งทุกอย่างแบบนี้มานานหลายสิบปีแล้ว
ผมรีบวิ่งไปซ่อนตรงระเบียงแถวห้องเก็บของเหมือนกับทุกครั้ง
ทุกซอกทุกมุม กลิ่นไอ ทุกอย่างล้วนแต่ยังเหมือนเดิม
ได้วิ่งไล่จับอย่างสนุกสนานกับเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิต
ที่นี่ต่างหากคือความจริง ส่วนวัยผู้ใหญ่คือความฝัน
“นี่ ๆ ขอฉันไปเที่ยวบ้านนายทีสิ”
“ได้เลย!”
หลังเลิกเรียนวันนั้น ผมได้พาเธอไปเที่ยวบ้านเป็นครั้งแรก
ไม่ได้จะโม้ แต่บ้านของผมพอจะมีฐานะร่ำรวยเลยทีเดียว
เรียกว่ารวยขนาดต่อให้ไม่ทำงานก็ยังมีเงินพอกินพอใช้ไปทั้งชาติ
“วันนี้ลูกพาเพื่อนมาบ้านด้วยหรือ? ”
“หุ หุ หุ เพื่อนสาวเสียด้วย ร้ายไม่เบานะเจ้าตัวเล็กของพวกเราเนี่ย”
“ไม่ใช่แบบนั้นเสียหน่อย!”
ผมรีบเถียงพ่อกับแม่ที่กำลังพยายามล้อผมเมื่อพา โรโยตี้ มาบ้านตัวเอง
พวกเรากินมื้อเย็นด้วยกัน ทานอาหารด้วยกัน
“นี่ ๆ ออน พอจะพาเราเที่ยวชมบ้านก่อนกลับได้ไหม? ”
“ได้สิ ว่าแต่จะพกกระเป๋าใบหใญ่มาทำไมกันละนั่น? ”
“ฮิ ฮิ ฮิ ไม่มีอะไรหรอก~ มันก็แค่กระเป่าใบหนึ่งเอง~”
เธอหัวเราะให้ผมด้วยรอยยิ้มที่สดใส
ข้างในกระเป๋าคืออะไรกันนะ?
คงเป็นของสำคัญที่ไม่อยากให้วางห่างตัวละมั้ง?
ผมคิดเช่นนั้นแล้วเริ่มพาเธอเที่ยวชมบ้าน ตั้งแต่ห้องส่วนตัวไปจนถึงห้องทำงานของคุณพ่อที่มีอาชีพเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
พาเที่ยวจนกระทั้งพระจันทร์ขึ้นสูงเหนือหัว—
***
“วันนี้พอแค่นี้ดีกว่า ดึกมากแล้วละ”
“อืม! วันนี้สนุกมากเลยละออน!”
ผมพูดกับเพื่อนสนิทไปพร้อมกับพาเธอไปส่งถึงที่บ้าน
บ้านของเธอเองก็เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เหมือนกันกับผม
“งั้น เจอกันพรุ่งนี้นะ!”
“ได้เลย!”
ผมยิ้มอำลาพร้อมกับโบกมือให้เธอเป็นครั้งสุดท้าย—
“…”
หืม?
ครั้งสุดท้าย?
“อึ๊ก…!!”
นี่มัน… ทำไมผมถึงจำฉากนี้ได้?
ไม่… ไม่!
นี่มันไม่ใช่ความจริง!?
นี่มันคือความทรงจำต่างหาก!
ผมจำได้แล้ว!
มันคือความทรงจำที่ผมอยากจะลืมมันไป!
ไม่เอา! ถ้าดำเนินต่อไปแบบนี้— ผมจะต้อง—
เวลานั้นเองที่ภาพรอบตัวไหลเวียนไปอย่างรวดเร็วราวกับถูกเล่นเทป
ผม— กำลังนั่งอยู่ตรงห้องโถงของบ้านตัวเองที่กำลังถูกตำรวจกับทหารเข้าล้อม
คุณพ่อ— กำลังถูกจับกุมควบคุมตัวขึ้นรถ
“พ่อ– แม่!? ”
“ทำไม— ทำไมคุณถึงทำแบบนี้กันค่ะที่รัก!? ฉันมองคุณผิดไปจริง ๆ !”
“ไม่! พวกคุณเข้าใจผิด!? ผมไม่ได้ยักยอกเงิน! ผมไม่รู้เรื่อง!? ”
“แล้วทำไมที่ห้องทำงานของคุณถึงมีเอกสารสัญญาการซื้อขาย กับการยักยอกเงินผิดกฏหมายเก็บเอาไว้อยู่กันละคะ!”
“ผมไม่ได้เป็นคนทำ!”
ในวันนั้นครอบครัวของเราได้แตกสลาย
คุณพ่อถูกจับเข้าคุกในฐานะยักยอกทรัพย์ภาษีหลวง
คุณแม่แยกทางกับคุณพ่อ
ทรัพย์สินทั้งหมดถูกริบเข้าหลวง เพราะมีหลักฐานชี้ชัดว่าเป็นสิ่งของที่ได้มาจากการกระทำมิชอบ
พวกเราได้กลายเป็นพวกไร้บ้านในชั่วข้ามคืน
ผมกำลังมองดูตัวเองในวัยเด็ก
มองดูตัวเองที่กำลังดวงตาเบิกกว้างอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องเช่าเล็ก ๆ กับคุณแม่
“…นี่มัน”
มือของผมกำลังสันเทาไปด้วยความโกรธและความเสียใจ
ในเนื้อหาข่าว ได้ระบุถึงความผิดของคุณพ่อ
ประเด็นไม่ใช่ความผิดของคุณพ่อ แต่เป็นชื่อผู้ที่ให้เบาะแส
ว่าคน ๆ นั้นคือเด็กสาวลูกครึ่งที่มีหูแมวตัวน้อย
[โรโยตี้]
“นี่มัน…”
[โรโยตี้] เป็นคนที่แจ้งเบาะแสให้กับตำรวจ
ผมในวัยเด็กได้รู้นับตั้งแต่วินาทีที่ได้อ่านข่าว
รู้ตัวว่า— ได้ถูกเพื่อนรักทรยศ
ตั้งแต่ที่พาเธอมาเที่ยวบ้าน ผมก็ไม่เคยเจอเธอคนนั้นมาปรากฏตัวต่อหน้าอีก
แถมจะว่าไปแล้ว ในวันที่พาเธอชมบ้าน เหมือนว่าเธอจะพกกระเป๋าใบใหญ่มาด้วย แต่ขากลับ กระเป๋าใบนั้นกลับเล็กลงอย่างน่าแปลกใจ
หลังจากนั้นไม่ถึงเดือน—
พอพ่อของผมที่ไม่อยู่ในตำแหน่ง ก็ได้ถูกครอบครัวของเธอขึ้นมาแทนที่ตำแหน่งเดิม
การไปของพ่อผม ทำให้ครอบครัวของเธอได้รับประโยชน์
ทุกอย่างมันประจบพอเหมาะกันเกินไป
ผมในวัยเด็กจึงได้เข้าใจ—
คนที่ป้ายสีให้กับครอบครัวของผม ก็คือเธอคนนั้น
ยัย [โรโยตี้]
“…”
ทั้งที่ไว้ใจ…
ทั้งที่รู้สึกชอบ…
แต่กลับถูกทรยศ…
ถูกคนที่ไว้ใจที่สุดทรยศ…
ผมคือคนที่พาคนทรยศเข้ามาในบ้าน
ผมคือคนที่ทำให้ครอบครัวตัวเองพัง
ถึงจะรู้ความจริง แต่กลับแก้ไขอะไรมไ่ด้เลย
ไม่มีแม้แต่หลักฐานจะไปเอาผิดอีกฝ่ายเพื่อกู้ชื่อเสียงกลับมา
ผม… มันช่างอ่อนแอ
อ่อนแอ…
“…”
ไม่มีน้ำตาไหลออกมาอีก เพราะผมได้ร้องไห้จนมันเหือดแห้งไปตั้งแต่วัยเด็กแล้ว
“ทำไม… ทำไมถึงพาผมมาดูความทรงจำนี้ครับ คุณวิญญาณมด? ”
ความฝันในวัยเด็กที่ผมพยายามลืม กลับถูกขุดออกมาให้ดูฉายซ้ำอีกครั้ง
นี่คงเป็นฝีมือของยัยผีร้าย
“ไม่รู้สิ แต่เรารู้สึกว่าเจ้าช่างดูน่าสงสารยังไงก็ไม่รู้”
“ออกไปจากร่างกายผมซะ! ถ้าคิดว่าเอาความทรงจำบ้า ๆ นี้มาให้ดูเพื่อหวังให้ผมอ่อแอ แกนะคิดผิดแล้วละ! นั่นคืออดีตที่ผมทิ้งไปนานแล้ว! ”
“ทิ้ง? เราว่าไม่ใช่แบบนั้น ไม่อย่างงั้นเจ้าคงไม่เลือกเส้นทางของตำรวจเพื่อหวังกู้คืนศักดิ์ศรีกับชื่อเสียงให้กับพ่อของตัวเองหรอกจริงไหม? ”
“รู้ได้ไง!? ”
“แหม่ ๆ ตอนนี้พวกเรากำลังร่วมแชร์ความทรงจำอยู่นะจ๊ะ~”
เสียงของผีร้ายดังก้องไปทั่วที่ว่าง
พริบตานั้นเอง ที่ฉากตรงหน้าของผมเริ่มเลือนหายไป แล้วฉายภาพของเหมืองแร่แห่งนี้ขึ้นมาแทน
ทว่าภาพของเหมืองแร่นั้น มันกลับดูใหม่ ไม่มีฝุ่นจับหรือสัตว์ร้ายมาทำรังอาศัย
“นี่คือภาพในอดีต เป็นช่วงเวลาที่เหมืองแร่อาเทมพึ่งสร้างเสร็จ เป็นยุคที่ท่านราชินีกับท่านอาเทมพึ่งเสียชีวิตตายจากไป”
มันเป็นเหมืองแร่ที่ดูรุ่งเรืองและคึกคัก
มีผู้คนอาศัยเป็นจำนวนมาก คนงานเดินกันขวักไขวเต็มถนนและอุโมงค์ขุดเจาะ
ส่วนตัวผมนั้นได้กลายเป็นร่างโปรงแสง เสมือนเป็นวิญญาณที่ไม่มีใครเห็นในโลกนั้น
“เจ้ากับเรานั้นเหมือนกัน คือไม่ให้อภัยกับความอยุติธรรมของโลก”
ที่ข้างตัวของผม มีร่างเงาของมนุษย์มดเพศหญิงสูงหนึ่งเมตรลอยมายืนอยู่ข้าง ๆ
เธอมีผิวสีแดง และปากที่แหลมคมน่ากลัวนัก
“ในยุคที่เกิดการเปลี่ยนผู้ปกครอง ในเวลานั้น พวก รัฐบาลของพวกเรา มันคิดที่จะขายเหมืองแร่แห่งนี้ให้กับ บริษัท [บริษัทอาร์โทรโพดา พาส คอมพานี] ที่เป็นบริษัทชื่อดังด้านโลจิสติกของโลกมาดูแล ซึ่งมันดูตลกมากทีเดียว”
“ฟังดูมีกลิ่นเหม็นเน่าลอยโชยมาเลยครับ”
“ใช่ ทุกคนเองก็รู้สึกแบบนั้น แต่ตัวเราในเวลานั้นเป็นเพียงแค่คนเหมืองธรรมดา แน่นอนว่าไม่มีพลังอะไรที่จะไปต่อกรกับผู้มีอำนาจได้หรอก”
ภาพถูกตัดไปที่ในอุโมงค์เหมืองแร่ที่มืดมิด
ภายในนั้นเต็มไปด้วยคนงานเหมืองจำนวนมากที่กำลังขุดแร่กันอย่างเอาเป็นเอาตาย
“พวกเราเผ่ามนุษย์มดเป็นพวกบื้อค่ะ ถ้าผู้นำว่าอะไร พวกเรามักเชื่อแบบไม่ค่อยมีข้อสงสัย— ถึงจะสงสัย แต่ก็ไม่คิดจะตั้งคำถามหรือต่อต้านให้รู้สึกเหนื่อยค่ะ”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ออกจะเศร้าอยู่เล็กน้อย
“พวกเรานั้นสนใจเพียงแต่ ขุด ขุด และขุด ทั้งที่มีคนตายเพราะสัตว์ร้าย ทั้งเจออุบัติเหตุจนตาย แต่พวกเราก็ยังขุดต่อไป เพราะเชื่อว่าผลตอบแทนนั้นได้คืนสู่ชาติของตัวเองค่ะ”
เธอยังคงพูดตอไป พร้อมกับฉายภาพร่างกายของตัวเงอที่ยังขุดแร่ด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผล
ทั้งที่งานบางส่วนสามารถใช้เทคโนโลยีมาชดเชยได้ แต่พวกเขากลับยังเลือกที่จะใช้แรงงานคนมาขุดต่อไป
“แต่ความจริงแล้วกลับไม่ใช่แบบนั้น ค่าแรงงานเผ่ามนุษย์มดมันถูกเพราะมีประชากรเยอะ พวกเราถูกมองให้มีค่าต่ำยิ่งกว่าเครื่องจักรเสียอีกค่ะ”
ภาพถูกตัดไปที่ห้องประชุมแห่งหนึ่ง
ในพื้นที่ติดกับห้องประชุมนั้น มีมนุษย์มดคนหนึ่งกำลังเข้าห้องน้ำอยู่ในส่วนที่อยู่ติดใกล้กัน
“ต้องบอกว่าเป็นโชคดีในโชคร้าย ที่บังเอิญไปเข้าห้องน้ำในพื้นที่ห้ามเข้าโดยไม่รู้ตัว ถึงได้รู้ความจริงค่ะ”
เธอในเวลานั้นที่เป็นเพียงมดงาน ได้บังเอิญไปเห็นและได้ยินถึงการแบ่งผลประโยชน์ของรายได้เหมือง
รายได้และผลประโยชน์ที่ควรตกสู่เผ่ามนุษย์มด กลับจมอยู่กับคนเพียงส่วนเดียวเท่านั้น…
“พวกมัน… ปล่อยให้ความเชื่อใจของพวกเราที่มีต่อรัฐกับราชินีผู้รับช่วงต่อในเวลานั้นมาหลอกลวง ทุกหยาดเหงื่อ ทุกชีวิตที่ตายไปโดยเชื่อว่าทำเพื่อเผ่า กลับถูกคนเพียงกลุ่มเดียวฉกฉวย แถมแร่ล้ำค่าที่ควรเอามาเพื่อพัฒนาชาติกับกองทัพ กลับถูกขนเอาไปขายให้เผ่าอื่นจนเกือบหมด เจ้ามนุษย์ เจ้าที่ยืนอยู่ข้างความยุติธรรม จะทนกับเรื่องเช่นนี้ได้หรือ? เหมืองที่มารดาแห่งแผ่นดิน เหมืองที่ท่านอาเทมกับราชินีแฟตที่ท่านทั้งสองคนร่วมกันสร้างจากเลือดเนื้อเพื่อทุกคน กลับถูกคนกลุ่มเล็ก ๆ มาแย่งชิงไป มันยุตธรรมแล้วหรือค่ะ? ”
“…ไม่เลย ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นดีครับ”
“ใช่ไหมละคะ? แต่ทว่าความอยุติธรรมกลับเป็นผู้ได้รับชัยค่ะ”
ภาพตัดกลับไปที่ส่วนนอกของห้องประชุมอีกครั้ง
“ตรงนั้นใคร!”
“เอ๊!? กรี๊ดดด!”
มันเกิดขึ้นเร็วมาก
เธอที่กำลังแอบฟังอย่างระวังตัวอยู่นอกห้องประชุมได้ถูกพบตัวโดยทหารยาม
เธอถูกปืนรังสีเผาตั้งแต่หัวจรดเท้าจนกลายเป็นเศษฝุ่นในพริบตา
“นี่มัน—”
“ใช่ค่ะ ถูกฆ่าทันทีโดยไม่คิดถามหรือสอบสวนค่ะ แต่คงต้องขอบคุณมัน ที่ทำให้เรารู้ว่ายังมีชีวิตหลังความตายอยู่ และชีวิตหลังความตายนี้มันก็ทำอะไรได้มากกว่าที่คิดเสียอีกค่ะ”
ภาพตัดกลับมาที่ตัวเธออีกครั้ง
แต่คราวนี้เป็นร่างของวิญญาณ
เธอเริ่มรวบรวมคนที่มีชะตากรรมแบบเธอเอง
ทั้งถูกฆ่าเพราะบังเอิญไปเห็นบางอย่าง
ทั้งที่ตายไปเพราะพบเจออุบัติเหตุจากงานขุดเหมือง
รวบรวมพรรคพวกวิญญาณ แล้วเริ่มแทรกแทรงความเป็นจริงหลังมีตบะแก่กล้ามากพอ
หลอกผู้คนให้เริ่มหวาดกลัว
ทำลายการทำงานของเครื่องขับไล่สัตว์ยักษ์
ไล่พวกสารเลวที่ทำให้เหมืองแร่แห่งนี้แปดเปือดออกไปจนสิ้น—
ภาพเหมืองตรงหน้าได้มืดลง แล้วตัดกลับมาเป็นภาพของเหมืองร้างที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้าย กับฝูงวิญญาณไปแทน
“ทั้งหมดที่เราทำ ก็เพื่อท่านอาเทมกับแฟตที่สอง หากว่ามีพวกชั่วควบคุมเหมือง วิญญาณมารดาผู้ปกครองแผ่นดินที่รักยิ่งของพวกเราจะไปสู่สุขติได้เยี่ยงไรกัน จริงไหมคะ? ”
“คุณเองก็ผ่านอะไรมามากเหมือนกันนะครับ…”
“เจ้ากับเรานั้นเหมือนกัน ไม่ยอมอภัยให้กับความชั่วร้าย”
“ความชั่วร้าย…”
ร่างวิญญาณของเธอบินลอยมาตรงระดับสายตาของผม
ผมรู้สึกได้ว่าเธอกำลังจ้องเข้ามาในดวงตาคู่นี้ของผมอยู่
“ว่ายังไงละคะ? คิดอยากจะร่วมมือกับเราไหม? ”
“ร่วมมือ? ”
“เรานั้นมีพลังค่ะ หลังจากที่ได้เป็นวิญญาณมาหลายสิบปี ได้เรียนรู้ที่จะใช้พลังงานจากโลกคนตายสู่โลกคนเป็น แต่พลังนี้กลับถูกจำกัดขอบเขตเพราะเงื่อนไขความเข้มข้นของพื้นที่มิติ เราไม่อาจใช้พลังนี้ที่ข้างนอกเหมืองเพื่อความ [ยุติธรรม] การที่ใช้มันไม่ได้มันช่างน่าเศร้าค่ะ เราต้องการความ [ยุติธรรม] ส่วนเจ้าต้องการ [พลัง] เรารู้สึกยินดีที่ได้เจอเจ้า เรายินดีที่จะมอบพลังให้ใช้ในการปราบเหล่าร้าย พวกเรามี [อุดมการณ์] ร่วมกัน เรานั้นหาได้ต้องการทำร้ายใครไม่ แค่อยากปกป้องเหมืองแห่งนี้เท่านั้นเองค่ะ”
“พลังเพื่อความยุติธรรม? ”
“ใช่ค่ะ พลัง— เพื่อความ [ยุติธรรม] พลัง— เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับ [ครอบครัว] ของคุณ”
ผม…
คุณพ่อ…
ครอบครัว…
“คุณต้องการอะไรจากผม? ”
“ต้องการที่สิงสู่เพื่อหาคนที่จะเอาพลังนี้มาใช้ในโลกภายนอก นำพาความยุติธรรมกลับมาให้คนที่ต้องตายไปด้วยอำนาจของรัฐบาลค่ะ แน่นอนว่าหลังจากคลีคลายทุกอยางจบแล้ว พลังนี้จะสิงสู่และส่งมอบต่อให้กับเจ้าอย่างแน่นอนค่ะ”
ฟังดูไม่เลวเลยทีเดียว
คิดให้ดีแล้ว จากภาพความทรงจำที่เธอฉายให้ดู มันแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ใช่วิญญาณที่ชั่วร้ายโดยสันดาน
พวกเรามีจุดประสงค์เหมือนกัน คือการปราบพวกสารเลวให้หมดไป
ไม่ย่อยอมต่อควาอยุติธรรมของโลก
อีกอย่าง การที่ยอมให้อีกฝ่ายมาสิงอยู่ในร่างกาย มันฟังดูไม่น่าจะเสียหายเท่าไหรหรอกมั้ง?
เพราะยังไงคนที่ควบคุมร่างกายนี้ ก็คงยังเป็นผมเองอยู่ดี
“ถ้าสัญญาว่ายอมปล่อยทุกคนที่เข้ามาในเหมืองวันนี้กลับไป ผมจะยอมรับ ให้ความร่วมมือครับ”
“ยินดีทำตามสัญญา เรา [เฟธฟูล] ผู้นี้ขอให้สัญญาว่าจะปล่อยพรรคพวกของท่าน ที่บังอาจมาทำให้เหมืองแห่งนี้แปดเปื้อนให้ เป็นกรณีพิเศษค่ะ”
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงยอมที่จะให้วิญญาณของเธอมาสิ่งสู่อยู่ในร่างกาย
เพราะว่าเธอน่าจะเชื่อใจ—
“หุ หุ หุ~ เจ้าโง่~ งั้นขอ [ร่างกาย] ไปเลยนะคะ~”
MANGA DISCUSSION