*กีสสสสสสสส!!!*
*ฮู่มมมมมมมม!!!*
เสียงคำรามที่มาพร้อมกับหยดน้ำลายเหม็นกำลังดังสะท้อนไปทั่วโกดัง
มือสองข้างถูกยกขึ้นมาอุดหู
ปวดหัวเจียนตายเพราะเสียงคำราม
สิ่งมีชีวิตทั้งมวลล้วนแต่หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวต่อหน้าผู้ปกครองแห่งทะเลทรายอันยิ่งใหญ่
หนึ่งคือแมงมุมขนาดใหญ่ที่มีความสูงเทียมฟ้า
มีส่วนสูง 50 เมตร ลำตัวยาวกว่า 100 เมตร รวมข้อปล้องส่วนท้าย
ผิวมีสีน้ำตาลทรายแห้งหยาบ และมีครีบแข็งที่ดูคล้ายผลึกแก้วงอกกระจายไปทั่วเปลือกจนดูเหมือนเป็นภูเขาแก้ว
อีกตัวคือหนอนทรายขนาดยักษ์
เป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายไส้เดือนดิน มีผิวสีน้ำตาลทรายแห้งดูคล้ายผิวก้อนหิน
ขนาดของมันช่างใหญ่โต มีลำตัวยาวมากถึง 100 เมตร
ช่องปากของมันเต็มไปด้วยฟันเกลียวคล้ายสว่าน และยังกว้างมากพอจะกลืนบ้านทั้งหลังลงไปในลำคอของมันได้
“เชี่ย! ตัวพ่อตัวแม่แม่งโผล่ออกมาแล้วโว๊ย!”
“ทุกคน เตรียมพร้อมปะทะสัตว์ยักษ์!”
“รับทราบครับหัวหน้า!”
ฑาทิมคือคนแรกที่สามารถตั้งสติและออกคำสั่งทุกคนให้เริ่มรับมือศัตรู
แววตาของเขาหาได้มีความกลัวสะท้อนอยู่เหมือนคนอื่นไม่
“พวกเราเองก็รีบเตรียมช่วยเหลือพวกเขาด้วยดีกว่า หนูไซต์ เธอไปหาที่หลอดภัยก่อนซะ!”
“ไม่! ฉันจะช่วยต่อสู้ด้วยค่ะ! ถึงจะมีร่างกายอ่อนแอผิดมาตรฐานเผ่าคนแคระ แต่ฉันเองก็สามารถต่อสู้ได้ค่ะ!”
เจ้าหนูตัวเล็กว่าเช่นนั้นแล้วหยิบไขขวงเหล็กออกมาจากกระเป๋าใบเล็กของเธอ
ถามจริงเถอะหนู~ ไขขวงเล็ก ๆ แค่นั้นจะเอาไปใช้สู้อะไรได้?
“อย่าดื้อจะได้ไหม? นี่ไม่ได้เรียนรู้อะไรมาเลยอย่างงั้นหรือ? ”
“ไม่เอา! ฉันสู้ได้—”
*ปึ่ง!*
ขาแมงมุมขนาดเท่าต้นไม้พุ่งลงมาปักตรงหน้าของน้องไซต์
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคช่วย หรือเพราะเธอหลบได้เอง เลยทำให้การโจมตีของอสูรกายพลาดเป้าไป
“เออ… คิดอีกที… พอมองดูให้ชัด ๆ แล้ว— เหมือนว่าศัตรูออกจะใหญ่เกินตัวไปหน่อย… ฉันขอตัวไปซ่อนก่อนดีกว่าค่ะ”
ความห้าวเป้งหายไปฉับพลันเลยนะอีหนูน้อย…
แต่ก็ดีแล้วละ
ผมควักปืนรังสีลูกโม่คู่ใจออกมาจากกระเป๋า ไปพร้อมกับวิ่งหามุมซ่อนตัวเองจากสายตาของศัตรู
หนอนทรายมันไม่มีตา และรับรู้การเคลื่อนไหวจากแรงสั่น
แมงมุมทรายมีดวงตาปกติ แต่ใช้ว่าจะมีสายตาดีเด่อะไรมาก
ถ้าซ่อนตัวให้ดี คิดว่ามันคงไม่น่าจะเห็นตัวพวกเราง่าย ๆ
“ยิง!”
กลุ่มของฑาทิมเป็นฝ่ายที่เริ่มเปิดฉากโจมตีก่อน
พวกเขาใช้อาวุธรังสีทั้งหมดที่จะหามาได้ สาดยิงโจมตีใส่อสูรยักษ์
นอกจากอาวุธรังสีแล้ว ยังมีอาวุธหัวกระสุนระเบิด ฉมวกเหล็กแหลมที่สามารถเจาะผิวหนาเพื่อเข้าไปทำลายอวัยวะจากข้างใน
แม้แต่มังกรทั้งสี่ตัวของเขา ยังมีอุปกรณ์เสริมครอบปาก ที่ช่วยทำให้สามารถรวมแก๊ส แล้วพ่นออกมาเป็นเลเซอร์สังหารที่มีพลังทำลายสูง
อุปกรณ์ของพวกเขาดูพัฒนาและมีราคาแพงมากกว่าตอนที่เจอกันครั้งแรก
แต่ถึงกระนั้น
*กีส!*
อาวุธเหล่านั้นก็ไม่อาจทำอะไรอสูรกายระดับภัยพิบัติได้
แมงมุมทะเลทรายได้พ่นใยแก้วออกมาจากผลึกแก้วที่กระจายอยู่ทั่วลำตัว
เส้นใยจำนวนมากถูกกางออกทั่วทิศทางรอบตัวของมัน ขึงกางกับอาคารโดยรอบ กลายเป็นม่านโล่สีขาวหนาขวางกั้นการโจมตี
ไม่มีการโจมตีใด สามารถทะลุผ่านใยพิเศษเหล่านั้นไปได้
แม้แต่เลเซอร์สังหารของมังกรที่ละลายได้แม้แต่เกราะเหล็กกล้า ก็ยังไม่อาจรุนแรงพอจะเผาไหม้ใยแก้วหนานั้นได้เช่นกัน
ส่วนทางฝั่งหนอนทะเลทราย
มันรีบมุดดินลงไปอย่างรวดเร็ว
มันช่างน่าเหลือเชื่อมาก ที่มันสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วขนาดนั้น ทั้งที่มีขนาดตัวยาวมากถึง 100 เมตร
ยังไม่ทันที่กระสุนสังหารจะวิ่งทะลุผ่านตัว มันก็หายไปจากตำแหน่งเดิมของมันแล้ว
เสียงเคลื่อนตัวผ่านใต้ดินเริ่มดังรุนแรงเข้ามาใกล้
เห็นพื้นโรงงานมีรอยนูนแตกและทรุดตัวลงจากการมุดผ่านของสัตว์ยักษ์
อาคารเริ่มล้มเทลาดเอียงพร้อมเสียงลั่นวิบัติของโครงสร้าง
“เหวอ!? พื้นมัน!”
“คุณออน รีบหนีออกจากโกดังก่อนเถอะเจ้าค่ะ!”
“เข้าใจแล้ว! ฑาทิม! ที่นี่มันจะถล่มลงมาแล้ว!”
“ข้ารู้แล้วโว๊ย! ทุกคน! รีบหนีออกจากอาคารนี้ซะ!”
พวกเรารีบวิ่งหาทางออก
แต่ทางออกเดียวที่มี คือรูกว้างที่ถูกพวกอสูรมันเจาะเข้ามาเมื่อกี้
แถมพอดูให้ดี เหมือนว่าเจ้าแมงมุมยักษ์จะกำลังเตรียมกางใยดักรอเอาไว้อยู่แล้วด้วย
ให้ตัวหนึ่งทำลายอาคาร และอีกตัวกางใยรอจับ
ทำงานเข้าขากันอย่างน่าเหลือเชื่อจนแทบไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือของสัตว์ร้าย
เป็นเพราะถูกวิญญาณเข้าสิง เลยมีความฉลาดขึ้นมาอย่างงั้นหรือ?
“กับดักชัด ๆ …”
ถึงจะรู้ว่าเป็นกับดัก แต่ยังดีกว่าถูกทับจมอยู่ใต้ซากอาคาร
พื้นอาคารเริ่มเอียงลาดทำเป็นมุม 30 องศากับเส้นขอบฟ้า
ขาที่ใช้วิ่งในทุกก้าวจังหวะเริ่มมีความไม่มั่นคง
“ระวัง!”
สิงของและชั้นวางต่าง ๆ เริ่มไหลเทลงมาตามแรงโน้มถ่วง
แต่มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมกับคุณควอตซ์เลย
พวกเราสามารถหลบมันได้ทั้งหมด จากการใช้วิธีจับสัมผัสที่ว่างด้วยพลังงานวิญญาณที่ไปฝึกกันมา
ส่วนน้องไซต์— ระดับแค่นี้ คิดว่าอย่างเธอน่าจะเอาตัวรอดได้อยู่
*ครื่น!*
เสียงสั่นสะเทือนรุนแรงดังขึ้นเป็นรอบที่สอง
พื้นของโกดังลาดเอียงมากกว่าเดิมจนเปลี่ยนเป็นทำมุม 60 องศากับพื้นโลกไปแล้ว
“เหวอ —?!”
เกือบจะกลิ้งตกลงไปตามแนวลาดแล้วไหมละ
ผมรีบใช้ปากมาคาบปืน แล้วใช้สองมือกับสองขาวางกับพื้นเพื่อเพิ่มพื้นที่ยึดให้มากที่สุด
ต้องพยายามประคองสมดุลร่างกายใหม่ เพื่อหนีไปจากอาคารบ้านี้ก่อนมันจะถล่มลงมาทั้งหลัง
“กรี๊ด —!? ”
เสียงร้องของผู้หญิง?
น้องไซต์? หรือว่าคุณควอตซ์!
ผมรีบหันกลับไปดูทางต้นเสียงที่ว่า
แต่ในทิศทางนั้นไม่มีใครอยู่ นอกจากคุณเบอร์รี่ที่กำลังพยายามเอาแขนเกาะเสาเหล็กเอาไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย
อย่าบอกนะว่าเสียงร้องที่เหมือนผู้หญิงเมื่อกี้นี้ มันจะมาจากเขา…
“เบอร์รี่!? ทนเอาไว้นะ! พวกข้ากำลังจะไปช่วยแล้ว!”
มีเสียงตะโกนดังมาจากจุดที่ห่างออกไปไม่ไกล
ลูกน้องของทาฑิมที่เป็นทีมยักษ์ย้อมผมห้าสี แดง เขียว เหลือง น้ำเงิน ดำ กำลังวิ่งตรงไปช่วยคุณเบอร์รี่
*ครื่น!*
เสียงสั่นสะเทือนรุนแรงดังขึ้นเป็นรอบที่สาม
คราวนี้พื้นถึงกับแยกออกจากกันเป็นส่วน ๆ ตามรอยต่อ
บางแผ่นหักออกครึ่ง
บางส่วนแตกดีดตัวหลุดออกมา แล้วหมุนเหวี่ยงควงอย่างน่ากลัวไปในอากาศ
บางแผ่นพลิกแยกฉีกแล้วบิดทำมุม 90 องศากับพื้นโลก
“แว๊กกกก!”
“ใครก็ได้ ช่วยพวกเราด้วย!”
กลุ่มยักษ์เรนเจอร์ล้มกลิ้งไม่เป็นท่าไปกองรวมอยู่ใกล้กับคุณเบอร์รี่
คราวนี้เลยกลายเป็นมีไอโง่ 6 ตัวที่ต้องเข้าไปช่วยแทน…
เอายังไงดี
จากตำแหน่งนี้ คนที่พอจะวิ่งเข้าไปช่วยได้เร็วที่สุด คงมีแค่ผมคนเดียว
เพราะเสียงถล่มจากตัวอาคารมันดังมาก คงส่งเสียงขอความช่วยเหลือไปไม่ถึงจุดที่ฑาทิมอยู่
พวกมังกรเองก็บินไปใกล้ถึงปากทางออกแล้ว และกำลังพ่นไฟเผาใยที่ถูกกางดักขวางทางเอาไว้
วุ่นขนาดนั้น คงไม่มีเวลามากพอบินกลับมารับพวกเรา
แต่ผมคนเดียวจะไปช่วยอะไรยักษ์ถึง 6 คนได้?
เผ่ายักษ์คนหนึ่งมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 100 กิโลกรัม เลยนะ!
“ถ้าผมใช้พลังวิญญาณได้ละก็…”
*ตึ่ง!*
เสียงเจ้าหนอนขุดฐานอาคารเริ่มดังมากขึ้นไปอีก
อาคารน่าจะถล่มลงมาในอีกไม่ช้าแล้ว
“ชิ—!”
ไม่มีเวลาจะมาคิดเล็กคิดน้อยเสียหน่อย!
ถึงจะรู้ตัวว่าเปล่าประโยชน์ แต่คงมีอะไรสักอย่างที่เราต้องทำได้สิ!
ผมรีบหลบเศษแผ่นพื้นที่หมุนควงกระเด็น แล้วกระโดดเหยียบไปตามส่วนที่พอจะหยั่นเท้าถึงเพื่อสร้างที่ยืนให้กับตัวเอง
กระโดดซ้ายและขวาหลบรอยแยกอันน่ากลัว เหมือนเป็นกบที่กระโดดข้ามแม่น้ำที่เต็มไปด้วยจระเข้
“คุณ ออน!? ”
“รอเดียวนะครับ!”
ผมมาถึงจุดที่พวกเขากำลังเกาะเสาเหล็กกันอยู่
การจะช่วยยักษ์ที่ไม่มีปัญญาวิ่งหนีออกไปเองได้จำนวน 6 คน เราควรจะทำยังไง?
คิดสิคิด!
“… นึกออกแล้ว! พอผมให้สัญญาณ ให้ทิ้งตัวลงไปกันเลยนะครับ!”
“เอ๊?? ครับ? ”
มานึกดูอีกที สัมผัสพลังงานวิญญาณของเจ้าหนอนข้างใต้นี้ มันอยู่ลึกลงไปมากกว่า 10 เมตร
แสดงว่าจริง ๆ แล้วอาคารนี้มันถูกสร้างให้ยกลอยขึ้นมาอยู่หรือเปล่า?
แทนที่จะมาหาทางวิ่งหนีออกไปผ่านพื้นที่วิบากกรรม สู้ระเบิดพื้นลงไปที่ส่วนใต้ถุน แล้ววิ่งหนีออกไปมันจะเร็วกว่าหรือเปล่า?
ผมนำปีนรังสีที่คาบตรงปากออกมารัวยิงใส่พื้นให้เป็นรอยปรุรูปสี่เหลี่ยมขนาดเท่าคนเจ็ดคน
“กระโดด! เราจะหนีลงไปทางข้างล่างกัน!”
“ครับ!”
พวกเราทั้งเจ็ดคนกระโดดลงมาพร้อมกันบนพื้นที่ถูกยิงจนพรุน
ด้วยแรงกระแทกกับน้ำหนักรวมของพวกเรา เลยทำให้พื้นนั้นฉีกทะลุลงมาทั้งผืน
พวกเราทั้งเจ็ดคนร่วงลงสู่พื้นเบื้องล่างตามแรงโน้มถ่วง
มองเห็นส่วนใต้ถุนอาคารที่เต็มไปด้วยฝุ่นดิน
เห็นส่วนท้องน้อยของแมงมุมทรายที่กำลังกางใยอยู่ตรงขอบอาคาร
และเห็นส่วนดินนูนต่ำข้างล่าง ที่ถูกเจ้าหนอนทรายยักษ์ขุดพรวนไปทั่วทุกตารางนิ้ว
“— ตรงนั้น!”
เห็นชัดเจน
ผมมองเห็นกระแสพลังงานและดวงวิญญาณที่กำลังเข้าสิงเจ้าหนอนทรายได้ชัดเจนเต็มสองตา
มองเห็นวิญญาณรูปร่างคล้ายเผ่ามนุษย์มด กำลังควบคุมประสาทสมองของเจ้าหนอนทรายเอาไว้
“!!!”
ราวกับว่าเวลาได้ถูกหยุดเอาไว้
ในช่วงระหว่างที่กำลังร่วงลงสู่พื้น มือขวาของผมกำลังเริ่มเคลื่อนไหวโดยอัตโนมัติ
ปืนลูกโม่รังสีถูกเล็งยื่นออกไปตรงหน้า
*ตึก ตึก* *ตึก ตึก*
ได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นเป็นจังหวะอย่างเด่นชัด
สัมผัสได้ถึงกระแสของพลังงานที่กำลังไหลเวียนรอบร่างกายของตัวเอง กับของศัตรู
รับรู้กระแสพลังงานที่กำลังเคลื่อนไหว
เล็งด้วยจิตมิได้เล็งด้วยดวงตาเห็น
เล็งเป้า— ไปที่จุดรวมพลังงานของคลื่นกระแสวิญญาณ
*เปรี๊ยง!*
ถึงไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผมใช้ความรู้สึกนั้นเหนี่ยวไกยิงปืนออกไป
เส้นแสงรังสี สีเงินพุ่งตรงตัดผ่านอากาศ วิ่งลงล่างสู่ผิวดินที่กำลังเคลื่อนตัว
ตัดทะลุผ่านชั้นดินในส่วนที่บางที่สุด แล้วปะทะใส่เป้าหมายอย่างแม่นยำราวจับมาวางตั้งตรงหน้า
*ฮูมมม!*
วินาทีนั้นเอง ที่เจ้าหนอนยักษ์ได้คำรามอย่างเจ็บปวดขึ้นเป็นครั้งแรก
***
ผีร้ายบางตัวที่หลงทางในโลกคนเป็นมานานมากพอ บางครั้งก็อาจมีบ้าง ที่เรียนรู้วิธีการสิงสู่ร่างของคนเป็น
วิญญาณมิอาจแทรงแทรกชีวิตได้ เพราะร่างกายเดิมล้วนแต่มีวิญญาณเดิมเป็นเจ้าของร่างกาย
ภาชนะเพียงหนึ่งไม่อาจเพียงพอต่อการบรรจุน้ำเพิ่ม หากว่ามันถูกบรรจุอยู่เต็มก่อนหน้า
แต่ใช่ว่าจะไม่สามารถควบคุมมันได้เลย
หากวิญญาณอ่อนแอจนไม่อาจเติมเต็มภาชนะได้ ก็อาจเป็นช่องให้ถูกวิญญาณภายนอกรินน้ำเข้ามาผสมลงในภาชนะ
หรืออาจเจาะภาชนะให้รั่วไหล เพื่อหาทางเติมน้ำใหม่เข้าไปทดแทนที่
สิ่งที่อสูรกายสองตัวนี้ถูกกระทำ มันก็ไม่ต่างกัน
พวกมันถูกผีร้ายใช้ช่องโหว่จากการที่พวกมันมีอายุขัยใกล้ฝั่ง เข้าช่วงชิงร่างกายในจังหวะที่วิญญาณของพวกมันกำลังอ่อนแอ
บุรุษหนุ่ม ออน ไม่รู้ว่าตัวเองพึ่งจะส่งพลังงานจากปืนรังสี ส่งมันเข้าก่อก่วนในจุดร่วมประสาท อันเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างวิญญาณกับโลกแห่งความเป็นจริงของหนอนทราย
สรุปคือเขาได้ทำลายความเชื่อมโยงระหว่างผีร้าย กับ วิญญาณของเจ้าหนอนยักษ์ ไปจนสิ้น
*กีสสสสสสสส!*
ราวกับว่าตัวเองได้ตื่นขึ้นจากการหลับไหลอันยาวนาน
มันรู้สึกว่าหลับไปนานมาก
นานจนจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่มันตื่นเพื่ออกหาอาหาร มันเกิดขึ้นมาได้กี่ปีแล้ว
มันเลยหิว
หิวยิ่งนัก—
เจ้าหนอนทรายที่ตื่นจากภวังค์ เริ่มมองหาเหยื่อตรงหน้าเพื่อเติมเต็มท้องอันว่างเปล่า
ห่างออกไปไม่ไกล มีแรงสั่นสะเทือนเล็ก ๆ อยู่เจ็ดจุด
ไม่น่าพออิ่มท้อง…
แต่ไกลออกไป มีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่อยู่ตัวหนึ่ง
นี่สิ ถึงจะอิ่มท้องของเราได้
น้ำลายเริ่มไหลนองปากของเจ้าหนอนยักษ์
มันเลิกให้ความสนใจกลุ่มของสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ กับสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ แล้วมุดดินตรงไปทางแมงมุมทราย
มันอ้าปาก เผยเขี้ยวสว่าน พร้อมกับกัดลงไปตรงช่องท้องของแมงมุมยักษ์เต็มแรง
*กี้!?!*
เจ้าแมงมุมยักษ์ไม่ทันตั้งตัว
เจ้าผีร้ายที่สิงแมงมุมรีบสละร่างกายที่สิงสู่ออกมาในทันที ที่สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดทางสมอง
*กี้!! กี้!*
*ฮูมมมมม!*
สัตว์ร้ายทั้งสองที่ได้สติคืนมาต่างเริ่มห้ำหั่นกันตามสัญชาตญาณของสัตว์
ต่างฝ่ายต่างปราถนาที่จะกินอีกฝ่ายให้ได้
ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครคิดยอมให้ต่อกัน
ทั้งกัด ทึ้ง แทง ฉีก รัดฟันตูกันอย่างรุนแรง
“ระ— รีบหนีไปจากที่ก่อนเร็วครับ!”
“แล้วหัวหน้า—-”
“คุณฑาทิมเขาเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว แต่ถ้าอยู่ที่นี่ต่อ มีหวังได้ถูกลูกหลงจากการต่อสู้ของเจ้าสองตัวนี้แน่ครับ!”
บุรุษหนุ่ม ออน รีบวิ่งนำหลุ่มไปทางอุโมงค์หนึ่งที่อยู่ติดกัน
มันเป็นอุโมงค์ขุดแร่เก่าแก่ที่ยังคงมีแสงไฟทำงานส่องสว่างเจิดจ้าออกมาจากในหลุม
พวกเขาวิ่งหนีเข้าไปในเส้นทางนั้น โดยไม่คิดหันกลับไปมองสัตว์ยักษ์ หรือนึกสงสัย—
—นึกสงสัย ว่าทำไมในอุโมงค์ที่ถูกทิ้งร้าง ถึงยังคงมีเสียงขุดเจาะกับแสงไฟทำงานอยู่ในปัจจุบันนี้…
MANGA DISCUSSION