***ไม่ทราบเวลาที่แน่ชัด***
ณ เหมือง อาเทม ใจกลางทวีปแห่งความแห้งแล้ง
ที่ปากทางเข้าเหมืองตรงประตูทิศเหนือ มียานเหาะสีเงินเปิดประทุนรูปทรงกระทิงจำนวน 4 ลำ กำลังบินผ่านเข้ามาข้างในด้วยความเร็วสูง
“ถึงแล้วโว๊ย! คงไม่คิดละสิว่าข้าผู้นี้จะตามมาติด ๆ ได้ภายในวันเดียว คอยก่อนเถอะไอพวกนกบ้า! ข้านี่แหละจะเป็นคนคว้ารางวัลนี้ไปเอง!”
บนยานกระทิงเหล็กคันหน้าสุด มีเจ้าบ้าคนหนึ่ง กำลังยืนเบ่งกล้ามท้ากระแสลมอย่างไร้ความหมาย
ความจริงผมไม่ควรมาอยู่ที่นี่
ให้ตายเถอะ เป็นความผิดของเขาแท้ ๆ ที่ไม่ยอมหันหัวยานกลับไปส่งพวกผมให้
” อ่าว? นี่พวกเจ้าตามมาด้วยเรอะ? นึกว่าลงจากยานกลับเมืองไปก่อนแล้วเสียอีก”
พึ่งจะมารู้ตัวตอนนี้เนี่ยนะ!?
แกเป็นคนยื่นมือลงมารับพวกเราเองนะเฮ้ย!!
ผมละเชื่อมันเลยจริง ๆ ให้ตายเถอะ
“ว่าแต่ก่อนหน้านี้เขาพูดถึงใครละครับนั่น? ”
“หัวหน้าคงหมายถึงคู่แข่งที่ทำงานของตัวเองนะคะ— ครับ”
ชายเผ่ายักษ์ผมสีฟ้า ดวงตาสีทอง ผิวสีเทา ตอบผมด้วยน้ำเสียงโทนที่นุ่มนวลคล้ายผู้หญิง
” อย่างงั้นหรือครับคุณเบอร์รี่… ว่าแต่เป็นเหมืองร้างที่ดูครึกครื้นกว่าที่คิดอยู่นะครับ? ”
ว่าแล้วผมก็หันไปมองดูเหมืองตรงหน้า
ทั้งที่เป็นเหมืองร้าง แต่กลับมีพลังงานไหลเวียนทำงาน
พระอาทิตย์เทียมในเหมืองไม่ได้ดับมืด
พอมองดูในจุดที่ห่างออกไปแถวอุโมงค์ขุดเจาะ ก็จะเห็นแสงไฟขยับไปมา ราวกับว่ามีคนกำลังทำงานขุดเจาะอยู่
สงสัยคงเป็นพวกลักลอบขุดแร่เถื่อนละมั้ง?
” ครึกครื้น? ผมว่ามันดูออกจะวังเวงเงียบกริบจนดูขนหัวลุกอยู่นะครับ? ”
“วังเวง? ทั้งมี่มีแสงไฟขุดเจาะกระจายไปทั่วเนี่ยนะครับ? ”
“คุณ ออน พูดเรื่องอะไรกันนะครับ? แสงไฟมีแค่ตรงส่วนของหอคอยขนส่งเองนะครับ? ”
“!!!”
เขามองไม่เห็น?
ผมรีบหันกลับไปมองดูพื้นที่ตรงหน้า แล้วขยี้ตาตัวเองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
แสงไฟเหล่านี้… มีคลื่นอะไรบางอย่างที่คล้ายกับพลังงานวิญญาณแผ่กระจายออกมาอยู่
มันคือผี…
เอาแล้วไง เหมืองนี้มันถูกสาปอยู่จริง ๆ ด้วยวุ้ย!
” คุณออน ข้าน้อยขอรบกวนเวลาส่วนตัวสักครู่เจ้าค่ะ”
คุณควอตซ์เข้ามาสะกิดผมจากข้างหลัง
บางทีเธอคงเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกตินี้แล้วเช่นกัน
“งั้นคุณเบอร์รี่ ผมขอตัวสักครู่นะครับ”
“…ครับ”
เขาส่งยิ้มมาให้ผม
ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไร แต่รอยยิ้มของเขาช่วงดูขนหัวลุกจนทำให้ผมเสียววาบไปถึงกระดูกสันหลังเลยทีเดียว…
ผมทำเป็นไม่สนใจรอยยิ้มที่ขนหัวลุกนั้น แล้วเดินไปตรงท้ายยานที่ไม่ค่อยมีคนนั่ง
“รู้สึกได้เหมือนกันใช่ไหมเจ้าค่ะ? ”
“ใช่ แล้วเธอละหนูไซต์? ”
“รู้สึกเหมือนกันค่ะ! เป็นพลังงานที่ชวนให้รู้สึกไม่ดีเลยค่ะ!”
“แต่ไม่มีใคร [มองเห็น] ใช่ไหม? ”
“มองเห็น? ”
“พลังงานซ้อนเร้นที่คุณเอโซสอน มันสามารถฝึกให้ดวงตามองเห็นได้หรือเจ้าค่ะ? ”
พวกเธอรู้สึกถึงได้ แต่มองไม่เห็นจริง ๆ ด้วย
เป็นอย่างที่คุณเอโซเคยบอกผมเอาไว้
การรู้สึกสัมผัสถึงตัวตนพลังงานวิญญาณ กับการมองเห็นวิญญาณ เป็นเรื่องที่ต่างกัน
สัมผัสได้ใช่ว่าจะใช้ตาเห็นได้
และใช้ตาเห็นได้ ใช่ว่าจะสัมผัสมันได้
ไม่ต้องพูดถึงวีธีการควบคุม ที่เป็นเรื่องแยกออกไปต่างหากอีก
“… คุณ ออน ทำหน้าเหมือนปิดบังอะไรเอาไว้สักอย่างเลยเจ้าค่ะ”
“พี่ออนค่ะ! อย่าขี้ตืดเก็บเงียบเอาไว้คนเดียวสิค่ะ!”
อืม… เอายังไงดีเนี่ย?
ถึงปัจจุบันสองคนนี้จะเชื่อเรื่องวิญญาณไปแล้ว แต่จะให้ผมเป็นคนอธิบาย ก็ออกจะเกินตัวไปหน่อย
เอาจริง ๆ คือผมยังไม่มีความรู้ด้านวิญญาณมากพอจะไปสอนคนอื่นได้นะ
“โอเค คืองี้ ถึงคุณเอโซจะยังไม่ได้พูดถึง แต่มันเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณที่ผมมองเห็นได้ คือสัมผัสพลังงานที่พวกเธอจับได้นะ มันคือ [ผี] นั่นละ ส่วนรายละเอียดว่าทำไมผมถึงเห็นคนเดียว เอาไว้ไปถามคุณเอโซแล้วกัน”
“ผี? จะบอกว่าต้องเจอกับไปปีศาจ [หัว] แบบตอนบนเรืออย่างงั้นอีกหรือเจ้าค่ะ!? ”
” แง! คราวนี้ไม่ได้พกผ้าคลุมนักบวชกันผีมาด้วยอ่า!”
พวกเธอพูดถูก
ถ้าเจอผีบ้าแบบบนเรือเมื่อโจมตี คราวนี้คงไม่น่ารอด—
” ทุกคน พบศัตรูทางทิศ 12 นาฬิกา!”
” นั่นมันตัว— แมงมุมทะเลทราย!? ”
” แถมยังมีหนอนทะเลทรายพ่นน้ำกรดมาจากข้างล่างด้วยครับ! ปกติพวกมันสองสายพันธุ์ไม่ถูกกันไม่ใช่หรือ!? ทำไมถึงมาร่วมมือโจมตีพวกเราแบบนี้กันละ!!”
ดูท่าว่า จะได้เจอเรื่องวุ่นเร็วกว่าคิดแฮะ…
***
กระทิงเหล็กสี่ตัวกำลังเริ่มบินหักหลบใยแมงมุมที่ถูกขึงเอาไว้ ทั้งทางซ้าย และทางขวา
เบื้องล่างลงไป มีกรดเข้มข้นถูกพ่นขึ้นฟ้าเป็นเส้นสูง จากหนอนทรายตัวอวบที่มีเขี้ยวเป็นสว่าน
“ฆ่ามัน!”
เครื่องยิงฉมวกยักษ์ท้ายยานทั้งสี่ลำ ได้ยิงเสาเหล็กปลายแหลมพุ่งลงไปตรงพื้น
วินาทีที่ฉมวกเหล็กนั้นหัวปักดิน ฉับพลันระเบิดออกเป็นแปดเสี่ยง พร้อมส่งอณูเหล็กขนาดเท่ามดวิ่งกระจายไปรอบทิศทาง
เศษเหล็กน้อยใหญ่วิ่งทะลุผ่านดิน หิน แร่ และเนื้อหนัง
ฉีกผิวที่หนาและแห้งของสัตว์ร้ายใต้ดินจนกลายเป็นเม็ดทรายอย่างกราดเกรี้ยว
เลือดที่เหนี่ยวข้นของพวกมันสาดเทกระจายไปทั่วพื้น คืนวิญญาณสู่โลกหน้าในชั่วพริบตา
“หัวหน้า หักหลบใยแมงมุมไม่ทันแล้วครับ!”
“เปิดใช้งานเขากระทิงแล้วพุ่งทะลุผ่านไปแม่มเลย!”
“พุ่งทะลุ! เห้ย!? เดียว—”
มนุษย์หนุ่มพยายามจะวิ่งเข้าไปห้ามชายยักษ์ผมสีส้มเปลวเพลิง
แต่เขาห้ามไม่ทันแล้ว
ยานกระทิงทั้งสี่เริ่มบินเรียงเป็นขบวนรูปปลายศร
เปิดการสันดาปที่ปลายเขาติดหัวยาน จนมันเรืองแสงเป็นสีแดงสด
หลังคาถูกเลื่อนขึ้นปิด หุ้มทั้งตัวยานให้เป็นทรงรีกลมคล้ายหัวกระสุน
เสียงสั่นของคลื่นพลังงานดังก้องสะท้อนผิวอุโมงค์ประหนึ่งเสียงเตรียมลั่นยิงปืนสายฟ้าเรลกัน
*ฉัวะ!*
ราวกับมีกระสุนปืนใหญ่จำนวนสี่นัดวิ่งตัดผ่านเหมือง
ยานทั้งสี่วิ่งผ่านใยแก้วแมงมุงที่ถูกขึงขวางทาง พุ่งทะลุด้วยความเร็วที่มากกว่า 800 เมตรต่อวินาที
วิ่งทะลุผ่านไอแสงวิญญาณ ที่กำลังหมายบินลอบเข้ามาในยานอย่างช้า ๆ
“พบสิ่งกีดขวางข้างหน้าครับหัวหน้า คาดว่าจะเป็นโรงงานขุดเจาะเก่าครับ!”
“เบรกทันไหม? ”
“ไม่น่าทันครับ”
“งั้นก็ชนใส่แม่มเลย! เดียวยานมันหยุดเองนั่นละ วะฮะฮะฮะ! ทุกนายเตรียมรับแรงกระแทก!”
*ตู้ม!*
***
มืด…
ความทรงจำสุดท้ายคือภาพของกำแพงโรงงานที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ กับเสียงระเบิดรุนแรงจนต้องรีบอุดหู
หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองหมุนกลิ้งแปดตลบ ก่อนจะดวงตามืดบอดมองไม่เห็นอะไรอีก
*เปรี๊ยะ*
เสียงไฟฟ้าลัดวงจร…
แขนขายังขยับได้อยู่…
หัวยังอยู่ติดกับร่างกายดี…
อืม… ดูเหมือนว่าจะยังไม่ตาย
“หัวหน้า ดูเหมือนว่าตัวยานจะบินไปต่อไม่ไหวแล้วครับ!”
“งั้นแบ่งสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งมากับข้า อีกกลุ่มอยู่ซ่อมยานซะ”
“ครับ!”
ผมตั้งสติแล้วฝืนลืมตามองดู
ดูเหมือนว่าผมจะถูกใครสักคนลากออกมาจากซากยานกระทิง
พวกเรากำลังอยู่ตรงส่วนที่ดูคล้ายกับโกดังเก็บสินแร่ดิบ
มีซากแร่กับยานขนแร่ถูกจอดทิ้งร้าง
กำแพงมีรูกว้าง ทั้งเก่าและใหม่ที่เกิดจากยานเราพุ่งชน จนกลายเป็นช่องแสงคอยส่องสว่างให้กับภายในอาคาร
ตรงพื้นใจกลางห้องเก็บ มียานสีเงินสี่ลำล้มกลิ้งกองรวมกันอยู่
พวกมันมีลักษณะที่หักงอตรงส่วนหัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ชนแรงขนาดนี้ กลับมีแผลเพียงแค่หัวยานกระทิงบิดงอเนี่ยนะ?
พอเพ่งดูให้ดี เหมือนว่าตัวยานจะแอบไปเสริมเกราะซ่อนอยู่ใต้ผิวเหล็กสีเงินอีกทีเสียด้วย
สีเขียวเข้ม… สีแบบนั้น… อย่าบอกนะว่าไอบ้านี่มันเอาแร่ฮีเฟสตุสมาสร้างเป็นเกราะหุ้มยาน?
แร่ทางการทหารเอามาใช้ในยานเอกชนมันผิดกฎหมายนะเฮ้ย!
“คุณฑาทิม ทำไมถึงไม่ใช้มังกรของคุณเผาใยละครับ? วิธีนี้มันเสี่ยงตายนะครับ”
“แกบอกข้าเองไม่ใช่หรือไงไอหน้าอ่อน ว่าอย่าใช้ไฟในอุโมงค์นะ”
“ผมหมายถึงในที่แคบที่อากาศมีไม่พอ… แต่นี่คือเหมืองใต้ดินที่ใหญ่เท่าเมือง แถมยังมีระบบหมุนเวียนอากาศดีกว่า จะใช้ไฟนิด ๆ หน่อย ๆ มันไม่เป็นไรหรอกครับ…”
” อ่าว? แบบนี้นี่เอง? วะฮะฮะ!”
เจ้ายักษ์โง่ แกทำชั้นดูแย่…
อยากด่ามันจริง ๆ ให้ดิ้นตายเถอะ
ผมลุกขึ้นจากพื้นเพื่อมองสำรวจพื้นที่
ห่างออกไปไม่ไกลจากจุดลงจอด (?) มีพวกลูกน้องของฑาทิมที่คุ้นหน้าคุ้นตา กำลังเริ่มตั้งค่ายกันอยู่
มีทั้งคุณยักษ์ขบวนการห้าสีที่กำลังขนเอาอุปกรณ์ ทั้งอาวุธ เครื่องขุด เครื่องขนย้าย ลงมาจากยานกระทิง
คุณเบอร์รี่ที่กำลังปฐมพยาบาลพรรคพวกที่เจ็บตัว
มังกรสี่ตัว ที่คอยชะโงกหัวเฝ้าระวังพื้นที่ให้กับเจ้านายของมัน
คุณเบอร์รี่… นั่นคุณจะแอบชำเลืองมองมาทางผมทำไมครับ?
บอกไปแล้วนะว่าผมไม่ใช่พวกไม้ป่าเดียวกัน…
“…”
ผมทำเป็นไม่เห็นสายตาวิ้ง ๆ ของเขา แล้วเริ่มกวาดตาหาคุณควอตซ์กับน้องไซต์
*แกร๊ก*
*กุก ๆ *
เจอแล้ว!
ว่าแต่ไปทำอะไรกันอยู่ตรงกองสินแร่เนี่ย?
“ทอง! นี่มันทองคำ!? มีหยกดิบกับเพชรปนอยู่ด้วยเจ้าค่ะ!”
“ถึงเหมืองจะถูกทิ้งร้าง แต่หยิบไปแบบนี้มันออกจะ—”
“เหมืองที่ถูกทิ้งเท่ากับไร้เจ้าของเจ้าค่ะ! มันไม่ใช่การขโมย! มาเก็บกลับไปให้เยอะที่สุดกันเถอะเจ้าค่ะ!! หุ หุ หุ~ กำไร! งานนี้กำไรเห็น ๆ เจ้าค่ะ!”
อืม… กำลังรื้อทองคำดิบกับเพชรดิบกลับไปบ้านกันอยู่นี่เอง
“…”
ดวงตาเป็นรูปหน่วยเงิน [ยูนิต] ไปแล้วแม่คุณ~
มันใช่สถานการณ์จะมาเก็บแร่กันหรือเฮ้ย!?!
” โอ๊ย… เริ่มชักจะรู้สึกปวดหัวนิด ๆ แล้วแฮะ”
” เอายาไหมครับ? ”
” เหวอ!?!”
อยู่ ๆ คุณเบอร์รี่ก็มาโผล่ระยะลมหายใจรดต้นคอ พร้อมกับยาหนึ่งกำมือ
เพราะเขาสูงกว่าผมถึงช่วงตัว เลยทำให้ระดับสายตาของผมอยู่ตรงระดับหัวไหลของเขาพอดี
วงแขนที่ไร้ขนรักแร้
ผิวเนียนนุ่ม เอวบาง แขนบาง
พอดูให้ดี เหมือนจะมีรอยนูนเล็ก ๆ ตรงหน้าอกด้วย
แถมยังมีกลิ่นหอม—
*ตึ๊ก*
จะหัวใจเต้นทำบ้าอะไรแว้~!?
สติเฮ้ยสติ!
นี่มันผู้ชายนะเว้ยเฮ้ย!
” อ๊ะ? เออ… ไม่เป็นไรครับคุณเบอร์รี่”
ผมพยายามเดินถอยออกจากเขา ก่อนจะเกิดความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจไปมากกว่านี้
ท่องไว้คุณลาพิสสวยที่หนึ่ง
ท่องไว้ คุณลาพิสนี่ละ คือสาวอันดับหนึ่งในใจของผม
“เอาละ ได้เวลาออกสำรวจเหมืองแล้วโว๊ย!”
“โอ๊สส!”
หืม?
ผมหันไปตามเสียงตะโกนของเจ้าพวกยักษ์
พวกฑาทิมเตรียมพร้อมออกสำรวจเหมืองเสร็จแล้ว ในระหว่างที่ผมทำตัวไร้สาระอยู่
เนื่องจากว่างานกู้เหมืองนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา เลยกะว่าจะอยู่เฉย ๆ ตรงนี้ เพื่อช่วยพวกกลุ่มซ่อมยานแทน
ถึงจะมีเรื่องผีสางบ้าง แต่ระดับอย่างฑาทิมคงไม่เป็นไรหรอก
ในตอนนั้นเองที่ผมนึกถึงเหตุการณ์คฤหาสน์ผีสิงของเอซ
ภาพที่พวกฑาทิมถูกจับจนเกือบเอาตัวไม่รอด มันยังคงตราตรึงอยู่ในจิตใจ
“คิดอีกที… ตามกลุ่มของเจ้าฑาทิมไปจะดีกว่า—”
*ตึง!*
พื้นโกดังสั่นสะเทือนรุนแรงอย่างไม่ทันตั้งตัว
มองเห็น— ดวงวิญญาณสองจิต ที่สิงอยู่ในร่างกายของสิ่งมีชีวิตเทียมฟ้าสองตัว
และสิ่งมีชีวิตเทียมฟ้าสองตัวที่ว่านั่น มันกำลังพยายามฉีกอาคารหลังนี้มาจากอีกฟากอยู่
กำแพงอาคารกำลังถูกพวกมันฉีกออกมาจากภายนอก
เห็นเขี้ยวที่คล้ายสว่าน กำลังกัดทึ้งมัน
เห็นปลายแหลมของขาแมงมุม กำลังแทงทะลุแผ่นหลังคาเข้ามาสู่ภายใน
“สัตว์ร้ายระดับภัยพิบัติ…”
ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกแมงมุมทรายกับหนอนทรายที่ไม่ถูกกันตามธรรมชาติ ถึงได้ร่วมมือกันเล็งโจมตีใส่พวกเรา
เพราะว่าตัวจ่าฝูงของพวกมัน กำลังถูกผีร้ายสิงสู่อยู่นั่นเอง
MANGA DISCUSSION