***ณ โรงแรมพักระดับ 4 ดาว ใจกลางเหมืองแร่ทางตอนเหนือของทวีปแห่งความแห้งแล้ง***
ฮุ ฮุ ฮุ
ป่านนี้เจ้าพวกนั้นคงได้รู้ซึ้งถึงสิ่งที่เราต้องการจะสอนแล้วละ
การฝึกใช้พลังงานวิญญาณ มันไม่ได้ฝึกกันง่าย ๆ ต่อให้ใช้วิธีลัดก็ตาม
ดังนั้น ตอนนี้แค่ให้เข้าถึงสัมผัสการมีตัวตนของพลังงาน มันก็เพียงพอแล้ว
ส่วนการใช้งาน คงมีแต่ต้องให้ไปเจอของจริง ถึงจะเรียนรู้ได้ไวกว่า
เราเลยส่งไปที่เขตไร้กฏหมายอย่างเหมืองเถื่อนที่อยู่ติดกัน
ที่นั่นมีกับดักเยอะ เหมาะสมกับการฝึกใช้สัมผัสเพื่อมองดูสิ่งที่ดวงตามองไม่เห็นเป็นอย่างมาก
ยิ่งร่างกายรับรู้ถึงอันตราย จะยิ่งเรียนรู้ได้ไว
นอกจากฝึกทักษะใช้คุ้นเคยกับสัมผัสพลังแล้ว เรายังต้องการป้ายสีผ้าขาวของไซต์กับเจ้าตำรวจหนุ่มให้กลายเป็นสีดำไปพร้อมกัน
คนบ้าอะไร มองโลกเป็นแค่สีขาวกับดำกันยะ?
โดยเฉพาะเจ้าตำรวจหนุ่ม ที่น่าจะผ่านอะไรมาเยอะ แต่กลับยังซื่อช่วยคนอื่นเขาไปทั่วโดยไม่หวังผลตอบแทน
เห็นแล้วมันหงุดหงิด
สิ่งมีชีวิตนะ ทุกการกระทำมันไม่มีนิยามของคำว่าดีหรือเลวหรอก
มันมีแค่ว่าไปเบียดเบียนเขาเพื่อประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น
เพราะแบบนี้ สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำจึงต้องสร้าง [กฏ] เพื่อการอาศัยอยู่ร่วมกันให้ได้
เพราะแบบนั้นเลยสั่งให้ไปช่วยใครสักคนในเขตป่าเถื่อน
ไปช่วยคนที่ตัวเองคิดว่าชั่วช้า จะได้เห็นมุมมองแปลกใหม่ที่ตัวเองไม่เคยเห็น
ตอนนี้ผ่านมาได้ราว 8 ชม. แล้ว ตั้งแต่สั่งให้ไปฝึก
คิดว่าน่าจะได้เรียนรู้อะไรสักอย่างแล้วละมั้ง?
ว่าแล้วก็นำปลายลิ้นชิมรสชารสขมร้อนที่ชงเอง
ความขมอย่างมีเอกลักษณ์ กับกลิ่นหอมแตะปลายจมูกที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายราวกับกำลังดื่มด่ำอยู่กลางหุบเขา มันช่างเป็นรสชาติที่ไม่เป็นสองรองใครอย่างแท้จริง
“…”
แต่ถ้าให้เจ้าหนุ่มนั่นชงให้ มันออกจะได้รสชาติกับกลิ่นที่ดีกว่าอยู่แฮะ
รีบฝึกให้เสร็จ แล้วรีบมาชงชาอร่อย ๆ ให้เราจะได้ไหมเจ้าหนุ่ม?
“ลาพิส เจ้าสามหน่อตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? ”
เราหันไปถามสหายหัวฟ้าที่กำลังนั่งสมาธิด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
เธอกำลังใช้สัมผัสพลังงานวิญญาณ ในการตรวจเช็คความเคลื่อนไหวของเจ้าพวกลูกเจี๊ยบ
เธอนิ่งอยู่สักพักเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง แล้วเริ่มลงมือเขียนข้อความลงบนแผ่นกระดาน
[พวกเขาออกไปนอกพื้นที่ อยู่ไกลเกินระยะตรวจจับของฉันแล้วค่ะ =3]
อืม อืม~
ออกไปเที่ยวเล่นนอกเหมืองกันแล้ว?
ช่างร่าเริงกันเสียจริง
*ซูด~*
“…”
*พรวด!!*
“เดียว—? ว่ายังไงนะ? ออกไปนอกเหมืองกันแล้ว!!? ”
***
ณ สถานีเทียบยานแคปซูลขนส่งใต้ดินที่ถูกทิ้งร้าง
มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนคุยอย่างเป็นกันเองต่อหน้ายามไร้ชีวิตทั้งสิบตนที่ยืนเฝ้ามองดูพวกเขา
“จะช่วยให้พวกข้าผ่านประตูไปให้โดยไม่ต้องใช้ใบอนุญาต? ขอบคุณมากครับ คุณน้องสาวตัวเล็ก!”
“ไว้ใจหนูน้อย [ไซต์] คนนี้ได้เลยค่ะพี่ยักษ์หน้าสวย!”
เด็กผู้หญิงที่มีผมสีเงินยาวสวยงามคนหนึ่ง กำลังพูดจาอวดเบ่งต่อหน้าชายเผ่ายักษ์ที่สูงกว่าถึงสามเท่าตัว
” เบาเสียงหน่อย พวกหุ่นยนต์ยามมันมองมาทางนี้หมดแล้ว…”
” ข้าน้อยว่านี่ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยเจ้าค่ะ…”
ชายเผ่ามนุษย์กับผู้หญิงเผ่ากระต่ายรีบวิ่งเข้ามายืนบังเด็กสาวตัวน้อยด้วยท่าทีที่ร้อนรน
ดวงตาของพวกเขากำลังชำเลืองมองไล่หลัง
ที่ตรงหน้าประตูทรงกลมบานใหญ่ มีหุ่นยนต์รูปร่างมนุษย์มดจำนวนสิบตัวกำลังยืนจ้องพวกเขา ด้วยดวงตาที่ส่องไฟสีแดง
ปืนพลังงานกระบอกโตในมือที่ถือเอาไว้ ถูกเดินเครื่องส่งเสียงดัง ราวกับกำลังข่มขู่พวกเขา ว่าอย่าหาญกล้าเข้ามาลองดีเชียว
” เอาน่า! ช่วยพวกพี่ชายยักษ์ แล้วกลับไปรายงานพวกพี่สาว จะได้จบการฝึกน่าเบื่อนี้ได้ยังไงละคะ!”
“การฝึก? ”
“ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะพี่ชายยักษ์ พี่ชายรีบไปขึ้นยานกระทิงของพี่ เพื่อเตรียมออกเดินทางจะดีกว่าค่ะ!”
เด็กสาวตัวน้อยพ่นลมหายใจผ่านทางจมูกน้อย ๆ ของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ แล้วเดินตรงไปที่หอควบคุมเก่า
มันเป็นห้องติดกระจกที่ตั้งอยู่ใกล้กับประตูบานยักษ์
อุปกรณ์ภายในมีร่องรอยของการงัดแงะรื้อทิ้ง อีกทั้งยังทรุดโทรมจนดูไม่เหมือนว่าจะสามารถซ่อมแซมเพื่อนำมันกลับมาใช้งานใหม่ได้
“ถึงสถานีจะถูกทิ้งร้างเพราะไม่มีคนเดินทางไปที่เหมืองใจกลางทวีป แต่ในเมื่อประตูยังเปิดได้ แสดงว่าต้องมีพลังงานกับระบบที่ยังทำงานได้อยู่ค่ะ”
สาวน้อยว่าเช่นนั้นแล้วหยิบมือถือสีเงินออกมา
เธอเปิดเครื่องให้มันฉายภาพกล่องสีเหลี่ยมขนาดหนึ่งเมตรคูณหนึ่งเมตรขึ้นมาบนอากาศ
แต่ทว่ามันไม่ใช่กล่องสี่เหลี่ยมธรรมดา
“นี่มัน? ”
“มีเส้นแสงวิ่งผ่านใต้พื้น? ”
“มันคือท่อนำส่งพลังงานค่ะ”
สิ่งที่ถูกมองผ่านกล่องสีเหลี่ยมโปรงแสงนั้น คือภาพฉายของแหล่งพลังงานที่เกิดขึ้นบนรอบพื้นที่
“ฉันเป็นคนเขียนโปรแกรม กับดัดแปลงอุปกรณ์ของมือถือเล็กน้อย เพื่อให้มันทำแบบนี้ได้ค่ะ”
เด็กสาวคนแคระพูดอย่างโอ้อวดไปพร้อมกับเดินวนรอบห้องอย่างช้า ๆ
เธอเดินสำรวจตามแนวท่อนำส่งพลังงานของอาคาร จนกระทั้งไปหยุดลงตรงแผงควมคุมหนึ่งที่ผุพังตามกาลเวลา
ทว่าใต้แผงควมคุมนั้น กลับมีกระแสพลังงานไฟฟ้าวิ่งไหลผ่าน จากเครื่องควบคุม ไปสู่ประตูบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้า
“โอเค ได้เวลาต่อสายตรงเพื่อเปิดประตูแล้วค่ะ”
เธอว่าเช่นนั้น แล้วลงมือควักอุปกรณ์งัดแงะออกมาจากกระเป๋าใบน้อยรูปหมีที่พกติดตัว
เธอทำการงัดแผ่นเหล็กหนาขึ้นสนิมตรงพื้นออก แล้วทำการเชื่อมสายไฟใหม่เข้ากับมือถือของตัวเอง
“ปรับการควบคุมหุ่นยนต์ สั่งปิดระบบเฝ้ายามชั่วคราว แฮกระบบป้องกัน เขียนทับโปรแกรมประตูใหม่— เสร็จแล้วค่ะ!”
เพียงไม่ถึงสิบนาที เด็กสาวตัวน้อยก็สามารถจัดการกับข้อมูลจำนวนมากที่ชวนปวดหัวได้สำเร็จ
เสียงประตูที่กำลังเคลื่อนตัว กับแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นไปตามพื้นดิน มันบอกให้พวกเขารู้ว่าประตูตรงหน้ากำลังจะเปิดออก
“สุดยอด!”
“เพราะระบบมันเก่าด้วยค่ะ เลยทำให้แก้ไขง่าย… ว่าแต่พี่ชายยักษ์ยังไม่ไปเตรียมตัวออกเดินทางอีกหรือคะ? ”
“เฮ้ย! ลืมไปเลย! งั้นข้าขอตัวไปหาลูกน้องก่อนละ! ส่วนไอหนุ่มหน้าอ่อน ข้าขอฝากแกไปกล่าวความคิดถึงพวกสาว ๆ แทนข้าด้วย!”
“…”
บุรุษเผ่ายักษ์วิ่งกลับออกไปกระโดดขึ้นยืนบนยานเหาะบรรทุกที่มีรูปร่างคล้ายกระทิง
มังกรทั้งสี่ตัวของเขาต่างคำรามอย่างร่าเริงอยู่บนตัวรถ ไปพร้อมกับเสียงโห่ร้องเอาชัยของบรรดาลูกน้องที่คำรามขับขานประสานเสียงตาม
พวกเขาต่างกำลังฮึกเฮิมที่จะได้ออกเดินทางไปในดินแดนที่ไม่รู้จัก
โดยหารู้ไม่ว่า— กำลังจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับตัวของพวกเขาเอง
เหตุใด ทำไมถึงต้องมีทหารหุ่นยนต์ติดอาวุธมาเฝ้าประตูที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้แห่งนี้?
*กีสสสสส!*
มันไม่ใช่เพื่อขับไล่โจร แต่มีไว้เพื่อขับไล่พวกสัตว์ร้ายใต้ดินในทะเลทราย ไม่ให้มาทำรังใกล้กับประตูที่ถูกทิ้งร้างแห่งนี้ต่างหาก
ทันทีที่ยานกระทิงทั้งสี่ลำเริ่มเคลื่อนตัวผ่านแนวประตูไปไดไม่ถึง 100 เมตร ใยแมงมุมสีขาวนับร้อยก็ได้โถมโจมตีใส่ยานเหล่านั้น
“นี่มันบ้าอะไรวะเนี่ย!?!”
ใยจำนวนมากกำลังถูกกางออกกระจายไปทั่วอุโมงค์ใต้ดินขนาดใหญ่
เส้นใยพวกนั้นมีสีขาว หากแต่สะท้อนแสงราวกับเป็นผลึกเพชร
พวกมันถูกผลิตจากการย่อยเม็ดทรายที่มีอยู่เต็มไปทั่วทวีป แล้วเปลี่ยนเป็นเส้นใยที่มีคุณสมบัติของแก้ว
เปราะบาง แต่ทว่าถูกเคลือบด้วยสารเหนียว และยังเต็มไปด้วยคมแก้วที่น่ากลัว
*ฉึก!*
ใยแมงมุมทะเลทรายที่พันรถกระทิงได้แตกออกไปตามแรงขับเคลื่อน แล้วกลายเป็นเศษแก้วจำนวนมากเข้าบาดทำร้ายบรรเหล่ายักษาที่นั่งอยู่บนรถเปิดประทุน
ถึงคมแก้วจะไม่ทำให้เกิดบาดแผลขึ้นบนผิวเหล็กกล้าของเผ่ายักษ์ได้ แต่มันก็ยังทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บอยู่ดี
“เจ็บ! ข้าละเกลียดเศษแก้วพวกนี้จริง! รีบกางหลังคาขึ้นมาปิดเดียวนี้!”
“ไม่ทันแล้วครับหัวหน้า พวกเมือกของใยมันไปอุดช่องเปิดปิด— นี่มัน… ทำให้เครื่องยนต์หยุดทำงานไปแล้วครับ!”
กระทิงเหล็กกำลังถูกพันไปด้วยใยแมงมุมแก้ว
ถึงใยเหล่านี้จะไม่ได้เหนี่ยวทนทาน แต่เมือกหุ้มใยที่เหนี่ยวหนึบเหล่านี้ คือสิ่งที่ทำให้แม้แต่มังกรก็อาจกลายเป็นอาหารของฝูงแมงมุมทะเลทรายได้
*กาสสสส!*
*ฮูมมมม!*
“ไฟ! ใช้ไฟลนเมือกพวกนี้ให้แห้งเร็ว!”
เหล่ายักษ์ต่างพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อทำลายเมือกให้ได้มากที่สุด
ท่ามกลางความสับสน มีเสียง *กร๊อบแกรบ* จากการย่ำเท้าอันผอมแห้งของพวกของเหล่าแมลงดังเข้ามาใกล้
ดวงตาดำทั้งแปดดวง จำนวนนับร้อย กำลังฉายแสงผ่านเงามืดเข้ามาหาพวกเขา
เสียงขบฟันที่เปื้อนไปด้วยน้ำย่อยอันหิวโหยเริ่มหยดไหลเป็นสายธาร
ขนาดตัวของพวกมัน สูงไม่ต่ำกว่าสองเมตร…
“หัวหน้าาาาาา พวกมันเข้ามาใกล้แล้วคราบบบบ!”
“ตรูเห็นแล้วเฟ้ย! แบ่งกำลังเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกมากับข้ารับมือกับไอพวกเวรตะไล อีกกลุ่มไปหาทางทำให้เครื่องยนต์กลับมาทำงานซะ!”
บุรุษยักษ์คำรามลั่น
เขาวิ่งไปหยิบปืนพ่นไฟขนาดใหญ่ออกมาจากหลังกระบะยานเหาะ แล้วเหนี่ยวไกยิงเปลวเพลิงสีทองให้พุ่งออกไป
เปลวเพลิงสีทองนั้นยิงออกไปได้ไกลถึง 20 เมตร แผดเผาทุกสิ่งจนมอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านด้วยความร้อนระดับ 1,100 องศาเซลเซียส
แต่กระนั้น หากเทียบกับทัพแมงมุมที่มีจำนวนเต็มไปทั่วทุกตารางนิ้ว ก็ไม่ต่างอะไรปจากโยนหินก้อนเล็ก ๆ ลงไปในมหาสมุทรเลย
“ไอหมายเลขหนึ่งถึงสี่ ทำไมถึงเอาแต่ใช้หางฟาดอยู่ได้!? พ่นไฟเผาพวกแม่งไปสิวะ!”
*กรรร…*
มังกรทั้งสี่ตัวของเขาต่างหันหน้ามองกันเอง แล้วหันกลับไปมองพวกแมงมุม
พวกมันดูลังเลเหมือนเด็กที่อยากจะเถียงผู้ใหญ่ แต่ไม่อาจจะเปล่ววาจาออกไปตอบโต้
มังกรของเขานิ่งไปราวหนึ่งนาที ก่อนจะเริ่มขับดันลมหายใจขึ้นมาที่ช่องปาก แล้วสร้างประกายไฟเพื่อจุดประกายระเบิดเพลิงออกไป
แสงไฟพวยพุ่งกระจายไปทั่วอุโมงค์ จนเห็นเป็นระเบิดเพลิงที่ลุกวาวไปทั่วความมืด
“แย่ละ ใช้ไฟจำนวนมากในพื้นที่ใต้ดินแบบนี้ เดียวอากาศหายใจมัน—”
“เผ่ายักษ์มันไม่ได้ใช้ออกซิเจนหายใจแล้วยังมีร่างกายที่ทนต่อพิษ เจอแค่นี้พวกมันไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แต่พวกเรากับมังกรสี่ตัวตรงนั้นมันจะแย่เอาแทนเจ้าค่ะ!”
“ชิ…เจ้าบ้าฑาทิมคงลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปสินะ… ช่วยไม่ได้ รีบไปช่วยพวกเขาเร็ว!”
ด้วยเหตุนี้ เหล่าชายหนุ่มและหญิงสาวที่ถูกสั่งให้ไปฝึกในเขตเหมืองเถือน จึงได้หลุดออกนอกระยะเหมืองไปโดยปริยาย…
MANGA DISCUSSION