ย้อนกลับไปในอดีตเมื่อปีประวัติศาสตร์ที่ 35 ณ ช่วงเวลาที่เผ่ามนุษย์มดเริ่มขยายดินแดนมาปกครองทวีปแห่งความแห้งแล้ง
[อาเท็ม] กับ [แฟตที่สอง] คือนามของวีรสตรีเผ่ามนุษย์มดในช่วงเวลานั้น
มันคือยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงของค่านิยมเผ่ามนุษย์มด
เผ่ามนุษย์มดแต่แรกเริ่ม คือสังคมแมลงที่นับถือราชินีเพียงหนึ่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด
ราชินีเป็นทั้งผู้คุมกฏของเผ่าพันธุ์ แล้วยังเป็นมารดาเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขาทั้งมวล
หากว่ามีผู้ใดอาจหาญตั้งตนขึ้นเป็นมารดาแห่งเผ่าพันธุ์ นั่นหมายถึงการตั้งตนเป็นกบฏต่อราชินีปัจจุบัน
นอกจากเป็นสังคมขั้นเด็ดขาดที่ไร้ซึ่งอิสระ มันยังเป็นสังคมแห่งชนชั้นที่ถูกกำหนดโดยชาติกำเนิดอีกด้วย
แมลงเพศชายที่ถูกแบ่งระดับตามสภาพร่างกาย
ทหารเลวที่มีร่างกายอ่อนแอ สูงเพียง 150 เซนติเมตร
แมลงทหารระดับสูงที่เกิดมามีขนาดร่างกาย 2 เมตร จะได้รับสภาพบานะดีกว่าชนชั้นทหารเลว
เหล่าองครักษ์ที่เกิดมามีเขี้ยวยืดยาว 1 เมตร และมีร่างกายสูงใหญ่แข็งแรงถึง 3 เมตร ชนชั้นนี้จะถือว่าเป็นระดับชนชั้นสูงของเผ่า
แต่ไม่ว่าจะชนชั้นใด ก็คงไม่มีชนชั้นใดต่ำต้อยไปกว่าแมลงเพศเมียที่เป็นได้เพียงแค่ชนชั้นแรงงานทาส
พวกเธอจะเกิดมามีขนาดเล็กเพียง 1 เมตร อ่อนแอกว่าผู้ชายอย่างเห้นได้ชัด ทำได้เพียงแค่ขุดดินและหาอาหารป้อนให้กับสังคมของตัวเอง
จะมีก็ยกเว้นเพียงแต่ผู้ที่ได้รับการผสมพันธุ์ จนมีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างร่างกายให้มีขนาดสูงถึง 4 เมตร พร้อมที่จะกลายเป็นราชินีของเผ่าพันธุ์
หนึ่งประเทศ หนึ่งครอบครัว หนึ่งราชินีปกครอง
เป็นสังคมระดับชนชั้นเช่นนี้เรื่อยมาตามประวัติศาสตร์ปกครองของเผ่ามนุษย์มด
แต่แล้วเผ่าพันธุ์นี้ก็ได้มาถึงจุดเปลี่ยนจากการถือกำเนิดของคนรุ่นใหม่ ที่เริ่มเปิดใจรับองค์ความรู้จากเผ่าพันธุ์อื่น
ปี ประวัติศาสตร์ที่ 20 [แฟตที่สอง] ราชินีผู้ปกครองของเผ่ามนุษย์มดในช่วงเวลานั้น ได้ทำการเปลี่ยนแปลงระบบปกครองของเผ่ามนุษย์มด
เธอได้ทำการเปลี่ยนค่านิยมชนชั้น อนุญาตให้มดเพศเมียสามารถสร้างครอบครัวตัวเองได้โดยไม่ถือว่าเป็นการแย่งชิงอำนาจแห่งราชินี แล้วกำหนดการควบคุมประชากร แก้ปัญหาการแก่งแย่งดินแดนของเผ่าตัวเอง เพื่อให้ตามทันความเจริญของเผ่าพันธุ์อื่นที่ทำสำเร็จมาแล้ว
เธอดำเนินการทั้งหมดอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนกระทั้งสามารถทำมันได้อย่างสมบูรณ์ในต้นปีประวัติศาสตร์ที่ 35
นั่นคือเรื่องราวของวีรสตรี [แฟตที่สอง] ราชินีผู้ได้รับฉายา [ราชินีแห่งการปฏิวัติ]
แต่ถึงกระนั้น เธอก็ไม่อาจเปลี่ยนระบบธรรมเนียมผู้หญิงต้องอยู่ต่ำกว่าชายของเผ่าเธอเองได้ง่าย ๆ
ผู้หญิงต้องทำงานแรงงานและหาอาหาร ในขณะที่ผู้ชายทำหน้าที่ปกครอง กับงานเกี่ยวกับการรักษากฏระเบียบอย่างทหารหรือตำรวจ
จนกระทั้งการมาของเรื่องราวอีกหนึ่งวีรสตรี [อาเท็ม] มนุษย์มดสตรีเพศผู้ที่พิสูจน์ได้ว่าร่างเล็ก ๆ ที่สูงเพียง 1 เมตรของเธอ สามารถทำหน้าที่งานเสี่ยงอันตราย และรวมไปถึงงานดูแลกฏระเบียบที่ต้องพึ่งความแข็งแรงได้เทียบเคียงกับบุรุษเพศ
เธอคือผู้มนุษย์มดเพศหญิงที่แหกกฏทุกข้อของค่านิยมมนุษย์มดเพศหญิงในเวลานั้น
มนุษย์มดเพศหญิงถูกออกแบบให้ทำพันธุ์ ถูกออกแบบให้อ่อนแอ เน้นให้มีสัมผัสหนวดรับคลื่นสมองจับกลิ่นโดดเด่นเพื่อใช้ในการมองหาอาหารและขุดดินทำรัง
พวกเธอไม่ได้ถูกออกแบบให้ใช้ต่อสู้โดยธรรมชาติกำเนิด ผิดกับเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นสตรีเพศหรือบุรุษเพศ ก็ยังสามารถทำหน้าที่ทดแทนกันได้
มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้านัก
แต่ทว่าอาเทมไม่ได้คิดเช่นนั้น
เธอมีความรู้ดี
เธอมองเห็นโอกาส
โลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยเทคโนโลยีมากมาย
มีชุดเกราะที่สามารถทำให้เผ่าพันธุ์อ่อนแออย่างมนุษย์ มีพลังกล้ามเนื้อเทียบเท่ากับเผ่ายักษ์ได้
มีอาวุธที่พร้อมจะสังหารทุกผู้แข็งแกร่งตามธรรมชาติได้อย่างเท่าเทียม
เธอฝึกฝนตัวเอง
พิสูจน์ตัวเองด้วยการสำรวจ
จนกระทั้งในช่วงกลางปีประวัติศาสตร์ที่ 35 เธอได้กลายเป็นผู้พิชิตและค้นพบขุมทรัพย์ใต้ดินของทวีปแห่งความแห้งแล้ง นำพาความเจริญมาสู่เผ่ามนุษย์มดทั้งปวง
นี่คือเรื่องราวของวีรสตรี [อาเท็ม] ผู้ได้รับฉายา [วีรสตรีคนแรกแห่งอาร์โทรโพดา]
ทั้งสองคนคือผู้ร่วมสร้างรากฐานประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของเผ่ามนุษย์มด
เป็นวีรสตรีที่ผู้คนในสมัยนั้นต่างเชิดชูนับถือ
แต่ทว่า— ชีวิตของเผ่ามนุษย์มดนั้นช่างน่าเศร้า
เผ่าของพวกเขา เป็นเผ่าที่มีอายุขัยสั้น
พวกเธอในเวลานั้นต่างก็มาถึงช่วงอายุขัยที่ใกล้ฝั่งเต็มทน
ในช่วงปลายปีประวัตศาสตร์ที่ 35
ในระหว่างการทำสำรวจดินแดนใจกลางทวีปอันแห้งแล้ง
พื้นที่แห่งความตายที่อยู่ห่างไกลจากความชุ่มชื้นของลมทะเล
ดินแดนแห่งความตายที่ไม่มีทั้งอาหารและน้ำ
ใต้ผิวผืนทรายที่สูงราวกับเป็นหอคอยที่จะยืดไปให้ถึงวิหารบนสวรรค์
ที่แห่งนั้นมีขุมทรัพย์สินแร่ล้ำค่าตั้งปรากฏอยู่
แต่ทว่าการตั้งรกรากที่ใจกลางทวีปมันอันตรายเกินไป
พวกเขาต้องเผชิญกับความแห้งแล้ง
พวกเขาต้องสู้กับจ้าวแห่งทะเลทรายทั้งสอง [หนอน] กับ [แมงมุม] ที่ดุร้าย
แต่ด้วยความร่วมมือระหว่างเทคโนโลยีของเผ่าต่างดาว [ลิซาร์ดแมน] กับเทคโนโลยีของเผ่า [มนุษย์มด]
ผู้กล้า [อาเท็ม] ได้ประสบความสำเร็จในการตั้งเหมืองขนาดใหญ่ขึ้น ณ ที่แห่งนั้น
พวกเขายินดีเปรมปรีย์ต่อความสำเร็จในช่วงชีวิตสุดท้ายของพวกเธอ
พวกเขาได้ทำพิธีเปิดอันยิ่งใหญ่ เชิญราชินีแฟตรุ่นที่สองมาร่วมในพิธีเปิดเหมือง
พวกเธอทั้งสองคนต่างได้ใช้ช่วงชีวิตสุดท้ายของเธอ แล้วจบชีวิตลงอย่างสงบสุขในเหมืองที่เสมือนเป็นตัวแทนแห่งความสำเร็จสูงสุดของเผ่าพันธุ์ภายในช่วงต้นปีประวัติศาสตร์ที่ 36
เรื่องราวมันควรจะจบลงเพียงแค่นั้น
แต่ทว่ามันไม่ใช่
หลังสิ้นการตายของทั้งสนคนในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันราวกับโชคชะตากำหนด ณ วันที่ 50 เดือน เกอเนริบส์ ฤดูใบไม้พลิที่อบอุ่นของ ปีประวัติศาสตร์ที่ 36
มัน— ได้เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้นที่เหมืองแห่งนั้น
เครื่องจักรมักหยุดทำงานเองอย่างไม่ทราบสาเหตุ
อุปกรณ์ขับไล่จ้าวแห่งทะเลทรายมักพังเสียหายโดยไม่รู้ที่มา
พวกเขามักจะได้ยินเสียงหวีดร้องของผู้คน
บ้างก็ว่ามองเห็นเงาของคนงานที่ตายในเหมืองเพราะอุบัติเหตุมาปรากฏในช่วงราตรีอันมืดมิด
ความกลัวเริ่มกัดกินจิตใจของคนงานที่อาศัยอยู่ในเมืองเหมืองแร่ จนกระทั้งไม่เหลือใครอยากอาศัยอยู่ในที่แห่งนั้นอีก
พวกเขายอมทิ้งเครื่องหมายอันแสดงถึงชัยชนะในการยึดครองทวีปแห่งความแห้งแล้ง แล้วคืนพื้นที่ให้กับจ้าวแห่งทะเลทรายไป
ตั้งแต่ปีประวัติศาตร์ที่ 36 จนถึงปัจจุบัน ที่แห่งนั้นก็ได้กลายเป็นรังของสัตว์ร้ายไป
ไม่มีใครกล้าเหยียบย่างกรายเข้าไปในสถานที่อาถรรพ์แห่งนั้นอีก—
***ภารกิจ [เปิดเหมืองแร่ อาเท็ม] ***
วันประกาศ : วันที่ 1 เกอเนริบส์ ปีที่ 126
ผู้จ้างวาน : รัฐบาลกลางเผ่าอาร์โทรโพดา กับ บริษัทอาร์โทรโพดา พาส คอมพานี
สถานที่ : เมืองเหมืองแร่ อาเท็ม
เนื้อหาคำร้อง :
รางวัล : หุ้น 10% ของสิทธิผู้ได้รับสัมปทานเหมือง อาเท็ม ในอนาคต
ระยะเวลาภารกิจ : ไม่มีกำหนด
เงือนไขภารกิจ : ใช้อาวุธหนักในการสำรวจจนเป็นการทำลายเหมือง (มีความผิดตามกฏหมาย)
***
“นี่แหละคือสาเหตุที่พวกข้า หน่วยยักษา [ฑาทิม] ได้มาที่ทวีปแห่งความแห้งแล้งแห่งนี้ เจ้าหน้าใหม่!”
“โอเค… ผมเข้าใจแล้ว แล้วก็รบกวนช่วยหยุดเรียกผมว่าเจ้าหน้าใหม่เสียที ผมไม่ใช่คนของคุณแล้วนะครับ คุณฑาทิม”
“ถึงแกจะออกไปทำงานเป็นพ่อบ้านเต็มตัว แต่คนที่เคยเป็นลูกน้องข้า ข้าก็ถือว่าเป็นไอหน้าใหม่ของข้าอยู่ดีนั่นแหละ วะ ฮะ ฮะ ฮะ!”
ผมกำลังแวะคุยกับยักษ์สมองกล้ามฑาทิมในระหว่างที่รอพวกสาว ๆ แจ้งเรื่องขอเข้าเมืองใต้พิภพอยู่หน้าด่านทางเข้าเมือง
ดูเหมือนว่าเจ้าฑาทิมจะรับงานแปลก ๆ ที่น่าจะเกี่ยวกับวิญญาณมาอีกแล้ว
ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่เป็นผู้มองเห็นวิญญาณ แล้วยังจะกล้าไปรับงานสำรวจที่มีประวัติศาสตร์แปลก ๆ แบบนี้มาได้อีกนะ
มันไม่รู้สึกเข็ดเลยใช่ไหมนั่น?
“ว่าแต่ภารกิจที่จัดทำโดยองค์กรจัดหางานมันได้ระบุเอาไว้ว่าเริ่มงานปีหน้าไม่ใช่เรอะ? ”
“พอรัฐบาลพวกมนุษย์มดตั้งใจจะลองเสี่ยงเปิดเมืองเหมืองแร่ขึ้นมาอีกครั้ง เลยติดต่อมาทาง [บริษัทอาร์โทรโพดา พาส คอมพานี] ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเหมืองแร่ ทีนี้เจ้าบริษัทที่ว่านั้น มันเป็นบริษัทลูกของ [เทคโนยะมะโตะ&เอสเทอ] ที่เป็นบริษัทพันธมิตรกับ [โฮป-คอมปะนี] ที่พวกข้าทำงานอยู่ พวกข้าเลยได้สิทธิพิเศษรู้ข่าววงในก่อนใคร พวกข้าเลยรีบชิงบุกมาล่วงหน้าก่อนนะ ลองคิดดูสิ รางวัลคือหุ้น 10% ของสิทธิผู้ได้รับสัมปทานเหมือง แปลว่าได้ใช้กินใช้เล่นไปทั้งชาติเลยนะเฟ้ย! วะ ฮะ ฮะ ฮะ!”
ผมมองดูเจ้ายักษ์แดงหัวเราะอย่างบ้าครั้งด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยล้า
ปัญหาใหญ่ที่ตลอดมารัฐบาลเผ่ามนุษมดไม่กล้าไปเปิดเหมืองอีกรอบ ไม่ใช่เพราะความกลัวต่อข่าวลือเรื่องผีสาง แต่เป็นวิธีการรับมือกับจ้าวแห่งทะเลทรายต่างหาก
จ้าวแห่งทะเลทรายที่แย่งชิงความเป็นหนึ่งในทวีปนี้มีด้วยกันอยู่สองสายพันธุ์
สายพันธุ์แรกคือแมงมุมทะเลทรายที่มีตั้งแต่ขนาดหนึ่งเมตรไปจนถึง 50 เมตร
สายพันธุ์ที่สองคือหนอนทะเลทรายที่มีขนาดตัวยาวตั้งแต่ 5 เมตร ไปจนถึง 250 เมตร
มันคือคือสัตว์ร้ายที่ต้องใช้ยานรบขนาดยักษ์ในการฆ่า ไม่ใช่อะไรที่จะเอายานรบหุ้มเกราะบนดินไปสู้กับมัน
แต่ถ้าเอายานรบไปฆ่ามัน นั่นแปลว่าต้องใช้อาวุธร้ายแรงระดับกว้างล้างเมืองไปยิงโจมตี
สรุปคือมันจะทำให้เมืองเหมืองแร่พังไปด้วย
วิธีที่ปลอดภัยที่สุด คือการส่งหน่วยกล้าตายไปซ่อมเครื่องขับไล่จ้าวแห่งทะเลทรายที่ว่ากันว่าตั้งอยู่ในเมืองเหมืองแร่ แล้วเปิดใช้งานมันเพื่อขับไล่ศัตรูออกไป
ในอดีตเองก็เคยได้ยินว่ามีแนวคิดจะใช้เครื่องใหม่ไปไล่อยู่เหมือนกัน แต่ก็ต้องปิดโครงการไป เพราะไม่มีใครสามารถไปสร้างเครื่องขับไล่ขนาดยักษ์แบบนั้นใจกลางทวีปได้โดยไม่ถูกพวกมันโจมตีระหว่างสร้างหรือติดตั้งมัน
“ว่าแต่ทำไมอยู่ ๆ รัฐบาลเผ่ามนุษย์มดถึงคิดอยากเปิดเหมืองอีกรอบละครับ? ”
“เห็นว่าพอพวกเขาทราบข่าวความสำเร็จในการรุกคืบบุกเบิกส่วนใจกลางทวีปออโรร่าของเผ่ามนุษย์ พวกนี้เลยเริ่มเกิดความรู้สึกประมาณว่า [จะให้น้อยหน้าเผ่ามนุษย์ไม่ได้] เลยเริ่มคิดเปิดโครงการนี้ขึ้นมาอีกครั้ง”
เหตุผลแค่เนี่ย?
“เดินเรื่องเสร็จแล้ว รีบเตรียมออกเดินทางต่อเร็วเจ้าพ่อบ้านหนุ่ม”
“ครั—”
“จะไปแล้วหรือครับคนสวย!”
ไอหมอนี่มันช่าง—
เจ้ายักษ์ฑาทิมรีบแย่งผมพูด แล้วใช้ร่างกายที่ใหญ่โตมายืนบังผมเอาไว้
มันพยายามส่งยิ้มหวานไปให้คุณเอโซตามประสาของผู้ชายขี้หลีอย่างมัน
ดวงตาของมันไม่ได้มองไปที่ใบหน้าของเธอ หากแต่เริ่มโลมเลียพวกเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วไปหยุดลงตรงหน้าอกน้อย ๆ ของสตรีมนุษย์นกผู้น่ารัก
เอาเถอะ
แกอยากจะจีบใครก็ไม่ใช่เรื่องของผมเสียหน่อย
ขออย่างเดียวว่าอย่ามาจีบ—
“โอ๊ว~ คุณลาพิสเองก็ยังงดงามเหมือนเคยเช่นกันนะครับ!”
—อย่ามาจีบลาพิสของผมมมมมม!!
เจ้ายักษ์รีบเบือนสายตาไปที่สตรีผมสีฟ้าทันที ที่เธอกำลังเดินตามเอโซออกมาพร้อมกับสหายคนอื่น
ดวงตาของมันจับจ้องไปที่หน้าอกตูม ๆ ที่มีรูปทรงงดงามอย่างเปิดเผย!
“ว่าแต่พวกคุณจะไปไหน—”
*เหยียบ–!*
“—เจี๊ยกกก!! มาเหยียบเท้าข้าทำไมฟระ!?!”
“อ๊ะ? ขอโทษด้วยครับ~”
“ทำไมน้ำเสียงเอ็งมันฟังดูไม่จริงใจเลยวะ!”
ผมรีบก้มตัวหลบกำปั้นที่ใหญ่เท่าหัวของทาฑิม แล้วเดินตรงไปหาพวกเอโซโดยไม่สนใจเจ้ายักษ์หื่น
“งั้นกระผมต้องขอตัวลาตรงนี้ก่อนนะครับ เรื่องที่ไปเหยียบเท้าท่าน กระผมต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งครับกระผม”
“น้ำเสียงและวิธีพูดฟังดูไม่จริงใจเลยโว๊ย! ท่านสุภาพสตรีครับ! เจ้าพ่อบ้านของคุณมันกระทำหยาบคายยิ่งนัก รบกวนลงโทษมัน อย่าปล่อยให้มันทำท่านเสื่อมเสียชื่อครับ!”
“นั่นสินะ… งั้น! เจ้าหนุ่ม! โทษฐานที่ไปทำตัวเสียมารยาท คืนนี้จงจัดเตรียมอาหารมื้อพิเศษให้พวกเราซะ ขอแบบอร่อยเป็นพิเศษเลย!”
“เฮ้ย!? ”
แบบนั้นมันเรียกว่าลงโทษตรงไหน?
ผมอดยิ้มหัวเราะไม่ได้กับวิธีการลงโทษของคุณเอโซ
ดูท่าว่าฑาทิมอยากจะทุบผมด้วยกำปั้นโต ๆ ของเขา แต่ไม่กล้าทำอะไรรุนแรงต่อหน้าพวกสาว ๆ ที่ตัวเองกำลังถูกตาต้องใจ
เขากัดฟันแน่น แล้วทำได้เพียงแค่ยืนมองส่งพวกผมขึ้นรถเท่านั้น
“เออ… จะไปแล้วหรือครับคุณออน? ”
“อ๊ะ? คุณคือ—”
ในตอนนั้นเองที่มีลูกน้องของเขาคนหนึ่งเดินเข้ามาทักผม
เขาเป็นยักษ์ที่ตัวผอมที่สุดในกลุ่ม และมีผมสีฟ้าตัดสั้นเสมอหู
ผมจำเขาได้
เขาคือคนที่ผมเคยช่วยเอาไว้เมื่อตอนครั้งคดีเหตุการณ์เผชิญหมอกปีศาจที่ทวีปออโรร่าเมื่อตอนนั้น
“ตอนนั้น— ยังไม่ได้แนะนำตัว… ฉะ— ผมชื่อ [เบอร์รี่] ครับ คือว่าอยากจะพูด— ขอบคุณ… แล้วก็… เอาเป็นว่า— รักษาตัวด้วยนะคะ— ครับ”
“อืม คุณเองก็รักษาตัวด้วยนะครับ”
ผู้ชายอะไรชื่อยังกับผู้หญิง?
ผมโบกมือลาบรรดาลูกน้องของฑาทิมกับมังกรของพวกเขาในระหว่างที่รถกำลังเคลื่อนตัวออก
“ว่ายังไงนะ! ตกลงที่พวกเรายังเข้าเมืองไม่ได้ เป็นเพราะเอกสารพิมพ์มาผิด!? ต้องกลับไปทำมาใหม่!!? ไอฉิบหาย!”
เหมือนจะได้ยินเจ้ายักษ์หื่นนั่นตะโกนอะไรสักอย่าง แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราสักหน่อย
อืม… ว่าแต่ภารกิจ [เปิดเหมืองแร่ อาเท็ม] อย่างงั้นหรือ?
ถึงจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเราเลยแม้แต่น้อย แต่ทำไม—
ทำไมถึงรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลยก็ไม่รู้แฮะ
MANGA DISCUSSION