ทวีปตะวันออกไกล
ทวีปที่ห่างออกไปในทิศตะวันออกของทวีปเทวภูมิ
ที่แห่งนี้ มีแผ่นดินอันแห้งแล้งขนาดใหญ่ตั้งปรากฏอยู่
มันเป็นดินแดนที่ถูกปกครองโดยสิ่งมีชีวิตแมลงข้อปล้องซึ่งมีวิวัฒนาการจนสามารถยืนสองขา และสื่อสารด้วยเสียงได้ไม่ต่างจากมนุษย์
ดินแดนของเผ่า [อาร์โทรโพดา] หรือที่รู้จักในนามของเผ่า [มนุษย์มด]
ย้อนไปในยุคนับแต่เริ่มต้นการบุกเบิก
ย้อนกลับไปในยุคที่พวกเขาเริ่มมีเทคโนโลยีในการข้ามขอบเขตทวีป และมีชัยชนะเหนือธรรมชาติอันดุร้าย
ดาวที่มีหลากหลายเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญา ได้ทำสัญญาข้อตกลงเพื่อการแบ่งดินแดนปกครอง หลีกเลี่ยงความขัดแย้งและสงครามอันไร้สาระ
พวกเขาได้แบ่งโลกออกเป็น 12 ทวีป แล้วเริ่มแบ่งปันที่ดินปกครองตามความสามารถของเผ่าผู้บุกเบิกดินแดน
ดินแห่งความแห้งแล้ง
ทวีปขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ประมาณ 333,000,000 ตารางกิโลเมตร
ดินแดนที่มีพื้นที่กว่า 80% เป็นดินแดนแห่งความตาย
40% เป็นพื้นที่ดินแตกระแหง แห้งแล้ง หิวโหยอดอยาก
อีก 40% เป็นมหาสมุทรแห่งทะเลทรายผืนกว้าง ที่ไม่มีแม้แต่เงาของสิ่งมีชีวิต
มีเพียงแค่เขตริมทะเล ที่เป็นพื้นที่พักอาศัยอันอุดมสมบูรณ์พอจะให้พึ่งพิงอาศัยได้
มันคือดินแดนที่ถูกนานาเผ่าพันธุ์มองข้าม
แต่ทว่าไม่ใช่กับเผ่ามนุษย์มดผู้เกรียงไกร
ด้วยร่างกายและอารยธรรมใต้ดิน มันจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขา กับการที่ทรัพยากรบนดินจะแห้งแล้ง
พวกเขาขุด ขุด แล้วก็ขุด
ขุดจนค้นพบว่าใต้ผิวดินอันแห้งแล้งลึกลงไป มีขุมทรัพย์เหมืองแร่ขนาดใหญ่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่
ไม่ว่าจะเป็น [แร่ภูติ] แร่สีเทาประหลาดที่สามารถนำพลังงานไปแทรกแทรงธรรมชาติเพื่อสร้างปรากฏการณ์เวทมนต์
ไม่ว่าจะเป็น [แร่เฮเดส] แร่สีขาวที่งดงามดั่งเป็นปุยหิมะ ต้นกำเนิดเทคโนโลยีแห่งโลหะสะท้อนพลังงานรังสีทั้งปวงของเผ่ามนุษย์สัตว์
หรือแม้แต่แร่จากพืชสาหร่ายทะเล [ฮีเฟสตุส] ที่เติบโตได้ดีในชั้นใต้ผิวดินของทวีป ที่เผ่ามนุษย์นิยมใช้ทำผิวเกราะของยานรบ
มันคือดินแดนแห่งขุมทรัพย์ของสินแร่ที่ไม่อาจประเมินได้
หากจะพูดว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์มด คือเผ่าพันธุ์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกใบนี้ ก็คงไม่ใช่คำพูดที่ถือว่าเป็นการพูดเกินความจริงเลยสักนิด
***วันที่ 21 เรตนิว เวลา 26:00 น. ***
ณ สนามบินนานาชาติของเผ่ามนุษย์มด
มันคือเมืองขนาดใหญ่ที่ถูกขนาบซ้ายขวาด้วยแนวสันเขากับชายริมผาทะเล
เป็นทั้งเมืองท่า และเมืองริมเขาอันสวยงามที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำสะอาดกับพืชพรรณสีเขียว
มีอากาศอบอุ่น ไม่หนาวและร้อนเกินไป เหมาะสมแก่การอยู่อาศัย
ทำไมเมืองแห่ฃนี้ถึฃไม่ถูกความแห้งแล้งของทวีปกลืนกิน?
แนวสันเขาที่เห็นตั้งตระหง่านนั้นคือคำตอบ
แนวสันเขาธรรมชาติเหล่านี้ได้คอยป้องกันความแห้งแล้งของทวีปเอาไว้
มันเป็นดินแดนเพียงไม่กี่แห่งที่สิ่งมีชีวิตทั่วไปจะอยู่อาศัยได้ในทวีปแห่งนี้
เป็นเมืองแรกของเผ่ามนุษย์มดที่เริ่มบุกเบิก
เมืองที่ถูกตั้งตามราชินีผู้ปราดเปรื่องในอดีต [เมืองแห่งโชคชะตา – เฟต]
“ถึงแล้ว~”
“เหนื่อยสุด ๆ … อยากนอนบนเตียงนุ่ม ๆ เต็มทนแล้ว รีบไปที่วิหารเทพทั้งสามกันก่อนเถอะ ว่าแต่ใครเป็นคนดูแลนะ? ”
“นักบวช [แคทเธอรีน] คือคนที่ดูแลวิหารสาขาที่นี่ ไม่ต้องห่วง เราได้ส่งเรื่องแจ้งการมาของพวกเราเอาไว้ให้แล้ว— ฮ้าว~ ง่วงเป็นบ้า ห้องนอนบนยานเหาะราคาถูกมันไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ ”
” ก็เล่นจองที่สี่ห้าเที่ยวบินซ้อนกันจนงบไม่พอเองนี่”
” อีกฝ่ายจะได้ตามรอยยากขึ้นไง เอาเถอะ รีบไปกันได้แล้ว— ฮ้าว~”
สตรีต่างเผ่าสี่คนที่สวมเสื้อกันหนาวขนยาวตัวหนา กำลังเดินออกมาจากท่าสนามบินด้วยสีหน้าที่เหนื่อยล้า
สี่คนดูเป็นผู้ใหญ่ และอีกหนึ่งคนเป็นเด็กสาวตัวน้อยผมสีเงิน
” ว่าแต่เอโซพอจะบอกเราได้หรือยัง ว่าให้แม่กระต่ายพาเด็กร่วมร้อยกว่าคนไปที่ไหน? ”
“เจ้าจิ๋วจำนวน 103 คน พวกนั้น เราส่งไปให้คุณเทเรซ่าดูแลนะ— ฮ้าว~”
“เฮ้ย…”
นักบวชผมสีเหลืองตอบแบบขอไปที พร้อมกับเอาปีกขนทองมาบ้องปากที่กำลังอ้าปากกว้าง
“สงสัยคุณป้าเทเรซ่าจะได้ตายก่อนวัยก็งานนี้เนี่ยแหละ”
” ไม่หรอก~ เราว่าป้าแก่ออกจะเป็นคนรักเด็ก น่าจะมีความสุขมากกว่าที่ส่งเจ้าจิ๋วไปให้ฝึกสอนร่วมหนึ่งร้อยสามคน— คิดว่านะ… ”
” ยังไม่ถึงที่พักอีกหรือค่า~… งืม~°°°”
เสียงน้อย ๆ น่ารักดังขึ้น
สองสาวนักบวชหยุดการสนทนาชั่วขณะ แล้วหันไปทางเด็กสาวตัวน้อยผมสีเงินที่กำลังถูกอุ้มอย่างอ่อนโยนโดยสตรีผมสีฟ้าทะเล
” ฮะ ฮะ ฮะ— อย่าพึ่งคุยกันเวลานี้เลย รีบเรียกรถไปที่วิหารกันดีกว่า”
ถ้ามองจากสายตาคนนอก คงมองเห็นเป็นเพียงสี่สาวต่างวัย ต่างเผ่าพันธุ์ที่รักใคร่กลมเกลียว ที่มาเพื่อเที่ยวต่างแดนกัน
ใครเล่า— จะรู้ว่าความจริงแล้วพวกเธอกำลังหนีจากการตามรอยของพวกองค์กรที่ชั่วร้าย
นายตำรวจเผ่ามนุษย์ที่ยืนอยู่ห่าง ๆ เสมือนไม่ได้อยู่ในกลุ่มของสี่สาว คือบุคคลที่มาพร้อมกับพวกเธอเช่นกัน
เขาพยายามรักษาระยะห่าง ไปพร้อมกับมองผู้คนโดยรอบอย่างหวาดระแวง
ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อสามวันก่อน เขาก็แทบไม่ได้นอนเต็มตาเลย
” (ให้ตายเถอะ ทั้งที่รู้ว่าถูกตามล่า ยังร่าเริงกันได้อีกนะ) ”
เขาไม่รู้ว่าจะถูกมาตามล่าอีกเมื่อไหร
ไม่รู้ว่าคนงานกวาดพื้นที่เห็นตรงมุมเสา เป็นพวกนักฆ่าปลอมแปลงหรือไม่
“เจ้าหนุ่มพ่อบ้าน ได้เวลาแล้ว!”
“คะ— ครับนายหญิง!”
บุรุษหนุ่มขานรับเสียงของนักบวชผมสีเหลือง
เขาสวมชุดพ่อบ้านสีดำสนิทตัวเรียบ แล้วเริ่มเล่นบทบาทสมมุติของตัวเองที่ได้รับมา
เขารีบคว้ากระประเป๋าเดินทางใบโตของคนสี่คนใส่บนรถเข็นลอยอากาศ แล้วลากจูงมันไปวางตรงข้างรถโดยสารไร้คนขับ
ในระหว่างที่เขากำลังโยนกระเป๋าใบโตเข้าไปในรถ เขาก็นึกถึงภาพของใบหน้าสตรีเผ่ากระต่ายผู้มีผมสีดำขึ้นมา
ตอนนี้เธอคนนั้นจะยังรอดปลอดภัยไหม?
พวกเขารู้แล้วว่าสตรีกระต่ายได้สูญเสียครอบครัวของเธอจากเหตุการณ์ลักพาตัว
เธอไม่รู้ว่าใครคือตัวการ จึงได้มาขอความช่วยเหลือจากเขาที่เป็นคนรู้จัก
แต่ทว่า— เขาเองก็กำลังถูกตามล่าอยู่เช่นกัน…
“เป็นอะไร คิดถึงสาวกระต่ายเรอะ? ช่างเจ้าชู้เสียจริง”
“ปะ— เปล่านะครับ!”
บุรุษหนุ่มรีบปฏิเสธอย่างตกใจต่อการแซวของสตรีผมสีเหลืองที่กำลังยื่นหน้าออกมาจากตัวรถ
เขารีบชำเลืองสายตามองสตรีผมสีฟ้า ราวกับกำลังหวาดกลัวบางอย่าง
มีหรือ ที่จะรอดพ้นจากการสังเกตุของเธอ
” อ๊ะ—? อย่าบอกนะว่าแกแอบชอบยัยลาพิส? ”
” มะ—-”
ปฏิเสธไม่ลง
แต่ก็เขินเกินกว่าที่จะยอมรับออกไปโดยตรง
” (ท่าทางแบบนี้— ไอหมอนี่มันตกหลุมรักลาพิสจริง ๆ ด้วยนี่หว่า) ”
สตรีหัวเหลืองเริ่มยิ้มอย่างชั่วร้าย
ภายในหัวของเธอ กำลังนึกถึงวิธีแกล้งสารพัดที่พอจะนึกขึ้นมาได้
” ว่าแต่นายท่านหญิงเอโซครับ ไม่ทราบว่าท่านได้ทำสัญญากับคุณควอตซ์เอาไว้ว่าเช่นไรครับ? ”
“หลังจากที่พาเด็กไปส่งถึงมือนักบวชเทเรซ่าอย่างปลอดภัยแล้ว จะมานัดเจอกันที่เมืองนี้อีกครั้ง เพื่อช่วยตามหาคนที่ลักพาตัวครอบครัวของเธอเป็นการตอบแทน”
“ก็นั่นละครับ พูดอย่างกับว่ารู้ตัวคนร้ายแล้วเลยนะครับ? ”
” ก็รู้แล้วนะสิ”
” เฮ้ย!?!”
บุรุษหนุ่มถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนั้น
” ขึ้นรถมาซะ เดียวเล่าระหว่างนั่งรถไปนี่แหละ”
บุรุษพ่อบ้านเดินขึ้นไปนั่งบนรถขนาด 6 ที่นั่งตัวยาว
เสียงเครื่องยนต์เริ่มกระหึ่มดังสนั่น
ตัวถังลอยทะยาน พร้อมกับพับเก็บล้อสี่ข้างที่ยันลงพื้น
ระบบระบุสัญญาณเริ่มถูกฉายปรากฏขึ้นบนจอ แล้ววิ่งทะยานตัวออกไปตามถนน มุ่งหน้าผ่านเมืองส่วนบนดิน ก่อนจะดำดิ่งลึกเข้าสู่ถนนทางตรง มุ่งหน้าสู่ใต้ผิวดิน
ดำดิ่งสู่โลกบาดาล สู่เมืองของเผ่ามนุษย์มด
ทิวทัศน์ซ้ายและขวา มีเพียงแต่กำแพงอุโมงค์ที่สว่างด้วยแสงไฟสีฟ้าสบายตา
” ต่อจากเมื่อกี้ ที่ว่าเรารู้ตัวคนร้ายแล้ว อันนี้พูดจริง”
“รู้ได้ยังไงครับ? ”
“อย่ามาทำบื้อ แกเองก็น่าจะเห็นเหมือนกันไม่ใช่หรือ ผีบรรพบุรุษที่ตามติดแม่สาวกระต่ายคนนั้นนะ”
“เรื่องนั้น…”
ใช่ เขาเห็น
บุรุษหนุ่มสามารถมองเห็นวิญญาณได้
” ผมสื่อสารกับพวกเขาไม่ได้ครับ…”
” ออ มิน่าละ ทำได้แค่เห็นสินะ? คือแบบนี้ ในหมู่วิญญาณ บางทีก็จะมีกรณีแบบนี้ปรากฏอยู่ คือเป็นวิญญาณห่วงลูกคอยบินให้การคุ้มครอง อะไรที่เรียกว่าคนดีผีคุมนั่นแหละ เราก็แค่คุยกับวิญญาณพวกนั้นเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
“แล้วใครคือคนร้ายครับ? ”
” โนอาร์”
” หืมมมมม!?!”
” เออ ฟังไม่ผิด [โนอาร์] เทพมีชีวิตของเผ่ามนุษย์สัตว์คือคนร้าย แต่พวกเรารู้จักนิสัยยัยนี่ดี ยิ่งลาพิสที่นั่งหลับข้างหน้า ยิ่งรู้ดี นิสัยอย่างยัยนั่นไม่ได้ต้องการชีวิตพวกเด็ก ๆ ไซบอร์กหรอก พวกนั้นยังปลอดภัยอยู่ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”
“?? ”
บุรุษหนุ่มไม่อาจเข้าใจคำพูดของคู่สนทนาได้
เขาพยายามจะเอยปากยิงคำถาม แต่แล้วกลับต้องกลืนคำถามลงคอในตอนที่เกิดเสียงลมพัดผ่านข้างตัวรถ
เสียงลมกรีดข้างตัวลำรถดังเสียดแก้วหู
ตัวรถคันยาววิ่งผ่านพ้นอุโมงค์ดิน เผยแสงสว่างอันเจิดจ้าส่องประกายทั่วดินแดน
มันคือโลกที่ถูกขุดขึ้นมา
มวลดินถูกขุดออกจนเกิดเป็นโพรงกว้างขนาดใหญ่
อาคารบ้านเรือนล้วนถูกสร้างซ้อนภายในอุโมงค์ดินอันยิ่งใหญ่นี้
สถาปัตยกรรมล้วนแปลกตา ถูกสร้างจากดินบดอัด เชื่อมประสานเข้าด้วยสารเคมี มีรูปลักษณ์ที่ไม่ต่างจากรังไหม
เพดานดินช่างสูงตระหง่า ประหนึ่งเป็นผืนฟ้าที่เอื้อมไม่ถึง
มีเสาค้ำจุนสูงชันกระจายเป็นระยะ
เสียงขุดเจาะ เสียงหลอมสินแร่ ดังออกมาจากเสาไม่ขาดสาย
ขุด หลอม แล้วส่งขึ้นไปบนผิวดินตามเสาด้วยลิฟท์ จนเห็นเป็นทิวแสงที่เคลื่อนไหวไล่เรียงตาม
วิ่งขึ้นและลงอย่างเป็นระเบียบ ประหนึ่งเป็นมดงานที่ขนอาหารกลับสู่รัง
ที่ใจกลางของเมืองใต้ดิน มีพระอาทิตย์เทียมลอยสูงเด่นจนทุกคนที่มาเยือน ต้องเงยหน้ามองเป็นสายตาเดียวกัน
“สุดยอด”
“ทำเป็นบ้านนอกเข้ากรุงไปได้”
บุรุษหนุ่มไม่สนคำแซวของสตรีผมสีเหลือง แล้วนิ่งเงียบชื่นชมภาพหายากที่ตัวเองไม่เคยเห็นมาก่อน
นอกจากดินกับสิ่งก่อสร้างแล้ว ยังมีพืชพรรณใต้ดินขึ้นเรียงรายสองริมฝั่งข้างทาง
พวกมันถูกปลูกคละเคล้าสลับแถวเรียงยาว ระหว่างต้นที่ดูคล้ายสาหร่ายใต้น้ำที่เรืองแสงสีเขียว กับต้นพืชประหลาดที่มีก้านสีเขียวหัวกลมส่องแสงสว่างคล้ายลูกไฟ
เป็นทุ่งแห่งแสงสว่างที่งดงามราวกับมองดูหมู่ดาวแห่งทางช้างเผือกยามราตรีอันมืดมิด
“ถึงจุดเช็กแล้ว”
รถได้วิ่งมาหยุดลงตรงท่าเทียบรถที่ถูกสร้างขั้นกลางถนน
มันถูกล้อมด้วยกำลังทหาร กำแพง และไม้กั้นสูง
เป็นเขตตรวจสอบผู้เข้าออก เพื่อมิยอมให้ผู้ใดมาล่วงล้ำบังอาจลอบลักขโมยสินแร่อันมีค่าอันเป็นสิทธิ์ขาดของเผ่ามนุษย์มดออกไป
“ทำไมถึงไม่ให้ข้าผ่านวะไอพวกมดปลวก! ไม่เห็นบัตรผ่านนี่หรือ!!”
ท่ามกลางรถจำนวนมากที่จอดเรียงรายรอการตรวจ มีชายเผ่ายักษ์คนหนึ่งกำลังตะโกนโวยวายดังลั่น
เสียงของเขาถึงกับทำให้กระจกรถสั่นสะท้านร้าวแตกหัก
เขาเป็นบุรุษตัวใหญ่ที่มีใบหน้าสวยงาม ผมยาวสีแดงเพลิง
” เออ… เจ้าหนุ่ม… นั่นใช่คนที่พวกเรารู้จักใช่ไหม? ”
“… [ทาฑิม] ”
โชคชะตา ได้ชักนำให้พวกเขามาพบกับบุรุษทาฑิมในอีกครั้งหนึ่งแล้ว
MANGA DISCUSSION