บทที่ 4 วิญญาณของมารดา
ตอนที่ 63 imposter
***วันที่ 17 เรตนิว เวลา 13:30 น. ***
“แฮก—! แฮก—!”
ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งออกจากอาคารสูงระฟ้าด้วยความเร็วสูง
เหงื่อไคลจำนวนมากไหลย้อยเปรอะเปื้อนตามเนื้อผ้าราคาถูกจนมีสภาพสกปรกไม่น่าดู
ผู้คนที่เดินผ่านสวนทาง ต่างพากันเดินหนีถอยห่าง พร้อมกับส่งสายตารังเกียจไปทางชายผู้นั้นพร้อมกัน
แต่กระนั้น ชายผู้นี้ก็หาได้สนใจภาพลักษณ์ของตัวเอง แล้ววิ่งหน้าตั้งต่อ เพื่อหวังไปให้ถึงจุดหมายเร็วขึ้นแค่เพียงวินาทีเดียวก็ยังดี
“ออน เอ็ซท์ ไม่ทราบว่ารุ่นน้องอย่างคุณจะรีบไปไหนกัน? ออน~? ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากตรงทางแยกของถนนที่ชายเผ่ามนุษย์กำลังมุ่งหน้าไป
ชายเผ่าภูติผู้มีผมสีขาวคนหนึ่ง กำลังบินลอยตัวเหนือพื้นหนึ่งเมตรเข้ามาขวางเส้นทางของเขาเอาไว้
ภูติหัวขาวที่ตัดผมสั้นเสมอใบหูคนนี้สวมชุดกันหนาวสีขาวตัวหนา จนดูเหมือนก้อนขนฟูที่ลอยได้
มันดูน่าตลกขบขันปนน่ารักน่าเอ็นดู
แต่ทว่าใบหน้าของเจ้าก้อนขนปุยสีขาวลอยได้ก้อนนี้ กลับไม่ได้ดูมีอารมณ์ที่ชวนจะให้ใครกล้าเข้าไปใกล้
ใบหน้าของเขา คือใบหน้าที่พร้อมจะสังหารใครสักคน…
“รุ่นพี่ดิไลออน— อรุณสวัสดีครับ… พอดีว่าพึ่งไปออกกำลังกายตอนเช้ามานะครับ”
ชายเผ่ามนุษย์ที่ถูกขวางทางทักทายชายเผ่าภูติกลับ
เขาหยุดเท้าทั้งสองข้าง แล้วเริ่มปั้นหน้ายิ้มให้
“อย่างงั้นหรือ? งั้นรีบตามผมมาซะ ไม่มีเวลาจะมาออกกำลังกายแล้ว พวกเราต้องรีบไปที่สำนักงานตำรวจสากล วันนี้น่าจะงานวุ่นเลยละ เมื่อเช้ามีคนส่งข้อมูลจำนวนมากมาที่สำนักงานเกี่ยวกับคดีของการสังหารหมู่ชมรมคาร์นิวอย เรื่องเทคโนโลยีโคลนนิง แล้วยังมีเรื่องที่มีคนในองค์กรคาร์นิวอยกินเนื้อเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์กันเองอีก แถมหนึ่งในรายชื่อที่ถูกพวกมันจับกิน มีบุคคลสูญหายที่พวกเรากำลังทำคดีอยู่พอดีด้วย ออน~”
หลังจากทีไ่ด้ยินคำอธิบายของอีกฝ่าย นายตำรวจหนุ่ม ออน เอ็ซท ก็เริ่มรู้สึกหายใจโล่งท้องขึ้นมาชัวขณะ
ดูท่าว่าอีกฝ่ายจะยังไม่รู้ ว่าคนที่ส่งข้อมูลและอยู่หลังม่านความวุ่นวายทั้งหมด ก็คือเขากับพรรคพวกสาวนักบวช
ภารกิจเดิมของนายตำรวจหนุ่มผู้นี้ คือการแฝงตัวมาสืบรุ่นพี่ทั้งสองคน ว่าใครคือ [หนอน] ที่คอยส่งข่าวให้กับองค์กรคาร์นิวอย
แต่เป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา เลยทำให้กลายเป็นว่า เขาดันไปเข้าถึงข้อมูลหลักฐาน ที่จะเอาผิดทั้งองค์กรที่ตำรวจสากลกำลังตามสืบสวนอยู่ได้
ถึงคดีจะถูกบิดความจริงไปภายในคืนเดียว แต่มันก็ไม่ได้ปิดบังความจริงที่ชายผู้นี้คือผู้ที่รู้ความจริงทั้งหมด
ต่อให้มีนโยบายการปกปิดชื่อผู้ให้ข้อมูลเพื่อให้การคุ้มครอง แต่ไม่ช้าก็เร็ว รุ่นพี่ที่เป็นหนอนในองค์กรจะต้องรู้ความจริง
ความจริงเช่นนั้น มันจะทำให้เขาทำงานได้ยากยิ่งขึ้น
“จริงสิ มีอีกเรื่องที่ผมอยากจะถาม— ขอบตานายนะดำมาก เมื่อคืนไม่ได้นอนมาอย่างงั้นหรือ? ออน? ”
“คือว่า…”
“แถมเนื้อตัวยังสกปรก เต็มไปด้วยกลิ่นเลือดกับกลิ่นรังสีตกค้างผสมอยู่ในชุดอีก พอจะมีคำตอบเรื่องนี้ให้กับผมไหม? ออน~”
“!!!”
นายตำรวจหนุ่มตาเบิกโพล่งด้วยความตกใจ
พอเขาสังเกตุรอบตัวให้ดี ก็พบว่าได้ถูกพามาในที่เปลี่ยวซึ่งอยู่ระหว่างซอกอาคารไปแล้ว
มันเป็นเส้นทางตรงแคบ ๆ ที่กว้างเพียง 2 เมตร
ไม่มีทางแยก ไม่มีกำแพงรั้วให้ปีนหนี นอกจากผนังอาคารทึบตันสองฝั่งที่ขนาบข้าง
บุรุษหนุ่มรีบนำมือขวาเตรียมตั้งท่าพร้อมที่จะชักปืนรังสีคู่ใจขึ้นมาปกป้องตัวเอง
*ปุ!*
“อ๊ากกก!?!”
แต่ทว่ามือขวาของเขากลับถูกลูกปืนตะกั๋ววิ่งทะลุผ่านไปก่อน
เลือดสีแดงสาดกระเซ็นกระจายไปทั่วพื้นดินอันแห้งแล้ง
“จะรีบยิงทำไมคู่หู? พวกเรายังไม่แน่ใจเลยนะว่าเขาใช่สายของพวกคาร์นิวอยหรือเปล่า ออน!”
“ชั้นเห็นมันกำลังจะชักปืนยิงแกจากข้างหลัง เลยชิงโจมตีไปก่อนนะ”
ผู้ที่โจมตีบุรุษหนุ่มกำลังบินลงมาจากท้องฟ้า
เขามีร่างกายใหญ่โต มีปีกสีดำสนิท และมีใบหน้าที่ดุดันราวกับเป็นพญาอินทรีย์
เขาคือบุรุษเผ่ามนุษย์นก [อาร์เซนิค] อีกหนึ่งในเป้าหมายที่บุรุษหนุ่มกำลังตามสืบอยู่
ที่กรงเล็บขาของเขามีปืนเก็บเสียงชนิดบรรจุลูกปืนกระบอกหนึ่งกำลังส่งไอร้อนพวยพุ่งออกมา
“อึ๊ก…”
บุรุษหนุ่มใช้มือซ้ายกุมแผลมือขวาตัวเองที่บาดเจ็บ
“การที่มันคิดจะยิงจากข้างหลัง— คงเป็นคำตอบชัดเจนแล้วว่าเจ้าหมอนี่เป็น [สาย] ของคาร์นิวอยที่ส่งเข้ามา จริงไหมคู่หู? ”
“นึกว่าจะได้รุ่นน้องที่ขยันเพิ่มคนหนึ่ง… น่าเสียดายจริง ๆ ออน”
บุรุษหนุ่มหันไปมองทางชายมนุษย์นกกับมองทางฝั่งเผ่าภูติด้วยความสับสน
ทำไม…
ทำไมเขาถึงถูกสงสัยว่าเป็นสายให้กับคาร์นิวอย?
หรือว่า—
“คู่หู ขอบคุณมากที่นายรีบมาแจ้งเตือนก่อนที่สายสืบของพวกศัตรูจะทำความเสียหายไปมากกว่านี้ การที่หลักฐานเมื่อเช้าถูกบิดเปลี่ยนไป คงเป็นฝีมือของนายสินะคุณ ออน เอ็ซท? ”
“!!!”
ณ วินาทีนั้นนายตำรวจหนุ่มได้เข้าใจทุกอย่างกระจ่างชัดเจน
ผู้ที่เป็น imposter ขององค์กรที่แท้จริง ก็คือ [อาร์เซนิค] นั่นเอง
“ (จากคำพูดของรุ่นพี่ ดิไลออน… เหมือนเป็นคนที่ถูกหลอกมากกว่า) ”
เพราะถ้า ดิไลออน เป็นคนร้าย เขาจะต้องไม่พูดอะไรแบบนี้ออกมา
ในทางกลับกัน คนที่น่าสงสัยอย่าง อาร์เซนิค ยังจะมีน้ำหนักมากกว่าที่เป็น imposter
ถึง ออน เอ็ซท์ จะไม่มีหลักฐาน แต่เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้คิดผิด
ซึ่งมันเป็นเช่นนั้นจริง
คนร้ายที่บิดเบือนความจริงทุกอย่าง ล้วนเกิดจากฝีมือของ อีกา ดำทั้งหมด
เมื่อวานเขาตามสะกดรอยบุรุษอีกาดำทั้งวัน
ถึงจะมั่นใจว่าตัวเองมีฝีมือ แต่อีกฝ่ายมิใช่พวกกระจอก
บุรุษอีกาดำรู้ตัวตั้งแต่แรกแล้วว่ามีคนสะกดรอยตามเขา
มันจึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่ไปปรากฏตัวในงานเลี้ยงเฉลิมฉลองเมื่อคืนของคาร์นิวอย
เขาเลือกที่จะหายตัวไป แล้วกลับบ้านตัวเองเพื่อสร้างหลักฐานที่อยู่ยืนยันความบริสุทธิ์
พอวันรุ่งขึ้น ในตอนที่เขาได้ทราบข่าวการส่งหลักฐานจำนวนมากขององค์กรตัวเองไหลเข้ามาให้ตำรวจสากล เขาก็ทราบได้ในทันทีว่าเป็นฝีมือของใคร
มันจะเป็นใครไปได้ละ ถ้าไม่ใช่เพราะรุ่นน้องน่าสงสัยที่ตามสะกดรอยเขาเมื่อวาน?
อีกาดำใช้ช่องโหว่จากกฏหมายปกป้องพิทักษ์พยาน ใช้ช่วงเวลาที่มีคนจำนวนน้อยรู้ว่าตัวจริงผู้ส่งมอบหลักฐานคือใคร ทำการลอบเข้าระบบไปเปลี่ยนข้อมูลชื่อส่งมอบหลักฐาน สังหารคนที่รู้ข้อมูลความจริงเพื่อปกปิดหลักฐานทั้งหมด แล้วปลอมหลักฐานเท็จ เพื่อให้คู่หูของเขาหลงเชื่อว่ารุ่นน้องผู้นี้คือตัวการร้าย
ทั้งหมดนี้เขาใช้เวลาจัดการเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น
ออน เอ็ซท ประมาทเกินไป
เขาไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะถูกอีกฝ่ายดัดหลังเช่นนี้มาก่อน
เขาถูกมองว่าเป็นคนร้ายไปเสียเองเสียแล้ว…
“อึ๊ก… ผมไม่ใช่—! คุณ ดิไลออน คุณโดนหลอกแล้วครับ! ”
“โดนหลอกอะไร? พอดีว่าผมเชื่อใจคู่หูของผมเสมอ ออน~ แต่ถ้าอยากยืนยันความบริสุทธิ์ตัวเอง ก็จงไปยืนยันในชั้นศาลแล้วกัน ออน~”
หมดหวัง…
รุ่นพี่ภูติผู้นี้ไม่มีทางเชื่อคำพูดเด็กใหม่อย่างเขาอยู่แล้ว
“ (ชิ… ไม่เป็นไร ไปสู้ที่ชั้นศาลก็ได้ฟะ) ”
บุรุษหนุ่มตัดใจยอมแพ้ที่จะหนี
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง ที่เขาบังเอิญเหลือบตามองเห็นใบหน้าของอีกาดำ
รอยยิ้มกับดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ—
ไม่มีทางสู้ได้
รอยยิ้มนั้นบอกให้เขารู้ว่า แม้แต่ศาลเองก็ไม่อาจจะช่วยอะไรเขาได้
“ให้ตายสิวะ!”
บุรุษหนุ่มตัดสินใจออกตัวพุ่งกระแทกใส่ปีกของภูติตรงหน้า
สำหรับเผ่าภูติที่มีปีกเสมือนเป็นทั้งปอดกับหัวใจ จึงแทบไม่ต่างอะไรไปจากการเอาหมัดไปกระทุ้งใส่หัวใจของเผ่ามนุษย์
“อั๊ก!”
“คู่หู!”
ภูติหัวขาวถึงกับจุกปีก แล้วทรุดตัวแผ่ราบอยู่บนพื้น
เวลาเดียวกัน อีกาดำเริ่มกางปีกบินขึ้นสูง แล้วลั่นไกปืนเก็บเสียงโจมตี
เขายิงออกไปสี่นัดโดยไม่คิดเล็ง แต่ใช้สัญชาตญาณอันเฉียบคมของเผ่ามนุษย์นกในมองหาเป้าหมาย
“อั๊ก!”
นัดที่หนึ่งกับสองเข้าเป้าข้อเท้าทั้งสองข้าง
นัดที่สามกับสี่มุดฝั่งเข้าไปในหน้าอกซ้าย เฉียดหัวใจไปเพียงระยะหนึ่งเซนติเมตร
บุรุษมนุษย์ล้มตัวกลิ้งไปสี่ตลบ
เลือดสีแดงอาบนองเป็นทางยาวน่าสยอดสยอง
อีกาดำไม่ได้ยิงเพื่อหวังหยุดเป้าหมาย
เขาต้องการยิงเพื่อหวังสังหารทิ้ง!
“ฮึ เปลืองค่าลูกปืนเป็นบ้า— เป็นยังไงบ้างคู่หู? ”
“แค่รู้สึกจุก… ตอนนี้พอจะเคลื่อนไหวได้บ้างแล้ว ว่าแต่ยังไม่ได้ฆ่าใช่ไหม? อย่าลืมนะว่าต้องจับเป็นไปสอบปากคำด้วย ออน~”
“ชั้นเล็งตรงข้อเท้ามัน ยังไม่ตายหรอก แกก็รู้ว่าชั้นยิงแม่นขนาดไหน”
“ (เล็งขาบ้านเอ็งสิ ตั้งใจจะเล็งยิงหัวใจให้ถึงตายชัด ๆ …) ”
มนุษย์หนุมคิดเช่นนั้นในใจ แล้วพยายามมองหาทางหนี
แต่เขาแทบไม่เหลือแรงมากพอจะหนีไปไหนได้
เขาเสียเลือดมากเกินไป
*ตุบ ตุบ ตุบ*
เสียงย่ำเท้ากำลังเดินเข้ามาใกล้
ความตายกำลังจะเข้ามาเยือน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอีกาดำตั้งใจจะจับตายเขา โดยทำให้ดูเหมือนเป็นเหตุบังเอิญ
เขาต้องหนี—
“สถานการณ์แบบนี้มันคืออะไรกันเจ้าค่ะ? ”
“ใคร—”
*ปุ๊ง!*
ระเบิดควันฉับพลันคลุ้งลอยปกคลุมไปทั่วตรอก
เสียงประทัดดังคำรามตามจนดับหูสัมผัส
ปิดการมองเห็นและประสาทรับฟังเสียงอย่างสิ้นเชิง
“นี่มัน—”
“ (อย่าส่งเสียงดังเจ้าค่ะ ข้าน้อยมาช่วย ในทางกลับกัน หลังจากนี้คุณต้องมาช่วยข้าน้อยเป็นการตอบแทนเจ้าค่ะ) ”
เสียงกระซิบหนึ่งดังขึ้นที่ข้างใบหูของบุรุษหนุ่ม
หลังม่านควันกับเสียงประทัดจางหาย—
“หายไปแล้ว!? ”
ร่างของหนุ่มที่โชกเลือดตรงหน้าก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเป็นที่เรียบร้อย
MANGA DISCUSSION