***วันที่ 17 เรตนิว เวลา 12:00 น. ***
รุ่นอรุณเบิกฟ้ากว้าง ตะวันเลื่อนลอยขึ้นทอแสงสู่โลก
ผู้คนต่างเริ่มตื่นนอน พากันออกเดินทาง
บ้างไปทำงาน
บ้างไปหาซื้อจับจ่ายที่ตลาด
ชายหาดยังคงเต็มไปด้วยเรือประมงที่จ่อรอเทียบท่า
เป็นวิถีชีวิตประจำวันของเมืองท่าที่สามารถพบเห็นได้ทุกวัน
“ฮะ ฮะ ฮะ! พ่อไปทำงานก่อนนะ!”
“ครับ!”
ชายเผ่ามนุษย์สัตว์ – กอลิล่า คนหนึ่งกำลังยืนอำลาลูกชายของตัวเองอยู่ที่หน้าบ้านของตน
เขากอดหอมลูกชาย อำลาภรรยาสุดรัก แล้วขยับจัดชุดสูทตัวหนาให้เข้ารูป
สองเท้าย่ำเดินไปตามผิวถนนลาดยางอันสวยงาม พร้อมสูดดมกลิ่นอายหญ้าดำที่ขึ้นสูงเรียงรายสองข้างทาง
“เอาละ ก่อนไปทำงานวันนี้ แวะไปที่วิหารสักเล็กน้อยดีกว่า”
เขาพูดกับตัวเองแล้วหยิบเข็มกลัดรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าสองชิ้นที่กลับหัวมาซ้อนกันเป็นทรงขนมเปียกปูน และมีวงกลมติดด้านบน ขึ้นมากลัดบนปกเสื้อ
มันคือสัญญลักษณ์ของศาสนา [เทพทั้งสาม] ศาสนาว่าด้วยการด่าทอเทพเจ้า และไม่เชื่อในฤทธิ์เดชของสิ่งศักสิทธิ์
เป็นศาสนาที่เน้นให้ผู้ศรัทธาพึ่งตัวเอง แล้วโทษความโชคร้ายทั้งปวงว่าเป็นฝีมือของเทพเจ้า
แน่นอนว่าศาสนาเช่นนี้ย่อมเป็นที่น่ากังขาต่อศาสนาอื่นซึ่งเชื่อในเทพเจ้า
สำหรับชนเผ่ามนุษย์สัตว์ที่นับถือศาสนา [โนอาร์] เป็นหลักแล้ว— ชายผู้นี้จึงเป็นกรณีพิเศษที่หาได้ยากยิ่งนัก
“แวะไปวิหารที่ไม่ได้ไปมานาน ไปด่าเทพสักสองสามที เพื่อให้มีแรงกระตุ้นทำงานดีกว่า~”
เขาฮัมเพลงอย่างเริงร่า จนกระทั้งมาถึงสถานที่เป้าหมาย
วิหารสไตย์กรีกโบราณที่ถูกตกแต่งด้วยผิวหินอ่อนสลับไม้เนื้อแข็ง กำลังตั้งตระหง่านอย่างโดดเด่นท่ามกลางอาคารยุคสมัยใหม่
ถึงจะเก่าซ่อมซ่อและมีขนาดเล็กจนต้องใช้โกเลมมาดูแล แต่ก็ยังคงเอาไว้ซึ่งความมีมนต์ขลังของความศักดิ์สิทธิ์
“เอาละได้เวลา—”
“เย่~♫♫~♬”
“วิ้ว~♫~♬”
“…”
มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารักผมสีเงินสองคน กำลังวิ่งสวนทางออกไปข้างนอกวิหาร
เด็กเผ่าคนแคระ?
แถมหน้าตายังเหมือนกันอีก เป็นเด็กแฝดอย่างงั้นเรอะ?
กอลิล่าในชุดสูทดำมองดูเด็กฝาแฝดวิ่งหายไปข้างนอกวิหาร
เขาขมวดคิ้วสงสัยอยู่ชั่วขณะ แล้วเดินผ่านเข้าไปในวิหารที่เก่าแก่
“อืม… นึกว่าวิหารนี้จะไม่มีแขกคนอื่นใช้งานนอกจากเราเสีย—”
“รอหนูด้วย 0_0 ”
มีเด็กสาวผมสีเงินที่หน้าตาคล้ายเด็กแฝดสองคนเมื่อกี้ กำลังวิ่งผ่านข้างลำตัวของบุรุษกอลิล่าไปอีกคน
แฝดสามเลยอย่างงั้นเรอะ?
“…”
ชายกอลิล่าเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีบางอย่าง
แต่ถึงกระนั้น เขาก็เปิดประตูบานไม้ที่สอง เพื่อเข้าไปในส่วนของห้องโถงทำพิธีของวิหาร
*แกร๊ก*
แล้วเขาก็ได้เห็นมัน—
ห้องโถงวิหารที่ควรไร้ผู้คน แล้วมีแต่หุ่นยนต์โกเลมยืนโง่ ๆ คอยรับใช้อยู่สองสามตัว กลับกำลังเต็มไปด้วยฝูงเด็กจำนวนมาก
พวกเธอเป็นเด็กเผ่าคนแคระที่มีผมสีเงินสวยงาม หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู
ท่ามกลางใจกลางฝูงเด็กน้อย มีนักบวชสาวสามคนกำลังวิ่งวุ่นหัวปั่นอยู่
“ลาพิส รีบไปลากเจ้าจิ๋วสามตัวเมื่อกี้กลับเข้ามาข้างในก่อน! ด่วนเลย!”
คนหนึ่งเป็นสตรีเผ่ามนุษย์นกที่มีขนปีกสีเหลืองทอง
เธอกำลังวุ่นวายอยู่กับการวิ่งไล่จับพวกเด็กน้อยจอมซนที่อยู่ไม่สุข
[รับทราบค่ะ ˋ︿ˊ\!]
คนหนึ่งเป็นสตรีเผ่ามนุษย์หนูที่มีรูปร่างงดงาม ราวกับเป็นเทพีลงมาจุติบนโลก
เธอคนนั้นกำลังกระโจนหายออกไปทางหน้าต่างที่ติดข้างห้องโถง
“หุ หุ หุ~ ผมจะผ่าตัดรักษาสมองที่พิการนี้ให้กลับมาปกติครบทุกคน~ แล้วก็รักษาอัตลักษณ์วิญญาณที่ถูกทำลายจนเว้าแหว่งให้กลับมาสมบูรณ์~ ผมจะทำมัน~ เพื่อสร้างสวนสวรรค์แห่งทะเลโลลิตัวน้อย~ หุ หุ หุ~”
ส่วนอีกคนเป็นสตรีเผ่าภูติผิวสีน้ำตาลไหม้ ที่มีปีกภูติสีแดงสด
เธอคนนั้นกำลังจับเด็กที่นอนนิ่งไม่ขยับมาอยู่ตรงหน้าของเธอ แล้วใช้พลังงานภูติทำอะไรสักอย่างกับสมองของเด็กคนนั้น
ที่พื้นรอบตัวของภูติหัวแดงที่กำลังหัวเราะอย่างน่ารังเกียจ มีขวดเปล่าจำนวนหนึ่งถูกวางเอาไว้ตามมุม ที่ถูกลงจารึกอักขระหน้าตาประหลาดเป็นรูปดาวแปดแฉกเอาไว้อีกทีหนึ่ง
มันช่างดูคล้ายกับว่าเธอคนนี้กำลังทำพิธีต้องคำสาปบางอย่างอยู่
“หิวนมมมม~”
“โนมมม~”
“หิวแย้ว~”
“กรี๊ดดดดดด!!! ฉันกำลังจะถูกกองทัพพี่น้องของตัวเองกลืนจมหายไปแล้วค่าาาาาาาา!!!”
ส่วนอีกมุมหนึ่งของห้อง มีนักบวชฝึกหัดอีกคนกำลังถูกฝูงเด็กน้อยรุมโทรม
เธอคนนั้นเป็นเด็กสาวเผ่าคนแคระ ที่มีหน้าตาเหมือนกับเด็กสาวคนอื่น ๆ ไม่มีผิดเพี้ยน ราวกับถูกถอดแบบกันมา
เด็กสาวตัวน้อยที่ว่ากำลังพยายามแจกขวดนมให้กับเด็กคนอื่น ๆ อยู่
“หิววว~”
“หิวนมมม”
“ม่ายมีโนม? ”
“โน-นม? ”
ด้วยสาเหตุบางอย่าง กลุ่มของสาวน้อยที่กำลังรุมโทรมกลับมีท่าทีผิดหวัง เมื่อพวกเธอจ้องไปที่ระดับหน้าอกของเด็กสาวผู้ที่กำลังพยายามยื่นแจกขวดนมให้กับพวกเธอ
เด็กสาว เด็กสาว เด็กสาว
เด็กสาวหน้าตาเหมือนกันเต็มไปหมดเลย…
“…”
ชายกอลิล่าหลับตา พร้อมกับปิดประตูลงอย่างเชื่องช้าเพื่อไม่ให้ใครรู้ตัว
เขาหันหลังกลับ แล้วเดินออกจากวิหารไปอย่างเงียบงัน
“สงสัยว่าจะนอนดึกจนเห็นภาพหลอน วันนี้ขอลาปวยดีกว่าแฮะ”
***เวลา 12:30 น.***
*แกร๊ก*
ฉันกำลังเดินกลับเข้ามาภายในวิหาร พร้อมกับแบกเด็กจิ๋วจอมซนจำนวนสามคนเอาไว้บนหัวไหล
“ฝ่าตัดรักษาสมองด้วยเวทมนตร์ 103 คน— เสร็จแล้ว— แฮก— เหนื่อยจัง— แฮก—”
ข้างในวิหารที่เล็กพอบรรจุผู้ใหญ่ได้ราว 20-30 คน มีภาพของสหายแมรี่โกลว์กำลังนอนแผ่ราบอยู่บนพื้นอย่างมีความสุข ท่ามกลางฝูงของเด็กโคลนที่กำลังปีนป่ายตัวเธอเล่น
เนื่องจากพื้นที่มีน้อย เด็กบางคนจึงเลือกปีนขึ้นไปนอนบนคาน บ้างก็นอนห้อยโหนตามรูปปั้น
ลูกลิงชัด ๆ เลยค่ะ
“ขวดเปล่า… มันกลายเป็นขวดเปล่าไปแล้ว… ถูกเอาไปใช้เพื่อรักษาสภาพวิญญาณกับร่างกายของเด็กโคลนทั้งหมดเลย… ฮะ…ฮะ…ฮะ…”
ในทางกลับกัน สหายเอโซกำลังมองดูขวดบรรจุวิญญาณที่ว่างเปล่าด้วยสภาพที่ถูกถอดวิญญาณไปเสียเอง
สงสัยคงช็อคน่าดู ที่จำนวนพลังงานและดวงวิญญาณมหาศาลขนาดนั้น ถูกเอาไปใช้ในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องไปเสียทั้งหมด
“พี่สาวลาพิส ช่วยฉันด้วยค่าาาาาาา แงงงงง!!!”
ฉันหันไปตามเสียงตะโกนของหนูโซน์
ดูเหมือนว่าเธอจะกำลังถูกรุมด้วยร่างโคลนของตัวเองอยู่ละ
“โนมมมม”
“โน-นม? ”
“พี่สาวหัวฟ้า— มีโนม~”
“มีโนม? ”
“นมมมมม~”
อ๊ะ?
รู้สึกได้ถึงจิตสังหาร?
ทำไมพวกร่างโคลนถึงหันมาให้ความสนใจทางฉันกันหมดทุกคนได้ละคะเนี่ย?
ดะ— เดียว? จะเข้ามาตะปบหน้าอกแบบนี้ไม่ได้นะคะ?
ยะ— อย่าบีบนะคะ!
บีบให้ตายมันก็ไม่มีสารอาหารไหลออกมาให้ดื่มหรอกนะคะ!?
ดะ— เดียว!?!
ไม่น้าาาาาาาา—-!!?
***เวลา 13:00 น.***
“เอาละ พักเรื่องไร้สาระเอาไว้แค่นี้ก่อน ตอนนี้มาดูข่าวกันดีกว่า”
[มาช่วยฉันก่อนสิค่ะ เด็กพวกนี้เขา— อ๊ายยยย O///O!]
“ไม่รู้ ไม่เห็นป้าย ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น~”
เราที่ทำใจเรื่องพลังงานวิญญาณได้แล้ว กำลังเดินไปเปิดทีวีเพื่อดูข่าวยามเช้า
ไม่จำเป็นต้องให้การช่วยเหลือสหายมารนมหัวฟ้าที่กำลังถูกเด็กน้อยรุมทึ้งหรอก
ที่พูดนี่ไม่ใช่ว่ารู้สึกอิจฉานะ
“ไหน ๆ ข่าวยามเช้า— จะมีเรื่องของเจ้าพวกที่พวกเราพึ่งไปถล่มเมื่อคืนออกข่าวไหมนะ? ”
เรากำลังคิดความเป็นไปได้หลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อคืนนี้มา
เพราะพวกเราก่อความวุ่นวายทิ้งเอาไว้มาก ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ที่จะมีการออกหมายจับพวกเราในฐานะผู้ก่อความวุ่นวาย
แต่อีกฝ่ายเองก็เป็นพวกอาชญากรรม จึงมีความเป็นไปได้ต่ำที่เจ้าพวกนั้นจะกล้าบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจ
อีกอย่าง พวกหลักฐานบันทึกต่าง ๆ เองก็ถูกเราคนนี้แฮกเข้าระบบยึดทำลายทิ้งหมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่น่ามีหลักฐานใด ๆ ที่จะมาเอาผิดกับพวกเราได้อีก
ไอซากห้องโคลนนิ่งกับบันทึกการวิจัยเอง ก็มีเอาไปทิ้งหน้าสำนักงานตำรวจสากลเป็นของขวัญให้กับเจ้าตำรวจหนุ่มแล้วด้วย
แต่คาร์นิวอยเองก็มีพวกคนใหญ่คนโตจากรัฐบาลเผ่าต่าง ๆ เป็นสมาชิกรวมอยู่
ใช่ว่าจะตัดแนวคิดที่ถูกยัดข้อหา ถูกประกาศจับไปเสียทีเดียวไม่ได้
ดังนั้น ความเป็นไปได้หลักที่จะเกิดขึ้น คงไม่พ้น—
=กระผม ต้องขอกราบขออภัยเป็นอย่างสูง ที่ปล่อยให้มีสมาชิกของชมรม [ชมรมสัตว์กินเนื้อ กลุ่ม คาร์นิวอย (carnivore) ] ทำเรื่องงามหน้าอย่างการฆ่าล้างเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ไปกินเช่นนั้นครับ=
—การแสดงเป็นผู้เสียหายหน้าด้าน ๆ แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ อย่างเช่นที่กำลังออกปรากฏบนหน้าจอทีวี ณ เวลานี้
***
“กระผม ต้องขอกราบขออภัยเป็นอย่างสูง ที่ปล่อยให้มีสมาชิกของชมรม [ชมรมสัตว์กินเนื้อ กลุ่ม คาร์นิวอย (carnivore) ] ทำเรื่องงามหน้าอย่างการฆ่าล้างเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ไปกินเช่นนั้นครับ”
ณ ห้องส่งที่เต็มไปด้วยแสงกระพริบไฟจากกล้องถ่ายรูป มีชายเผ่ามนุษย์เสือคนหนึ่งกำลังคำรามเสียงดังด้วยอารมณ์ที่เจ็บปวด
“ชมรมสัตว์กินเนื้อของพวกเราถูกตั้งขึ้นเพื่อการบริโภคอาหารเนื้อหายากภายใต้กฏหมายที่ยอมรับ แต่กลับมีคนในชมรมบางส่วนใช้อำนาจกับเส้นสายของพวกเรา ไปทำเรื่องอันชั่วร้ายใต้จมูกของผม! มันเป็นเรื่องที่กระผมยอมรับไม่ได้! กระผมยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับตำรวจในการสืบหาความจริงจากเหตุการณ์นองเลือดที่เกิดขึ้นบนเรือในคืนที่ผ่านมา! กระผมขอยืนยันด้วยหัวของตัวเอง ว่าจะขจัดพวกวิปลาสเหล่านี้ให้หมดไปจากชมรมของพวกเราครับ!”
เขาคำรามลั่น
มือของเขาสั่นระริกไปด้วยความโกรธแค้น
ด้วยน้ำเสียงกับท่าทางที่เขาแสดงออก จึงไม่แปลกที่ผู้คนในห้องส่งจะเริ่มเกิดอารมณ์คล้อยตามเขา
ไม่มีใครในสถานที่แห่งนี้รู้ตัวเลย ว่าพวกเขากำลังถูกหลอกด้วยการแสดง
“กระผมจะ—”
ท่ามกลางคำแถลงการที่ฟังดูดี มีชายคนหนึ่งเริ่มรู้สึกคลื่นไส้อาเจียน แล้วตัดสินใจหันหลังเดินหนีออกมาจากห้อง
เขาผู้นั้นคือตำรวจหนุ่ม ออน-เอ็ซท บุรุษที่เป็นผู้ติดต่อประสานงานกับผู้รักษาสันติราชทุกฝ่าย ให้รีบมาบุกจับองค์กรคาร์นิวอยในเมื่อคืนที่ผ่านมา
ด้วยหลักฐานที่เขารวมรวบ ประกอบกับสมาชิกชมรมที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ไล่สังหารของนักบวชหัวฟ้า กับสัตว์ประหลาด [หัว] จึงทำให้พวกเขามีน้ำหนักมากพอที่จะสั่งตรวจสอบทั้งองค์กร
แต่ช่างน่าเศร้านัก
“—กระผมจะตามจับ [นักบวชคลั่งหัวฟ้า] ที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุฆาตรกรรมกินเนื้อในครั้งนี้!”
“มันใช่หรือฟะนั่น!!!”
บุรุษตำรวจหนุ่มถึงกับเอากำปั้นชกกำแพง
แต่ทว่าเสียงชกแห่งความคับแค้นใจนั้น กลับถูกเสียงตรบมือของนักข่าวที่ดังมาจากห้องส่งกลบไปจนมิด
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?
ถึงจะมีหลักฐานมากมายมากองรวมกัน แต่ใช่ว่าจะสามารถสรุปสำเนาได้ภายในชั่วข้ามคืน
ถึงหลายอย่างจะยังไม่ถูกสรุป แต่หลักฐานวัตถุมันชัดเจนเต็มตา ชี้ชัด ว่าใครคือผู้กระทำผิดมิใช่หรือ
แล้วทำไม?
เหตุอันใด ทำไมเนื้อความคดีถึงถูกบิดเบือนไปได้ขนาดนี้?
บันทึกวิจัยโคลนนิงของมนุษย์เสือ หนึ่งในผู้ก่อตั้งคาร์นิวอย ที่ถูกแอบส่งเข้ามาในมือถือของเขาในภายหลัง
เรือที่ชี้ชัดว่าใครคือเจ้าของ
ห้องโคลนนิงที่วางกองหน้าสำนักงานอย่างลึกลับ
ต่อให้ไม่มีเขามาทำคดี ไม่ว่าใครที่มีของแบบนี้ในมือ ย่อมต้องรู้ดีว่าควรจะหันกฏหมายไปใช้กับใคร
แต่แล้วทำไม…
ทำไมทั้งที่การสรุปคดียังไม่ได้ข้อสรุป
การสอบปากคำพยานที่เขาตั้งใจจะทำยังไม่ได้เริ่ม
พวกเขา— ตำรวจท้องถิ่นของเมืองนี้ ถึงได้สรุปคดีความไปในทิศทางนี้กันได้?
ไม่สนใจบันทึกที่เป็นหลักฐาน
ไม่สนใจห้องโคลนนิงที่เป็นหลักฐาน
พากันไปเชื่อคำพูดคำจาของผู้รอดชีวิตที่ควรเป็นผู้ต้องสงสัย โดยไม่แม้แต่จะคิดตริตรองสงสัย
รีบสรุปสำนวนคดี ทำข่าวออกสื่อกันอย่างรวดเร็ว แล้วโยนความผิดให้กับนักบวชสาวผมสีฟ้า ที่ไม่แม้แต่จะมีใบหน้าถูกถ่ายเก็บเอาไว้
จากเหตุการณ์นี้มีผู้เสียเป็นจำนวนมาก
คนที่ถูกวิญญาณกิน จะมีสภาพสะลึมสะลือ พูดไม่เป็นภาษา
ส่วนคนที่อยู่ในห้องโถงอาหารที่ถูกฆ่าตาย
ถ้าไม่รวมคนที่ถูกเอาไปทำเป็นอาหาร ผู้เสียหายทั้งหมด ล้วนแต่เป็นคนจากฝ่ายคาร์นิวอยทั้งสิ้น
แล้วทำไมคนของเมืองนี้ถึงได้ไปเชื่อคำพูดของผู้ต้องสงสัยกันหมด…
“เพราะว่าเจ้าบ้านั่นมีชื่อเสียง เลยเชื่อปากมันว่าเป็นคนดี!? แค่นั้น!? ”
[ซิงเคไนต์] บุรุษดาวหางแดง ฮีโร่ในหมู่ชาวประมง
เขาคือคนที่มีชื่อเสียง มีเครดิตทางสังคมสูง
การที่สังคมจะหันเหไปเชื่อคำพูดของเขา มากกว่าคำพูดของตำรวจตัวเล็ก ๆ ต่างถิ่น มันก็ไม่แปลกอะไร
แต่มันน่าแปลกเกินไป…
ทำไมเรื่องทุกอย่างถึงดูเร่งรีบสรุปความ?
ราวกับว่า—
“หรือว่าพวกระดับผู้บริหาร… จะมีกลุ่มคนมีอำนาจรวมอยู่ในนั้นด้วย? ”
ถ้าไม่ใช่ด้วยเหตุผลนี้ แล้วจะหาเหตุผลไหนมาใช้เป็นคำตอบได้เล่า?
“เสียรูปคดีหมด…”
บุรุษหนุ่มรู้ดีว่าสังคมมันทำงานยังไง
ถึงจะรู้ แต่เขาไม่อาจจะก้มหน้ายอมรับมันได้
แต่ทว่าตอนนี้สังคมได้เชื่อไปแล้วกว่าครึ่ง ว่าผู้กระทำผิดคือ [นักบวชสาวศาสนาเทพทั้งสาม เผ่ามนุษย์หนูที่มีผมสีฟ้า]
ถ้าหากว่าเขาเชิญ ลาพิส กับพรรคพวกมาให้ปากคำเวลานี้ ไม่ต้องคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
สามสาวนักบวชกำลังตกอยู่ในอันตราย
“!!!”
บุรุษหนุ่มดวงตาเบิกกว้างขึ้นอย่างตื่นตระหนก
เขารีบวิ่งออกจากห้องส่ง ตรงไปที่นอกอาคาร
เป้าหมายมีเพียงหนึ่ง คือวิหารเทพทั้งสามที่พวกเธอพำนักอาศัย
ไม่อาจไว้ใจใครได้อีก นอกจากตัวเอง
เขารีบวิ่งออกไป โดยไม่แม้แต่จะรู้ตัว
“เป้าหมายที่เอาเรื่องของพวกเราไปแจ้งทางการ กำลังวิ่งออกไปจากอาคารครับ”
ว่ามีคนผู้หนึ่ง กำลังเฝ้ามองดูเขาอยู่จากในมุมมืด
***
“ว่าแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้”
เราปิดทีวีที่กำลังฉายรายการข่าวด้วยความรู้สึกที่เบื่อหน่าย
ควบคุมสื่อ
ยัดเงินใต้โต๊ะ
คนที่รับรู้ความจริงมีอำนาจไม่พอเปลี่ยนแปลงสังคม
ปัญหาเดิม ๆ ของพวกสัตว์สวะระดับล่าง
แต่ก็ดี
จากการประกาศข่าว แสดงให้เห็นว่ามันรู้เพียงแค่หน้าตาของลาพิสคนเดียว
ของแค่นี้ไม่เพียงพอจะใช้เคลื่อนไหวให้เกิดประกาศจับอย่างเป็นทางการได้
สังคมของโลกนี้มันยังไม่เน่าเหม็นขนาดนั้น
แต่คงคาดหวังกับพวกนักฆ่าได้อยู่
อีกไม่นานคงมีนักฆ่าส่งมาจัดการกับพวกเราเป็นการแก้แค้น
หุ หุ หุ~
โควต้าวิญญาณหลงทางฟรี ๆ ส่งตรงถึงท่านยม~
จะตั้งหน้าตั้งตารอเลยละ~
อะไรนะ?
วิญญาณที่ถูกฆ่าถือว่าเป็นการขี้โกง?
ไม่เอาน่า~ ท่านยมไม่รู้ มันไม่เป็นไรหรอก~
เราคิดจนได้ข้อสรุปแบบนั้น แล้วยกชาแก่ขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว
***
“เหนื่อย… กว่าจะยอมสงบกันได้…”
ในที่สุดฉันก็สามารถทำให้ร่างโคลนของตัวเองพากันเข้านอนหลังมื้อเช้าได้เป็นผลสำเร็จ
ฉันหันไปมองดูพวกพี่สาวทั้งสามคน
พวกพี่สาวไม่ใช่ฮีโร่ แต่เป็นคนที่อยู่ในโลกที่ฉันไม่รู้จัก
โลกของการปราบผี
แต่กระนั้น ไม่ว่าพี่สาวจะมีอาชีพอะไร พวกพี่สาวก็คือพวกพี่สาวอยู่วันยังค่ำ
พี่เอโซ… ถึงปากจะพูดนั่นนี่นู้น แต่สุดท้ายก็ยอมช่วยทุกอย่างตามที่ฉันขอ
พี่สาวลาพิส เป็นคนเงียบ ๆ จนไม่รู้ว่าคิดอะไร แต่เธอก็ยอมช่วยฉัน
พี่สาวแมรี่โกลว์ ถึงจะหื่นจนเหมือนตาลุง แต่ก็เป็นคนดีที่ยอมทุ่มทุกอย่างเพื่อช่วยฉัน
ฉัน— ไม่มีทางมีวันนี้ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกพี่สาวทั้งสามคน
แต่จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา มีคนต้องมาตายเพราะฉันไปคนหนึ่ง
ตอนนั้น ชั่วขณะหนึ่งฉันเคยคิดอยากที่จะหนี
แต่พอได้เห็นพวกพี่สาวที่กำลังปราบผี
ได้เห็นพี่ลาพิสที่ต่อสู้กับพวกคาร์นิวอย
ฉันก็ได้คิด
ถ้าฉันแข็งแกร่งเหมือนพวกพี่สาวได้ก็คงจะดี
ถ้าฉันแกร่งพอ พี่ชายเวอไดท์ก็คงไม่ต้องมาตาย
ฉัน— จะต้องแข็งแกร่งขึ้นมากกว่านี้
เพื่อที่จะอยู่ในโลกนี้ต่อไป
เพื่อไม่ให้มีใครต้องมาตายอีก
ฉันจะต้องแข็งแกร่งขึ้น
ฉันจำเป็นต้องพึ่งพวกพี่สาว
ฉันจะให้พี่สาวสอนวิชาทั้งหมดให้กับฉัน
หากโลกนี้ไร้ซึ่งความยุติธรรม ฉันนี่ละ จะกลายเป็นฮีโร่ของโลกนี้ให้ดูเอง!!
***ในเวลาเดียวกัน***
ณ สถานกำพร้าเด็กไซบอร์ก
“กลับมาแล้วเด็ก ๆ ~”
กระต่ายสาวขนสีดำอมขาวคนหนึ่ง กำลังเดินผ่านประตูอาคารเข้ามาใจกลางลานกว้างด้วยใบหน้าที่เหนื่อยล้า
ถึงจะเหนื่อยล้า แต่เธอก็ยังฝืนยิ้ม พร้อมถือถุงขนมจำนวนมากเพื่อหวังมอบความสุขให้กับเหล่าเด็ก ๆ ของเธอ
แต่ทว่า– กลับไม่มีเสียงขานรับการกลับมาของสตรีกระต่ายผู้เป็นเสมือนมารดา
“…. หืม? ”
เธอเริ่มรู้สึกแปลกใจสงสัย
เงียบเกินไป
มันช่างเงียบเกินไป
“เด็ก ๆ ? ข้าน้อยกลับมาแล้ว? ”
เธอเริ่มตะเบงเสียงดัง
แต่ไม่มีเสียงขานรับกลับ
“ไม่มี? ”
เธอเริ่มวิ่ง
เธอโยนถุงขนมลงพื้น เหลือแต่ถุงบรรจุอัฐิที่ถือไว้ในมือ แล้ววิ่งวนไปรอบ ๆ
ไม่มี
ไม่มี ไม่มี ไม่มี!
ไม่มีแม้แต่เงาของเด็กสักคนปรากฏให้เห็นในสถานที่เลี้ยงดูเด็กกำพร้าของเธอ
“นี่มัน!!!”
แล้วเธอก็มาหยุดลงตรงมุมในสุดของลาน
เธอทรุดตัวลงอย่างอ่อนแรงตรงหน้าป้ายหลุมวิญญาณ
ตรงหน้าป้ายวิญญาณอันว่างเปล่า— ที่ถูกขุดขโมยเอาร่างศพของผู้ให้กำเนิดเลี้ยงดูเธอ
มีคน เข้ามาลักพาตัวเด็ก กับร่างศพของผู้เลี้ยงดูของเธอไปจากที่แห่งนี้
MANGA DISCUSSION