*แกร๊ก*
รู้สึกได้ถึงเสียงกระทบเศษซากที่กำลังไหลผ่านลงไปกองข้างลำตัว
เพราะมองไม่เห็นกับมีใบหูพิการ เลยไม่ค่อยแน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เสียงที่ได้ยินผ่านการรับรู้แรงสั่นอากาศด้วยผิวหนัง มันออกจะไม่ค่อยชัดเจนนัก ว่าเป็นเสียงของลมที่ตีปะทะผิวหนัง หรือเสียงของเศษฝุ่นที่กำลังตกกระทบลงบนร่างกาย
ที่ฉันรู้ มีแค่ว่าตัวเองร่วงตกลงมาจากที่สูง เพราะประตูลิฟท์ที่ใช้เป็นฐานยืนมันไม่แข็งแรงพอ
“นั่น— พี่สาวลาพิส!!? ”
เงาวิญญาณที่สวยงามและคุ้นเคยดวงหนึ่งกำลังวิ่งตรงมาทางฉันด้วยความเป็นห่วง
“พี่บาดเจ็บ— เดียว… นี่มันซอสมะเขือเทศ?? ”
ดูเหมือนว่าอารมณ์ของจะเธอจะถูกแทนที่ด้วยความสงสัยแทนไปแล้ว
ฉันลองใช้สัมผัสจิตที่ว่าง แผ่ขยายขอบเขตการรับรู้เพื่อตรวจสอบตำแหน่งของตัวเองกับของศัตรู
ดูเหมือนว่าเจ้าศัตรูที่พอมีฝีมือคนนั้น กำลังถูกคนกลุ่มหนึ่งพาตัวออกไปที่หัวเรือ
น่าเป็นลูกน้อง หรือไม่ก็พรรคพวกของมัน
เจ้ามนุษย์เสือคนนี้ถือว่ามีฝีมือไม่เลว
ถึงจะยังไม่เท่ากับฉัน แต่ก็สามารถทำให้ฉันถึงกับพลาดท่าครั้งหนึ่งได้
ถ้ามันไม่หยุดพัฒนาตัวเอง คิดว่าในอนาคตคงมีสักวันไล่ตามฉันทัน
อยากสู้กับมันอีกสักครั้ง
“เออ— พี่สาวลาพิสคะ? ”
“คุณลาพิสครับ? ”
ฉันหันหน้าไปทางคลื่นเสียงที่คุ้นเคย
ตรงหน้ามีคุณตำรวจ ไซน์ แล้วก็แม่ค้าสุดเก่งเมื่อวันก่อน มารวมตัวกันอยู่
นอกจากคนรู้จักแล้ว ยังมีตรวจพบดวงวิญญาณในร่างที่มีชีวิตอีกสองดวง
สัมผัสรูปทรงร่างกายเป็นเด็กสาวเผ่าคนแคระ ที่มีลักษณะคล้ายกับหนูไซน์ของพวกเราราวกับเป็นฝาแฝด
แต่สัมผัสแสงวิญญาณของเธอสองคนนี้กลับเบาบาง อ่อนแสง ไร้ซึ่งพลัง คล้ายกับเป็นเพียงแค่แสงเทียนที่ถูกลมพายุพัดให้ปลิวไสวจนแทบใกล้ดับแสง
ข้างหลังห่างออกไปไม่ไกล มีวิญญาณเด็กมนุษย์ม้าที่ไม่สมบูรณ์ กำลังมองดูพวกเขาอยู่ห่าง ๆ ด้วยความเป็นห่วง
ไกลออกไปจนเกือบพ้นขอบเขตของห้อง มีสหายเอโซกำลังยืนแอบมองดูอยู่ห่าง ๆ
ไกลเลยออกไปอีกนิด ที่เขตข้างนอกห้อง มีวิญญาณคลุ้มคลั่งกำลังไล่สูบวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์อยู่้ป็นจำนวนมาก
สถานการณ์แบบนี้มันคืออะไรกันค่ะเนี่ย?
ทำไมมิติคนเป็นกับมิติคนตายถึงถูกนำมาเชื่อมติดกัน?
คุณตำรวจ ออน เผลอไปถูกวิญญาณสิงจนทำให้กลายเป็นจุดชนวนเกิดปรากฏการณ์เชื่อมมิติคนเป็นกับคนตาย?
แต่ดูแล้วเขาก็ยังปกติดีอยู่นี่คะ?
หรือว่าจะเป็นฝีมือของสหาย เอโซ?
อ๊ะ? เอ? งงค่ะ?
ฉันนึกว่าแผนของพวกเราคือให้ฉันไปล่อดึงความสนใจ เอโซไปขัดขวางรบกวนสัญญาณติดต่อโลกภายนอก แล้วแมรี่โกลว์คอยดักจับวิญญาณ
หรือว่าฉันจะเข้าใจแผนการผิดไปเอง? _?
“เออ… คุณลาพิสครับ คือว่าเสื้อคลุมของคุณมัน… กำลังขาดอยู่…แบบว่า… ดูไม่งาม… โป๊… ถ้าไม่รังเกียจ… ใช้ชุดของผมไหมครับ…”
“ถ้าพี่ชายถอดชุดออกมา คราวนี้พี่จะเป็นฝ่ายเปลื่อยโป๊แทนนะคะ ฉันไม่อยากเห็นค่ะ เดียวฉันเอาเศษ ๆ ที่ขาด ๆ จากชุดพี่สาวลาพิสมาพันแทนเสื้อให้เธอชั่วคร่าวเองค่ะ”
หนูไซน์พูดเช่นนั้นระหว่างที่ฉันคิดไปเรื่อยเปือย
เธอเดินเข้ามาใกล้ แล้วเริ่มลงมือบรรจงนำเศษเสื้อคลุมนักบวชที่ขาดวิ่นสกปรกไปด้วยซอสบางอย่าง เอามันมาพันใหม่ให้ฉันเพื่อปกคลุมร่างกายให้ดูเรียบร้อยขึ้น
เก่งเหมือนกันนะเรา
*กีส—*
เสียงคำรามของวิญญาณที่น่ารำคาญเริ่มดังเบาบางลง
ปริมาณของพวกมันกำลังลดลง
ดูท่าว่างานรวมรวบวิญญาณหลงของแมรี่โกลว์ใกล้จะเสร็จแล้ว
*ตรูด— แกร๊ก*
นั่นไง พอพูดถึงก็โทรเข้ามาทันทีเลย
“จากแมรรี่โกลว์ถึงทุกคน เก็บวิญญาณเสร็จแล้ว จะให้ผมไปรวมตัว— กรี๊ดดดด!!! น้องไซน์หายไปจากตำแหน่ง!!? น้องไซน์!?! น้องตัวน้อยสุดน่ารักหายไปจากตำแหน่ง!?! เดียวขอผมออกตามหา—”
“พอเลยยัยบ้า นี่เอโซพูด เราอยู่กับไซน์แล้ว ลาพิสเองก็อยู่ที่นี่ด้วย เธอไปรอตรงจุดที่ท้ายเรือซะ เดียวพวกเราจะขึ้นไปหาเธอเอง”
สหายเอโซตอบกลับเสียงตามสาย แล้วเผยตัวเองจากที่ซ่อน
” ว่าไง อยู่กันพร้อมหน้าเลยนะ”
[บรรลุเป้าหมายของวันนี้แล้วสินะคะ?]
” ใช่ เพราะงั้นเลยคิดว่าจะกลับกันทันที ตอนนี้เลย”
ฉันโต้ตอบกับสหายเอโซด้วยป้ายข้อความ
ในตอนนั้นเองที่ฉันจับสัมผัสบรรยากาศแปลก ๆ ซึ่งกำลังแผ่ออกมาจากตัวของหนูไซน์ได้
คลื่นความคิดที่เต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์กำลังรบกวนให้คลื่นวิญญาณของเธอดูมัวหมอง
ไม่พอใจ
สับสน
เสียใจ
ความรู้สึกผิด
ความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับ
อารมณ์แห่งความผิดหวังกำลังก่อตัวขึ้นมาในตัวของเด็กคนนี้
“ทำหน้าแบบว่ามีอะไรสักอย่าง อยากจะแย้งเลยไม่ใช่หรือยังไงเจ้าหนูไซน์? ”
“…”
หวาย—
บรรยากาศดูตึงเครียดมากเลยแฮะ
มันเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้ ในระหว่างที่ฉันไปสนุกกับการต่อสู้กันเนี่ย?
“คือ… พี่เอโซตั้งใจจะกลับไปทั้ง ๆ แบบนี้เลยหรือคะ? ”
“ใช่”
“พี่… เห็นสิ่งที่อยู่ตรงนี้ไหมคะ? ”
น้องไซน์ชี้ไปที่ห้องทางด้านหลัง
ห้องที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตอันน่าเวทนา ซึ่งทำได้เพียงแค่นอนรอวันตาย
สิ่งมีชีวิตที่ถูกสูบวิญญาณไป จนมีสภาพเป็นแค่ตุ๊กตาที่มีพลังงานวิญญาณระดับเท่าเศษฝุ่น มิอาจก่อรูปร่างให้เป็นตัวตนอัตตาขึ้นมาได้
“พี่เห็นศพตรงนี้ไหมค่ะ? ”
เธอชี้ไปตรงทางคุณแม่ค้ากระต่าย ที่ยังคงนอนร้องไห้กอดศพไซบอร์กคนหนึ่งเอาไว้
” พี่เห็นความอยุติธรรม เห็นความชั่วร้ายขนาดนี้มากองตรงหน้า แล้วยังจะพูดว่า [กลับกันเถอะ] ง่าย ๆ ไปแบบนี้หรือค่ะ!? ”
ทั้งที่ไม่เหตุผลต้องให้ช่วย แต่ก็ยังอยากจะให้ช่วย
ช่างเป็นเด็กที่บริสุทธิ์นัก
“พวกเราเป็นนักบวช ไม่ใช่ตำรวจ”
แต่สหายเอโซ หรือแม้แต่ฉันเอง ก็ไม่คิดที่อยากจะเปลืองแรงลงไปช่วยหรอก
พวกเราในชีวิตก่อนนะ เป็นผู้ถูกกระทำมามาก แล้วทำไมพวกเราจะต้องยื่นมือช่วยทุกสิ่งมีชีวิตในจักรวาลด้วยละ?
ถ้าไม่มีผลประโยชน์ร่วม หรือมีความรู้สึกรักหวงแหนให้ ก็อย่าหวังว่าจะยื่นมือเข้าไปช่วยเลย
การที่ฉันกับสหายเอโซยอมรับไซน์มาดูแลนั้น ก็แค่บังเอิญว่ารู้สึกเห็นใจที่เด็กคนนี้เจออะไรหลาย ๆ อย่างคล้ายกับพวกเรามาก่อน มันก็เท่านั้น
“แต่ว่าพวกพี่สาวมีพลังที่จะช่วย! พี่ลาพิสเองก็คิดเหมือนกันใช่ไหมค่ะว่ากลับไปทั้ง ๆ แบบนี้ไม่ได้!”
[ขอโทษนะหนูไซน์ แต่ฉันเห็นด้วยกับเอโซค่ะ ¢_¢]
“ทำไม—”
หนูไซน์ทำท่าจะร้องไห้ออกมาแล้วแฮะ
“โอ๊ย… เด็กก็คือเด็กวันยังคำ เรามันบ้าเองที่คาดหวังว่าจะตาสว่าง เพราะได้เห็นความจริงกับตา”
เอโซพูดอย่างหัวเสียแล้วเดินตรงไปทางคุณตำรวจ ออน โดยไม่สนใจน้องไซน์
“พวกเราจะกลับแล้ว ฝากเรือลำนี้ในการดูแลของเจ้าด้วย เจ้าตำรวจหนุ่มไฟแรง”
“มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ… ”
” เอาละ งั้นก็กลับกันได้ ว่าไง? เจ้าหนูไซน์? ถ้าไม่คิดจะกลับกับพวกเราก็ตามใจเจ้านะ พวกเราไม่คิดห้ามอยู่แล้ว”
ฉันว่าฉันพอจะเดาความคิดของเอโซออก
เธอตั้งใจจะทิ้งให้เด็กคนนี้อยู่ใต้การดูแลของตำรวจหนุ่มสินะ?
อย่างว่า โลกของพวกเรากับโลกของเธอมันต่างกันเกินไป
พวกเราสามคนไม่เหมาะกับการดูแลเด็กหรอก
น้องไซน์ดูนิ่งสนิทไปเลย
เธอมองเอโซ แล้วสลับไปมองทางตำรวจหนุ่ม ก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อคิดอะไรสักอย่าง
“—ได้ เข้าใจแล้ว ถ้าพี่จะเอาแบบนี้ งั้นฉันก็จะใช้วิธีของฉันค่ะ”
“? ”
เธอว่าเช่นนั้น แล้วหยิบเครื่องสื่อสารสีเงินที่พวกเรามอบให้ขึ้นมา แล้วต่อสายตรงถึงแมรี่โกลว์
“นี่แมรี่โกลว์พูด”
“พี่แมรี่ค่ะ คือว่าฉันมีเรื่องจะบอกค่ะ”
” ว่า? ”
ฉัน— รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลยค่ะ
” ข้างล่างที่ใต้ท้องเรือนี้ มีเด็กสาวน่ารักจำนวนไม่ต่ำกว่า 100 คน กำลังต้องการความช่วยเหลือค่ะ”
*โครม!*
เกิดเสียงระเบิดแทบจะทันทีที่วางสาย
ตัวเรือเกิดแรงสั่นสะเทือนรุนแรง พร้อมกับเพดานที่เริ่มมีฝุ่นจำนวนมากตกลงมาปกคลุมพื้นที่
พลังงานมหาศาลบางอย่างกำลังพยายามเปิดพื้นเรือด้านบนออกมา เหมือนเป็นการเปิดฝากระป๋องอาหาร
” ไหน! สาวน้อยที่กำลังเดือดร้อนอยู่ที่ไหน!?!”
คนที่เแหวกเพดานห้องเข้ามาด้วยพลังงานความร้อนมหาศาลนั้น ก็คือสหายแมรี่โกลว์ของเรานั่นเอง
“ตรงนี้ค่ะพี่สาวแมรี่โกลว์ ”
“พบสาวน้อยกำลังลำบากจำนวนมาก!! เริ่มดำเนินการภาระกิจให้ความช่วยเหลือด่วน!”
“เดียวก่อนยัยบ้าแมรี่ เธอยังมีพลังเวทเหลือพอสร้างสนามพลัง พาคนหนึ่งร้อยกว่าคนบินข้ามทะเลไหวเรอะ!? ”
“ความน่ารักคือความถูกต้อง! เพื่อโลลิน้อย ต่อให้ต้องกลับดินแดนเทพช้าลง ผมก็ยอม!!”
” เฮ้ย!?!”
แมรี่โกลว์ตะโกนเสียงดังลั่น แล้วเปิดฝาขวดที่ภายในมีวิญญาณบรรจุจนเต็มออกมา
พลังงานวิญญาณจำนวนมากกำลังไหลหลั่งทะลักออกสู่อากาศ พร้อมกับส่งเสียงโหยหวนที่ไม่น่าฟัง
” จงมาเป็นพลังให้ผมซะ!”
” เดียวววว!! นั่นมันโควต้าวิญญาณที่จะเอาไปส่งให้ท่านยม! ใจเย็นก่อนนนน!!”
เอโซพยายามจะหยุดเธอ
แต่ถึงจะพูดห้าม เธอกลับไม่มีทีท่าว่าจะออกตัวพุ่งเข้าไปห้ามจริงจัง
พลังงานวิญญาณที่พวกเราอุตสาเหนื่อยเก็บมา ได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นพลังงานวิญญาณของเธอ แล้วเปลี่ยนไปเป็นพลังเวทมนตร์ สร้างปรากฏการณ์พื้นที่สนามแรงโน้มถ่วงเอกเทศขึ้นมา
เธอใช้พลังงานนั้น ดึงทั้ง [ฟาร์ม] ให้หลุดลอยแยกออกมาจากตัวเรือ
ฉีกเรือจนแหว่งเป็นรูกว้างเหมือนถูกหนูแทะโลม แล้วพามันบินออกสู่ทะเลกว้างไปทั้ง ๆ แบบนั้น
“ยัยบ้านั่น…”
“นี่สิ ถึงจะเรียกว่าเสร็จภาระกิจจริง”
น้องไซน์ยิ้มร่าให้สหายเอโซ
ส่วนเอโซเองก็ทำหน้าเจื่อนกลับมาทางน้องไซน์
“ได้… คราวนี้เธอชนะ เราจะยอมหาทางช่วยเด็กโคลนทั้งหมดนี้ให้ ถึงจะถูกกินวิญญาณแต่ก็ใช่ว่าจะตาย แต่เราไม่รับประกันนะว่าจะสามารถฟื้นฟูสภาพให้กลับมาเป็นผู้เป็นคนได้ เพราะดูท่าทางจะถูกดัดแปลงสมองมากันทุกคนเลย”
” ขอบคุณค่ะ! ว่าแล้วว่าพี่เอโซต้องยอมช่วยในท้ายที่สุด!”
“…”
ไซน์ยิ้มร่าแล้วกระโดดผ่านส่วนเรือที่ฉีกขาดลงไปยืนบนพื้นที่ฟาร์มที่ถูกฉีกแยกออก โดยมีสหายเอโซกระโดดตามลงไปปิดท้าย
ในชั่วขณะที่เธอกระโดดลงไปนั้น—
” ถึงกับกล้าหลอกใช้งานยัยแมรี่โกลว์ ไม่เลวนี่เจ้าหนู”
—ดูเหมือนว่าสหายเอโซจะดูมีความสุขมากเลยทีเดียวค่ะ
***
“คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป ยังกับเป็นพายุ…”
ผมกำลังยืนมองดูพวกสาว ๆ บินกลับไปในเมือง ด้วย [ฟาร์มโคลน] ที่ถูกดึงออกไปจากเรือทั้งแถบด้วยพลังเวทมนตร์
ตอนนี้ไม่มีแม้แต่เงาของผี [หัว] เหลือให้เห็นอีกต่อไปแล้ว
นักบวชสามสาวกลุ่มนี้เป็นนักปราบผีจริง ๆ ด้วย
ไม่เชื่อก็ต้องยอมเชื่อนั่นละ
ผมพอจะเข้าใจคุณเอโซ ที่ไม่ยอมใช้พลังของตัวเองมาปราบปรามคนที่ทำเรื่องชั่วช้านี้
เพราะพวกเธอเป็นนักปราบผี ไม่ใช่เป็นนักใช้กฏหมาย
ต่อให้มีพลัง แต่ถ้าลงมือซี้ซั้วตามอำเภอใจ แล้วมันจะต่างอะไรไปจากศาลเตี้ยละจริงไหม?
คนที่จะสืบหาความจริง แล้วลากไส้พวกชั่วร้ายเหล่านี้ออกมาเข้ากระบวนการยุติธรรม มันคือหน้าที่ของผมต่างหาก
เพราะงั้นเธอเลยฝากเรื่องวุ่นวายที่เหลือให้ผมเป็นคนจัดการ
เด็กที่ชื่อไซน์เองก็คงจะรู้สึกตัวตอนที่คุณเอโซเอยปากฝากเรื่องให้ เลยเลิกโวยวายเรื่องคนร้าย แล้วหันไปคิดหาวิธีช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตโคลนที่หน้าตาเหมือนตัวเองแทน
“…”
ว่าแต่หลักฐานสำคัญทั้งหมดมันถูกสาว ๆ ขนข้ามทะเลกันไปแล้วนี่สิ…
จะทำคดีมันต้องมีของกลางด้วยสิเฮ้ย!?!
อย่าเล่นขนเอาหลักฐานสำคัญไปหมด แล้วทิ้งแต่เรือเปล่าให้ผมแบบนี้สิ!!
“…”
เอาเถอะ บ่นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก
ตอนนี้สัญญาณมือถือกลับมาแล้ว
รีบแจ้งหน่วยยามชายฝั่ง ตำรวจท้องที่ กับตำรวจสากล แล้วตีแผ่ทำคดีนี้ดีกว่า
ส่วนเรื่องพยานหลักฐาน เดียวค่อยไปหาทางติดต่อพวกเธอมาสอบปากคำทีหลังแล้วกัน
“– ตกลงวิญญาณมีจริงสินะคะ? ”
“เหวอ!?! – – – คุณ ควอร์ต?!”
ผมสะดุ้งโหยงเพราะมีเสียงทักขึ้นมา
เกือบลืมไปแล้วว่ายังมีคุณกระต่ายลึกลับยืนอยู่ตรงนี้ด้วย
“เออ… ใช่ครับ โลกนี้มีวิญญาณอยู่จริง แต่คงจะพิสูจน์ให้เชื่อได้ยากอยู่ครับ”
“ไม่เป็นไร ข้าน้อยเชื่อแล้วเจ้าค่ะ”
คุณกระต่ายพูดด้วยน้ำเสียเศร้า ๆ
เธอกำลังนำชิ้นส่วนของไซบอร์กมนุษย์ม้าออกมาจากจานอาหาร
“ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณตำรวจยังเห็นวิญญาณของเด็กคนนี้ไหมคะ? ”
” ไม่แล้วครับ เหมือนจะหายไปเวลาเดียวกับที่พวกคุณนักบวชไปครับ”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหมดห่วง หรือเป็นเพราะเขตแดนระหว่างมิติได้คืนสู่สมดุลธรรมชาติไปแล้ว
“ขอบคุณค่ะ”
เธอพูดเช่นนั้น แล้วเริ่มจุดไฟเผาร่างของมนุษย์ม้าไซบอร์กจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
” เด็กคนนั้น คงอยากให้ข้าน้อยนำอัฐิไปฝั่ง เลยพามาที่นี่—”
เธอว่าเช่นนั้น แล้วเริ่มต้นใช้มือที่เปรอะเปื้อนฝุ่นโกยผงโลหะเหลวกับอัฐิเข้าใส่ถุงกระเป๋าของตัวเอง
ผมไม่รู้จักเด็กมนุษย์ม้าคนนี้
แต่เขาต้องเป็นเด็กที่มีนิสัยดีมากคนหนึ่งอย่างแน่นอน
เพราะว่า—
” ถ้าไม่ได้เขาช่วย พวกเราคงตายไปแล้วครับ”
—วิญญาณดวงนี้ คือคนที่พาไซน์มาหาพวกเรา
พาคนที่มีผ้าคลุมป้องกันวิญญาณมาเพื่อปกป้องพวกเราจากพวกผีร้าย
” [เวอไดท์] หลับฝันให้สบาย เดียวข้าน้อยจะดูแลทุกคนให้เอง ขอบคุณมาก”
ถึงจะเป็นเพียงดวงวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์
ถึงสมองจะเป็นเครื่องจักรกล
ถึงกระนั้น ความรักและหวงแหนที่มีต่อบุคคลอันเป็นเสมือนมารดา หาได้ด้อยไปกว่าผู้มีวิญญาณอันสมบูรณ์
เปลวไฟแห่งการสวดส่งลุกโชติช่วง
เผ่าพันธะสัญญาแห่งการผูกมัด สลายกายเนื้อ ปลดกายวิญญาณ
เสียงสลับกีบเท้าดังก้องกังวาล บอกอำลาผู้เสมือนมารดา กลับฐานคืนสู่แดนคนตาย—
***
“~¶”
[เอโซ ดูอารมณ์ดีจังเลยนะคะ ^_^”
” เห็นเป็นแบบนั้นหรือลาพิส? ”
[ใช่ค่ะ]
พวกเรากำลังนั่งตากลมทะเลอยู่ใต้แสงจันทร์
ก้อนวัตถุที่ดูคล้ายเครื่องเตาพลังงาน ที่ข้างในเป็นฟาร์มโคลนนิง กำลังบินลอยผ่านเหนือผิวคลื่นทะเลด้วยความเร็วที่เชื่องช้า
มันบินอย่างอ่อนโยน เพื่อระวังไม่ยอมให้ผู้โดยสารตัวน้อยทั้งร้อยชีวิต รวมไปถึงเจ้าฮีโร่ตัวน้อยที่ดื้อรั้นของพวกเรา ต้องมาลืมตาตื่นจากความเหนื่อยล้า
หากมีใครมองดูพวกเราตอนนี้ คงเป็นต้องขยี้ตามองดูซ้ำว่าวัตถุประหลาดบินได้ก้อนนี้คือสิ่งใด
รูปร่างประหลาด บินช้า จนดูเหมือนเป็นยานจานผีที่เตรียมรุกรานโลกเลยละ
[แล้วตกลงอารมณ์ดีเรื่องอะไรหรือคะ? _?]
“ก็เรื่องเจ้าหนูน้อยตัวจิ๋วนะสิ”
[? _?]
น้ำเสียงของสหายเอโซเปี่ยมไปด้วยความปิติยิน
ถ้าตาไม่บอด ฉันคงเห็นรอยยิ้มที่กำลังฉีกกว้างถึงใบหูอยู่แน่ ๆ
“ตอนแรกเราวางแผนให้เด็กคนนี้เกลียดเรา เพื่อจะได้ไปเริ่มชีวิตใหม่ใต้การดูแลของเจ้าตำรวจหนุ่ม หรือไม่ก็แม่ค้ากระต่ายนั่น อยู่กับพวกเรามันไม่ค่อยจะเป็นมิตรต่อการเรียนรู้ของเด็กเท่าไหรหรอก”
เธอเว้นช่วงพักหายใจ ก่อนจะเริ่มพูดต่ออย่างอารมณ์ดี
“แต่แทนที่จะเกลียด แทนที่จะสูญเสียจุดยืนเดิมจนหันหน้าหนีไปหาที่พักพิงใหม่ เธอกลับใช้วิธีหลอกใช้ยัยบ้าแมรี่โกลว์ ใช้ความฉลาดกับไหวพริบตัวเองเพื่อเคลื่อนไหวคนอื่นให้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แล้วยังใจกล้าหน้าด้านจะตามพวกเรามาอีก— ถือว่าทำได้น่าประทับใจเลยทีเดียว”
เอโซหยุดพักหายใจเป็นรอบที่สอง
” เราว่าเราถูกใจเด็กคนนี้ขึ้นมาแล้ว ลาพิส แมรี่โกลว์ มาฝึกให้เธอมีจิตวิญญาณไปถึงระดับ [เทพเจ้า] ด้วยกันเถอะ
MANGA DISCUSSION