“นั่น— พี่สาวลาพิส!!? ”
บนซากลิฟท์ที่พังทลาย มีร่างของสตรีผมสีฟ้ากำลังนอนกระอักสารเหลวสีแดง
ร่างของเธอเปื้อนไปด้วยฝุ่นกับรอยแผลถลอกจำนวนมาก
มีสารเหลวสีแดงไหลทะลักออกมาจากทางปากเธอไม่ขาดสาย
มันเกิดอะไรกันขึ้น?
เรื่องราวเหล่านี้ คงต้องขอย้อนความกลับไป—
—เลื่อนเวลาให้ไหลย้อนกลับ—
—ภาพของสตรีผมสีฟ้ากำลังเคลื่อนย้อนกลับ ลอยกลับขึ้นไปตามโถงลิฟท์—
—เศษซากประตูบานคู่ที่พังลง กำลังลอยกลับเชื่อมประสานคืน—
—เลื่อนเวลาให้ไหลย้อนกลับ—
—ย้อนเวลากลับไป สู่ช่วงตอนที่การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้น ณ ห้องจัดงานเลี้ยงของคาร์นิวอย—
***
“ข้างนอกมีสัตว์ประหลาด ข้างในมีผู้หญิงป่าเถื่อนไล่ฆ่า!? ”
“นี่มันบ้าอะไรกัน! ไม่ใช่ว่าพวกเราควรจะได้กินอาหารกันอย่างมีความสุขหรอกหรือยังไง!”
“ยานพัง แถมยังหนีออกไปไม่ได้!”
“ม่ายยยยยยยยยยยยย!!”
เสียงกรีดร้องของเหล่าสมาชิกคาร์นิวอยเบื้องหลังยังคงดังขึ้นไม่ขาดสาย
ผู้คนต่างวิ่งหนีกันอย่างอลหม่าน ไม่รู้เหนือใต้ ไร้กฏระเบียบ
“อย่า— อย่าทำ—”
*ฉัวะ-!*
คนแล้วคนเล่าที่ต้องล้มตัวลงจมกองเลือด เพราะฝีมือของนังนักบวชเผ่ามนุษย์หนู
ทั้งลูกน้อง ทั้งสมาชิกสาขาของข้า
ทุกคนกำลัง…!!
“— ข้าทนไม่ไหวแล้วโว๊ย!”
“เดียว นั่นเจ้าคิดจะทำอะไร? เซี่ย~? ”
“ข้าจะออกไปจามหัวยัยบ้านั่นให้ขาดสองท่อน!”
“จะบ้าเรอะ? ฝีมือยัยบ้านั่นน่ากลัวขนาดนี้ใครจะเอาอยู่กัน? เซี่ย? ”
“ใครมันจะยอมให้มาหยามถึงถิ่นง่าย ๆ แบบนี้กันวะ!”
“ศักดิ์ศรีมันแดกไม่ได้นะ เซี่ย~”
“งั้นเชิญพวกเจ้าหนีไปกันก่อนได้เลย!”
“ตามใจเจ้าแล้วกัน เซี่ย”
ข้ากำลังหันหลังให้กับพรรคพวกผู้ก่อตั้งกลุ่มคาร์นิวอย แล้วเดินตรงไปที่ริมระเบียงของชั้นลอย
สองตาก้มลงมองดูยัยปีศาจหนูผมสีฟ้า
ยัยสารเลวนั่นกำลังไล่สังหารเหล่าลูกน้องของข้าเป็นว่าเล่น
ข้า— จะยอมให้มันมาลูบคมไปมากกว่านี้แล้ว!
มือซ้ายกระชากเสื้อสูทจนขาดด้วยความโกรธ แล้วเผยชุดต่อสู้ [Battle suit] ที่ถูกสวมทับเอาไว้
มือขวาหยิบด้ามเหล็กยาวหนึ่งเมตรออกมาจากสายรัดเอวที่ซ่อนเอาไว้ใต้ชุดสูท
เสียงเปิดเครื่องเริ่มดังกังวาลออกมาจากปลายนิ้ว พร้อมกับที่แท่งเหล็กเริ่มยืดยาวออกมาจนมีขนาด 3 เมตร
ที่ปลายด้าม มีคมขวานขนาด 1 เมตรผุดปรากฏพร้อมกับแผ่ไอรังสีความร้อนสีแดงน่ากลัว
เพราะชีวิตชาวประมงไม่รู้ว่าจะถูกสัตว์ประหลาดยักษ์บุกเมื่อไหร ข้าเลยไม่เคยคิดที่จะถอดชุดเสริมพลัง หรือปล่อยให้มีอาวุธห่างจากกาย นอกจากเวลาอาบน้ำ
ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ได้หยิบเอามันมาใช้นอกเวลางาน อย่างเช่นในเวลาแบบนี้
“ยัยปีศาจหนู!”
ข้ากำลังยืนเล็งปลายขวานไปที่นักบวชปีศาจ
ยัยนั่นกำลังสนุกอยู่กับการโจมตีผู้อื่น ดังนั้นไม่มีทางจับการโจมตีของข้าได้อย่างแน่นอน
จังหวะที่คนเรามักเผลอผ่อนคลายการระวัง คือช่วงจังหวะที่กำลังโจมตีผู้อื่น
ผู้ล่าจักกลายเป็นผู้ถูกล่า
“ตาย—”
มันเป็นแค่เสี้ยววินาทีที่ข้าลั่นไกยิงรังสีแสงออกมาจากปลายด้ามขวาน
ในช่วงจังหวะ…
ในช่วงจังหวะที่แสงสีแดงพุ่งตรงออกไป…
จังหวะที่แสงโจมตีกำลังจะปะทะใส่ใจกลางหน้าผากของมัน…
ฉับพลันนั้นร่างกายของมันก็มาปรากฏตรงหน้าข้า
มาปรากฏบนชั้นลอยที่อยู่สูงขึ้นมาตรงนี้
“!!!”
ข้ารีบก้มตัวหลบ
ชุดรบเสริมพลังส่องประกายแสงสีแดง ขับดันเสริมกายเนื้อ เร่งอนูเซลล์ตอบสนองรับรู้
ข้าก้มหัวหลบส่วนเรียวขาบาง ๆ ของศัตรูที่วาดเป็นครึ่งจันทร์เสี้ยวผ่านเหนือหัว
*โครม!*
โต๊ะที่วางอยู่ข้างหลังถึงกับถูกแตะปลิวว่อนลอย ถูกบดละเอียดเป็นผุยผงในพริบตาเดียว
ถ้าข้าหลบไม่ทัน คงมีสภาพไม่แคล้วไปจากโต๊ะสุดหรูตัวนั้น
“อ๊ะ!? ”
การโจมตีของยัยปีศาจยังไม่จบ
นังนี่กำลังวาดขาซ้ายลงจากเหนือหัวในท่าตอกส้น เตรียมเอาปลายเท้าเปล่าทิ่มลงมาใจกลางกระหม่อมของข้า
“ชิ!”
ข้ารีบถอยออกมาหนึ่งก้าว
แต่หลบไม่พ้น
ปลายขอบหน้าอกของข้าถูกปลายเท้าเปล่าของนางขูดปะทะ จนเกิดเป็นรอยถากขาดที่ยาวราว 1 เมตร
พื้นยืนที่ถูกเท้าของนางกระแทก ได้ยุบตัวจนกระทั้งทะลุไปจนถึงพื้นชั้นล่าง
ในจังหวะที่ทุกอย่างกำลังระเบิดออก ข้าได้เร่งพลังงานของชุดรบ เพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้ที่ว่าง
เศษซากวัสดุที่ระเบิดออกแตกกระจายปลิวว่อนไปทั่ว กำลังถูกฉายเป็นภาพที่ทำให้ช้าลง
ข้าตวัดขวานพร้อมเร่งประจุรังสีในช่วงมิติเวลาที่กำลังถูกหยุดนิ่ง จากการถูกเร่งขอบข่ายการรับรู้ที่ว่างของข้า แล้วโจมตีสวนกลับใส่ยัยปีศาจที่ขากำลังจมลงไปในรูบนพื้นเมื่อกี้
*เคร๊ง!*
ยัยปีศาจใช้มือขวาต่อยสวนขวานของข้า
ใช้มือเปล่าต่อยคมขวานที่ถูกหุ้มด้วยรังสีความร้อนกว่า 1,000 องศา เนี่ยนะ!?! มันบ้า—
*พลั๊ก!*
“— อั๊ก!”
ข้ากำลังอาเจียนออกมาเป็นก้อนเลือดสีน้ำเงินขนาดใหญ่
ยัยปีศาจหนูตัวนี้มันใช้มือเปล่าเบี่ยงขวานรังสีของข้า ด้วยการใช้ฝ่ามือสัมผัสมาตรงจุดที่ไม่มีพลังงานหุ้มเอาไว้ แล้วสวนกลับข้าด้วยลูกถีบที่รุนแรงระดับลูกปืนใหญ่
ร่างกายของข้าถึงกับพุ่งปลิวตัวงอ
พุ่งกระแทกใส่ราวกันตก แล้วร่วงลงไปใส่หม้อต้มซุปร้อน ๆ ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางห้องโถง
“ร้อน!”
ข้ารีบตาลีตาเหลือกกระโดดออกมานอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นพรม
เสียงหายใจถี่ดังไปพร้อมกับดวงตา ที่จ้องมองศัตรูซึ่งกำลังกระโดดลงมายืนลงบนพื้นอย่างนุ่มนวล
มัน— ใช้มือเปล่าปัดขวานรังสีของข้าได้ยังไง?
พื้นที่ ที่ไม่มีพลังงานหุ้ม คือส่วนที่ใช้กระจายรังสีออกมาจากด้ามขวาน ซึ่งมีพื้นที่เพียงแค่ 5% จากพื้นที่ขวานทั้งหมด
ทั้งแรงแตะแล้วยังความแม่นยำในการตอบสนอง
พลังระดับนี้มันไม่ใช่ระดับที่สิ่งมีชีวิตธรรมดาจะพึงกระทำได้
แถมชุดคลุมนักบวชนั้น มันยังดูเป็นชุดนักบวชธรรมดา ที่ไม่ใช่ชุดนักรบซึ่งมีความสามารถในการเสริมประสิทธิภาพทางร่างกาย
ยัยนี่เป็นตัวอะไรกันแน่?
พวกที่ได้รับการดัดแปลงจากเผ่าในตำนานอย่างงั้นเรอะ!?!
ในตอนนั้นเองที่ข้าพึ่งสังเกตุเห็นบางอย่าง
บนแก้มขวาของยัยปีศาจหนู มีรอยแผลจาง ๆ ปรากฏอยู่
บางทีคงเป็นรอยแผลแรก ที่ข้าลอบโจมตีเธอ แล้วเธอหลบมันไม่พ้นทั้งหมด
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ประเด็นสำคัญคือ [สีของเลือด] ที่ไหลอาบแก้มข้างนั้นต่างหาก
มัน— มีสี [แดง]
เผ่ามนุษย์, เอลฟ์, คนแคระ นั้นมีเลือดสีแดง
เผ่าภูติมีเลือดสีใส
เผ่ายักษ์มีเลือดสีดำ
เผ่ามนุษย์มดมีเลือดสีเขียว
แล้วก็เผ่ามนุษย์สัตว์ที่มีเลือดสีน้ำเงินหรือฟ้า
“อ๊า… ข้ารู้—”
*พลั๊ก!*
อยู่ ๆ นั่งวายร้ายก็พุ่งเข้าชกอัดปากข้าเต็มเหนี่ยวซะงั้น
“โอ๊ยยยยยย! เจ็บโว๊ย! ปกติเวลานี้มันต้องยืนรอให้ข้าได้พูดสิ่งที่คิดออกไปก่อนไม่ใช่หรือยังไงฟะ!? ”
ข้ารีบกลิ้งตัวตั้งหลัก แล้วใช้ขวานรังสีเตรียมเล็งยิงสวน
แต่ยัยหนูปีศาจมันเร็วมาก
ยังไม่ทันที่ข้าจะได้เหนี่ยวไกปืน ยัยนี่ก็วิ่งไล่ตามประชิดข้าไปแล้ว
“ชิ!”
ข้าไม่มีแม้แต่โอกาสจะสวนมันกลับ หรือทิ้งระยะห่างเพื่อชิงความได้เปรียบเรื่องอาวุธ
อาวุธที่ยาวถึงสามเมตรกับขนาดร่างกายที่สูงถึงสองเมตรครึ่งของข้า กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ข้าเสียเปรียบต่อศัตรูที่ตัวเล็กกว่าถึงสองเท่า ด้วยระยะการต่อสู้คลุกวงในที่ข้าไม่ถนัด
“หน่อย!”
ไม่ผิดแน่
เลือดที่มีสีแดง
การตอบสนองที่ดูยังไงก็ไม่ใช่เกิดจากความสามารถตามธรรมชาติ
ยัยนี่ต้องเป็นพวกสิ่งมีชีวิตดัดแปลงจากการทดลองอาวุธสงครามของใครสักคนอย่างแน่นอน!
“อั๊ก!”
ข้าถูกหมัดของนางอัดกระแทกใจกลางอกเป็นรอบที่สอง
คราวนี้ถึงกับตัวลอยขึ้นกลางอากาศสูงกว่าห้าเมตร
ชุดเกราะสงครามถึงกับแตกร้าว มีเสียงไฟฟ้าลั่นดัง วงจรภายในรวนเรพังทลาย
แสงสว่างสีแดงได้ดับลงหายไปจากผิวเนื้อผ้า
เบื้องหน้าข้า คือพื้นห้องโถงสุดหรูที่กำลังค่อย ๆ ลอยออกห่าง
ลอยออกห่างจนกระทั้งหยุดนิ่ง แล้วเริ่มกระชั้นชิดเข้ามาใกล้แทน
สายลมที่ตีพัดใส่หน้า กำลังบอกให้ข้ารู้ว่ากำลังร่วงกลับคืนสู่ผืนดิน
“…”
ไม่มีทางเอาชนะ
แต่กระนั้น ถึงจะไม่ชนะ ข้าก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้
ข้ามองดูทวงท่าของยัยปีศาจหนูที่กำลังง้างแขนเตรียมโจมตี
สองขายึดพื้นจนมั่น แลดูเป็นการเตรียมออกท่าหมัดอันหนักหน่วง
ข้ากำลังรอเวลา
*ผัวะ!*
รอเวลาที่หมัดของศัตรูกำลังง้างออกมาโจมตีใส่ข้า
ข้ายอมทิ้งขวานสุดห่วง ใช้มันเป็นโล่รับหมัดของศัตรู
มองดูเจ้าของสุดรักแตกหักครึ่ง
ยอมทิ้งแขนขวาที่ใช้ถือขวานซึ่งกำลังส่งเสียงกระดูกหักดังลั่น แล้วอ้าปาก เผยเขี้ยวยาวเพื่อเตรียมขย้ำลงไปบนหัวไหลของมัน
*ผัวะ!*
อั๊ก!
มันเบี่ยงตัวหลบ แล้วหมุนตัวกระโดดถีบตอกส้นใส่ปากของข้า
ข้ารู้สึกได้ถึงรสเลือดเค็ม ๆ กับซี่ฟันที่กำลังแตกร้าว
สติ— กำลังจะเลื่อนลอยหายไป…
“ข้า— ไม่ยอมแพ้!!”
แต่ข้าจะไม่มีวันยอมแพ้
ข้าใช้พลังเฮือกสุดท้าย ออกแรงใช้แขนขวาที่หัก คว้าผ้าคลุมยาว ๆ ที่ดูน่ารำคาญของมันเอาไว้
คว้ามัน แล้วออกแรงบิดตัว เพื่อโยนมันส่งไปให้ไกล
“!!!? ”
ข้าว่าข้ามองเห็นมันกำลังเบิกตาโตใส่ข้า ผ่านใต้ผ้าคลุมปิดตาของมันเอง
ผ้าคลุมกลายเป็นจุดบอดที่ทำข้าสามารถเล่นงานมันกลับได้สำเร็จ
ร่างกายเล็ก ๆ ของมันกำลังลอยโด่งข้ามห้องโถง
ลอยพุ่งผ่านบนโต๊ะตัวหนึ่งที่วางใกล้ลิฟท์จนเกิดเสียงจานชามแตกกระจาย พร้อมโดนซอสมะเขือบนถาดพิซซ่าเปรอะเปื้อนไปทั่วตัว
ย้อม— ให้ผมสีฟ้ากลายเป็นสีแดงฉาน
ยัยปีศาจที่เปื้อนเลือด— หรือมะเขือเทศตัวนั้น กำลังลอยปลิวไปตามแรงเหวี่ยงจนใกล้จะกระแทกใส่บานประตูลิฟท์ข้างหลัง
“กระแทกประตูลิฟท์ตายไปซะ!!”
ข้าพยายามอวยพรให้เป็นแบบนั้น
แต่ยัยปีศาจหนูกลับบิดตัวกลางอากาศ สร้างแรงศูนย์ถ่วงใหม่จนสามารถพลิกตัวกลับมาตั้งหลักได้แทน
มันใช้ขาสองข้างยันลงบนบานประตูลิฟท์ เพื่อพร้อมที่จะถีบตัวเองส่งกลับมาทางข้าอีกครั้ง
ไม่—
ข้าหมดแรงที่จะต่อต้านมันแล้ว—
แต่กระนั้น ข้าก็ยังลุกขึ้นยืนตั้งท่าสู้อย่างถวายชีวิต—
*โครม!*
—… เฮ้ย?
อยู่ ๆ บานประตูลิฟท์ที่ยัยนั่นใช้ยันเท้าก็พังลงไปทั้ง ๆ แบบนั้น
จะว่าไป ไอประตูลิฟท์บ้านั่นก็เก่าเกินแกงมาตั้งนานแล้ว…
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่อย่างน้อยข้าก็สามารถไล่ยัยนั่นไปได้สำเร็จ
ข้า… ระ— รอดแล้วสินะ?
MANGA DISCUSSION