สิ่งปรากฏตรงหน้า คือความเป็นจริงที่ทำให้สมองของฉันกลายเป็นสีขาวโพลน
คือมีคิดเอาไว้แล้ว
คิดเอาไว้และเตรียมใจ ว่าอาจจะได้เห็นอะไรแบบนี้
แต่ความเป็นจริง มันกลับโหดร้ายมากกว่าสิ่งที่ฉันจินตนาการ
ฉัน— คิดแค่ว่ามันคงเป็นห้องวิจัยเล็ก ๆ ที่มีแคปซูลกับตัวโคลนของฉันบรรจุเอาไว้
แต่ความเป็นจริงมันคือ [ฟาร์ม]
เป็น [ฟาร์ม] เลี้ยงสัตว์ที่ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตที่มีหน้าตาเหมือนกับฉันราวกับฝาแฝด มารวมตัวอาศัยเป็นหมูเป็นหมา
พวกเธอล้วนแต่คลานสี่ขา
ก้มหน้าก้มตากินอาหารจากถาดด้วยปากอย่างมูมมาม
ไม่สวมเสื้อผ้าแล้วทำตัวเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน
ถูกเลี้ยงแบบควบคุม มีสายท่อโยงใยเพื่อให้สารอาหารอย่างเฉพาะเจาะจง จนมีสีผิวและรูปร่างผิดแปลก
เหม็น… แล้วยังดูน่าเวทนา
พวกเธอล้วนต่างถูกดูแลให้ต่ำยิ่งกว่าสัตว์เลี้ยงเสียอีก
“อ๊า—”
พูดอะไรไม่ออก
ร่างโคลนของฉัน พวกเธอไม่ทำอะไรเลย นอกจากกินกับนอนแล้วก็รอวันเชือด
แม้แต่ขนาดมีผี [หัว] คอยไล่กินอยู่รอบ ๆ ตัวพวกมัน พวกมันก็ยังไม่คิดที่จะวิ่งหนี
ราวกับไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะพยายามเอาชีวิตรอด
ฉันมองดูคนที่หน้าตาเหมือนตัวเองกำลังทยอยถูก [หัว] พุ่งทะลุผ่าน
ร่างที่ถูก [หัว] กินจะไม่มีบาดแผลทางร่างกาย
แต่พวกเขาจะห่อเหี่ยว ดวงตามืดสิ้นแสงสว่าง ดูไร้จิตวิญญาณ กลวงโบ๋อย่างไร้ความหมายที่จะมีชีวิต
“ข้าน้อยไม่อยากจะเชื่อ…”
พี่สาวกระต่ายมองไปรอบห้องพร้อมกับกัดริมฝีปากตัวเอง
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรฟะ! ไอบ้าหน้าไหนคิดพิเรนทร์ใช้เทคโนโลยีโคลนทำเรื่องแบบนี้!? ”
ส่วนทางพี่ชายมนุษย์กำลังตะโกนด้วยความโกรธ
เขาหยิบมือถือที่เป็นโมเดลปืนลูกโม่ขึ้นมาถือด้วยมือซ้าย แล้วเริ่มใช้มันถ่ายบันทึกภาพต่าง ๆ ตรงหน้าเอาไว้
ส่วนฉันนั้น
*ตึ๊ก*
กำลังเดินเข้าไปในใจกลางฟาร์ม
“คิดจะทำอะไรกันเจ้าค่ะ!”
มือที่อ่อนนุ่มและอบอุ่นกำลังรั้งตัวของฉันเอาไว้
“ต้องช่วย—”
“มันทำอะไรไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ! เธอ… ทำอะไรไม่ได้… เจ้าค่ะ… ”
น้ำเสียงของพี่สาวกระต่ายฟังดูเศร้าหมอง
ฉันเข้าใจสิ่งที่เธอพูด
ตัวฉันที่อยู่ตรงหน้าและกำลังถูกผี [หัว] ไล่กิน มันมีจำนวนมากทีเดียว
อาจไม่ต่ำกว่า 100 คน
แต่ฝั่งฉันนั้น ต่อให้รวมพวกพี่สาวกระต่ายเข้าไป ก็ยังมีเพียงแค่ 3 คน
ผ้าคลุมนักบวชที่ใช้กันผีเองก็มีระยะครอบคลุมสั้น
น่าจะกันได้แค่ราว 3 เมตร
สรุปคือฉันไม่มีทางช่วยพวกเธอได้
ฉัน… ทำอะไรไม่ได้เลย…
“คุณควอตซ์ รบกวนฝากดูคุณหนูไซน์ทีครับ เดียวผมจะลองหาทางดูว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง”
ฮืม?
ฉันเงยหน้ามองพี่ชายมนุษย์
นี่เขา—
“ช่วย? คุณ ออน คุณคิดจะทำอะไรหรือเจ้าค่ะ? ”
“ยังไม่มีแผนการ แต่มันต้องมีทางออกสักทางอยู่แล้ว”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็น แล้วคุกเข่าลงเพื่อจ้องดวงตาของฉันที่กำลังสับสน
“หนูไซน์ เธอไม่ต้องกลัว เดียวเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนี้จะสืบหาคนที่ทำเรื่องแบบนี้กับเธอ รวมไปถึงช่วยพวกเธอที่เป็นแบบนั้นให้เอง”
พี่ชาย ออน…
พี่ชายยังไม่รู้ ว่าฉันรู้อยู่แล้วว่าใครคือคนร้าย
ฉันรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่…
“แต่เป็นเพราะว่ายังมี [หัว] พวกนี้บินอยู่รอบ ๆ พี่อาจต้องรบกวนฝืนใจน้อง ช่วยเดินมาพร้อมกับพวกพี่ ถ้าพวกเราไม่เริ่มเคลื่อนไหว คนที่ทำเรื่องแบบนี้จะยังคงลอยนวลต่อไป พี่ต้องการหลักฐานและข้อมูลเพิ่ม น้องพอจะเดินไหวไหม? ”
“พี่—ความจริงแล้ว… ฉัน—”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด [เวอไดท์] ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย!”
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมาอย่างไม่คาดคิดจากพี่สาวกระต่าย
ฉันกับพี่ชายมนุษย์รีบหันไปทางเสียงนั้น
“—-!!!”
สมอง… คิดอะไรไม่ออกอีกแล้ว—
สิ่งที่พี่สาวกระต่ายกำลังชี้ตรงไปด้วยมือที่สั่นเทาอย่างรุนแรง คือห้องกระจกกั้นแยก
ภายในห้องกระจกนั้นมันดูคล้ายกับโถงลิฟท์
มีรถเข็นสนามแม่เหล็กจำนวนมากถูกวางทิ้งเอาไว้อย่างระเกะระกะ
บนรถเข็น มีอาหารประเภทจาน [เนื้อ] กับ [ตับ] ย่าง ที่ใช้ร่างโคลนของฉันเอามาปรุงเรียงจัดวางเอาไว้
ที่รู้ว่าทำมาจาก [ฉัน] เพราะพวกมันทำเรื่องโหดร้ายอย่างการตัดส่วนหัวของฉันเอาไปวางไว้อยู่บนถาด…
“—…”
แต่ที่น่าตกใจไม่ใช่จานอาหารที่มีหัวสด ๆ วางเอาไว้บนจาน
แต่เป็นจานอาหารที่วางอยู่ตรงกลางของกลุ่มรถเข็น
เป็นจานอาหารที่ทำมาจากเด็กชายเผ่ามนุษย์ม้าคนหนึ่ง
เด็กชายคนนั้นมีผมยาวสีทอง มีครึ่งร่างกายเป็นเครื่องจักร และอีกครึ่งเป็นร่างเนื้อ
เขาเป็นเด็กชายที่ฉันพึ่งรู้จักกันเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้
พี่ [เวอไดท์] คนที่อยู่ใต้การดูแลของคุณพี่สาวกระต่าย…
เขาถูกคว้านครึ่งร่างส่วนที่เป็นเนื้อ เอามาทำเป็นจานอาหารต่าง ๆ วางเรียงอยู่รายรอบตัวของเขา
ส่วนร่างของเขา— ได้กลายเป็นซากเครื่องจักรกลไซบอร์กที่ว่างเปล่า
เนื้อของเขาถูกเอาไปย่าง
หนังของเขาถูกถลกเอาไปทำเป็นเมนูหัน
พวกมันล้วนถูกทำให้มีขนาดเล็กพอดีคำ ราวกับเป็นอาหารที่ใช้สำหรับเพื่อ [ชิม] และ [กิน]
“ทำไม—”
ทำไมพี่เวอไดท์ถึงถูกพวกคาร์นิวอยจับตัวมาทำเป็นอาหารได้?
ทำไม—
แล้วฉันก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา
คนที่ให้พี่เขาพามาแอบลักลอบค้นห้องทำงานของคุณเสือกินคน
คนที่รู้ทั้งรู้ว่ามันอันตราย แต่ก็ยังหน้ามั่นในความสามารถของตัวเองว่าปกปิดตัวตนดีพอ แล้วให้เขามาด้วยกัน
คน ๆ นั้นก็คือฉันคนนี้
พวกคาร์นิวอยรู้อยู่แล้วว่าผู้บุกรุกคือฉัน
พวกมันคงตามรอย แล้วไปเจอพี่ชายเวอไดท์ เลยจับตัวมาสอบสวนพร้อมกับฆ่า…
[ฉัน] – – – คือสาเหตุการตายของเขา
“คุณควอตซ์ ใจเย็นก่อนครับ!— น้องไซน์ด้วย! พวกคุณสองคนใจเย็น ๆ ก่อน!”
พอรู้ตัวอีกที ฉันกับพี่สาวกระต่ายก็กำลังมุ่งหน้าไปที่ห้องกระจกตรงนั้นแล้ว
“รอก่อน— ช่วยไม่ได้…!”
พี่ชายมนุษย์คำรามออกมาอย่างอับจนหนทาง
เขายอมเดินตามพวกเราผ่านใจกลางฟาร์มไปที่ห้องกระจก
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ใช้สองมือคว้าร่างโคลนของฉัน ที่ยังไม่ถูก [หัว] กินติดมือมาด้วย
แถมเขายังยอมสละเสื้อนอกของตัวเองมาห่มให้พวกเธอสวมใส่ทั้งที่อากาศมันหนาว
ขอบคุณนะคะพี่ชายมนุษย์ ที่ยอมช่วยพวกเธอ…
“ช่วยได้มากที่สุดแค่ 2 คน ทำได้เท่านี้ ขอโทษด้วยนะ”
“…”
ช่วยมาได้แค่สองคน…
ฉัน… ทำได้ดีที่สุดเพียงแค่นี้…
ไม่สิ
ฉันไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเลยเสียด้วยซ้ำ
“ [เวอไดท์] ! [เวอไดท์] ! สมอง! สมองกลของเขาเองก็ถูกทำลายไป!? ไม่จริง! บอกข้าน้อยทีว่านี่คือความฝัน!! ใครกันที่บังอาจทำกับเขาแบบนี้!!”
พี่สาวกระต่ายกำลังร้องไห้เสียงดัง
สภาพจิตใจของเธอกำลังแตกสลาย
ฉัน… ทำอะไรไม่ได้เลย
ปากบอกจะช่วย แต่ทว่า—
แต่ทว่าแค่ร่างโคลนของตัวเองก็ยังช่วยอะไรไม่ได้
[ฉัน] คือสาเหตุของความโชคร้าย…
ดึงคนอื่นมาเกี่ยวข้อง จนเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องตาย
ฉันไม่ควรพาพี่เวอไดท์ออกสำรวจด้วยกันตั้งแต่แรก
ฉัน…
*ตึง!*
“เหวอ!?!”
เรือทั้งลำกำลังสั่น
ฉันถึงกับล้มทั้งยืน
เวลาเดียวกันก็ได้ยินเสียงคล้ายเครื่องยนต์ดับ
ไฟห้องดับสนิท ก่อนจะกลับมาติดด้วยไฟสีแดงฉุกเฉิน
ปล่องลิฟต์ตรงหน้ามีเสียงวัตถุขนาดใหญ่กำลังร่วงหล่นลง
*โครม!*
เกิดเสียงบางอย่างคล้ายวัตถุตกกระแทกใส่พื้น
ประตูลิฟท์ถูกแรงอัดอากาศกระแทกอย่างรุนแรงจนระเบิดแตกออก
ภายในนั้นเต็มไปด้วยเศษซากของลิฟท์ที่แตกพังทลาย
“นั่น— พี่สาวลาพิส!!? ”
บนซากลิฟท์ที่พังทลาย มีร่างของคนที่ฉันรู้จักกำลังนอนกระอักเลือดสีแดง
สารเหลวแดงนั้นกำลังไหลทะลักออกมาจากทางปากเธอไม่ขาดสาย
ไหลออกจากร่างของพี่สาวแสนใจดี [ลาพิส] ของฉัน
***ในมุมมืดห่างออกไปไม่ไกล ณ จุดที่เทพหัวเหลืองกำลังเฝ้ามองดูอยู่***
“ทำไมถึงมีกลิ่นมะเขือเทศปนมากับกลิ่นเลือดกันได้ฟะ ยัยลาพิส? ”
MANGA DISCUSSION