“ขี้โกง! ขี้โกงเจ้าค่ะ! สิ่งมีชีวิตประเภทไหนมันบินทะลุกำแพงได้เจ้าค่ะ!? ขี้โกงเจ้าค่ะ!”
“ใส่ตีนหมาโกยโลด!”
วิญญาณ [หัว] กำลังบินไล่ล่าพวกผม
พวกมันเพิ่มจำนวนมากขึ้น จากเดิมที่มีหนึ่งจนกลายเป็นสอง
สาม…
สี่…
หะ— ห้า หัว!?!
“จะแห่มากันเยอะไปแล้วโว๊ยยยยย!”
ผมกระโดดหลบเจ้าหัวที่ห้าเหมือนตัวเอกในเกมส์ชื่อดังที่สวมชุดสีแดงไว้หนวด เพื่อหลบเจ้าหัวที่ห้าที่กำลังอ้าปากงับขึ้นมาจากพื้น
ริมฝีปากของมันบินทะลุผ่านปลายเท้าของผมไป—
บินทะลุผ่านไป!!
“เท้าผม! เท้าผมขาดแล้ว! อ๊ากกกก———– ก็ยังไม่ขาดนี่หว่า? ”
ผมหันไปมองดูปลายเท้าขวาที่ยังติดอยู่กับขาของตัวเองเป็นอย่างดี
น่าแปลกที่เท้ายังติดอยู่กับขา แต่กลับรู้สึกด้านชาราวกับว่ามันไม่ได้มีอยู่จริง
“มัวทำอะไรอยู่เจ้าค่ะ! วิ่งค่ะ วิ่ง!”
“รู้แล้วครับ!”
ผมกัดฝันแล้วฝืนใช้เท้าที่ด้านชาออกตัววิ่ง
ความเร็วช้าลงเกือบครึ่งหนึ่ง…
“ชิ!”
ในเมื่อวิ่งหนีไม่ทันคงมีแต่ต้องต่อสู้เท่านั้น
ผมชักปืนรังสี แล้วกลับหลังหันไปเล็งใส่หัวที่กำลังบินไล่ตาม
ผมนึกถึงสิ่งที่นักบวชหัวเหลือง กับบันทึกของวีรบุรุษเอซที่เคยได้สอนเอาไว้ตอนครั้งเหตุการณ์หมอกปีศาจ
วิญญาณไม่มีตัวตน แต่เป็นสิ่งมีชีวิตรูปแบบพลังงาน
การจะทำลายสิ่งที่ไร้รูปกาย มีแต่จะต้องเล่นงานด้วยสิ่งที่อยู่ในมิติเดียวกับมัน
เล็งโจมตีไปที่จุดสมดุลพลังงานวิญญาณของมันซะ!
*เปรี๊ยะ!*
เสียงคลื่นไฟฟ้าดังลั่นเสียดสีอากาศ
แสงสังหารสีฟ้าวิ่งตัดทะลุผ่านใจกลางหน้าผากศัตรู ปะทะผนังกำแพงด้านหลังจนเกิดเป็นรอยไหม้เท่ารูเข็ม
*กีส!*
วิญญาณตรงหน้าคำรามลั่น
ร่างกายที่ก่อตัวของมันได้แตกสลายเป็นละอองฝุ่นแสง ในช่วงเวลาเดียวกับที่ส่วนปากกำลังจะพุ่งกลืนกินร่างกายของผมเข้าไป
มันเป็นละอองแสงที่ให้สัมผัสเย็นจนชวนขนหัวลุก
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่ชั่วขณะที่สัมผัสกับละอองพวกนั้น เหมือนว่าจะได้ยินเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือดังแว่วขึ้นมาที่ปลายหู…
“คุณตำรวจเจ้าค่ะ!?!”
“ผมไม่เป็นอะไร วิ่งต่อไปครับ!”
ผมยังคงวิ่งแบบกะเผลกขาตัวเองไปพร้อมกับสาดกระสุนรังสีใส่ หัว ที่บินไล่ตามมา
แต่มันเริ่มที่จะเล็งยากขึ้น
พวกมันอีกสี่ตัวเริ่มเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวแรก พากันบินทะลุหายเข้าไปในกำแพง แล้วอ้อมทะลวงโจมตีมาจากพื้นกับเพดานอย่างไม่ให้ซุ่มเสียง
” หืม? ”
แต่น่าแปลก
ทั้งที่พวกมันอยู่หลังกำแพง แต่ทำไมผมยังมองเห็นตำแหน่งของพวกมันได้?
ผม– มองเห็นเป็นแสงสีฟ้าจาง ๆ ทรงกลม กำลังบินผ่านอยู่หลังสิ่งกีดขวาง
สองตัวจากทางขวา
อีกสองกำลังจะมาจากทางพื้น
” ฮึ่ม!!”
ผมใช้เท้าซ้ายออกแรงกระโดดหลบหัวที่โจมตีมาจากพื้น แล้วยิงส่วนกลับไปใจกลางจุดรวมแสงตรงดวงตาขวา
ใช้แขนซ้ายยันพื้น เพื่อดันร่างกายม้วนตัวหลบหัวอีกสองตัวที่กำลังบินโจมตีมาจากกำแพง
แล้วรีบกลิ้งม้วนตัวกลับมาตั้งหลัก นั่งชันเข่า เล็งยิงสวนใส่หัวที่กำลังพุ่งไล่ตาม—
ในตอนนั้นเองที่ผมเห็นอะไรบางอย่าง
หัวแรกที่ควรสลายไปแล้วนั้น มันได้กลับมาก่อตัวเป็นรูปร่างอีกครั้งตั้งแต่เมื่อไหรก็ไม่อาจจะทราบได้
ซึ่งเจ้าหัวที่ว่านั้น มันกำลังพุ่งลงมาจากทางเพดาน!
ถึงจะมองเห็น แต่การเคลื่อนไหวของผมมันช้าไป
หลบไม่ทันแล้ว—
” อันตรายเจ้าค่ะ!”
“อุก!”
คุณกระต่ายกระโดดเข้ามารัดตัวผมในจังหวะที่มันพุ่งขึ้นมาพอดี
เธออุ้มผมในท่าเจ้าหญิง แล้วใช้พลังขาอันน่าเหลือเชื่อของเผ่ากระต่าย กระโดดถีบผนังเรือไปมาเพื่อเร่งความเร็ว
ผมเห็นใบหูของเธอกำลังขยับ
ดูเหมือนว่าเธอจะใช้ความสามารถในการฟังเสียงของเผ่ากระต่าย ใช้มันเพื่อจับตำแหน่งของศัตรู
เธอพุ่งตรงไปในทางเดิน หลบการโจมตีของวิญญาณ [หัว] ราวกับมีตาทิพย์ แล้วมุ่งตรงไปที่บันไดด้านหน้า
เธอกระโดดข้ามราวกันตกบันไดที่สูงกว่า 150 ขั้นลงไปชั้นล่างอย่างไม่มีความลังเล แล้วหยุดพักลงในห้องที่ดูคล้ายกับเป็นห้องเครื่องยนต์ขนาดใหญ่
“เกือบไปแล้วนะเจ้าค่ะ”
“ขอบคุณ… ครับ…”
ผมลงมายืนบนพื้นจากท่าอุ้มเจ้าหญิงของเธอ
ถึงจะรู้สึกอาย แต่ตอนนี้ชีวิตสำคัญมากกว่า
ผมลงมายืนบนพื้นด้วยสองเท้าของตัวเอง
ความรู้สึกที่ด้านชากำลังหมดไป
ตอนนี้คิดว่าคงสามารถวิ่งด้วยตัวเองไหวแล้ว
*ฮูมมมม*
เสียงผีคำรามดังมาจากด้านบน
ดูท่าว่าจะยังตามตื้อไม่เลิก
ไอผีบ้าพวกนี้ไม่คิดจะให้พวกตรูได้พักกันเลยใช่ไหม!!
“รีบหนี–”
[เราขอให้คำแนะนำอย่าง ถ้าไม่อยากตาย จงทำเป็นไม่เห็น ไม่รับรู้ว่ามีพวกมันอยู่ไปซะ]
ในตอนนั้นเองที่ผมนึกถึงคำแนะนำของนักบวชหัวเหลืองก่อนแยกทางกัน
หรือว่าจริง ๆ แล้วผมควรที่จะ—
“คุณ ควอร์ต ไม่จำเป็นต้องหนี ผมมีแผนการแล้วครับ”
***ในเวลาเดียวกัน***
*เก๊ง*
ฉันกำลังเดินตามรอยเท้าที่ปรากฏขึ้นบนพื้น พร้อมกับมีคุณ [หัว] คอยบินวนดูอยู่ห่าง ๆ
“อืม… ”
ดูไปดูมา [หัว] พวกนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ
เหมือนปลาทองที่อ้าปากพะงาบ ๆ ตลอดเวลาแบบนั้นเลยละ~
” ว่าแต่คุณผีจะพาฉันไปที่ไหนหรือคะ? ”
*กุบ ๆ เก๊ง*
คุณผีเคาะเท้าตอบ แล้วเดินต่อไป
แบบว่าไม่เข้าใจเลยสักนิดค่ะ…
ฉันเดินตามรอยกีบเท้าจนกระทั้งมาถึงห้องอะไรสักอย่างที่เต็มไปด้วยเครื่องจักรกับท่อโยงใยไปทั่ว
ที่มุมของห้องมี [หัว] จำนวนห้าหัว กำลังบินวนเป็นวงกลมล้อมอะไรบางอย่างอยู่
บางอย่างที่มีหูกระต่ายกับมนุษย์เพศชายคนหนึ่งที่ฉันรู้จัก
นั่นพวกพี่สาวกระต่ายนี่น่า!
ดูเหมือนว่าพวกพี่จะยังปลอดภัยกันดี
พวกเขาเอาแต่นั่งนิ่งเป็นรูปปั้น แล้วมองศัตรูโดยไม่คิดขยับเคลื่อนไหว
ส่วนฝั่งพวก [หัว] มันไม่ยอมโจมตีใส่พวกพี่กระต่าย
พวกมันทำแต่บินหาพวกเขา อ้าปากกว้างกลืนอากาศ พุ่งกินตามมุมที่ว่างเปล่า เหมือนเป็นคนตาบอดที่พยายามควานหาอาหาร
“ออกไปให้ห่าง ๆ เดียวนี้นะ!”
ฉันวิ่งตรงไปทางพวกพี่ ๆ
ทันทีที่วิ่งเข้าไปใจกลางดงผี พวก [หัว] ก็กรีดเสียงร้องโหยหวน แล้วพากันบินหนีออกห่างไปในทันที
ผ้าคลุมนี้ได้ผลชะงักดีแท้ค่ะ~
“นี่เธอ— เด็กที่อยู่กับพวกลาพิส? ”
“ใช่ค่ะ! พวกพี่ไม่เป็นอะไรนะคะ!!”
“แย่ละสิ เคลื่อนไหวโจ่งแจ้งแบบนี้พวกมันต้องรู้ตัวแน่ รีบหนี— เดียว… ทำไมพวกมันไม่เข้ามาโจมตีกันละ? ”
พวกเราสามคนต่างมองหน้ากันเองด้วยความสงสัย
จะว่าไป— เรายังไม่ได้รู้สถานการณ์ของแต่ละฝ่ายเลยนี่น่า…
” เรื่อง [หัว] พวกนี้ไม่ต้องห่วงค่ะ ตราบที่มีฉันอยู่ พวกมันจะไม่เข้ามาโจมตีเด็ดขาดค่ะ! ความลับคือผ้าคลุมผืนนี้ค่ะ แทน แท่น แท้น ~ ¶¶”
” เจ้าค่ะ? _? ”
” จะว่าไป พวกมันก็ไม่เข้ามาโจมตีจริง ๆ นั่นละ…”
พี่สาวกระต่ายกับพี่ชายมนุษย์ต่างมองฉันแล้วสลับไปมองพวก [หัว] อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
” พวกพี่อาจจะงงว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้น ฉันจะเล่าให้ฟังเองค่ะ!”
เพื่อปกป้องพี่สาวกระต่ายกับพี่ชายมนุษย์ ฉันเลยเริ่มเล่าทุกอย่างให้พวกเขาฟัง
เล่าตั้งแต่ตัวจริงของพี่สาวเอโซ ที่ไม่ใช่ฮีโร่ แต่ความจริงเป็นนักปราบผีที่เป็นเทพเจ้าลงมาเกิด
เล่าว่าพี่เอโซจงใจให้เรื่องนี้เกิดขึ้น เป็นคนที่ทำให้ผีปรากฏตัว พร้อมกับเตรียมผ้าคลุมตัวนี้มาเพื่อรับมือพวกมันตั้งแต่แรก
เล่าว่าพี่เอโซไม่ได้มาเพื่อปราบคาร์นิวอย
เล่าว่าพี่เอโซไม่สนใจพวกพี่สาวกระต่ายกับพี่ชายมนุษย์ และจงใจปล่อยให้ตายเพราะพวกผี—
“เดี่ยว เดี่ยว เดี่ยว! เรื่องเฟ้อฝันอะไรของเธอกันเนี่ยเจ้าค่ะ! ทั้งผี ทั้งเทพเจ้า อะไรยังไง? ข้าน้อยไม่เข้าใจเจ้าค่ะ!”
แง~
คุณแม่ค้ากระต่ายไม่ยอมเชื่อที่เล่าให้ฟังอ๊ะ!
“… ผมเชื่อคำพูดของเด็กคนนี้”
แต่พี่ชายมนุษย์เชื่อฉันละ
รักพี่ที่สุดเลย~!
“นี่คุณ… เออ— เชื่อจริง ๆ หรือเจ้าคะ? ”
” ถ้าเรื่องผีสางนะเชื่อ เพราะผมนะเป็นพวกที่ [มองเห็น] นะครับ แต่เรื่องเทพเจ้านี่คงต้องไปถามจากปากเจ้าตัวเองโดยตรง แต่เรื่องที่บอกว่าคุณเอโซจงใจปล่อยให้พวกเรามาตาย อันนี้ผมว่าไม่จริงหรอกนะครับ น้องไซน์”
“? ”
หมายความว่ายังไง?
” เห็นตอนที่พวกผมถูกพวกผีล้อมเมื่อกี้ไหม? ดูเหมือนว่าผีพวกนี้มันจะไม่มีหู ตา จมูก พวกมันจะรับรู้แต่สิ่งที่เคลื่อนไหวและตอบสนองกับพวกมัน พอพวกเราหยุดเคลื่อนไหว ทำเป็นไม่รับรู้เห็น พวกมันก็หาพวกผมไม่เจอทันที ซึ่งอันนี้เป็นคำแนะนำของคุณเอโซที่บอกผมมาก่อนแยกจากกันนะครับ”
” เอ๊~? ”
จริงดิ?
แหม่~ พี่สาวเอโซแอบมีให้คำแนะนำเอาไว้ก่อน แล้วก็ไม่ยอมบอกฉัน
นี่ฉันเข้าใจพี่สาวผิดไปเสียแล้วซิ
แต่มันก็มีอีกหลายเรื่องที่ยังน่าโมโหพี่เอโซอยู่ดีค่ะ!
” แล้วที่เธอออกมาตามหาพวกเรา เป็นเพราะว่าห่วงอย่างงั้นหรือเจ้าค่ะ? ”
” ใช่ค่ะ!”
” ทั้งที่พึ่งจะเจอกันได้แค่วันเดียวเองนะเจ้าค่ะ”
” ไม่เห็นเกี่ยวเลยพี่สาวกระต่าย ฉันแค่รู้สึกว่าปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้ มันก็เท่านั้นเองค่ะ”
“เด็กดี… มากเจ้าค่ะ”
“เด็กดีสุด ๆ ”
อยู่ ๆ พี่ ๆ ทั้งสองคนก็เข้ามาลูบหัวฉันเฉยเลย
งือ~ รู้สึกดีจาง~
” แล้ว— ที่หาพวกเราเจอ เป็นเพราะผีที่ยืนอยู่ตรงด้านหลังตรงนั้นสินะ? ”
” พี่เห็น? ”
” ผมเห็นเป็นแค่ราง ๆ รู้ว่าเป็นเด็กเผ่ามนุษย์ม้าคนหนึ่งที่มีขาสี่ข้าง ครึ่งตัวขาดหาย แล้วก็ส่วนหัวที่กลวงไม่สมอง เห็นเป็นแบบนี้นะ ”
“กรี๊ดดดดด!!!? ฟังดูน่ากลัวค่ะ!!”
ดูเหมือนว่าพี่ชายมนุษย์จะมีความสามารถรับรู้วิญญาณดีกว่าฉันละ
แต่ว่ารู้ร่างจริง ๆ ของคุณม้าเป็นแบบนี้เองหรือเนี่ย?
ออกจะน่ากลัวสยดสยองอยู่ค่ะ!
“เผ่ามนุษย์ม้า? พวกท่านทั้งสองคุยอะไรกันเจ้าค่ะ… ข้าน้อยไม่เห็นว่าจะมีอะไรยืนอยู่ตรงนั้นเลยเจ้าค่ะ แต่ว่าเด็กเผ่ามนุษย์ม้า… คงไม่น่าใช่… ไม่หรอก… ไม่มีทางเจ้าค่ะ… ”
ส่วนพี่สาวกระต่ายพึมพัมอะไรสักอย่างกับตัวเองด้วยสีหน้าตึงเครียด
พี่ชายเห็นเป็นเงาวิญญาณพิการ
ฉันเห็นแค่รอยกีบเท้า
พี่สาวกระต่ายไม่เห็นอะไรเลย
ถ้าให้เรียงลำดับความสามารถในการรับรู้วิญญาณตอนนี้ คงมีพี่ชายเป็นอันดับหนึ่งละ~
” เหมือนว่าเขาอยากจะให้พวกเราตามเขาไปนะครับ”
พี่ชายมนุษย์พูดเช่นนั้น แล้วเริ่มเดินตามรอยกีบเท้าไปอย่างไม่มีความลังเล
ส่วนพี่สาวกระต่ายดูไม่ค่อยเต็มใจที่จะตามมาเท่าไหรนัก
แต่เนื่องจากไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ควรทำยังไง พวกเราเลยยอมเชื่อผีประหลาดที่ไม่รู้จัก
เพราะอย่างน้อยเขาก็เป็นผีที่ดี ที่พาฉันมาช่วยพวกพี่
เขาเชื่อถือได้ค่ะ
” หืม? หายเข้าไปในเตา? ”
รอยกีบเท้านั้นมาหยุดลงตรงหน้าเครื่องเตาพลังงานขนาดใหญ่
แสงไฟจำนวนมากกำลังไหลไปตามท่อที่โยงใยไปทั่ว
มันเป็นภาพที่ดูทรงพลัง แต่ก็ดูน่ากลัวในเวลาเดียวกัน
“… ข้าน้อยว่าพวกเราเดินย้อนกลับดีกว่าเจ้าค่ะ”
“เดียวก่อนครับ… มันน่าแปลก… ทำไมเตาพลังงานถึงไม่มีเสียงสสารไหล? ”
“มันก็ปกตินี่เจ้าค่ะ? ข้าน้อยเคยได้ยินว่าเครื่องยนต์เรือเดินสมุทรมันล้ำสมัยมาก ถึงขนาดที่ว่าสารไหลในเครื่องยนต์มันเงียบกริบ ผิดกับเครื่องยนต์ส่วนบุคคลที่พวกเราใช้กันนะเจ้าค่ะ”
” แต่นี่มันเงียบเกินไป”
พี่ชายมนุษย์พูดแบบนั้น แล้วเริ่มเอามือคลำไปตามผิวของเครื่องยนต์ตรงหน้า
“…”
ฉันว่าฉันเห็นประตูซ่อนอยู่ละ
เพราะถูกคุณเสือกินคนฝึกมาให้งัดแงะเป็นตั้งแต่เด็ก เลยถูกฝึกให้รู้จักวิธีสังเกตุประตูลับไปด้วย
หากสังเกตึให้ดี ตรงที่ผิวของเครื่องเตาปฎิกรณ์ที่โค้งและเต็มไปด้วยท่อพลังงาน มันจะมีส่วนหนึ่งที่เรียบ เว้าเป็นขนาดความสูงเท่าบานประตูพอดี
ถึงจะมีท่อโยงใยติดทำเนียนเอาไว้ แต่ท่อพวกนั้นกลับไม่มีแสงพลังงานเดินทิ้งเอาไว้
ตรงนี้ละที่น่าสงสัย
ฉันเดินตรงไปที่จุดนั้น แล้วเอามือคลำเบา ๆ
คลำไปเรื่อย จนพบว่ามันมีรอยแยกเล็ก ๆ พอให้เอานิ้วลอดเข้าไปได้
*แกร๊ก*
วินาทีที่เอานิ้วแตะมัน บานประตูลับก็เปิดแง้มออก
แสงสว่างเจิดจ้าจากภายในห้อง กำลังแยงเข้าตาสองข้างจนต้องหรี่ให้เล็กลง
แล้วฉันก็ได้เห็น
เห็นสิ่งที่ฉันไม่สมควรเห็นมันมากที่สุดในชีวิตของฉันเอง
***ในมุมมองของคุณกระต่าย
ผี… วิญญาณ… เทพเจ้า…
ข้าน้อยกำลังอยู่กับคนบ้าเจ้าค่ะ
ต้องรีบหาทางชิ่งหนีแล้วเจ้าค่ะ
MANGA DISCUSSION