ณ งานเลี้ยงมื้อใหญ่ของคาร์นิวอย
อาหารพิศดารแสนโอชะจำนวนมากกำลังถูกส่งเรียงรายนำมาวางบนโต๊ะอาหาร
บรรดาสมาชิกต่างลิ้มรสอย่างสำราญ จวบจนเวลาล่วงเลยมาได้หนึ่งชั่วโมง
มื้ออาหารถูกนำพาผ่านไปห้าจานหลัก ไล่เรียงเตรียมขึ้นอาหารจานที่หก
หม้อต้มผักรวมมิตร [เผ่านางไม้]
สิ่งมีชีวิตรูปแบบพืชที่มีสติปัญญาจำนวนห้าคนได้ถูกนำมาต้มรวมในหม้อต้มขนาดใหญ่
ต้มจนร่างกายเปื่อยยุ่ยนุ่มลิ้ม อีกทั้งได้น้ำซุปรสแสนหวานจากน้ำตาลที่ละลายออกมาจากใบเลี้ยงที่เรียงร้อยตามกาย
รูปร่างของอิสตรีแสนงามอันดับหนึ่งในจักรวาล ถูกลอกเปลือกจัดวางเป็นอาหารตาประดับหม้อต้ม
จานอาหารซุปแสนงามเลิศรสที่ว่า มันกำลังถูกเข็นมาวางใจกลางลานห้องจัดเลี้ยง ปล่อยให้กลิ่นหอมลอยโชยยั่วกระตุ้นปุ่มลิ้นรับรสชาติ แล้วตักแบ่งเตรียมเสริฟให้แก่ผู้คน
” (อีกแค่สองจาน ก็จะถึงคิวของข้าแล้ว) ”
มนุษย์เสือยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมในระหว่างที่มองดูจานซุปกำลังถูกรินเทใส่ถ้วยแบ่งแต่ละใบ
เสียงดนตรีวงออเคสตร้ายังคงดังบรรเลงอย่างไพเราะ
ทุกอย่างล้วนดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่น
เขาเริ่มจินตนาการถึงอนาคต
อนาคตที่ทุกคนจะลิ้มรสอาหารจากฟาร์มเพาะเลี้ยงโคลนนิง
ไม่ต้องเสี่ยงลักพาตัวใครอีก
ไม่ต้องเสี่ยงทำเรื่องผิดกฎหมาย—
*ตึ่ง!*
“หืม? ”
เสียงบรรเลงเพลงดนตรีหยุดชะงัก
ประตูบานโตที่เป็นทางเข้าหลักเพียงหนึ่งกำลังสั่นไหว
“ผู้บุกรุก!”
“จัดการมัน!”
เหล่าแขกที่ไม่อาจรับรู้เห็นโลกภายนอก นอกจากเสียง ต่างพากันมองไปทางประตูเป็นสายตาเดียว
เสียงปืนรังสีดังรัวต่อเนื่องไม่ขาดสาย
มีเสียงอัดกระแทกดังขึ้นต่อเนื่องมิหยุดยั้ง
จนกระทั้ง—
*บรึ้ม! *
—เกิดเสียงระเบิดดังลั่น
ทุกอย่างล้วนสงบนิ่งเงียบหลังสิ้นเสียงระเบิด
ไม่มีแขกผู้ใดกล้าที่จะเคลื่อนไหวหรือลงมือทานอาหารตรงหน้าต่อ
“ขอให้แขกทุกท่านอยู่ในความสงบครับ ไม่ว่าผู้บุกรุกจะเป็นใคร ป่านนี้คงลงไปอยู่ในหม้อต้มแล้วครับ ”
เพื่อไม่ให้บรรยากาศของงานถูกทำลาย เจ้าภาพผู้น่าเกรงขาม ซิงเคไนต์ จึงลุกขึ้นยืนคำรามด้วยเสียงอันดัง ก่อนจะหยิบถ้วยซุปขึ้นมาซดอย่างสำราญใจ
เหล่าแขกต่างพากันหัวเราะให้กับมุขของเขา แล้วเริ่มลงมือจัดการอาหารตรงหน้าต่อ
เสียงดนตรีเริ่มบรรเลงขึ้นอีกครา
ส่วนบุรุษเสือยังคงยืนมองไปที่ประตูทางเข้า ด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจเท่าไหรนัก
” (ไอบ้าตัวไหนมาบุกรุกงานเลี้ยงของข้ากันฟะ หรือว่าจะเป็นหมายเลขศูนย์? แต่มันไม่น่าจะมีความสามารถระดับนี้…) ”
เขาคิดเช่นนั้นก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเอง
*ตึ่ง!*
แต่ทว่าเสียงกระแทกประตูเหล็กบานหนาที่ดังขึ้นอีกครั้ง มันทำให้เขาต้องจำใจลุกขึ้นยืนต่อ
*ตึ่ง!*
ครั้งที่สอง
*ตึ่ง!*
ครั้งที่สาม
*โครม!!*
จนกระทั้งบานประตูเหล็กเปิดออกกว้าง
สตรีเผ่ามนุษย์หนูผู้หนึ่งกำลังเดินเข้ามาภายในห้องด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง
เธอสวมชุดคลุมสีดำของนักบวชศาสนาเทพทั้งสาม
มีผมยาวสีฟ้าที่งดงามเหมือนน้ำทะเล
แต่ใบหูหงิกงอผิดรูป และสวมผ้าปิดตาตัวเฉกคนที่มีดวงตามืดบอด
ชั่วพริบตานั้น ทุกคนในห้องโถงต่างรู้สึกว่าหัวใจของตัวได้ถูกแย่งชิงไปโดยสตรีที่งดงามราวเทพธิดาผู้นี้
ทว่ามนสะกดแห่งความงามของเธอกลับมีผลเพียงแค่ชั่วคราว
จิตใจที่พิกลแปลกพิศดารของผู้คน ทำให้พวกเขาเกิดความคิดที่ผิดเพี้ยนมากกว่าความเสน่หา
[สตรีที่งดงามเช่นนี้ จะมีรสชาติอร่อยเพียงใดกัน?]
“ใครวะ…”
บุรุษเสือที่นั่งบนชั้นลอยมองไปทางสตรีร่างบางด้วยความสงสัย
เกิดอะไรขึ้นกับลูกน้องของข้า?
แล้วนังตาบอดนี่เป็นใคร?
ตำรวจสากล?
หรือว่าจะเป็นผู้เกี่ยวข้องกับยัยหนูหมายเลขศูนย์?
ดูยังไงก็ไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน…
ให้ตายเถอะ จะบอกว่าสตรีตัวเล็กที่ตาบอดคนนั้น เป็นคนจัดการลูกน้องทั้งหมดที่เฝ้าอยู่ข้างนอกอย่างงั้นเรอะ?
แพ้ให้กับเผ่ามนุษย์สัตว์ที่พิการ?
ข้าไม่เชื่อหรอก!
มนุษย์สัตว์ที่พิการ ไม่ต่างอะไรไปจากคนที่ตายไปแล้ว
“มัวยืนบื้ออะไรกันวะ ฆ่ามัน!”
การที่มันบุกรุกเข้ามาถึงที่นี่ คงเป็นเรื่องของโชคช่วยมากกว่า
ไม่จำเป็นต้องไปคิด ว่าตัวตนที่บุกรุกคือใคร
ไม่จำเป็นต้องไถ่ถามคนที่กำลังจะตาย
ฆ่าแล้วกิน นี่ละคือสัจธรรมของโลกใบนี้
“ขอเชิญแขกทุกท่านดื่มดำกับอาหารต่อ คนของเราจะจัดการให้เอง”
บุรุษเสือประกาศด้วยเสียงอันดัง แล้วหยิบแก้วไวท์ขึ้นมาดื่ม พร้อมกับมองดูการแสดงจากบนที่นั่งชั้นหนึ่ง
ใช่แล้ว
ถือซะว่าเป็นการแสดงอย่างหนึ่งไปแล้วกัน—
***
สตรีผมฟ้ากำลังยืนนิ่งคิดพิจารณา
สมาธิคำนึงถึงคำสั่งเพียงหนึ่งที่ได้รับมอบหมาย
[จงไปดึงความสนใจศัตรู]
ทำเช่นไรดี?
ทำเสียงหนวกหูดึงความสนใจ?
ก่อความวุ่นวายแบบหลบซ่อน?
วิธีการอ้อมค้อมเหล่านี้ หาใช่วิถีทางของเธอไม่
” (เข้ามาเลยค่ะ) ”
การต่อสู้ต่างหาก ที่เป็นวิถีทางของเธอ
“ฆ่ามัน!”
ลูกทะเลจำนวนไม่ต่ำกว่า 100 คนกำลังกรูเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงทั้งจากทางซ้ายและขวา
เสียงชักรังเพลิงอาวุธดังขึ้นรัวมิขาดสาย
คมดาบหอกรังสีส่องแสงประกาย พร้อมหมายแยกร่างศัตรูให้เป็นแปดส่วน
เสียงดนตรีเริ่มบรรเลงเป็นจังหวะเร้าใจ เสริมบรรยากาศเติมแต่งให้สนุกสนาน
เปิดม่านบทละครเวทีแห่งการต่อสู้ชิงชัยเอาชีวิต
“ยิง!”
แสงรังสียิงโหมกระหน่ำไปทั่วหล้า
สาดแสงเป็นเส้นทิวแถวราวห่าฝน
กระหน่ำ พุ่งตรงทั่วทุกตาราง ไม่หวังคิดให้มีพื้นที่หลีกหนี
ทว่าไม่มีฝนใด ที่จะสามารถกระทบพื้นพร้อมกันได้สมบูรณ์
ทุกจังหวะลมหายใจที่เหนี่ยวไก มิอาจกระหน่ำเหนี่ยวนำแสงออกมาได้พร้อมเพรียง
เสียววินาทีแห่งการเหลื่อมล้ำ คือช่วงจังหวะช่องว่างเพียงหนึ่งให้หลบหลีกหนี
สตรีมนุษย์หนูใช้จังหวะที่ว่านั้น เล็ดรอดหลบหลีก ประหนึ่งราวกับเป็นเส้นด้ายที่วิ่งลอดผ่านห่วงรูเข็มที่วางเรียงรายอย่างสับสน
เคลื่อนตัวอย่างไร้ซึ่งความสูญเปล่า หมุนพลิกตัวไปตามกระแส
นำตัวเองเคลื่อนไหวฉีกออกข้าง
หนึ่งจังหวะจักเคลื่อนย้ายตัวตน ห่างหายหลบคลื่นแสงมรณา
สองลมหายใจฉับพลับเข้าประชิด
สามหมัดฝ่ามือทะลวงอก ดันร่างเผ่ามนุษย์กอลิล่าที่ใหญ่กว่าถึงเท่าตัว ลอยกระเด็นข้ามห้องอัดติดแน่นผนังไป
“!!!— ยะ… อย่าไปกลัวมัน! มันก็แค่เด็กผู้หญิงคนเดียวเท่านั้น!”
ชายเผ่าสิงโตที่ยืนอยู่ใกล้คำรามลั่น
ราชสีห์แห่งป่าจักหมายขย้ำหนูตัวจ้อยด้วยกรงเล็บรังสี
มือทั้งห้าแผดแสงรังสียืดยาว กลายเป็นเขี้ยวเล็บสังหารที่แผ่รัศมีกว้างไกลห้าเมตร—
*พรึบ! *
ถูกบดบังวิสัยทัศน์
เจ้าป่ากำลังถูกบดบังวิสัยทัศน์ด้วยผ้าคลุมสีดำที่เธอสวมใส
สตรีตัวน้อยใช้แขนเหวียงผ้าคลุมคล้ายกับเป็นการสาดสีดำ
จังหวะเดียวกันเธอได้ย่อตัวต่ำ แล้วใช้แขนซ้ายดันร่างพุ่งเป็นหอก ใช้ปลายเท้าอัดใส่หน้าอกจนกระดูกร้าวทิ่มแทงภายใน ทะลุหัวใจตายฉับพลัน
ชายสิงโตอาเจียนเลือดสีน้ำเงินไหลบาดออกทางปาก ดวงตามืดบอด สิ้นใจในพริบตา
การโจมตีของเธอไม่หยุดเพียงเท่านี้
เธอกลิ้งตัวหลบแสงรังสีที่สาดใส่จากทางด้านหลัง
หลบกระสุนปืนคำรามนับร้อยที่พุ่งจากด้านข้าง
แล้วเอียงคอทำมุม 20 องศาหลบกระสุนลอบสังหารที่ยิงมาจากชั้นบน
“หลบได้ทั้งหมด!? นี่บ้าชัด ๆ !”
หนึ่งในศัตรูเริ่มตื่นตระหนก
สตรีผู้ดวงตามืดบอดสัมผัสจิตที่ตื่นตระหนกนั้น แล้ววิ่งเข้าประชิดใส่ด้วยความเร็วสูง
“อ๊ะ!?!”
ใช้จังหวะที่เขากำลังสั่นกลัว พลิกวาดขาสูง
ใช้เรียวขาอ่อนที่เย้ายวน ตวัดตัดต้นคอด้วยความเร็วสูง จนหัวของเขาหลุดกระเด็น
แล้วใช้หัวที่หลุดออกมา แตะเป็นลูกกระสุน ยิงใส่คนที่กำลังซุ่มยิงจากชั้นลอย ร่วงลงมากระแทกพื้นคอหักตาย
ดอกไม้เลือดสีฟ้าจักเบ่งบานบนผื้นพรมแดงปักลายทองคำ
“เหวออออ!!!”
ศัตรูที่ยืนติดกับเธอกำลังคลั่งด้วยความหวาดผวา
เขาไม่สนใจทิศทางการเล็งยิงอีกต่อไป
เขาปลดล็อคระดับความแรงอาวุธ แผ่รังสีออกจากปลายดาบจนยิงเป็นเลเซอร์ที่ยืดยาวไร้ที่สิ้นสุด
ใช้มันเหวี่ยงฟาดฟัน โจมตีใส่ดอกไม้งามเพียงหนึ่งที่อยู่ใจกลางดงสัตว์ร้าย
” ไอบ้า หยุด–!!”
*ฉัวะ!*
เลือดสีน้ำเงินกำลังสาดกระเซ็น
เลือดของพวกพ้องที่ร่วมต่อสู้กำลังถูกพวกเดียวกันฟาดฟันเพราะความคลั่งตื่นตระหนก
เหล่าแขกชายหญิงที่เริ่มทราบชะตากรรม ต่างละทิ้งอาหารบนโต๊ะ ก้มตัวหลบ พากันวิ่งวุ่นหนีตาย
เสียงดนตรีบรรเลงหยุดนิ่ง แทนที่ด้วยเสียงกรีดร้องแห่งความทรมาน
ฝ่ายสตรีที่ถูกโจมตี เธอกำลังกระโดดหลบแสงที่ฟาดฟันราวกับเป็นการเล่นสนุก
เธอม้วนตัวตีลังกา ยิ้มร่าอย่างสนุกสนานเริงรม
จิตใจของเธอกำลังรีดเร้นสมาธิออกมาถึง ณ ขีดสุด
การรับรู้โลกทั้งใบของเธอกำลังถูกรวมเป็นหนึ่งโดยมีเธอเป็นศูนย์กลาง
มองเห็น
รับรู้
ได้ยิน
เป็นสภาวะที่ จิต วิญญาณ และกาย ได้ผสานเป็นหนึ่งเดียว
มันช่างสนุก
การต่อสู้มันช่างสนุกเหลือเกิน
เพราะมันสนุกตื่นเต้นเร้าใจเช่นนี้ เธอจึงไม่อาจหยุดยิ้มและสนุกไปกับการต่อสู้เสี่ยงตายได้
เสพติดมันราวกับเป็นการเสพติดยา
*พลั๊ก!*
สตรีสีฟ้าตีลังกา แล้วฟาดส้นขาใส่ใจกลางกระหม่อมของศัตรูที่บ้าคลั่ง
ส่วนหัวของเขาถึงกับยุบลงตามขนาดฝ่าเท้า แล้วแน่นิ่งสิ้นชีพไป
เธอไม่หยุดเพียงแค่นั้น
เธอกระโดดสูงหลบกระสุนแสงที่ยิงโจมตีกระหนาบจากรอบตัว
ในจังหวะเดียวกัน เธอได้ใช้ขาขวาเกี่ยวดาบแสงของศัตรูขึ้นมา
เธอถีบดาบรังสีเล่มนั้นที่ยังเปิดเร่งพลังงานจนสุด ปล่อยให้ควงหมุนกลางอากาศเป็นกงจักสังหาร
ดอกไม้สีฟ้าจากเลือดชาวประมงมนุษย์สัตว์เริ่มผลิบานกระจายขึ้นรอบตัวของเธอ
จนกระทั้งดาบแสงนั้นสิ้นฤทธิ์พลังงาน
ผู้ที่รอดชีวิต ถ้าไม่แขนขาด ก็วิ่งหนีหางม้วนไปหลบตามเสากำแพง
ทุกอย่างเริ่มนิ่งสงัดอีกครั้ง
ไม่มีใครกล้าขยับหรือแม้แต่จะหายใจ
ที่ใจปากทางเข้าของห้องจัดงานเลี้ยงอันหรูหรา
ท่ามกลางมวลหมู่รอยเลือดสีฟ้าที่เบ่งบานบนพรมสีแดง
มีสตรีสีฟ้าคนหนึ่งกำลังยืนอยู่บนท่ามกลางมวลหมู่ดอกไม้เลือด
เธอคนนั้นไร้ริ้วรอยแผล
ไร้รอยยับบนผ้าคลุม
แม้แต่รอยเลือด ก็ไม่หลงเหลือทิ้งเอาไว้บนร่างกายหรืออาภรณ์ของเธอ
เธอ– แขกไม่ได้รับเชิญผู้มีนามว่า [ลาพิส ลาซูลีล]
MANGA DISCUSSION