***เวลาเที่ยงคืนตรง 48:00 น.***
ณ บนเรือสินค้าขนาดใหญ่ซึ่งมีความยาวมากกว่า 400 เมตร สูง 73 เมตร
บนข้างลำเรือ มีตราและชื่อบริษัทของ [บริษัทอาร์โธร์โพดา พาส คอมพานี] ขนาดใหญ่สีขาวถูกเขียนเอาไว้
มันคือบริษัทคู่ค้ารายสำคัญที่ดำเนินธุรกิจขนส่งอันดับหนึ่งของโลก
ด้วยอำนาจ ภาพลักษณ์ กับชื่อเสียงที่มายาวนาน จึงทำให้เรือที่มีเครื่องกหมายการค้านี้ มีอภิสิทธิ์พิเศษที่จะถูกมองข้ามได้อย่างง่ายดาย
เป็นสถานที่เหมาะสมแก่การทำธุรกิจสีดำ
ยิ่งเบื้องหน้าขาวสะอาดมากเท่าไหร เบื้องหลังก็ยิ่งมืดดำมากขึ้นเท่านั้น
องค์กรคาร์นิวอยของพวกเรามีแทรกซึมไปแทบทุกวงการ
เพราะแบบนี้ การกินเนื้อต้องห้ามอย่างเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์หรือเนื้อบัญญัติสัตว์ผู้มีภูมิปัญญา จึงสามารถเล็ดลอดสายตาของผู้บังคับใช้กฏหมายมาได้ยาวนานถึง 20 ปี
แต่พวกเราคงทำเรื่องแบบนี้ได้อีกไม่นานเท่าไหรนัก
เพราะพวกตำรวจสากลมันเริ่มชักจะสงสัยพวกเรามากขึ้นทุกวัน
พวกเราคงเจอไม้แข็งเข้าสักวัน ขึ้นอยู่กับว่าจะช้าหรือจะเร็ว
“ข้าจะต้องรีบลงมือดันการทดลองนี้ให้ผ่าน”
คาร์นิวอยคือองค์กรที่ก่อตั้งเพื่อจุดประสงค์การกินเนื้อหายาก
ตั้งแต่เนื้อมังกร ไปจนเนื้อของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาที่อยู่ในกฏข้อห้ามของกฏหมาย
ความจริงแต่เดิมนั้น พวกเราคือกลุ่มนักสำรวจเล็ก ๆ ที่มีกันแค่เก้าคนในชื่อของนักสำรวจ [คาร์นิวอย]
พวกเรามักออกผจญภัยเสี่ยงชีวิต เพื่อหาสัตว์หายากมากินเป็นอาหาร
มันเป็นอดีตที่สนุก
แต่ในวันหนึ่ง พวกเราดันหลงป่าในทวีปแห่งสนามแม่เหล็ก
ในสถานการณ์ที่ไม่มีอะไรจะกิน มันเลยทำให้ความหิวกระหายมีชัยเหนือตรรกะและเหตุผล
ความอดอยาก ทำให้พวกเราต้องเอาพรรคพวกมากินเป็นอาหาร
เมื่อได้ลิ้มรสชาติอันยากจะลืม จึงไขว่คว้าปราถนาอยากลิ้มลองอีก
พวกเราอีก 6 ชีวิตที่เป็นผู้ก่อตั้งได้บรรลุสัจธรรมชีวิต
อาหารก็คืออาหาร
ไม่ว่าจะสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา หรือสัตว์ที่โง่งม หากว่าตาย จักเป็นได้เพียงแค่ก้อนโปรตีนที่ไม่แตกต่าง
หากความตายของเรากลายเป็นสารอาหารให้พรรคพวกอิ่มท้องได้ ยังจะมีประโยชน์มากกว่าปล่อยฝังดินให้เน่าเสือมสลายหรือเปล่า?
นั่นละคือจุดเริ่มต้นแนวคิดองค์กรของพวกเรา
ข้าคิดถึงอดีตไปพลาง เดินผ่านตู้คอนเทนเนอร์สินค้าที่วางเรียงรายบนเรือไปพลาง
เส้นทางที่ข้ากำลังมุ่งตรงไป คือทางลงไปที่ใต้ท้องเรือ
ผ่านห้องที่ถูกสร้างหลอกว่าเป็นห้องเก็บเตาปฎิกรณ์พลังงานรังสีที่สว่างจนรู้สึกแสนจะแสบตา
ผ่านประตูที่ล็อคหนาสองชั้นเข้าสู่ข้างในห้อง
กลิ่นเหม็นอับของโรงเลี้ยงสัตว์เริ่มลอยโชยมาแตะจมูกจนข้าต้องย่นคิ้ว
ห้องที่ถูกซ่อนแห่งนี้ คือปศุสัตว์ที่มีสิ่งมีชีวิตสองแขน สองขา สูงราวหนึ่งเมตร กำลังนอนกินอย่างมีอิสระเสรีบนกองฟาง
พวกมันทุกตัวมีหน้าตาเหมือนกันราวกับฝาแฝด
มีผิวเผือก ปลายหูแหลมสั้น และมีผมสีเงิน
พวกมันคือปศุสัตว์ที่ข้าสร้างขึ้นมาด้วยเทคโนโลยี่โคลนนิง— จากเด็กสาวเผ่าคนแคระที่ข้าเก็บมาเลี้ยง
เด็กสาว [หมายเลข 0] เมื่อแปดปีก่อน
ตอนแรกก็คิดแค่ว่าจะเก็บมาเพื่อได้ใช้ประโยชน์ในอนาคต แต่ไม่คิดเลยว่าจะไดนำมาใช้ในรูปแบบนี้แทน
อาหาร— ไม่จำเป็นต้องมีชื่อ
เพราะถ้าให้ชื่อจนมีความรู้สึกผูกพัน มันจะยากตอนที่จะฆ่าเพื่อเอาเนื้อมาทาน
อาหาร— ไม่จำเป็นต้องสวมเสื้อผ้าหรืออาบน้ำ
ข้าแค่มอบอาหาร และควบคุมในพื้นที่ปิดเพื่อความสะอาด แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
อาหาร— ไม่ต้องการความรักหรือความรู้
คงไม่มีใครจับเป็ดไก่ไปเข้าห้องเรียนหรอกจริงไหม?
สำหรับข้าแล้ว นังเด็กนั่นก็เป็นได้แค่ต้นฉบับอาหาร ที่เอามาเพื่อการวิจัยโคลนนิ่ง
ข้าใช้เวลาร่วมถึงสองปีพัฒนาเทคโนโลยีนี้ด้วยตัวเองกับพรรคพวก จนสร้างสวนอาหารแห่งนี้ได้สำเร็จ
โหดร้าย?
ถ้าหาว่าข้าโหดร้าย แล้วการกินเนื้อหมู เนื้อวัวมันต่างกันตรงไหน?
สัตว์เลี้ยงเพื่ออาหาร มันไม่ถือว่าโหดร้ายดอกหรือ?
ผิดหลักจรรยาบรรณกับกฏหมาย?
ตรงหน้าข้าคือเนื้อโคลนที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง
ถูกตัดต่อให้สมองฟ่อ จนทำได้เพียงแค่กินกับนอน
โง่ยิ่งกว่าสัตว์เดียรัจฉาน
ไร้วิญญาณและอัตตาความเป็นตัวตน
แล้วการกินก้อนโปรตีนที่ไร้อัตตาความคิด มันจะแตกต่างจากกินเม็ดก้อนโปรตีนสังเคราะห์ได้เช่นไร?
กินเนื้อเด็กที่ยังไม่โต?
ไข่ปลานะเคยกินไหม?
ลูกปลานะเคยกินไหม?
ไก่ในอุตสาหกรรมอาหารที่พวกแกกินทุกวัน รู้ไหมว่าพวกมันมีอายุเพียงแค่ 35-40 วัน ก็ถูกจับมาเชือดกินแล้ว
ไม่มีกฏหมายข้อไหนที่บัญญัติห้ามกินเนื้อโคลนหรือสัตว์เดรัจฉานมิใช่หรือ?
เอาจริง นี่ข้ากำลังช่วยเหลือสังคมเสียด้วยซ้ำ
มันช่วยให้องค์กรของพวกเราไม่ต้องไปลักพาตัวใครมาทำเป็นอาหาร
ไม่เกิดคดี ไม่มีใครเสียหาย และพวกข้า องค์กรคาร์นิวอยยังคงได้ลิ้มรสชาติของเนื้อต้องห้ามต่อไป
ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดเลยทั้งสิ้น
แถมถ้าขยายความรู้นี้ให้กว้างไกลมากขึ้นในรูปแบบอุตสาหกรรมอาหาร ข้าจะสามารถนำมันไปช่วยเด็กที่ยากไร้ รวมไปถึงแก้ไขสภาวะอาหารขาดแคลนได้อีกด้วย
ข้า— คือ [ฮีโร่]
“ใช่แล้ว สิ่งที่ข้าทำ มันไม่ผิด”
ข้าคือ [ฮีโร่] ต่างหาก
ข้ากระตุกยิ้มขึ้นที่มุมปากของตัวเอง แล้วเดินตรงไปที่ห้องควบคุม
“สินค้าเป็นยังไง? พร้อมจะนำไปใช้ในวันที่ 16 นี้หรือไม่? ”
“พร้อมครับ”
วันที่ 16 วันแห่งการชุมนุมมื้ออหาร
ผู้นำแต่ละสาขาจะมารวมตัว พร้อมกับเนื้อต้องห้ามที่ตนคิดว่าอร่อยที่สุด
ข้าจะใช้งานนี้เปิดตัวเนื้อฟาร์มคนแคระให้กับพวกเขา
ถ้าหากรสชาตินี้สามารถสนองลิ้นของพวกเขา พวกเราก็จะไม่ต้องเสี่ยงไปลักพาตัวใครมาอีก
” เอารายการสินค้าที่จะไปในงานมาขึ้นจอซิ? ”
“ครับ”
ข้าสั่งให้ลูกน้องฉายภาพสามมิติขึ้นบนอากาศเหนือพื้นที่ฟาร์ม
ภาพแรกคือสาวคนแคระผิวซีดเผือกที่อ้วนท้วน
มันถูกขุนให้ชั้นเนื้อเต็มไปด้วยไขมัน เตรียมพร้อมสำหรับการนำไปทำเป็นเนื้อหันที่มีไขมันแทรกเยิ้ม
รายที่สองมีผิวซีดเหลือง ดวงตาซึมเศร้าทุกข์ทรมาน
ตรงข้างเอวมีสายท่อยางเสียบทะลุ คอยส่งสารอาหารตรงไปที่ตับ เพื่อมอบสารอาหารอันอุดมสมบูรณ์จนตับของเธอมีขนาดใหญ่โตผิดปกติ
*ซูด—…*
เสียงสูดน้ำลายดังขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
เพียงแค่เห็นสองรายการแรก มันก็อดจินตนาการถึงรสชาติอันยอดเยี่ยมไม่ไหวแล้ว
“เป็นยังไงครับท่าน? ”
“ยอดเยี่ยม แต่พวกเราต้องรับผิดชอบสามรายการ อาหารจานที่สามควรเป็นเนื้อที่เกิดจากการลักพาตัวมาเพื่อเปรียบเทียบ [อีกาดำ] เจ้านั่นมันหารายการที่ข้าสั่งไปหรือยัง? ”
“ยังไม่ได้ครับ เห็นว่ารู้สึกเหมือนถูกจับตามองอยู่ สายของเราเลยไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรครับ”
” ให้ตายเถอะ”
ข้าถอนหายใจยาวออกมา
[อีกาดำ] คือสายลับขององค์กรที่ส่งเข้าไปในกรมตำรวจสากล
เขานั้นไม่อยู่ภายใต้อำนาจใคร และมักคอยส่งข่าวปลอมเพื่อปั่นหัวศัตรู
เห็นว่ามีฝีมือ ข้าเลยรู้สึกคาดหวังในตอนที่ได้คิวใช้งานมัน
แต่บอกตามตรงว่าผิดหวัง
แค่งานง่าย ๆ อย่างปล่อยให้หมายเลขศูนย์ตายเพื่อปิดปาก หรือจับเป็นกลับมากิน มันยังทำไม่ได้เลย
แล้วนี่ยังจะนิ่งเฉยไม่หาอาหารจานหลักมาให้ข้าอีก
อีกาดำ เอ็งคิดที่จะให้ข้าเสียหน้าในงานชุมนุมหรือยังไงฟะ?
“จริงสิ ไม่ใช่ว่าเมื่อตอนกลางวันพวกเราจับเด็กมนุษย์สัตว์-ม้า มาได้คนหนึ่งหรือเปล่า? ”
“ที่พวกเราดมกลิ่นตามไปจนเจอในตลาดหรือครับ? ”
“ใช่”
ข้านึกย้อนไปเมื่อเหตุการณ์ตอนกลางวัน
หลังจากล้มสัตว์ยักษ์ ก็พบว่ามีคนบุกรุกเข้ามาในห้องทำงานข้า
ข้าคิดว่าคงเป็นฝีมือสักองค์กรที่ใช้งานหมายเลขศูนย์ พยายามจะมาค้นหาข้อมูลเพื่อแบล็คเมล์
แต่พอสืบตามดมกลิ่นย้อนกลับ ดันไปเจอแค่เด็กมนุษสัตว์-ม้า ที่เป็นไซบอร์กแทน
จากการแอบลักพาตัวมาสืบสวน ทำให้รู้แค่ว่าเป็นเด็กซนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
สรุปคือเป็นฝีมือของหมายเลขศูนย์คนเดียว?
แค่อาหารตัวเดียวจะมาได้ไกลถึงขนาดนี้เลยเรอะ?
ไม่น่าจะใช่…
ส่วนการตามรอยกลิ่นของหมายเลขศูนย์นั้น ดันถูกกลิ่นเหม็นปลาร้ากับของหมักดองมากลบตอนช่วงกลางทาง
ให้ตายเถอะ มาคิดตอนนี้ก็ยังรู้สึกเสียดายเป็นบ้า ที่พลาดโอกาสจับฆ่าอีกครั้ง
“ถึงจะเป็นไซบอร์ก แต่ 50% ของร่างกายยังเป็นเนื้อ เอามาเป็นจานเปรียบเทียบรสชาติได้พอดี”
ข้าส่ายหน้า แล้วเริ่มออกคำสั่งให้ลูกน้องลงมือ
“รับทราบครับ จะรีบส่งคำสั่งให้พ่อครัวจับไปปรุงอาหารทันทีครับ”
ข้าแทบจะอดใจรอจนถึงวันที่ 16 นี้ไม่ไหวแล้ว
ข้าคิดเช่นนั้นไปพร้อมเลียริมฝีปากของตัวเองด้วยความกระหายอาหาร
***ในเวลาเดียวกัน***
ณ สำนักงานตำรวจสากล สาขา เทวภูมิ เมืองภาคตะวันตก
“ออน-เอ็ซท รบกวนชงกาแฟให้ผม กับ อาร์เซนิค หน่อยสิ ออน~”
” เออ… รุ่นพี่ ดิไลออน ครับ ผมไม่ได้สมัครเข้างานมาเป็นเด็กเสริฟกาแฟนะครับ? ”
“ก็เอ็งดันชงอร่อยเองนี่หว่า? ชั้นว่าแกเลิกเป็นตำรวจ แล้วหันไปเอาดีด้านพ่อครัวจะรุ่งกว่านะ”
“…”
ผมกำลังเดินไปผสมกาแฟให้กับรุ่นพี่ทั้งสองคนด้วยความรู้สึกที่เบื่อหน่าย
ผม คือนายตำรวจสากลหน้าใหม่ ที่ถูกส่งมาเพื่อสืบรุ่นพี่ทั้งสองคน ว่าใครคือหนอนที่ศัตรูส่งเข้ามา
พวกรุ่นพี่ทั้งสองคนจะรู้แค่ว่าผมเข้ามาในฐานะเด็กฝึกงานหน้าใหม่ และไม่ได้มีส่วนรู้เกี่ยวกับการเป็นสายลับให้กับองค์กรคาร์นิวอยของรุ่นพี่ทั้งสองคน
เพราะฉะนั้น เวลาที่พวกเราอยู่ด้วยกัน จึงมีแค่คดี [ตามหาคนหาย] ที่พวกเขาทำเป็นงานหน้าฉาก
ทว่าตั้งแต่ที่เข้ามาทำงานจนถึงวันนี้… ผมก็ยังไม่มีส่วนร่วมในการสืบคดีเลยเสียด้วยซ้ำ
ทุกวันมีแต่งานค้นเอกสารกับชงกาแฟ
ส่วนพวกรุ่นพี่มักออกไปลงสนามกันสองคน แล้วทิ้งผมเอาไว้ในออฟฟิตเน่า ๆ ที่เช่ามาจากบ้านเก่าเก็บใกล้ถล่มเพียงคนเดียว
มีแค่นี้จริง ๆ
ผมคิดเช่นนั้นไปพร้อมกับชงกาแฟสองแก้ว
ของคุณดิไลออนต้องใส่นมกับน้ำตาล เพราะเขาไม่ชอบรสขม
ต้องเช็คอุณหภูมิให้พอดี เพราะเขาเป็นพวกลิ้นแมว
แต่ถ้าเย็นไป รสชาติมันจะออกมาไม่ดี
ส่วนของคุณ อาร์เซนิค คนนี้ชอบกาแฟดำ
ยิ่งขม ยิ่งชอบ
แต่ถ้าขมไปจะทำให้ดื่มไม่ได้ เลยต้องระวังเรื่องสัดส่วนอยู่
“หอม อร่อย มัน หวาน! สุดยอดไปเลย ออน!”
“ขมได้ที่… ขนาดร้านดังยังชงไม่ได้แบบนี้เลยนะ พูดจริง เอ็งลาออกไปเปิดร้านอาหารเสียเถอะ”
ถามจริง?
แค่ชงกาแฟให้อร่อยนี่มันทำยากขนาดนั้นเลยเรอะครับ?
“เออ จริงสิ ชั้นลืมบอกไป วันที่ 16 นี้ขอพักร้อนทั้งวันนะ”
“จะไปทำอะไรหรือคู่หู? ”
“มีหนังใหม่เข้ามาพอดี”
คุณ อาร์เซนิค จะลาพักวันที่ 16?
น่าสงสัย…
ผมรีบแอบจดลงสมุดกันลืม
วันที่ 16 นี้— ดูเหมือนว่าจะมีงานสนุก ๆ ชวนให้ตื่นเต้นวิ่งเข้ามาแล้วสินะ
MANGA DISCUSSION