***วันที่ 14 เรตนิว ปีที่ 125 เวลา 24:00 น.***
“พี่ควอตซ์ ผมกลับมาแล้วครับ~”
“หายไปไหนมาเนี่ยเวอไดท์? นี่พามาช่วยงาน ไม่ได้พามาเที่ยว! รู้ตัวไหมว่าเรานะมีอายุจริงเยอะกว่าใครในกลุ่ม เอาจริงคือน่าจะมากกว่าตัวข้าน้อยเสียอีก! ”
“ขะ— ขอโทษครับ…”
“ถ้าสำนึกผิดแล้วก็ช่วยข้าน้อยกับคนอื่น ๆ เก็บร้านกันได้แล้ว!”
” ครับ…! ”
ตลาดปลาสด ณ ช่วงเวลากลางวันที่แสงอาทิตย์ส่องตรงเหนือศรีษะ
ถึงจะเป็นเหมันต์ฤดูกาล แต่กระนั้นเวลากลางวันก็ยังร้อนระอุจนมีเหงื่อไคลไหลย้อย
ด้วยสภาพอุณหภูมิเช่นนี้ คงมีน้อยคนที่อยากจะมาเดินตลาดสด
เพราะรู้ว่าเปล่าประโยชน์ที่จะเปิดร้านต่อ กระต่ายสาวผู้มากความสามารถจึงตัดสินใจปิดร้าน แล้วเอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่คุ้มค่ามากกว่า
สตรีกระต่ายขนสีดำที่มีปลายเส้นผมสีขาว กำลังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง จนเกือบเห็นเป็นเงาติดตาทิ้งเอาไว้ข้างหลัง
เหล่าผู้คนที่เดินผ่านร้านของเธอ ต่างยกกล้องขึ้นมาถ่าย รุ่มเร้ามองดูสตรีกระต่ายแสนซุกซนอย่างสนอกสนใจ
“ร้านเราจะเปิดทุกวันเลขคู่ หากสนใจ ขอเชิญมารับชมสิ้นค้าของร้าน [โพรงกระต่ายดำ] ได้เจ้าค่ะ!”
เธอตะโกนเสียงดังด้วยร้อยยิ้มควบคู่ไปกับเสียงที่สดใส
ใช้แล้ว—
เธอจงใจใช้วิชาการต่อสู้ที่เธอมี นำมันมาผนวกใช้ในแผนการค้าของเธอเอง
เธอมักทำแบบนี้ทุกครั้งที่เปิดร้าน กับปิดร้าน
แล้วมันก็ได้ผลตอบรับดีเสียด้วย
” เก็บร้านเสร็จแล้ว งั้นมากลับรังกันเถอะเด็ก ๆ ”
“คราบ~”
“ค่า~”
กระต่ายสาวมองดูเหล่าเด็กน้อยที่ต้องปกปิดตัวเอง แล้วก็คิด
ต้องใช้ชีวิตแบบปกปิดตัวตนไปอีกนานแค่ไหน?
เด็กพวกนี้จะยังมีโอกาสที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่อีกหรือเปล่า?
เด็กไซบอร์ก… ทั้งที่หากนับอายุจริงแล้ว เด็กเหล่านี้อาจมีอายุมากกว่าตัวเองถึงสองเท่าเสียด้วยซ้ำ
พวกเขาไม่เติบโตเลยทั้งอายุสมองกับร่างกาย
ถ้าข้าน้อยแก่ตายไป แล้วใครจะมาคอยดูแลเด็กพวกนี้กัน?
เธอเริ่มถอนหายใจยาวออกมา พร้อมกับเดินออกจากตลาด
สองฝีเท้าจากกลุ่มเด็กน้อยเริ่มส่งเสียงเดินขบวนไม่พร้อมเพรียงอย่างน่ารักน่าชัง
ในตอนนั้นเอง—
“ทำไมถึงไม่มีเสียงควบกีบเท้า เวอไดท์ ยังอยู่หรือเปล่าเจ้าค่ะ? ”
—ที่มีเด็กคนหนึ่งในกลุ่มของเธอหายตัวไปอย่างลึกลับ…
***วันที่ 14 เรตนิว ปีที่ 125 เวลา 25:00 น.***
ณ วิหารของเทพทั้งสาม สาขาทวีปเทวภูมิ
ในห้องอาหารเล็ก ๆ ของวิหารที่ถูกบุผิวด้วยหินอ่อนอย่างสวยงาม มีผู้หญิงกำลังนั่งล้อมวงกันอยู่ 4 คน
บักบวชผมสีไฟจราจรสามคน กับเด็กผิวเผือกที่เป็นนักบวชฝึกหัด ผมสีเงินอีกคนหนึ่ง
“เอาละ พวกเราเข้าใจแล้วว่าเธอไม่สนใจคำสั่งของเรา ออกไปสำรวจเอาเอง จนทำให้ศัตรูรู้แล้วว่าเธออาจยังมีชีวิตอยู่ จะบอกแบบนี้ใช่ไหม? ”
นักบวชผมสีเหลืองมองดูนักบวชฝึกหัดที่กำลังทำตัวลีบอย่างหวาดกลัวอยู่บนเก้าอี้
“คะ— ใช่ค่ะ… ฉันขอโทษ… ”
“ดีแล้วที่กล้าหาญมาขอโทษและบอกความจริง พวกเราไม่โกรธหรอก อย่ามาเสียเวลากับเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้วเลย มาดูบันทึกหมายเลข 0 ที่เธอเก็บมากันเลยดีกว่า”
” เอ๊ ~!_? ”
นักบวชฝึกหัดกำลังขยี้หูตัวเอง
เธอแทบไม่อยากเชื่อว่าจะได้รับการยกโทษง่าย ๆ แบบนี้
” ทำเป็นงงอีก บอกแล้วไงว่าพวกเราไม่ได้รับเธอมาเลี้ยงดู แต่เธอเลือกที่จะตามพวกเรามาเอง ชีวิตของเธอ เธอตัดสินใจเอง [รับผลกรรม] ที่จะเกิดขึ้นตามมาเอง แล้วจะให้พวกเรามีสิทธิ์มาดุด่าอะไร พวกเรามิใช่เจ้าชีวิตของเธอสักหน่อย? แต่เป็น [พรรคพวกที่ร่วมทีม] กันต่างหาก ”
“? ”
เด็กสาวไม่อาจเข้าใจ
จริงอยู่ว่าเธอเลือกที่จะขัดคำสั่ง
ถ้าขัดคำสั่งผู้ใหญ่ ก็สมควรต้องได้รับโทษ
ไม่ใช่ว่ามันคือเรื่องปกติของโลกนี้หรือ?
นั่นคือโลกที่เด็กสาวตัวน้อยรู้จัก
โลกที่เด็กยังต้องได้รับการดูแลอยู่ใต้อำนาจของผู้ใหญ่
“ไม่เข้าใจตอนนี้ก็ไม่เป็นไร”
นักบวชผมสีเหลืองไม่สนใจใบหน้าที่ดูขบขันจากความสับสนของเด็กสาว แล้วเริ่มเปิดเอกสารที่เก็บมาได้ พร้อมกับกางแผนที่ ที่พวกเธอพึ่งร่างขึ้นมาหลังจากกลับมาจากตลาดสด
ตลาดสดขององค์กรคาร์นิวอยนั้นมีขนาดใหญ่มาก
มันกินพื้นที่แถบชายฝั่งมากถึงสามในสิบของเมือง
มีพื้นที่ตลาดสดกว้างขวาง
โกดังจำนวนมากกว่าสิบแห่ง
ท่าเทียบเรือมากกว่าสิบท่า
ไม่มีทางเข้าลับ หรือมีร่องรอยของอาคารลับใด ๆ ปรากฏในพื้นที่
“มีลาพิสที่จับพื้นที่ว่างได้ไกลถึงหนึ่งกิโลเมตร ช่วยยืนยัน— แผนที่นี้ไม่มีทางผิดหรอก— ”
“ผมเองก็สอดส่องลงมาจากท้องฟ้า ไม่เจออะไรที่ผิดปกติเลยเช่นกัน ไม่มีวิญญาณเคียดแค้น นอกจากพวกวิญญาณปลากับสัตว์ทะเล ซึ่งมันเป็นปกติของตลาดทะเลอยู่แล้ว”
“แล้วสถานที่เบื้องหลังของพวกคาร์นิวอยมันจะไปตั้งอยู่ตรงไหนได้? ”
นักบวชผมสีเหลืองพูดอย่างครุ่นคิด
เธอนำปีกตัวเองมาห่อกลมจนดูคล้ายนิ้ว แล้วลากผ่านแผนที่ตั้งแต่ทางเข้าตลาด ไปจนจบที่ฝั่งท่าเทียบเรือขนาดใหญ่
ในขณะเดียวกัน ดวงตาขวาของเธอก็มองไปหนังสือบันทึกที่นักบวชฝึกหัดเก็บมาได้
เธอพลิกหน้ากระดาษอย่างรวดเร็ว จนกระทั้งสามารถอ่านมันตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายได้ภายในห้านาทีเท่านั้น
“เขียนเอาไว้ว่ายังค่ะพี่สาว? ”
“มันว่ายังไงบ้างเอโซ? ”
[มีเบาะแสไหมคะ? _?]
ทุกคนต่างยิงคำถามใส่นักบวชผมสีเหลือง
เธอปิดหนังสือ หลับตา แล้วนิ่งเงียบอยู่หนึ่งนาทีราวกับว่ากำลังคิดพิจารณาบางอย่าง
“…เจอเบาะแสแล้ว มันไม่ได้อยู่ที่ตลาด แต่อยู่บนเรือ พวกมันใช้เรือรบประมงขนาดใหญ่เป็นฐาน เพราะแบบนี้เลยไม่มีใครเจอสิ่งผิดปกติที่ท่าเรือหรือตลาด เพราะว่ามันตั้งอยู่บนทะเลนี่เอง คนคิดนี่ถือว่าฉลาดไม่เลว”
“โอ๊ว! ได้เป้าหมายถัดไปแล้ว!”
[แล้วพวกเราจะเริ่มโจมตีกันเวลาไหนดีคะ?]
“วันที่ 16 ตามเวลาเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จบการประชุมเท่านี้ รีบกินข้าวกันดีกว่า”
นักบวชผมสีเหลืองพูดตัดบท
เธอรีบเอาสมุดบันทึกหมายเลข 0 เก็บลงในกระเป๋าของตัวเอง แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบมื้อกลางวันออกมา
” เออ… ขอหนังสือเล่มนั้นคืนจะได้ไหมคะ? ”
“ฮืม? – – – ตอนนี้มือไม่ว่าง เอาไว้กินข้าวเสร็จก่อนแล้วกัน”
นักบวชสีเหลืองพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แล้ววางจานอาหารลงบนโต๊ะไม้ผุ ๆ จนเกิดเสียงดังลั่น
กลิ่นที่ไม่น่าพึงประสงค์เริ่มลอยโชย
พวกเธอสี่คนต่างกำลังมองดูอาหารตรงหน้าเป็นสายตาเดียวกัน
มองดูอาหารที่เป็นก้อนสีดำม่วงชวนน่าสงสัย…
“… แมรี่โกลว์ ช่วยบอกเราทีซิว่าไอก้อนสีดำนี้คืออะไร? ”
“เออ… มันคือไข่ของสัตว์ร้ายแห่งท้องทะเลลึกอันน่าเกรงขาม เจ้าทะเลผู้จมเรือมาแล้วทั่วมหาสมุทรแห่งดวงดาวที่พวกเราซื้อมาจากตลาดเมื่อเช้าเป็นอาหารกลางวันไง”
“ไข่ปลาคราเคนสินะ? แล้วช่วยบอกทีซิว่าทำไมถึงกลายเป็นสีดำอมม่วง? เราจำได้ว่าที่ซื้อมามันเป็นสีแดงไม่ใช่หรือยังไง? ”
“สงสัยว่ามันคงหมดอายุพอดีละนะ ฮะ ฮะ ฮะ~”
“พูดความจริงมาซะสหาย แล้วจะลดโทษให้ครึ่งหนึ่ง”
“…ก็ได้ แค่คิดว่าเอาไปดองแล้วจะรสชาติดีขึ้น เลยแอบเอาไปทดลองอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ด้วยพริกกับน้ำส้มสายชู แล้วก็น้ำหมักปลาเน่า คิดว่าคงอร่อยแน่ ๆ แค่สีมันออกจะ—”
“ลาพิส จับขึงยัยนี่เอาไว้ เราจะให้สหาย แมรี่ ได้รับเกียรติ์ชิมมันก่อนเป็นคนแรกเลย”
นักบวชผมสีเหลืองพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
เธอลุกขึ้นยืนพร้อมกับนำปีกสีทองอุ้มจานที่วางวัตถุอันตรายทางชีววิทยาขึ้นมา
กลิ่นอันไม่พึงประสงค์เริ่มส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยวลอยคลุ้งไปทั่ว
“เดี่ยวก่อน! เดียวผมบินออกไปซื้อข้าวกล่องจากร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ นี้มาให้เอง! ใจเย็นก่อนนะ! ม่ายยยย—!!”
สตรีภูติผมสีแดงกรีดร้องโหยหวนขอความช่วยเหลือ
ภายในใจกำลังปลงตกอย่างท้อแท้ เพราะเธอรู้ตัวดีว่าไม่มีทางหนีสหายอีกคนได้ทัน
ในวันนั้น ณ วิหารเทพที่ปกติมักเงียบเฉียบ กลับมีเสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังไปไกลนับร้อยช่วงตึกเลยทีเดียว
***เวลา 40:00 น. ***
หิมะกำลังโปรยปรายท่ามกลางราตรีแห่งพระจันทร์สีชมพูสามดวง
ท่ามกลางราตรีนี้ มีนักบวชสาวสามคนที่มิยอมหลับไหลไปกับราตรีอันเงียบเหงา
“เด็กคนนั้นนอนไปหรือยัง? ”
“หลับไปแล้ว~ ขนาดผมจับกอด หอมแก้ม แนบเนื้อ เธอก็ยังไม่ตื่นเลยละ หุ หุ หุ~”
“จบงานนี้ เดียวเราจะพาเธอไปนอนคุกให้นะ”
“โอ๊ว–! ขอบคุณ— ไม่ใช่แบบนั้นสิยะ!”
นักบวชสีแดงกระโดดตบมือรับมุขของนักบวชหัวเหลือง โดยมีนักบวชสีฟ้ายืนหลับอยู่ห่าง ๆ
” แล้วที่ต้องรอให้เด็กคนนั้นหลับไปก่อน แสดงว่ามีอะไรสักอย่างสินะ? เห็นแกล้งทำเป็นลืม ไม่ยอมคืนบันทึกให้เธอด้วยนี่? ”
” ถูกต้อง”
นักบวชสีเหลืองหยิบบันทึกขึ้นมากางลงบนโต๊ะอาหาร
เธอไม่ยอมเปิดไฟประดิษฐ์ แล้วเคลื่อนตัวหลบบานหน้าต่าง ปล่อยให้แสงจันทร์สีชมพูส่องลอดผ่านเข้ามาส่องสว่างให้กับห้อง
” บันทึกหมายเลขศูนย์ จะให้เด็กคนนั้นรู้เนื้อหาข้างในไม่ได้เด็ดขาด”
” ทำไมละ? ”
นักบวชสีเหลืองหยุดพักหายใจ หยิบกาแฟขึ้นมาซดจนหมดแก้ว แล้วเริ่มพูดต่อด้วยความรู้สึกที่ขยะแขยงต่อเนื้อหาที่เธอกำลังจะพูดถึง
“บันทึกหมายเลข 0 คืองานวิจัย— ที่ว่าด้วยการโคลนนิงเด็กคนนั้นขึ้นมาในฐานะปศุสัตว์เนื้อที่ไม่มีวันหมดนะสิ… ”
MANGA DISCUSSION