“อ๊ะ! นั่นพี่สาวสุดสวยลาพิสที่เจอกันเมื่อวานนี่!? พี่ ควอร์ต รีบเรียกพี่สาวมาดูของขายที่ร้านเราสิครับ!”
ใครทักพวกเรา?
ฉันใช้จิตสัมผัสไปตามทิศทางของคลื่นเสียงที่กำลังสั่นไหวในอากาศ
ท่ามกลางแสงสว่างของดวงจิตวิญญาณในตลาด มีมุมหนึ่งที่มีดวงวิญญาณอันน่าเวทนามาชุมนุมกัน
ดวงวิญญาณของผู้ที่ถูกบังคับให้มีอายุยืนยาวอย่างผิดธรรมชาติ…
วิญญาณ— คือสิ่งมีชีวิตรูปแบบพลังงานอย่างหนึ่งที่มีขั้วพลังตรงข้ามอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล
พลังงานวิญญาณคือพลังงานที่อยู่ได้แค่ในมิติของคนตาย และสามารถอยู่ในมิติคนเป็นอย่างสมดุลได้ในกรณีที่มีภาชนะให้สิงสถิต
เมื่อภาชนะเสียหาย แน่นอนว่าสิ่งที่บรรจุอยู่ข้างในย่อมมีการรั่วไหลออกมา
ภาพของวิญญาณที่สัมผัส ปกติควรจะเป็นแสงที่นิ่งสงบ
แต่นี่กลับเป็นแสงสว่างวูบวาบอย่างน่าตกใจ
ขั้วพลังวิญญาณทั้งบวกและลบ มันกำลังแผ่ละอองแสงระเหยไปในอากาศตลอดเวลา เหมือนเป็นถังน้ำที่มีรอยรั่ว
วิญญาณของเขาจะไม่มีวันถูกเติมเต็มได้ ไม่ว่าจะเติมพลังงานแห่งชีวิตเพิ่มเข้าไปแค่ไหนจากการดำรงชีพตามชั่วอายุขัย
รูปร่างของดวงวิญญาณจะพร่ามัวไม่ชัดเจน
ผู้ที่มีวิญญาณเช่นนี้ จะทำให้มีอัตตาอันเป็นตัวตนของบุคคลไม่เติบโต อีกทั้งยังถดถอย เสมือนหนึ่งก้อนหินที่ถูกน้ำกัดเซาะ
สิ่งที่ชุมนุมอยู่ตรงนั้น คือวิญญาณที่มีภาชนะรั่วไหลที่ว่านั้น
[เหล่าไซบอร์ก]
เด็ก ๆ กึ่งไซบอร์กที่ฉันไปเจอมาเมื่อวาน ล้วนแต่มีลักษณะวิญญาณเช่นนี้
ถูกดัดแปลงร่างกายและสมอง จนสิ่งเชื่อมต่อกับกายวิญญาณเสียหาย
เป็นสาเหตุว่าทำไมผู้รับการดัดแปลงไซบอร์กถึงมีบุคคลิกผิดเพี้ยน
เป็นสาเหตุว่าทำไมอายุสมองของพวกเขาถึงหยุดเติบโต
เพราะพวกเขาเข้าไปล้อเล่น ดัดแปลงสมองให้เป็นกึ่งเครื่องจักร ด้วยความคาดหวังว่าจะได้ความเป็นอมตะนิรันดร์
แต่พวกเขาไม่ได้เข้าใจเลย…
ไม่ได้เข้าใจถึงสัจธรรมชีวิต
ไม่ได้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างกายกับอัตตาวิญญาณ
ไซบอร์ก… คือผลงานของยัยหุ่นยนต์โนอาร์ที่ถูกสร้างจากการปลูกย้ายวิญญาณของผู้สร้างโนอาร์
ฉันรู้จักนิสัยยัยนี่ดี เพราะเคยมีชีวิตในช่วงเวลาเดียวกับยัยนี่ก่อนที่มันจะพยายามดัดแปลงปลูกย้ายวิญญาณตัวเองลงไปในระบบสมองกล
โนอาร์ คนเขลาผู้พยายามคว้าความเป็นอมตะ จนฉีกกระชากวิญญาณของตัวเองออกเป็นชิ้น ๆ
แต่เรื่องนั้นมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน เพราะใช่ว่าโนอาร์จะรู้จักกันฉันโดยตรง
อย่าไปสนใจในสิ่งที่ยัยนั่นพยายามจะทำในยุคสมัยปัจจุบันนี้เลย
“พี่ลาพิสคราบบบ~ ทางนี้คราบบบบ~”
“คนรู้จัก? ”
[…ใช่ค่ะ เป็นเด็กในบ้านกำพร้าที่ฉันไปเยี่ยมเยียนตอนที่หายตัวไปเมื่อวานนี้ค่ะ :ll]
“อย่างงั้นหรือ? แล้วไอวิญญาณหลงที่ดูแข็งแกร่งเหมือนเทพชั้นสูงตรงนั้น— มันคืออะไรกันยะ!?! ตัวแบบนั้นฉันไม่ขอยุ่งด้วยเด็ดขาด!”
อ่าว?
นึกว่าถ้าเป็นเอโซแล้ว จะมีวิธีดี ๆ มาปัดเป่ามันได้เสียอีก
ตรงร้านค้าที่เป็นแหล่งรวมวิญญาณพิการจากบ้านเด็กกำพร้าไซบอร์ก มีดวงวิญญาณที่สมบูรณ์แบบรวมตัวอยู่สามคน
คนหนึ่งคุณกระต่ายสาวสุดแกร่งที่ฉันเจอเมื่อวาน ชื่อ— อะไรสักอย่าง
ส่วนอีกสองคน คือดวงวิญญาณที่ดูแข็งแกร่งเป็นพิเศษ
พวกเธอคือวิญญาณหลงที่คอยรังความฉันเมื่อวาน ว่าอยากให้เป็นสื่อกลางช่วยสื่อสารกับลูกสาวของเธอ
ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีห่วงบางอย่างแรงกล้าที่ฉันไม่รู้ จนทำให้พวกเธอกลายเป็นวิญญาณห่วงลูก คอยตามติดดูแลแม่สาวกระต่ายคนนี้มาตลอด
“อย่าไปสนใจ—”
[ไปทักกันดีกว่าค่ะ]
“—เฮ้ย!!”
วิญญาณที่แข็งแกร่งจนถึงขนาดเอโซบอกว่าไม่อยากยุ่งด้วยอย่างงั้นหรือ…
เมื่อวานเพราะรีบร้อน เลยไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก
ฉันเดินตรงไปที่ร้านค้าของกระต่ายสาวสุดแกร่ง
วิญญาณหลงสองตัวนี้พอมาดูใกล้ ๆ แล้ว— ดูแข็งแกร่งจริง ๆ นั่นละ
เริ่มชักคันไม้คันมือขึ้นมาตงิด ๆ
อยากท้าสู้กับวิญญาณสองคนนี้จังเลยแฮะ
***
กิจวัตรทุกยามเช้ามืดของข้าน้อยในวันเลขคู่ คือการเอาของที่ผลิตทำมือมาขายในตลาดสด
แน่นอนว่าข้าน้อยต้องจับพวกเด็ก ๆ ปลอมตัวอย่างแนบเนียน ไม่ให้ใครรู้ว่าเป็นเด็กไซบอร์ก ไม่อย่างงั้นได้เกิดเรื่องวุ่นวายแน่
ศัตรูของท่านแม่ไม่ได้รับรู้ว่าท่านแม่มีผู้สืบทอดอย่างข้าน้อย
หลักฐานคือพวกมันออกตามล่าแค่เฉพาะกับท่านแม่ทั้งสองคนของข้าน้อยเท่านั้น
สรุปคือตัวข้าน้อยนั้นมีอิสระที่จะไปไหนมาไหนได้โดยไม่จำเป็นต้องปิดหน้าปิดตา
แต่ไม่ใช่กับเด็กไซบอร์กพวกนี้ ที่คุณแม่แอบพาหนีออกมาจากห้องทดลองของโนอาร์
จนถึงปัจจุบัน ต่อให้พวกคุณแม่ตายไปหลายสิบปีแล้ว พวกกลุ่มคลั่งศาสนาของโนอาร์ก็ยังตามล่าเด็ก ๆ เหล่านี้ไม่เลิก
ถ้าข้าน้อยไม่สามารถล้มภาพลักษณ์ความเป็นเทพเจ้าของโนอาร์ไปจากหัวของเผ่ามนุษย์สัตว์ได้ ก็อย่าหวังว่าชีวิตของเด็กพวกนี้จะปลอดภัย
ท่านแม่พูดอยู่เสมอว่าโนอาร์มีสองร่างในคน ๆ เดียวกัน
ท่านแม่เล่าว่าโนอาร์ร่างดีมีนิสัยน่ารัก ส่วนร่างชั่วร้ายนั้น เคยถูกพวกคุณแม่ปราบไปเมื่อนานมาแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ ๆ ร่างที่ชั่วร้ายถึงกลับมา
แถมยังกลับมาได้อย่างแนบเนียน จนคนรอบตัวไม่มีใครรู้สึกอีกด้วย
“พี่ครับ จะให้วางจานยังไงครับ? ”
“อ๊ะ? ”
ข้าน้อยตื่นจากความฝันที่เรียกว่าความนึกคิดสู่โลกความเป็นจริงด้วยเสียงของเหล่าเด็ก ๆ
ไม่ได้ ๆ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาจะมาห่วงเรื่องของโนอาร์สักหน่อย
ตอนนี้ข้าน้อยต้องรีบหาเงินก่อน
“วางจานตรงนี้ ส่วนมุมขวาเน้นพวกเครื่องแก้วนะเด็ก ๆ ”
“ครับ/ ค่า~”
เด็ก ๆ ที่ข้าน้อยพามาช่วยงานวันนี้มีด้วยกันอยู่ 6 คนเจ้าค่ะ
*เก๊ง เก๊ง เก๊ง*
“วางตรงนี้~ แล้วทำเป็นกลองตีเล่น~”
“…”
แต่เด็กพวกนี้ซนมาก จนทำให้ป่านนี้ก็ยังเตรียมร้านไม่เสร็จ
เด็ก ๆ ไซบอร์กกลุ่มนี้ไม่ได้เติบโตขึ้นเลย ทั้งร่างกายและความคิด
เงินก็เอาแต่หดลงไปกับค่าบำรุงรักษาสมองกล
ตลอดชีวิต 28 ของข้าน้อย แทบไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากดูแลเด็ก
แอบรู้สึกเหนื่อย…
“อ๊ะ! นั่นพี่สาวสุดสวยลาพิสที่เจอกันเมื่อวานนี่!? พี่ ควอร์ต รีบเรียกพี่สาวมาดูของขายที่ร้านเราสิครับ!”
“ฮืม? ”
ในตอนนั้นเองที่มีเด็กเผ่ามนุษย์สัตว์-ม้า ตะโกนเสียงดังออกมา
เจ้าหนูคนนี้มีชื่อว่า [เวอไดท์] เด็กมนุษย์ม้าที่มีขาสี่ข้างเป็นเหล็กกล้า กับครึ่งใบหน้าเป็นเครื่องจักร
เพื่อซ่อนส่วนที่เป็นจักรกล เบยต้องสวมเสื้อคลุมกันหนาวปิดส่วนหัว สวมถุงเท้ายาวปิดส่วนขา แล้วไว้ผมยาวปกปิดครึ่งซีกขวาเอาไว้
ข้าน้อยหันไปมองตามเสียงของเจ้าหนู เวอไดท์
ที่ตรงปากทางเข้าของตลาด มีผู้หญิงผมสีฟ้าทะเลที่คุ้นเคย กำลังเดินคู่มากับเพื่อน ๆ ของเธอ
นักบวชวิหารเทพทั้งสามที่ไล่ตามข้าน้อยเมื่อวานนี้ไม่ใช่หรอกหรือ…
[สวัสดีค่ะ ^_^]
เธอเขียนข้อความลงบนป้ายเพื่อทักทายข้าน้อยด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์อย่างเคย
เดาใจสตรีผู้นี้ไม่ได้เลยเจ้าค่ะ
ถึงจะไม่รู้ว่านางมาทำอะไรที่นี่ แต่ภายในใจข้าน้อยตอนนี้กำลังเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากหน้าอกแล้ว
สตรีผู้นี้คงไม่ได้เปลี่ยนใจมาจับข้าน้อยส่งตำรวจยัดตารางหรอกใช่ไหม?
“สะ— สวัสดี… เจ้าค่ะ”
พวกเราเริ่มแนะนำตัวท่ามกลางเสียงที่อึกทึกของฝูงชน
“ชื่อไซน์? เป็นคนแคระด้วย! พึ่งจะเห็นเผ่าคนแคระก็วันนี้เนี่ยแหละ!”
“ตัวเล็กน่ารักจัง!”
“นะ— น่ารัก? ”
“ใช่!”
“… ///…”
พวกเด็ก ๆ ของฝั่งเรากับฝั่งนั้นเริ่มสนิทกันอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนว่าเป้าหมายจะไม่ใช่การมาจับข้าน้อยยัดเข้าซังเต
ค่อยยังชั่ว
“… สนใจรับแก้วใบนี้ไหมเจ้าค่ะ? มีลวดลายงดงาม มันต้องเหมาะสมกับวิหารของพวกคุณแน่ ๆ เจ้าค่ะ”
เมื่อไม่ใช่ศัตรู งั้นก็ขายของโลด
ยังไงพวกคนขององค์กรศาสนามันก็เป็นพวกมือเติบ ร่ำรวยจากเงินบริจาคอยู่แล้ว
ต้องทำกำไรได้มากแน่ ๆ
“หรือจะรับจานใบนี้ไหมเจ้าค่ะ? มันถูกสร้างมาอย่างดีเพื่อคนชราภาพ รูปร่างของมันถูกออกแบบมาเพื่อ—-”
*หวูดดดดดดดดด!!!*
เสียงหวูดไซเรนดังกู่ก้องขัดจังหวะทำการค้า
คลื่นลมทะเลฉับพลันนิ่งสนิทดั่งเป็นน้ำตาย
ผู้คนล้วนต่างหันหน้าไปทางริมหาดโดยมิได้นัดหมาย
ในมือของพวกเขา ต่างหยิบกล้องมือถือขึ้นมา
บ้างก็เป็นกล้องถ่ายทำหนังราคาแพง พร้อมอุปกรณ์จัดให้แสงไฟ
บ้างรีบจับจองซื้ออาหาร
ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มเลิกให้ความสนใจสินค้าตรงหน้า แล้ววิ่งไปยื้อแย่งที่นั่งริมหาด ราวกับพยายามจะเฝ้าชมบางสิ่งที่กำลังจะผุดขึ้นมาจากทะเล
ให้ตายสิ คนที่นี่มันก็เป็นเสียแบบนี้ทุกที
กับไอสิ่งที่เรียกว่า “การรุกรานของมอนสเตอร์ยักษ์” นะ
***
เสียงหวูดไซเรนดังกู่ก้องไปทั่วตลาดริมท่าเรือพาณิชย์
ลูกเรือทะเลผู้กล้าแกร่งแห่งเผ่ามนุษย์สัตว์ ต่างทิ้งงานตรงหน้า แล้วยาตราทัพมุ่งสู่ป้อมปราการตามแนวชายฝั่ง
วิ่งเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ ผ่านอาคารโกดังขนาดใหญ่ที่ตั้งเรียงราย
รีดเร่งถอดชุดกะลาสี สวมชุดรบสงครามเต็มอัตราศึกสวมทับ แล้วคว้าอาวุธรังสีด้วยสองมือ พร้อมตั้งแนวรับเป็นทิวกำแพง
แนวชายฝั่งเริ่มถูกแต่งแต้มเติมสีสัน เหมือนดั่งเม็ดทรายที่เทระบายให้เต็มหาด
ดวงอาทิตย์เทียมถูกปล่อยขึ้นฟ้า จุดแสงสว่างให้โลกราตรี
ป้อมปืนปราการถูกหันเล็ง ส่องแสงระบายความร้อนจนเกิดเป็นไอพวยพุ่งรอยปราการ พร้อมเตรียมลั่นคำรามศึก
โกเลมเหล็กขนาดสิบห้าเมตรสิบตัวเดินลุยหน้าย่ำหาดทราย
เคลื่อนไหวด้วยเท้าอันหนักอึ้ง แหวกผืนทะเลที่นิ่งสงัดให้เป็นรอยแยก ก่อนจะหยุดเคลื่อนไหว ณ จุดที่มันจมลงไปครึ่งลำตัว
เสียงนกร้องขับขานจับปลาฉับพลันเลือนหายหนี
เสียงไซเรนสงบนิ่งสงัด
สายลมหนาวหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว
ทุกสิ่งล้วนนิ่งสงบ
“มันมาแล้ว!”
จนกระทั้งผิวน้ำและสายลมได้เริ่มเคลื่อนไหวอีกครา
สิ่งนั้นผุดขึ้นมาจากใต้ทะเล
มันเป็นสัตว์ร้ายที่หิวกระหาย นิสัยป่าเถื่อนและดุร้าย
มีขนาดร่างกายยาวกว่า 200 เมตร
มีผิวสีดำที่หนาหยาบทนทาน จนแม้แต่ระเบิดนิวเคลียร์ก็ไม่อาจทำอันตรายให้แก่มันได้
มีรูปร่างคล้ายจระเข้ หากแต่มีครีบยาวตลอดลำตัว
ครีบที่แทรกงอกตลอดลำตัวจนดูเหมือนแฝงปะการังทะเล กำลังเรืองแสงสีฟ้าจนเห็นเป็นกลุ่มก้อนแสงจากใต้ผิวน้ำ
ปากของมันสั้นเมื่อเทียบกับขนาดความยาวของส่วนหัว
มันมีเขี้ยวยาวออกมาจนถึงช่วงเอว
เจ้าสิ่งที่ดูน่ากลัวนี้ คือสิ่งมีชีวิตสุดอันตรายแห่งท้องทะเลย่านทวีปเทวภูมิ [ราชาจระเข้บก – คิงออฟเอลโดโค]
จระเข้ขนาดยักษ์ตัวนี้มันตามกลิ่นคาวเลือดในตลาดที่ลอยโชยมากับลม
ด้วยความกระหายที่จะเติมเต็มให้ร่างกายอันใหญ่โตของมัน มันจึงไม่ลังเลที่จะบุกเข้ามา
ต่อให้นั่นหมายถึงการเป็นศัตรูกับสิ่งมีชีวิตที่ปกครองโลกใบนี้ก็ตาม
ด้วยความยาวที่มากถึง 200 เมตร จึงทำให้มองเห็นเป็นเหมือนเรือรบขนาดใหญ่กำลังแล่นเข้าประชิดชายฝั่ง
“ยิง!”
ริมทะเลจักเดือดลุกเป็นไฟ
แสงรังสีสาดแสงสีแดง วิ่งเป็นเส้นตรง มุ่งสู่เป้าหมายเพียงหนึ่งที่อยู่ใจกลางทะเลอันมืดดำ
แสงสีแดงเหล่านั้น เริ่มแผดเผาผิวน้ำให้เดือดพล่าน ส่งควันพวยพุ่งขึ้นสู่อากาศจนเห็นเป็นทิวกำแพงสูง ปกคลุมกลืนเป้าหมายให้จมอยู่ใต้หมอกไปจนสิ้น
*ฮูมมมมม!!!*
เสียงคำรามดังลั่นสั่นสะท้าน
เจ้าอสูรยักษ์รีบมุดดำใต้ผิวน้ำ หลบแสงสังหารที่วิ่งตรงเข้ามาทุกนัด แล้วดีดตัวเหนือผืนทะเล กระโจนร่างเข้าประชิดชายหาดในพริบตา
มันพลิกตัวยืดหลังตรง แล้วยืนสองเท้าประจันหน้ากับกองทัพชาวประมงที่ริมหาด
ระยะห่างของมันในตอนนี้ อยู่ห่างออกไปเพียง 100 เมตร จากท่าเรือเท่านั้น
แรงกระทบจากมวลร่างกายที่กระแทกผิวน้ำ ได้สร้างคลื่นยักษ์สูง 5 เมตร พัดเข้าหาชายฝั่ง
เวลาเดียวกัน ครีบบนใจกลางหลังเริ่มส่องประกายสีฟ้า ก่อนจะพ่นแสงรังสีความร้อนออกมาเป็นคลื่นรูปพัด ซัดสาดใส่แนวปราการตรงหน้า
คลื่นรังสีนั้นมีความร้อนถึง 3000 องศา และยังกินพื้นที่เป็นวงกว้างมากกว่า 50 เมตร
*บรึ้ม!!!*
แต่ทว่าคลื่นโจมตีทั้งหมดกลับแตกกระจายกลายเป็นละอองอะตอมไร้ซึ่งพลังทำลายไปในอากาศ
พวกมันแตกสลายในระยะจากชายฝั่งออกไปเพียง 20 เมตร ราวกับว่ามีม่านพลังงานที่มองไม่เห็นคอยปกป้องพวกเขาเอาไว้
ละอองที่แตกสลาย เริ่มถูกป้อมปืนปราการแนวชายฝั่งดูดรวบรวมเข้าไป
พวกมันดูดเข้าไปจนแฝงระบายความร้อนส่องแสงสีแดงเจิดจ้า ก่อนจะยิงคลื่นรังสีสวนกลับออกไปเป็นนัดที่สอง
มันช่างดูราวกับว่า— ป้อมปราการพวกนั้น ได้สลายพลังงานของศัตรู มาใช้เป็นของตัวเอง
“โอ๊ว เจ้าราชาจระเข้มันหลบนัดที่สองได้ด้วยเว้ย!”
“ไอตัวนี้ดูจะดุกว่าตัวเมื่อเดือนที่แล้วแฮะ ตัวก่อน ๆ สูงแค่ 50-100 เมตรเองมั้ง? ”
“สงสัยไอตัวนี้คงมีอายุเยอะน่าดู”
” พวกโกเลมเริ่มบุกเข้าไปแล้ววะ!”
” โกเลมขนาด 15 เมตร 10 ตัว ปะทะ ราชาจระเข้ยักษ์รุ่น 200 เมตร!”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ! งานนี้ดูท่าจะเป็นศึกที่มันไม่ใช่น้อย”
เหล่าลูกค้าในตลาดต่างส่งเสียงเฮลั่นจากริมท่าเป็นการใหญ่
พวกเขาดูไม่เป็นกังวลกับสัตว์ยักษ์ที่บุกขึ้นท่า
ในทางกลับกัน พวกเขากลับดูสนุกสนานต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่า
เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาถูกบุกโดยสัตว์ยักษ์
ดาวไดม่อน ดาวที่เต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมอันเหมาะสม และโหดร้ายในเวลาเดียวกัน
พวกเขาเจอเรื่องเช่นนี้มาตลอดช่วงเวลาประวัติศาสตร์แห่งการสร้าง จนคุ้นเคยชินชาไปกับมัน
เจอบ่อยครั้ง จนรู้วิธีรับมือกับสัตว์ร้ายแทบทุกชนิดสายพันธุ์
เจอจนเป็นหนึ่งในเรื่องสามัญสำนึกปกติของพวกเขาไป
สำหรับพวกเขาแล้ว การรุกรานของสัตว์ร้าย ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากการที่มีงูขึ้นบ้านเลยแม้แต่น้อย
“ฆ่ามันเลย!”
กับสัตว์ร้ายที่ตัวสูง 200 เมตร ก็เป็นได้เพียงแค่สัตว์รบกวนธรรมดาตัวหนึ่งเท่านั้น
MANGA DISCUSSION