[ฉันชื่อ ลาพิส ลาซูลีล เป็นนักบวชของศาสนาเทพทั้งสาม พอดีคุณกระต่ายลืมของเอาไว้ที่วิหาร ฉันเลยตามมาส่งของคืนให้ค่ะ ^_^//]
ป้ายข้อความที่ดูยังไงก็ชวนให้สงสัย กำลังถูกชูหราอยู่กลางโต๊ะหินใจกลางลานหญ้าสีดำ
มันเป็นลานหญ้าที่ตั้งอยู่ใจกลางอาคารคอนกรีตเก่าแก่ขนาดใหญ่สูงสามชั้น
ภายในลานมีพื้นที่กว้างขวาง
มุมหนึ่งถูกใช้เป็นพืชผักสวนครัวหมุนเวียน
อีกมุมมีบ่อปลา คอกเลี้ยงสัตว์ และลานกิจกรรมที่มีเตาหลอมเหล็กวางตั้งพร้อมสรรพ
ทุกอย่างล้วนเก่าแกมีอายุ หากแต่สะอาดสะอ้าน จนเพียงแค่มองดูก็รู้สึกได้ถึงความรักที่ผู้อยู่มีต่อสถานที่พำนักอาศัย
ภายในอาคารเก่าแก่ที่ดูมีอายุหลังนี้ มีเหล่าเด็กตัวน้อยไม่ต่ำกว่าห้าสิบคนกำลังมองอ่านป้ายด้วยดวงตาใสไร้เดียงสา
โดยเฉพาะกับเด็กมนุษย์สัตว์เพศชาย ที่ดูจะให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อเจ้าของผู้ถือป้ายนี้
[แล้วก็อย่างที่เห็น ฉันนะตาบอด หูพิการ แต่ก็พอจะสื่อสารกันได้ ดังนั้น ทำตัวตามปกติ ไม่ต้องเป็นห่วงหรือรู้สึกสงสารฉันหรอกค่ะ :D]
สตรีผู้ถือป้ายได้เก็บป้ายนั้นลง แล้วลบข้อความออก พร้อมกับชูป้ายข้อความใหม่อย่างรวดเร็ว
“โอ๊ววว! สุดยอด เขียนเร็วสุด ๆ แล้วยังลายมือสวยอีก!”
“พี่สาวสุดยอดไปเลย! ทั้งสวยแล้วยังดูใจดี! ผะ— ผมขอย้ายศาสนานับถือดีกว่า!”
“ผมขอย้ายด้วยคน!”
“พวกผู้ชายนี่มัน…”
ท่ามกลางเสียงอึกทึกของเหล่าเด็กผู้ชายที่กำลังตื่นเต้นต่อแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ทันตั้งตัว มีกลุ่มเด็กสาวที่มองดูด้วยความรู้สึกเวทนาอยู่ห่าง ๆ
แต่คงไม่มีใครในสถานที่นี้ ที่กำลังรู้สึกประหม่าเท่ากับสตรีกระต่ายสาว ผู้ที่มีความอาวุโสมากที่สุดในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า
[ทัวร์มาลีเนต ควอร์ต] คือผู้ดูแลและยังเป็นเจ้าของที่ดินของบ้านหลังโตที่เต็มไปด้วยเหล่าเด็กน้อยไซบอร์ก
เธอเปิดสถานเด็กกำพร้ารับช่วงต่อจากมารดาทั้งสองคนของเธอ และให้การช่วยเหลือเหล่าเด็กกำพร้าไร้ที่อยู่อาศัย
” (จะทำยังไงต่อไปดีเนี่ย…) ”
สตรีกระต่ายเดินตรงไปทางแขกผู้มาเยือนพร้อมกับน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว
เหงื่อกาฬแห่งความกังวลไหลเป็นสายท่วมหน้าผากเหมือนผาน้ำตก แม้นว่าอากาศภายนอกจะหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ
เธอพึ่งจะขโมยเงินบริจาคของวิหารเทพทั้งสามมานั่นเอง…
” (เอายังไงดีเนี่ย… ถึงจะมีสาเหตุจากความลำบากเรื่องเงินที่ต้องใช้ดูแลเจ้าหนูพวกนี้ แต่อีกฝ่ายคงไม่ยอมถอยง่าย ๆ หรอก) ”
เธอเริ่มพยายามคิดหาทางออก
” (ความจริงก็ใช่ว่าอยากใช้วิชาของคุณแม่มาทำเรื่องแบบนี้…) ”
แต่ดูเหมือนว่ายิ่งคิด จะยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม
” (คุณแม่… ข้าน้อยควรทำยังไงดีคะ?) ”
เธอทำได้เพียงแต่นั่งก้มหน้ามองพื้น
เธอกำลังรู้สึกหวาดกลัว จนไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้า ต่อให้อีกฝ่ายตาบอดก็ตาม
[ดูเหมือนว่าจะรบกวนเวลามากพอควร ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ 😉 ]
” (แย่ละสิ เธอคงต้องออกไปแจ้งตำรวจแน่! หรือว่ารีบยอมรับผิด แล้วขอความเมตตาจะเป็นการฉลาดกว่า?) ”
สาวกระต่ายรีบลุกขึ้นจนเก้าอี้ไม้ล้มคว่ำ แล้วเดินเข้าประชิดแขกผู้มาเยือนด้วยความเร็วสูง
“เด็ก ๆ หมดเวลาพัก เดียวข้าน้อยจะไปส่งแขกเอง รีบไปทำงานกันต่อได้แล้ว”
“บูว~ งานทำสวน เลี้ยงสัตว์ น่าเบื่อง่า”
” งานทำเครื่องมือจานชามด้วย”
” ไม่อยากทำงานอ่า~”
เหล่าเด็กตัวน้อยบ่นอุบผสานเสียงราวกับเป็นเสียงของฝูงแมงหวี่
ถึงปากจะบ่นอุบ แต่ว่าขาของพวกเขาก็ยังพาตัวเองไปที่ทำงานแต่โดยดี
บางส่วนเดินตรงไปลานคอนกรีต เปิดเตาไฟ แล้วเริ่มลงมือทำเครื่องเงิน จานชาม
บางส่วนตรงไปกระท่อมเลี้ยงสัตว์ โยนของเหลวผสมน้ำหวานให้สไลม์กิน
บางส่วนตรงไปแปลงผัก แล้วเริ่มตกแต่งใบพืช คัดแยกตัดวัชพืชที่ไม่จำเป็นทิ้งออกไป
บางส่วนตรงไปห้องเรียน แล้วแบ่งกลุ่มเด็กโตมาสอนความรู้พื้นฐานให้กับกลุ่มเด็กเล็ก
[ดิ้นรนได้น่าประทับใจดีนะคะ ^_^]
“… มองเห็นด้วยหรือขอรับ? ”
[ใช้ความรู้สึกมองดูค่ะ ฉันสัมผัสได้ถึงความรักที่ทุกคนมีต่อสถานที่แห่งนี้ รวมถึงความเคารพที่มีต่อคุณด้วยค่ะ °°°]
สตรีผมสีฟ้าชูป้ายข้อความใหม่
ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของสตรีสีฟ้าถูกย่นคิ้วลง พร้อมกับริมฝีปากที่ชักกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะกลับมา
ตีสีหน้าเรียบเฉยแทบจะในทันที
“เออ… ค่ะ…”
สตรีกระต่ายรู้สึกว่าแขกผู้รับเชิญมีบรรยากาศเปลี่ยนไปชั่วขณะหนึ่ง
แต่เธอรู้สึกได้โดยสัญชาตญาณ ว่าไม่ควรล้วงลึกเข้าไปให้มากกว่านี้
เธอรีบปรับอารมณ์ ทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี นำแขกออกไปส่งถึงหน้าประตูอาคาร
ในมือขวา กำถุงเงินที่เอามาจากวิหาร เพื่อเตรียมส่งคืนในมือของเจ้าของ
ภายในใจ เฝ้าภาวนาต่อสิ่งศักสิทธิ์ อวยพรให้นักบวชสตรีตรงหน้ายอมไม่เอาความเธอที่ไปขโมยเงินบริจาคของวิหารมา
[°°° ช่วยเล่าเรื่องของสถานที่แห่งนี้ให้ฟังจะได้ไหมคะ o_o?]
“หะ? ”
แม่สาวกระต่ายถึงกับสับสนที่ได้ยินเช่นนั้น
ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้—
[ช่วยกรุณาเล่าให้ฟังทีค่ะ o_o?]
“เออ… ได้ขอรับ? ”
แม่สาวกระต่ายตอบรับคำขอของแขกที่ไม่ต้อนรับ
เธอเปลี่ยนเส้นทางเดิน แล้วพาแขกแปลกหน้าไปที่มุมในสุดของอาคาร ที่ฝั่งตรงข้ามกับทางเข้า
“ก่อนอื่น ข้าน้อยคงต้องขอเริ่มจากผู้ก่อตั้งอาคารหลังนี้”
ที่มุมในสุดของลานหญ้าใจกลางอาคาร มีป้ายหลุมศพวางประดับเอาไว้อยู่ด้วยกันถึงสองหลุม
บนป้ายหินนั้น ได้สลักเลขอายุของผู้หลับไหลใต้แผ่นหินเอาไว้ ว่ามีอายุยืนยาวถึง 95 ปี
“ข้าน้อยขอแนะนำผู้สร้างสถานกำพร้าแห่งนี้ คุณแม่ [เพกมาไทต์] กับ คุณแม่ [สล็อต] ค่ะ”
***
ในอดีตเมื่อ 60 ปี ก่อน
เผ่ามนุษย์สัตว์ได้มีการริเริ่มโครงการสร้างมนุษย์ไซบอร์กเพื่อยืดชีวิตของตัวเองขึ้นมา
ผู้ที่ริเริ่มโครงการนี้ มิใช่ใครอื่น หากแต่เป็น [โนอาร์] เทพเจ้ามีชีวิตของเผ่ามนุษย์สัตว์ ผู้ถูกตราหน้าป้ายสีจากนักวิชาการเผ่าอื่นว่าเป็นเพียงแค่หุ่นยนต์
“ข้าน้อยไม่เห็นด้วยกับวิธีคิดแบบนั้น เจ้าไพไรต์มันเป็นบ้าอะไร ทำไมถึงไม่ห้ามเธอ? ถึงจะสืบทอดบัลลังก์ให้คนอื่นไปแล้ว แต่มันก็ควรห้ามยัยไม่ให้ทำเรื่องบ้า ๆ ได้สิ หรือว่าแก่จนสติเลอะเทอะไปแล้วเรอะ? ”
“นายท่านว่าเช่นไร— ดิฉัน— ว่าตามค่ะ—”
สตรีผู้สืบทอดสถานะผู้กล้าเผ่ามนุษย์สัตว์-กระต่าย รุ่นที่ 12 [เพกมาไทต์] คือหนึ่งในผู้ต่อต้านที่ไม่เห็นด้วยกับการพยายามโกงอายุขัยของเทพเจ้ามีชีวิต [โนอาร์]
การเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตให้กลายเป็นไซบอร์ก—
มันคือโครงการที่ฟังดูดีและท้าทาย
แต่ด้วยความที่เป็นโครงการชวนน่าสงสัย จึงทำให้สตรีเฒ่าที่เกษียณอายุตัวเองหวนกลับวงการสายลับ เพื่อสืบหาความจริง
ความเป็นจริงมันไม่ได้สวยงามเหมือนอย่างสิ่งที่ดวงตาเห็น
เพื่อให้โครงการเหล่านั้นสามารถเป็นไปได้จริงก่อนการนำออกไปใช้ในสถานที่สาธารณะ โนอาร์ ผู้นั้นจึงได้ทำการแหกกฏ แอบรวบรวมเหล่าเด็กกำพร้ามาทดลองดัดแปลงร่างกายเพื่อศึกษา
ผลลัพธ์คือการได้สิ่งมีชีวิตไซบอร์กที่มีความเป็นอมตะ โดยแลกกับการที่ร่างกายหยุดเติบโตไปตลอดกาล ทั้งทางสติปัญญาและร่างกาย
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!? ”
ในปีประวัติศาสตร์ที่ 66 หลังจากประกาศเริ่มโครงการสร้างไซบอร์ก
เพกมาไทต์ได้เห็นภาพของห้องทดลองลับที่เต็มไปด้วยความตาย
หลอกแก้วที่ภายในเต็มไปด้วนสารเหลวกับเนื้อเยื่ออันน่าขยะแขยง
สิ่งมีชีวิตที่นอนทอดร่างกายบนเตียงเหล็กเหมือนหมู เหมือนหมา เป็นได้เพียงแค่สัตว์ทดลอง
ที่สำคัญ คือเหยื่อทดลองทั้งหมดล้วนแต่เป็นเด็กกำพร้า…
ทั้งหมดนั้นช่างดูน่ากลัวและผิดศีลธรรม ผิดจากภาพโฆษณาชวนเชื่อที่ประกาศออกไปสู่สาธารณะ
ไม่มีใครรู้ความจริงเรื่องนี้ นอกจาก [เพกมาไทต์] กับคู่หูที่เป็นหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ของเธอ [สล็อต]
แม้แต่เพื่อนสนิทมิตรสหายของเธอ ก็ยังทำใจเชื่อเรื่องนี้ไม่ลง เพราะภาพลักษณ์ของโนอาร์ที่มีต่อสังคม แทบดูไม่ต่างไปจากสตรีศักดิ์สิทธ์ที่เปี่ยมด้วยความเมตตา
สำหรับตัวเธอที่ร่างกายมีแจ่จะแก่ชราตามวันเวลาที่ผ่านไป จึงไม่มีแรงกายมากพอที่จะจัดตั้งแนวร่วมต่อต้าน
มิหนำซ้ำ อำนาจของราชาที่คอยใช้คานอำนาจของเทพเจ้าผู้มีชีวิตของเผ่ามนุษย์สัตว์ ก็ยังหมดลงไปพร้อมกับการหายตัวไปอย่างลึกลับของราชาสิงโตไพไรต์ ผู้เป็นสามีของเทพเจ้าโนอาร์ในยุคสมัยนั้น
บ้างก็ว่าเขาสิ้นใจตายในอ้อมกอดของเทพเจ้า
บ้างก็ว่าถูกทำให้หลับในนิทราอันยาวนานเพื่อรอวันคืนชีพในช่วงเวลาอันโกลาหล
บ้างก็ว่าเขาได้กลายเป็นหนึ่งในไซบอร์ก และดำรงชีวิตเก็บตัวอยู่กับเทพเจ้าโนอาร์ในหอคอยเทพเจ้าชั่วนิรันดร์…
“ไม่มีใครเชื่อพวกเรา… เผ่ามนุษย์สัตว์นั้นถูกล้างสมองให้นับถือในตัวบุคคลมากกว่าตั้งคำถามกับความเป็นจริง พวกเขาได้กลายเป็นเหล่าคนที่โง่งมงายไปกันหมดเสียแล้ว”
[เพกมาไทต์] ที่พยายามเอาเรื่องราวความจริงนี้ไปประกาศ กลับกลายเป็นผู้ถูกตรีตราว่าเป็นภัยต่อสังคมไปเสียเอง
เธอกับคู่หูของเธอจึงต้องลบตัวตน แล้วระเห็ดหนีออกจากสังคมไป
แต่เธอไม่ใช่คนที่คิดยอมแพ้อะไรง่าย ๆ
” ก่อนอื่น ต้องให้การช่วยเหลือเด็กผู้น่าสงสาร… เหมือนกับที่อาจารย์ของข้าน้อยเคยมอบโอกาสชีวิตให้กับเหล่าเด็กกำพร้า”
เธอพูดเช่นนั้น แล้วรวบรวมเหล่าเด็กไซบอร์กที่ถูกทอดทิ้ง พร้อมกับจัดตั้งสถานเด็กกำพร้าแห่งนี้ขึ้นมาดูแล
“เรา… ทำอะไรไม่ได้แล้วในยุคนี้ นอกจากฝากความหวังให้กับคนรุ่นใหม่…”
เธอพูดเช่นนั้นในตอนที่อายุเริ่มแก่เฒ่า แล้วสร้างผู้สืบทอดขึ้นมาใหม่
แต่ช่างน่าเสียใจ ที่สตรีเฒ่าผู้นี้ไร้ซึ่งบุตรหลานหรือสามีผู้จะมาให้กำเนิดผู้สืบสันดาน
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงสร้างลูกหลานด้วยกรรมวิธีผิดจรรยา
การใช้บริการธนาคารหัวเชื้ออสุจิ…
ผลลัพธ์จากการผิดจรรยาบรรณ คือบุตรตรีผู้สืบทอดปณิธาน [ทัวร์มาลีเนต ควอร์ต] กระต่ายสาวผู้มีขนสีดำระบายขาวเหมือนแร่ ทัวร์มาลีเนต ควอร์ต อันงดงามผู้นี้
***
“และนี่คือประวัติศาสตร์เรื่องราวของข้าน้อยกับสถานที่แห่งนี้เจ้าค่ะ”
กระต่ายสาวเล่าเรื่องราวที่ชวนฟังดูน่าอันตรายออกไปอย่างไร้ซึ่งความเกรงกลัว
“หึ หึ หึ จะมาเสียใจที่อยากฟังตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วเจ้าค่ะ มาเถอะค่ะ มาร่วมขบวนการต่อต้านอำนาจของโนอาร์กับข้าน้อยเสียเถอะค่ะ มาช่วยข้าน้อยปั่นข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ในโซเชียล—”
[Zzzz]
“หลับซะงั้น!! แล้วไอป้ายข้อความ [Zzz] มันหมายความว่ายังไงเจ้าค่ะ!?! ตื่นค่ะ ตื่น! ”
[… งืม~ ตื่นแล้วจร้า~ =_=… แบบว่าพอฟังเรื่องยาก ๆ แล้วง่วงทุกทีเลย]
“… ”
กระต่ายสาวถึงกับเอามือก่ายหน้าผากเมื่อได้ยินเช่นนั้น
” (ทำไมแนวร่วมต่อต้านถึงหายากแบบนี้กันเจ้าค่ะ…) ”
เธอต้องอยู่ตัวคนเดียวหลังจากที่คุณแม่ของเธอได้ตายจาก
แม้แต่หุ่นยนต์อย่าง สล็อต ที่เธอคิดว่าจะมีชีวิตอมตะ ยังเลือกที่จะปิดการทำงาน แล้วทำลายสมองกลของตัวเอง เพื่อตายตามคุณแม่ที่เธอคนนั้นรักยิ่งชีพ
เป็นเวลาถึง 23 ปี นับจาก อายุ 5 ปี ที่เธอต้องต่อสู้ด้วยตัวคนเดียวมาตลอด…
แม่สาวกระต่ายคอตกด้วยความผิดหวัง พร้อมกับบ่นอุบในใจ
” (จะเรียกร้องให้เล่าทำไมตั้งแต่แรกกันเจ้าค่ะ) ”
เธอหมุนตัวกลับหลังด้วยความเบื่อหน่าย พร้อมกับยื่นถุงเงินคืนให้แก่แขกที่ไม่อยากต้อนรับ
“รีบ ๆ กลับไปซะ”
นั่นคือสิ่งที่เธอคิด
แต่ทว่าถุงเงินที่ยื่นไปนั้น กลับยังคงมีน้ำหนักค้างอยู่ในมือของเธอ
“หืม? ”
เธอหันกลับไปมอง
ตรงหน้าหลุมศพของมารดาทั้งสองคน ไม่มีร่องรอยของแขกอยู่อีกต่อไป
เงินที่แอบลักทรัพย์ยังคงถูกทิ้งเอาไว้บนฝ่ามือ
“หายไปแล้ว!?!”
ท่ามกลางความสงสัย เธอได้เห็นกระดาษขาวแผ่นหนึ่งวางเอาไว้บนหลุมศพ
บนกระดาษสีขาวนั้น มีลายมือของแขกผู้มาเยือนถูกเขียนอย่างบรรจงทิ้งเอาไว้
[ฉันนั้นตาบอด เพราะฉะนั้นไม่รู้หรอกว่าเธอพยายามจะยื่นถุงสกปรกมาให้ฉันทำไม ที่ฉันไล่ตามเธอมา ก็แค่รู้สึกสนุกที่มีคนเก่ง ๆ อย่างเธอให้เล่นวิ่งไล่จับด้วยเท่านั้นเอง ^_^\]
“หะ— หา? วิ่งไล่จับเนี่ยนะ? ”
สตรีกระต่ายถึงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ
แต่ข้อความที่ชวนสงสัยยังไม่จบแค่นั้น
[อีกเรื่อง ฉันนะไม่เข้าใจเรื่องที่เธอเล่าให้ฟังหรอก แต่อยากฟังเพราะสองคนในหลุมศพทำตัวน่ารำคาญกับฉันตั้งแต่มาถึงที่นี่แล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้สึกผิดที่ยัดเยียดอะไรสักอย่างทิ้งไว้ให้เธอเนี่ยแหละ แต่ฉันไม่รู้เรื่อง แถมพวกมันยังมีปณิธานแรงกล้าจนขับไล่ปัดเป่าไม่ได้อีก เลยไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาให้ยังไงดี เพราะงั้น ถ้าเธอรู้สึกอยากเป็นอิสระเมื่อไหร ให้มาติดต่อฉันได้ทุกเวลา ตามเบอร์โทรนี้ ถ้าเป๋นเพื่อนฉันที่ฉลาดกว่า น่าจะรู้วิธีขับไล่อยู่นะ ^_^b]
“อะไรเนี่ย ข้อความยังกับพวกต้มตุ๋นเลยแฮะ?? ”
สตรีกระต่าย ทำได้เพียงแต่สับสนงุนงงเท่านั้น
MANGA DISCUSSION