***วันที่ 13 เรตนิว ปีที่ 125 เวลา 24:30 น.***
ณ เมืองท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่สุดขอบปลายทวีปเทวภูมิภาคตะวันตก
*ตึก ตึก ตึก–*
*แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก–!*
ณ ที่แห่งนี้ มีสองสตรีเผ่ามนุษย์สัตว์กำลังวิ่งไล่จับ เสมือนเป็นสายลมผลัดเปลี่ยนฤดูที่พัดไล่ตาม
ฝ่ายหนึ่งคือสตรีเผ่ากระต่ายผู้มีขนสีดำระบายสีขาวแทรก จนดูคล้ายกับเป็นแร่ทัวร์มาลีเนตควอร์ตธรรมชาติที่สวยงาม
อีกฝ่ายคือสตรีเผ่าหนูผู้มีผมสีฟ้ายาวทอประกายแสงดั่งเป็นผืนมหาสมุทรที่งดงามไม่แพ้กัน
” (ระดับผู้สืบทอดอย่างข้าน้อยสลัดไม่หลุดเนี่ยนะ!! สตรีผู้นี้เป็นใครกันแน่?) ”
กระต่ายสาวที่วิ่งนำหน้าคิดสงสัยด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวใต้ผ้าปิดปาก ไปพร้อมกับใช้หางตามองเอี้ยวหลังตัวเอง
” (แต่ถ้าเจอวิชานี้ ไม่มีทางที่จะตามข้าน้อยทันได้หรอก!) ”
ว่าแล้วกระต่ายสาวก็เริ่มใช้ขาขนปุยของเธอร่ายรำวิชา
หนึ่งเท้าสัมผัสกำแพงอย่างแผ่วเบา
เหยียบย่างผนังอาคารซ้ายและขวาอย่างอ่อนโยน เสมือนหนึ่งเป็นการลูบผิวของเด็กทารก
วินาทีนั้นเอง ที่ชุดเสื้อผ้าผืนบางของเธอเริ่มเรืองแสงสีแดง
มันคือข้อบ่งชี้ว่าชุดตัวนั้น มันไม่ใช่ชุดธรรมดา
ขับเคลื่อนไหลเวียนพลังงานในร่างกาย หดย่อ เคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ พร้อมกับเปลี่ยนสภาพเส้นใยเนื้อผ้าให้เป็นดั่งสปริง แล้วส่งแรงพลักปะทะผนัง สร้างแรงสะท้อนดันร่างกายขึ้นสู่เบื้องนภา
ไร้ซึ่งเสียงสัมผัส หากแต่ทรงพลังจนเกิดเป็นระเบิดลม ตีเป็นเส้นวงแหวนอากาศสีขาวขึ้นบนรอบตัวของเธอ
เพียงแค่หนึ่งชั่ววินาทีกระพริบตา สตรีกระต่ายผู้นั้นก็ไปปรากฏตัวที่ชั้นบนสุดของอาคารสี่ชั้น ห่างออกไปจากจุดเดิมถึงสิบช่วงตึกไปแล้ว
” (เป็นยังไงละ? กับความเร็วระดับ— เฮ๊ย!?!) ”
ภายในดวงตาสีแดงเลือดของสตรีกระต่าย มีภาพของสตรีผมสีฟ้าปรากฏสะท้อนไล่ตามหลังในระยะเพียงหนึ่งปลายฝ่ามือสัมผัส
” (ตามข้าน้อยที่ใช้ชุด battle suit ทันได้!? อย่าบอกนะว่ายัยนี่เป็นพวกไซบอร์ก หรือไม่ก็เป็นพวกหายากที่ได้รับการพักพิงจากพวกเผ่า [โพรแคริโอต] เหมือนป้า [เปอร์ไซต์] ที่รู้จักกับพวกคุณแม่!) ”
ดวงตาของสตรีกระต่ายกำลังเบิกกว้างด้วยความตกใจ
เพราะโดยสามัญสำนึกของโลกใบนี้ ไม่มีทางที่สิ่งมีชีวิตปกติจะสามารถเคลื่อนไหวเหนือสามัญสำนึกได้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะพึ่งพาชุดเกราะสงคราม หรือเป็นพวกที่ได้รับความช่วยเหลือจากเผ่าพันธุ์ในตำนาน
ชาวดาวไดม่อนนั้น มีตำนานกล่าวขานถึงเผ่าพันธุ์ลึกลับที่สามารถเพิ่มขีดความสามารถและอายุขัยของสิ่งมีชีวิต
ผู้ใดที่ได้รับความช่วยเหลือจากเผ่าพันธุ์นี้ จะได้รับและพึ่งสมปรารถนาทุกสิ่งในโลก
ทั้งเงินทอง อำนาจ หรือแม้แต่การโกงความตาย
มันคือตำนานที่มีเค้าของความเป็นจริง
[ซีกเกอร์] นักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบตัวตนของเผ่าพันธุ์ [โพรแคริโอต] หรือแบคทีเรียเซลล์เดียวที่มีสติปัญญา ได้เคยประกาศถึงความสำเร็จในการค้นพบเผ่าพันธ์ุประหลาดที่ว่า
ถึงกระนั้น ถึงแม้นว่าจะค้นพบ แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดที่สามารถพูดคุยสื่อสารกับเผ่าพันธุ์ที่ว่าได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง
ด้วยความลึกลับของพวกมัน สุดท้ายจึงกลายเป็นตำนานของโลกไป
” (น่าจะเป็นพวกไซบอร์กมากกว่า) ”
กระต่ายสาวสรุปตัวจริงของผู้ไล่ตาม แล้วควักวัตถุทรงกระบอกสีขาวขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าที่เหน็บเอาไว้ข้างซ้าย
เธอใช้ฝ่ามือออกแรงบีบมันจนรูปทรงบิดเบี้ยว ก่อนจะโยนมันทิ้งลงบนหลังคาบ้าน
*กริ๊ก*
เกิดเสียงวัตถุหนักตกกระทบลงบนผิวโลหะ
แสงสว่างฉับพลันเจิดจ้าพร่ามัว
คลื่นระเบิดสนามแม่เหล็กแผ่ขยายกว้างไกล กลืนกินแทรกแทรง
หมายทำลายระบบเครื่องจักรกล ให้รวนเรพังลงมา เสมือนหนึ่งเป็นตุ๊กตากลที่ถูกขันน๊อตหลวม
“…”
แน่นอนว่ามันไม่เป็นอันตรายใด ๆ กับสิ่งมีชีวิตเลยแม้แต่น้อย
สตรีผมสีฟ้ายังคงสามารถสับเท้าสองข้างไล่เธอไปตามหลังคาบ้านเรือนที่ขรุขระ ราวกับว่าระเบิดนั้นหาได้เป็นอันตรายต่อเธอไม่
เป็นหลักฐานชั้นดี ว่าสตรีผู้นี้มิใช่ไซบอร์กอย่างที่เธอคิด
” (เอาจริงดิ! ถ้าสตรีผู้นี่ไม่ใช่ไซบอร์ก แล้วเป็นตัวอะไรกันแน่!? เป็นพวกในตำนาน… หรือว่าพวกลูกครึ่งเผ่าปีศาจ?) ”
อีกหนึ่งเผ่าที่มีขีดความสามารถทางร่างกายทำลายสามัญสำนึกได้ ก็คือเผ่าปีศาจ
แต่ชนเผ่านั้นมักเป็นที่ถูกอิจฉาและรังเกียจจากเผ่าพันธุ์อื่น ว่าเป็นเผ่ามักมากในกามรมณ์ อีกทั้งยังสามารถครอบครองได้ทุกสิ่งในโลกโดยไม่ต้องพึ่งความพยายาม จึงทำให้เป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่ค่อยยอมออกมาจากทวีปบ้านเกิดกันสักเท่าไหรนัก
การที่จะเห็นเผ่าปีศาจในทวีปอื่นนอกจากทวีปคริสตัลนั้น เรียกว่าหาได้ยากยิ่ง
” (ชิ… จะยังไงก็ช่าง แต่ข้าน้อยไม่ยอมมาถูกจับตรงนี้หรอก เพราะว่าข้าน้อยยังมีคนที่รอคอยอยู่!) ”
สตรีกระต่ายเดาะลิ้นตัวเอง แล้วกระโดดกลับลงไปบนเส้นทางด่วนที่เต็มไปด้วยยวดยานเหาะความเร็วสูง
เนื่องจากรถยนต์ส่วนบุคคลของชาวดาวไดม่อนจะเป็นยานเหาะ จึงทำให้การออกแบบถนนถูกแบ่งออกเป็นถนนลอยฟ้ากับถนนบนดิน
ถนนบนดินจะบังคับให้ทุกคนขับด้วยระบบล้อเลื่อน หรือไม่ก็ระบบเหาะเลียบพื้นดินที่มีความเร็วต่ำกว่า 60 กม. ต่อ ชม.
มันเป็นถนนระบบโบราณที่ปูด้วยลาดยาง ทั้งขรุขระ และไม่สะดวกในการใช้งาน
ส่วนถนนลอยฟ้าจะถูกสร้างด้วยวัสดุที่ติดตั้งเครื่องจักรแร่ภูติ คอยสร้างคลื่นพลังงาน ยกตัวถนนให้ลอยเหนือพื้นดิน
สร้างเส้นทางอากาศด้วยวงแหวนควบคุมเหมือนระบบสัญจรยานอวกาศพาณิช
สร้างอุโมงค์แม่เหล็กกับรางตัวนำ คอยป้องกันไม่ให้มียวดยานเหาะวิ่งแหกโค้งถนน หรือมีระดับเพดานบินที่ผิดเพี้ยนจนเกิดอันตรายต่อตัวเมือง
มันเป็นชั้นถนนที่ยานแต่ละลำจะวิ่งด้วยความเร็วสูงไม่ต่ำกว่า 120 กม. ต่อ ชม.
การที่สตรีกระต่ายน้อยเลือกหนีมาวิ่งบนถนนลอยฟ้าที่แสนจะอันตราย และแทบจะไม่มีพื้นที่ให้ยันฝ่าเท้า ก็เปรียบไม่ต่างจากการโยนกระต่ายขนปุ่ยลงไปในมหาสมุทรคลั่งที่เต็มไปด้วยฉลามหิวกระหาย
” (ถ้าคิดว่ายังตามมาได้อีก ก็ตามข้าน้อยมาเลย!) ”
กระต่ายตัวน้อยเริ่มท้าความตายด้วยตัวเอง
บนสายธารของถนนกว้างสี่ช่องทางรถ ต่างมียวดยานที่วิ่งด้วยความเร็วไม่ต่ำกว่า 120 กม. ชม. อย่างไม่ขาดสาย
ราวกับเป็นฝูงฉลามที่กำลังว่ายทวนกระแสน้ำคลื่นทะเลคลั่ง เพื่อหมายรุมขย้ำเหยื่ออันโอชะที่หลงเข้ามาในอาณาเขตแดนของมัน
*ฟูวมมมม!*
รถบรรทุกขนาดใหญ่สูงสามเมตรคันหนึ่ง กำลังวิ่งเข้ามาใกล้กระต่ายตัวน้อยผู้น่าสงสาร
เสียงเครื่องยนต์ที่ดังขับขาน แทบไม่ต่างไปจากเสียงแยกเขี้ยวคำรามของสัตว์ร้าย
ระยะห่างราวหนึ่งร้อยเมตร ถูกหดเข้าหากันภายในไม่ถึงห้าวินาที
เงาของยานเหาะคันนั้น เริ่มใหญ่ขึ้นจนบดบังแสงอาทิตย์ที่อาบลงบนร่างกายของกระต่ายน้อย
ทั่วร่างของเธอ กำลังถูกกลืนจมหายไปในเงามืดของอสูรเหล็กยักษ์
*ฉึบ!*
แต่ทว่าเจ้าอสูรเหล็กยักษ์ตัวนั้น กลับมิอาจได้ลิ้มรสชาติของเนื้อกระต่าย
ก่อนที่เนื้อกับผิวเหล็กจะได้ทันสัมผัส ร่างของกระต่ายตัวน้อยจักเลือนหาย ทิ้งเอาไว้แต่เพียงภาพร่างเงา ณ เบื้องหลัง
หอตัวราบแนบพื้นรางเหล็กลอยอากาศ
มุดลอดผ่านใต้ยานที่มีช่องว่างเพียงหนึ่งคืบศอก
ปล่อยให้สายลมอันฉุนเฉียวไหลผ่านเรือนร่างโดยมิได้สัมผัส แล้วม้วนตัวกระโดด ชิ่งกระทบสองจังหวะตามโครงวงแหวน แล้วไปบรรจบลงบนหลังคารถคันหลังที่วิ่งไล่ตามรถบรรทุก
“อืม~”
ฮัมเพลงเป็นจังหวะไปตามเสียงของสายลมที่พัดผ่าน
ก้าวขาเริงระบำตามจังหวะที่เหยียบย่างบนลังคายานเหาะที่เลื่อนไหลไปตามกระแส
พลิกตัวกระทบรถคันซ้าย กระโดดสะท้อนตามแรงเหวี่ยงไปทางขวา
บางจังหวะกระโดดโลดเต้นย้อนวิถีกลับหลัง
บางจังหวะเลือกที่จะเต้นเร้าไปตามรถที่หักมุมแทรกปาดหน้า
บางจังหวะเอี้ยวตัวเกาะเกี่ยวส่วนยื่นของปีกรถ แล้วเอนตัวถ่วงสมดุลไปกับรถที่ตีโค้งตามมุมถนน
เธอทั้งเต้น ทั้งระบำ ทั้งว่ายทวนกระแสยานเหาะได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ราวกับว่าเป็นสิ่งที่เธอคุ้นเคย และทำมันทุกวันจนคุ้นชินกับสิ่งนี้ไปแล้ว
“ฮืม…? ถูกทิ้งแบบไม่เห็นฝุ่นเลยนี่น่า? ”
ไร้ซึ่งวี่แววของผู้ไล่ตามที่เธอหวาดกลัว ท่ามกลางการร่ายรำ ณ ใจกลางพายุคลั่งของอสูรเหล็กนี้
“วิ๊ว~ ¶”
แม่สาวกระต่ายผิวปากอย่างดีใจ พร้อมกับใช้ฝากระโปรงของยานเหาะที่กำลังพุ่งเข้าใส่เป็นฐานเหยียบ กระโดด พาร่างของตัวเองไปยืนบนพื้นหญ้าสีดำที่อยู่ติดกับถนนภาคพื้นดินใกล้ ๆ กัน
เธอกางแขนและขาพร้อมกับผ้าคลุมติดเสื้อจนดูเหมือนเป็นกระรอกบิน
ชะลอความเร็วตกสู่พื้นอย่างเชื่องช้า จนกระทั้งหยุดนิ่งอย่างสงบในท่ายืนปลายเท้าขวา
“พี่สาว ทัวร์มาลีเนต ควอร์ต กลับมาแล้วละ!”
“พี่~ หนูหิวแล้ว~”
เสียงของเด็กน้อยดังขึ้นทำลายความสงบ
ประตูไม้หนาของบ้านปูนหลังโตที่ดูดีตรงหน้าเธอกำลังถูกเปิดอ้าออก
เด็กเผ่ามนุษย์สัตว์หลายสิบคนต่างกำลังวิ่งกรูออกมาจากบานไม้ที่ถูกแหวกเปิดเส้นทาง
เป็นเด็กเผ่ามนุษย์สัตว์— ที่มีครึ่งร่างกายเป็นเครื่องจักรกล…
“เหล่าพี่น้องทั้งหลาย วันนี้พวกเราจะกินเนื้อย่างกัน!”
สตรีกระต่ายชูถุงเงินที่ตัวเองลักทรัพย์มาจากวิหารเทพทั้งสามขึ้นสูงเหนือหัว
ใบหน้าของเธอยิ้มแย้มอย่างเปรมปรีด์ ที่สามารถเติมเต็มความหิวโหยให้กับเด็กกลุ่มนี้ได้—
“พี่ ควอร์ต ครับ ผู้หญิงผมสีฟ้าคนข้าง ๆ พี่คือใครกันครับ? — แบบว่าสวยสุด ๆ ไปเลยครับ!!”
“จริงด้วย แนะนำให้ผมรู้จักด้วยคนสิครับ!”
“ผู้หญิงผมสีฟ้า? ”
รอยยิ้มของสตรีกระต่ายฉับพลันเลือนหายเมื่อได้ยินเด็กหนุ่มสองคนตะโกนถามเธอ
ร่างกายของเธอเริ่มหันกลับหลังไปดูอย่างเชื่องช้าเสมือนหนึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่ขัดข้อง
แล้วเธอก็ได้เห็น—
[สวัสดีค่ะ เป็นการเล่นไล่จับที่สนุกไม่เลวเลยค่ะ]
—เห็นเด็กผู้หญิงผมสีฟ้าเผ่ามนุษย์หนูมายืนอยู่ข้างหลังเธอตั้งแต่ตอนใด ก็มิอาจจะทราบได้….
MANGA DISCUSSION