ในป่าใหญ่มีกระท่อมถูกปลูกอยู่หลังหนึ่ง
กระท่อมนั้นถูกสร้างจากขนมหวานแสนอร่อย
มันส่งกลิ่นหอมโชยล่อลวงเด็กผู้อยากรู้ให้เข้ามา
เด็กสาวกับเด็กชายต่างยินดีที่ได้เจอสมบัติลับแห่งป่า
พวกเขาเข้าไปกินบ้านขนมอย่างสำราญ กัดแทะบ้านขนมหวานอันสวยงามจนเว้าแหว่ง
แต่บ้านที่สวยงาม ย่อมไม่มีทางที่จะไร้เจ้าของดูแล
เจ้าของบ้าน [แม่มดแห่งป่า] ได้กลับมาแล้ว
อ๊ะ —? แย่ละสิ!
พวกเรากินมันเข้าไปแล้ว! จะทำยังไงดี!?
เด็กน้อยทั้งสองคนกำลังหวาดกลัว
แต่แทนที่แม่มดสาวจะโกรธตีหน้ายักษ์ เธอกลับส่งยิ้มหวานด้วยใบหน้าที่เป็นมิตร
ไม่เพียงแค่ไม่โกรธ แต่เธอยังยินดีที่จะใช้อำนาจเวทมนตร์ซ่อมแซมบ้านขนมหวานจนกลับมาใหม่เอี่ยม
“เชิญรับประทายเท่าที่ต้องการเลยจ๊ะ”
เด็กทั้งสองคนรู้สึกดีใจมาก
พวกเขากินบ้านขนมเข้าไปเพิ่ม
กินแล้วกินอีก จนกระทั้งร่างกายถูกขุนจนอ้วน
“แหม~ อ้วนได้ที่เลยนะจ๊ะ”
แม่มดสาวส่งยิ้มให้กับเด็กที่ถูกขุนจนอ้วนพี
เธอเดินเข้าไปใกล้เด็กทั้งสอง
ลิ้นของเธอกำลังเลียริมฝีปากด้วยความหิวโหย
แล้วจับเด็กที่ถูกขุนจนอ้วน กลืนกินเข้าไปทั้งเป็นในพริบตา
เด็กทั้งสองถูกฆ่าในป่าลึก
ไม่มีใครรับรู้
ไม่มีใครมาช่วยเหลือ
ตายอย่างโดดเดี่ยวเช่นนั้น
***
นิทานแม่มดที่ขุนเด็กจนอ้วนเพื่อหลอกกิน เป็นนิทานพื้นบ้านที่ฉันเคยได้ยินและจดจำมา
มันเป็นเรื่องที่ฟังดูบ้าบอและไร้สาระ ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น หรือเป็นไปได้จริง
แต่มันกลับสามารถเกิดขึ้นได้จริง
ฉัน… คือเด็กที่ถูกขุนจนอ้วน…
และฉัน… กำลังจะถูกฆ่า โดยไม่มีใครสนใจ… เหมือนในนิทาน…
“อ่าว—? ทำไมถึงนิ่งไปละ? ”
เจ้ามดที่พยายามจะฆ่าฉัน กำลังก้มลงมาจ้องใบหน้า
ภาพของใบหน้าตัวเองที่ได้ถูกสะท้อนบนผิวเปลือกตาแข็งของมนุษย์มด มันเป็นภาพของเด็กสาวผิวซีดหน้าตาน่าเกลียดที่ดูไม่ได้
แววตาของเธอ… ช่างดูไร้ชีวิตยิ่งนัก
“ทำไมถึงนิ่ง? ไม่คิดดิ้นรนสักหน่อยหรือ? แบบนี้มันก็ไม่เรียกว่าเป็นการแก้แค้นสิ? ”
จะพูดอะไรก็พูดไป…
เพราะว่าฉัน… ตัวฉัน… ไม่มีความหมายที่จะให้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว…
พอกันทีชีวิตนี้—
“ใครบังอาจทำให้เด็กสาวต้องร้องไห้!”
เอ๊~!?!
ใครนะ!?
*บรึ้ม!*
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!?!”
มือของศพที่จับฉันเอาไว้ ล้วนถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟที่มาพร้อมกับระเบิด
ส่วนฉันกำลังกรีดร้องออกไปด้วยปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ
ถึงจะยังไม่เห็นหน้า แต่ด้วยเสียงที่คุ้นหู มันเลยทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่าคนที่บุกรุกเข้ามานั้นคือใคร
เสียงของคนบ้าแบบนี้ มีแค่พี่สาวภูติหัวแดงคนนั้นเท่านั้นนั่นแหละ!
“อึ๊ก!”
เป็นเพราะกรีดร้องออกไปโดยไม่ทันตั้งตัว เลยทำให้ปากแผลตรงแขนขวาเปิดมากขึ้นกว่าเดิม
เจ็บอ๊ะ!
แง!
“พบเด็กสาวมีบาดแผลฉกาจฉกรรจ์! ต้องรีบรักษาด่วน!”
เอ๊ะ?
ตรงหน้าของฉันกำลังเต็มไปด้วยแสงสว่างสีแดง
เป็นแสงสว่างที่— อบอุ่น…
อบอุ่นและปลอดภัย…
ความเจ็บปวดตรงแขนขวาเริ่มจางหาย
ผิวหนังที่เคยขาดวิ่น กำลังสมานตัวด้วยการแบ่งเซลล์ผิวในอัตราทวีคูณ
เพียงไม่ถึงห้าวินาที บาดแผลร้ายก็ฉับพลันไม่เหลือร่องรอยใด ๆ บนผิวสีเผือกของฉันอีกต่อไป
“อ๊ะ? แอ๊ะ? ”
นี่ฉันกำลังฝันอยู่หรือเปล่า?
บาดแผลขนาดนี้สามารถหายสนิทได้ในพริบตาเดียวเนี่ยนะ?
“เอาลูกอมไปอมเล่นก่อน เพราะการรักษาของฉันคือการเร่งอัตราฟื้นฟูของร่างกาย น่าจะดึงพลังงานมาใช้พอสมควร อีกเดียวคงหิวจัดแน่ ๆ ”
“อ๊ะ? ค่ะ? ”
ฉันรับลูกอมสีแดงมาจากมือของเธอโดยที่สมองยังตามสถานการณ์ไม่ทัน—
พี่สาวภูติกำลังส่งลูกอมให้ฉันด้วยรอยยิ้ม
หนึ่งมือวางลูกอม อีกหนึ่งมือลูบหัวอย่างอ่อนโยนและอบอุ่น
“คนที่ทำร้ายเธอ คือเจ้าผีบ้าตัวนี้สินะ? ”
“ผีบ้า? ”
“อ๊า… เอาเป็นว่าไม่ต้องห่วง เธอนะปลอดภัยแล้ว”
“ค่ะ? ”
ฉัน… ปลอดภัย?
“เพราะว่าฉันนะอยู่ตรงนี้แล้วยังไงละ”
“!!!”
หัวของฉันกำลังขาวโพลน
ฉันไม่อาจประมวลหรือเข้าใจในสิ่งที่พี่สาวภูติพึ่งจะพูดกับฉันได้
เธอยิ้ม แล้วหันหลังให้ฉันเพื่อไปเผชิญหน้ากับศัตรูที่กำลังถอยไปชิดอีกขอบฝั่งหนึ่งของเต็นท์
ท่าทางของเขา ดูเหมือนกับว่ากำลังหวาดกลัวตัวตนของภูติสาวผมแดงคนนี้อยู่
“แก!”
“หืม? เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนอย่างงั้นหรือ? ”
ชายเผ่ามนุษย์มดขบเขี้ยวของตัวเองจนเกิดเป็นเสียงจังหวะ
กรอด กรอด กรอด
ทุกจังหวะที่เกิดเสียงขบ พื้นเต็นท์จักเกิดรอยนูนสูงต่ำ
มีบางอย่างกำลังมุดผ่านอยู่ข้างใต้นี้…
*สวบ*
ศพจำนวนมากกำลังแหวกพื้นผ้าใบของเต็นท์ขึ้นมา
ใช้แขนกับขาเน่า ๆ ที่ส่งกลิ่นเหม็นยื่นขึ้นมาเหนือแผ่นดินอย่างไร้สติ แล้วเปลี่ยนพื้นที่ให้กลายเป็นทุ่งหญ้าแห่งคนตาย
“ศพ? ซอมบี้!?! กรี—”
“ไม่ต้องตกใจ”
คุณพี่สาวหัวแดงเอยแทรกก่อนที่ฉันจะได้ทันกรีดเสียงร้อง
เธอกำลังร่ายระบำ
เอามือสองข้างวางเหนือเข่าตัวเอง แล้วหมุนควงเป็นวงกลมหยินและหยางอย่างเชื่องช้า
แสงสว่างถูกสร้างจากปลายนิ้วทั้งห้า ประสานถ่ายถักให้คลื่นพลังงานเวทมนตร์ประสานเข้าหา
*พรึบ!*
แล้วระเบิดมันออกเป็นแสงสว่างสีขาว
ฉันรู้สึกได้ว่าแสงนั้นมันมีพลังงานบางอย่าง
เป็นพลังงานบางอย่างที่ทำให้รู้สึกจิตใจผ่อนคลาย
รู้สึกถึงความรู้สึกดี ๆ …
*ตุบ*
พวกซอมบี้ต่างหยุดเคลื่อนไหว แล้วล้มตัวลงไปกองที่พื้น ราวกับเป็นหุ่นยนต์ที่พลังงานหมด
“แค่เอาวิญญาณแค้นไปใส่ในร่างศพ มันไม่มีเสถียรภาพมากพอที่จะรั้งวิญญาณเอาไว้ได้หรอกนะ รู้เอาไว้ซะ”
วิญญาณ?
ถึงจะไม่รู้ว่าพี่สาวกำลังพูดถึงอะไร แต่ที่ฉันรู้อย่างหนึ่ง คือพี่สาวเขาสุดยอดมาก ๆ เลยละ
“ส่วนเจ้า โทษฐานที่มารังแกนางฟ้าของฉัน ฉันจะไม่ทำการชำระวิญญาณให้ง่าย ๆ หรอกนะ”
“แก—!!!”
พี่สาวภูติหัวแดงว่าเช่นนั้น แล้วสร้างแสงขาวอาบไปทั่วเต็นท์ที่คับแคบหลังนี้
“ว๊ากกก!!!”
เขากำลังดิ้นทุรนทุราย
ภายใต้แสงที่ส่องสว่าง ฉันมองเห็นเงาประหลาดผุดขึ้นมาจากด้านหลังของเขา
เงานั้นมีลักษณะคล้ายกับผ้าคลุม
แต่ผ้าคลุมนั้นกลับไม่มีใบหน้าของผู้ถูกคลุม นอกจากปากที่กลวงโบ๋ กับดวงตาที่ไร้แววสะท้อนแสง
ผิวของมันเหี่ยวย่น ดูคล้ายกับเป็นปมของเส้นใยสีเงินที่ถักทอรวมตัวกัน
ทุกครั้งที่เส้นใยเหล่านั้นเต้นกระตุกเร้า เป็นต้องส่งเสียงกรีดร้องดังจนแทบหูหนวก
เจ้าเงาประหลาดนั้นมีขนาดใหญ่มากขึ้น ใหญ่มากขึ้น…
ใหญ่— จนมีความสูงรวมถึงห้าเมตรได้
“กรี๊ดดดด!!! นั่นมันคือตัวอะไรกันค่ะเนี่ย!? ”
“จำได้แล้ว แกคือเจ้าผีเคียดแค้นที่อยู่ในยานลำนั้นดอกหรือ? นี่ถึงขั้นรวมตัวเป็นวิญญาณที่หนาแน่นจนคนธรรมดามองเห็นได้เชียวหรือ? เพื่อเด็กสาวกับโลกที่งดงามใบนี้ ฉันคงปล่อยผีแบบแกให้หนีรอดไม่ได้แล้วละ”
“ผี!? ”
“ใช่ เจ้านั่นมันคือผี แถมยังเป็นผีที่เคียดแค้นด้วย”
ฉันมองดูเจ้าสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจไปพร้อมกับคำอธิบายของพี่สาว
เพียงแค่เห็นมัน ขาทั้งสองข้างก็ไม่อาจที่จะก้าวเดินได้อีก
ร่างกายแน่นิ่งเสมือนหนึ่งถูกทำให้เป็นหิน
เจ้าสิ่งที่น่าเกลียดนี้คือ [ผี]
น่ากลัวอ๊ะ…
” นั่งนั่นมันฆ่าเรา”
” คนของคาร์วอย ต้องตาย”
” ฆ่า ฉีกกระชาก แล้วสังหารมัน!”
มันพูดวนเวียนอยู่เช่นนั้นอย่างไม่รู้จักจบสิ้น
“จะแค้นเคืองมันก็เรื่องของแก แต่ผมไม่ยอมให้มาทำร้ายเด็กคนนี้ได้หรอก ดังนั้นเธอไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะจัดการไล่ปัดเป่ามันให้เอง”
“จะให้ไม่เป็นห่วงได้ยังไงกันค่ะ!!!”
ดูยังไงมันก็ไม่ใช่ตัวอะไรที่จะเอาชนะได้เลยสักนิด!
” แก! ทำไมถึงต้องมาขัดขวางพวกเราถึงสองคร่า! ตาย!”
ผีแค้นตัวนั้นเริ่มส่งเสียงเสียดแก้วหูจนโครงสร้างเหล็กขึงผ้าใบของเต็นท์สั่นสะท้าน
มันบินขึ้นสูงไปในอากาศ แล้วเริ่มทำท่าจะพุ่งเข้าชนพี่สาวหัวแดง
ในเวลาเดียวกัน ฝ่ายพี่สาวหัวแดงก็กำลังเตรียมที่จะใช้พลังภูติเพื่อร่ายอาคมบทถัดไปในการรับมือ—
*สวบ!*
” พี่สาวค่ะ!!”
แต่พอรู้ตัวอีกที ก็มีผีอีกตัวไปปรากฏอยู่ที่ข้างหลังของพี่สาวภูติหัวแดง
มันเอามือเสียบทะลุหน้าอกของพี่สาว
พร้อมกันนั้น เจ้าตัวที่ลอยอยู่ก็พุ่งเข้ามาเสียบพี่สาวจากทางด้านหน้าเช่นกัน
พี่สาวกำลังถูกรุมเสียบจากทั้งสองฝั่ง…
ถึงจะไม่มีบาดแผล แต่เห็นได้ชัดว่าพี่สาวกำลังมีสีหน้าที่กำลังทุกข์ทรมาน
“อึ๊ก!… แอบสร้างร่างแยกเอาไว้ตอนไหนกันเนี่ย…? ”
เธอว่าเช่นนั้น
“อย่าคิดว่าพวกเราจะง่ายเหมือนกับคราวก่อนเชียว! คราวนี้ พวกข้าจะเอาร่างกายของเจ้ามาใช้! พวกเราจะไปแก้แค้นเจ้าคาร์นิวอยด้วยกัน!”
สีผิวกับดวงตาของพี่สาวภูติเริ่มซีดจางเหมือนคนตาย
ฉันกำลังรู้สึกได้ว่าตัวตนของพี่สาวกำลังจะหายไป
” ไม่! ถ้าจะอยากจะฆ่า ก็ฆ่าแค่ฉันคนเดียวพอ! คนอื่นไม่เกี่ยวสักหน่อย!”
จะให้พี่สาวภูติมาสละชีวิตตัวเองให้กับชีวิตไร้ค่าอย่างฉันไม่ได้
ดังนั้นเอาแค่ชีวิตของฉันไปคนเดียวก็พอ—
[ไม่ต้อง]
แต่พี่สาวภูติกลับส่งสายตาหยุดฉันเอาไว้
ทำไม …
ทำไมถึงต้องยอมมาปกป้องฉันถึงขนาดนี้กันด้วย…
ปกป้องคนที่ไม่มีใครเอาอย่างฉัน…
” ฉัน— ไม่แพ้หรอก!”
พี่สาวภูติหัวแดงยังคงยิ้มให้ฉัน ถึงแม้ว่าผิวของร่างกายจะซีดเซียวไปแล้วก็ตาม
“คิดจะกลืนกินผมเรอะ? ยังเร็วไปพันปีไอหนู!”
เธอว่าเช่นนั้น แล้วเอามือเสียบทะลุไปที่ร่างกายของศัตรูสวนกลับ
มือของเธอกำลังถูกหุ้มไปด้วยแสงสว่าง
แสงสว่างนั้นเริ่มแผดเผาศัตรูจากภายใน
“ร่างกายของข้ากำลัง!? นี่มันคืออะไรกัน!!”
“การชำระล้างจากภายในยังไงละ ด้วยการใช้พลังงานวิญญาณต่างขั้วใส่ลงไปในร่างวิญญาณให้เสียสมดุลจนแตกสลาย วิธีแบบนี้ ไอพวกผีแค้นที่พึ่งเกิดได้ไม่กี่วันคงไม่รู้จักใช่ไหมละ? ”
“ไม่ ไม่ ไม่! ข้ายังจะไปโลกหน้าแบบนี้ไม่ได้! ข้ายังต้องแก้แค้นให้กับผู้ที่ถูกสังหารอย่างอยุติธรรมก่อน!”
“ไปถามหาความยุติธรรมที่โลกหน้าไป๊”
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยย!!!”
เปลวไฟนั้นแผดเผาผีทั้งสองตัวจนสิ้นเป็นละอองแสงในเวลาไม่นานนัก
พายุหิมะจักสงบลง
วันใหม่ได้มาเยือนโลก พร้อมกับฝันร้ายที่พึ่งจบลง
แสงอาทิตย์จักส่องแสงลอดทะลุผ่านผ้าใบ
ลอดทะลุลงมาอาบบนร่างกายของพี่สาวภูติหัวแดง ที่แขนทั้งสองข้างของตัวเองได้ไหม้เกรียมจนกลายเป็นสีดำสนิท
“พี่… ทำไม…? ”
ทำไมถึงยอมเจ็บตัวขนาดนี้เพื่อมาช่วยฉันกันค่ะ…
ช่วยฉัน ที่ไม่มีใครอยากเอาหรือเห็นคุณค่า…
แต่แทนที่พี่สาวจะพูดถึงเหตุผลอันสวยหรู เธอกลับส่งรอยยิ้มมาให้แทน
ส่งรอยยิ้ม แล้วยื่นมือที่ไหม้เกรียมมาสัมผัสแก้มของฉันเบา ๆ
พร้อมกับพูดอย่างอบอุ่นว่า
“ไม่เป็นไร ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว”
ช่างน่าแปลก…
แม้จะเป็นวันที่มีหิมะ..
แต่ทว่าบนใบหน้าของฉัน ณ เวลานั้น… กลับ… เต็มไปด้วยของเหลวจากหยาดน้ำตา…
ในโลกที่ฉันคิดว่าได้ถูกทุกคนทอดทิ้ง ที่ตรงนี้ ยังมีคนที่ยังคอยปกป้องฉันอยู่
MANGA DISCUSSION