***วันที่ 11 เรตนิว ปีที่ 125 เวลา 8:00 น.***
ฉันกำลังฝัน
ในความฝันนั้นมีคุณพ่อ คุณแม่ และผู้มีพระคุณกำลังนั่งล้อมวงกินข้าวบนโต๊ะเล็ก ๆ ด้วยกัน
แถมในความฝันนี้ครั้งนี้ มีพี่สาวทั้งสามคนเมื่อวันก่อนมาร่วงโต๊ะอาหารด้วย
ถึงคุณพี่สาวหัวแดงจะออกลามก แต่ในบางมุม ฉันก็รู้สึกว่าเธอเป็นพี่สาวที่ตลกดี
เป็นโต๊ะที่อบอุ่น
อบอุ่นจนไม่อยากให้มันเป็นเพียงแค่ความฝัน…
*ตึ่ง!*
“กรี๊ด!? ”
เสียงอะไร!?!
ฉันตกใจจนลืมตาตื่น แล้วเอื้อมมือไปเปิดไฟที่วางอยู่ข้างเตียง
ภายในเต็นท์ผ้าใบสีขาวที่อบอุ่น มีแสงที่ดูคล้ายเปลวไฟกำลังลุกโชติช่วงอยู่ข้างนอก
ได้ยินเสียงต่อสู้ เสียงตะโกน กับเสียงกรีดร้องเจ็บปวดของผู้คน
เกิดอะไรขึ้น?
“เออ… คุณอีกาคะ? ”
ฉันพยายามเรียกหาคนรู้จัก
แต่แน่นอนว่าไม่มีทางที่เขาจะขานรับฉันกลับ
เพราะว่าภายในเต็นท์นี้ มีฉันนอนอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
ความจริงคือตั้งแต่ที่ฉันมาอยู่ที่นี่ พี่ชายอีกาก็สั่งให้ฉันอยู่แค่ในเต็นท์ของเขา ไม่ยอมให้ออกไปไหนมาตั้งแต่วันนั้นแล้ว
ฉันแทบไม่ได้เจอหน้าใครนอกจากคุณอีกาดำ
เห็นเขาบอกว่ามันเป็นเรื่องของความปลอดภัยอะไรสักอย่างนี่แหละ
แถมยังดูเหมือนจะไม่มีใครรู้ ว่าเขากำลังแอบซ่อนตัวฉันอยู่ที่นี่ด้วย
*ตึ่ง!*
เกิดเสียงอะไรบางอย่างที่คล้ายของหนัก ตกลงมาใส่ใจกลางค่าย
ฉันกลัวจนอยากกรีดร้อง แต่ไม่อาจเผยเสียงออกไป
เพราะมันจะทำให้คุณอีกาดำต้องลำบาก ถ้าหากมีคนรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่
ฉันเลยเอาสองมืออุดปากตัวเอง และเอาผ้าห่มมาพันตัวกลมเพื่อคลายความรู้สึกกังวลใจ
“พวกชาวเมืองมันยิงเข้ามาอีกแล้ว!”
“มันเกิดบ้าอะไรกันขึ้นมาวะ ทำไมพวกชาวเมืองถึงยิงกันเอง!? ”
“ขอคำสั่งปราบปรามด้วยครับ!”
ฉันเห็นเงาคนวิ่งผ่านด้านนอกเต็นท์เป็นจำนวนมาก
เสียงฝีเท้าย่ำพื้นหิมะดังขึ้นต่อเนื่องไม่มีหยุดพัก
เสียงพลังงานรังสีดังเสียดหูเป็นระลอกจังหวะ
เสียงดินระเบิดคำรามลั่นรั่ว
เสียงของการต่อสู้… น่ากลัว…
ทุกครั้งที่เกิดเสียงยิงปืนโจมตี
ทุกครั้งที่มีเสียงระเบิด
จิตวิญญาณของฉัน มันแทบจะล่องลอยออกไปจากร่างกาย
มันเป็นเสียงที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าสามารถตายได้ทุกเวลา
ฉันต้องเอามือมาลูบหน้าอกตัวเองทุกครั้งที่มีเสียงปืน เพื่อเช็คดูว่ามีรูรากฏขึ้นบนร่างกายหรือไม่
ยังไม่ถูกยิง…
ฉันยังไท่ตาย…
*บรึ้ม!*
“กรี๊—!!!”
ฉันรีบเอามืออุดปากตัวเองทั้งน้ำตา
น่ากลัว!
ถึงแม้ว่าฉันจะเคยเห็นความตาย
เคยผ่านการฝึกบางอย่างจากผู้มีพระคุณ
แต่บรรยากาศของสิ่งที่เรียกว่า [สนามรบ] มันผิดกับสิ่งที่เคยได้เรียนรู้หรือพบเห็น
แม้แต่การต่อสู้ที่เคยเกิดขึ้นบนยานลำนั้น ยังเทียบไม่ได้กับบรรยากาศในเวลานี้
“อึ๊ก… แง…”
เกลียดเสียงปืน
เกลียดเสียงพลังงานรังสี
ฉันเกลียดพวกมัน
น่ากลัว…
แง…
“คำสั่งปราบปรามลงมาแล้ว”
“อนุญาตให้ใช้ชุดเกราะต่อสู้ได้”
“ออกไปจัดการควบคุมสถานการณ์กันเลยพวกเรา!”
“โอ๊ววว!!”
ตึก ตึก ตึก…
เสียงย่ำเท้าที่ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกำลังแผ่วเบาลงจนกระทั้งเงียบสนิท
เงียบ… ราวกับว่ากำลังอยู่ในป่าช้า
“…เออ …มีใครอยู่ไหมคะ? ”
เงียบสนิท
จะบอกว่าไม่เหลือคนทิ้งเอาไว้อยู่เฝ้าค่ายเลยอย่างงั้นหรือคะ?
“เฮ้ย!”
” กรี๊—!?!”
ฉันรีบอุดปากตัวเองพร้อมกับคลุมโป่งตัวเองอีกรอบ
“มนุษย์มดคนนั้น ที่นี่ห้ามคนนอกเข้า! ถ้าหากล้ำเส้นเข้ามา ทางเราจะยิงโจมตีทันที!”
ดูเหมือนว่าเสียงนั้นจะดังมาจากทางข้างนอกเต็นท์
ฉันมองลอดผ่านใต้ผ้าห่มเพื่อดูเงาที่กำลังสะท้อนบนผืนผ้าใบ
บนเงานั้นมีภาพเงาของเผ่ามนุษย์ กับเผ่ามนุษย์มด กำลังถือสิ่งที่ดูคล้ายปืนหันเล็งออกไปอยู่
“มองไม่รู้เรื่อง…”
ฉันบ่นกับตัวเอง
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เลยคลานช้า ๆ ไปที่ขอบหน้าต่าง โดยระวังไม่ให้มีเสียงดัง
ใช้มือซ้ายรูดซิปขอบล่างของหน้าต่างออก แล้วพลิกเปิดเป็นช่องเล็ก ๆ พอที่จะให้มองเห็นข้างนอก
ไอร้อนจากภายในปะทะไอเย็นของหิมะภายนอก จนเกิดเป็นหมอกไอน้ำขาวบางตา
ถึงจะมีวิสัยทัศน์แย่ แต่ก็ยังดีกว่ามองผ่านผ้าใบเต็นท์ที่หนา แล้วยังทึบแสง
เนื่องจากพายุหิมะที่กำลังพัดถล่ม เลยทำให้มองเห็นได้ไกลสุดเพียงแค่ระยะราวยี่สิบเมตร
ในจุดที่ห่างออกไปไม่ไกลจากปากทางเข้าของค่ายตำรวจสากล มีชายเผ่ามนุษย์มดผิวสีดำสูงสามเมตรคนหนึ่ง กำลังเดินตรงเข้ามา
ทันทีที่ฉันเห็นเขา ฉันก็รู้สึกหนาวสั่นไปถึงขั้วกระดูกสันหลัง
เขา… ดูเหมือนกับตุ๊กตาที่ไร้ชีวิต
ดวงตามดที่ควรเห็นเป็นผิวมันคล้ายผลึกแสงคริสตัล กลับดูมืดบอด แล้วมีผิวด้าน เหมือนเป็นผิวของเปลือกหินที่หยาบกระด้าง
ใบหน้าของเขาเอาแต่เหม่อมองท้องฟ้า
แถมยังสวมชุดหมีสีเทา เสมือนหนึ่งว่าเป็นศพที่พึ่งจะเดินออกมาจากห้องดับจิต…
“บอกว่าอย่าเข้ามา!”
“ยิงเลย!”
เหวอ!?
เจ้าหน้าที่ตำรวจสากลที่ถูกทิ้งให้เฝ้าค่าย กำลังเตรียมลั่นปืนรังสีโจมตีใส่ชายที่ดูเหม่อลอยคนนั้น
ฉันไม่อยากเชื่อว่าพวกเขาจะกล้าโจมตีใส่คนที่ไม่มีอาวุธจริง ๆ
“ตำรวจสากลเป็นองค์กรที่ถูกความชั่วครอบงำ เชื่อใจไม่ได้”
ยิ่งได้เห็นกับตาแบบนี้ คำพูดของผู้มีพระคุณเลยยิ่งมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้นไปอีก
ชายคนนั้นคงไม่น่ารอด…
ฉันคิดว่าตอนนี้ควรรีบปิดหน้าต่างของเต็นท์ แล้วซ่อนตัวเงียบ ๆ จนกว่าคุณอีกาดำจะกลับมา
การที่เขาไม่อยู่ในค่ายเวลานี้ คงจะเป็นเพราะต้องออกไปปราบปรามความวุ่นวายภายในเมืองละมั้ง?
ในตอนที่คิดว่าจะเก็บตัวเงียบ—
“อั๊ก!”
“โอ๊ย!? ”
—เสียงร้องโอดครวญก็ดังขึ้นมาจากด้านนอก
เกิดอะไรขึ้น?
ฉันแย้มบานหน้าต่างผ้าใบขึ้นมา
สายลมเย็นกับละอองหิมะ กับไอร้อนจากเต็นท์ผ้าใบปะทะกันจนเกิดเป็นกลุ่มของหมอกไอน้ำเป็นรอบที่สอง
ท่ามกลางหมอไอน้ำที่ลอยโชยบดบังวิสัยทัศน์ มีเงาของชายสองคนกำลังลุกขึ้นยืนกุมคอตัวเองอยู่
คุณมนุษย์กับคุณมดที่พยายามจะเหนี่ยวไกยิงปืน พวกเขาต่างโยนอาวุธของตัวเองทิ้งลงพื้น
เพราะมือของพวกเขากำลังพยายามข่วนไปที่ส่วนคอของตัวเอง
ราวกับคนเป็นบ้า
“หะ… หายใจ… ไม่ออก…”
“ใคร… ใครมัน—”
ดวงตาของพวกเขาเริ่มขาวโพลน ใบหน้าเองก็ซีดเซียวจนเป็นสีคล้ำ
*ซวบ… *
ระหว่างนั้นเองที่มีเสียงย่ำเท้าดังขึ้นมา
*ซวบ…*
เสียงย่ำเท้าที่ไม่ควรจะดัง กลับดังก้องไปถึงขั้วหัวใจของฉัน ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้กำลังถูกแบ่งแยกออกมาจากมิติของโลกแห่งความเป็นจริง
“…คาร์—”
เจ้าของเสียงย่ำเท้านั้นคือชายเผ่ามนุษย์ที่ดูเหม่อลอยคนนั้นนั่นเอง
เขาหยุดยืนมองชายสองคนที่กำลังข่วนคอของตัวเองอย่างทุกข์ทรมาน
ดวงตาที่กลมเป็นแผ่นเรียบ กำลังสะท้อนภาพของใบหน้าของชายทั้งสองคนที่เป็นคู่กรณี
มือทั้งสี่ข้างที่เรียวผอมบางของแมลงของเขา ได้ถูกวางลงบ่นบ่าของศัตรู
“เหวอออ!!!”
“ม่ายยยยย!!!”
พวกเขาที่ถูกชายคนนั้นสัมผัสตัว กำลังกรีดร้องโหยหวนด้วยกันทั้งคู่
พวกเขาตาเหลือกขาว ปลายผมกลายเป็นสีขาว ก่อนจะหมดสติ แล้วล้มตัวอยู่บนกองหิมะ
แน่นิ่ง ไม่เคลื่อนไหว ราวกับกลายเป็นศพไปแล้ว…
“ไม่– มี— ข้อมูล—”
ไม่มีข้อมูลอะไร?
ชายเผ่ามนุษย์มดยืนนิ่งเป็นดั่งรูปปั้นหิน
เขาหยุดอยู่กับที่ไปถึงหนึ่งนาทีเต็ม โดยที่ไม่เคลื่อนไหวอะไร
จนกระทั้ง—
“ขอบคุณ— ที่มาบอก— มีตัวน่ากลัว— ล่อมันไปให้ไกล— รวมถึงเจ้าหน้าที่— ที่ล่อออกไป—”
ตัวน่ากลัว?
ล่อเจ้าหน้าที่?
ชายคนนั้นเป็นใครกันแน่?
ที่สำคัญคือเขากำลังพูดอยู่กับใคร?
“อืม— เด็กคนนั้น— ข้อมูล— อยู่ตรงนั้น—”
เด็ก?
เวลาเดียวกับที่เขาพูดว่า ” เด็ก” สายตาของเขาก็เพ่งตรงมาทางที่ฉันอยู่ในทันที
“!!!”
โดยไม่ต้องให้ใครมาอธิบาย
เป้าหมายของชายลึกลับ คือฉันคนนี้
ทำไมละ!?!
ฉันรีบคว้าเสื้อกันหนาว แล้ววิ่งลอดผ่านเต็นท์ออกไปทางฝั่งตรงข้าม โดยไม่สนใจข้อห้ามกับคำสั่งของคุณอีกาดำ
*ฟูมมม!*
“อุ๊บ!”
ลมพายุแรงมาก!
ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้รุนแรงขึ้นแบบผิดปกติขนาดนี้ได้กันละ!?
แบบนี้วิ่งฝ่าออกไปไม่ไหวแน่!
“งือ… หนาว… ไม่เอาแล้ว!!”
ฉันยอมแพ้แล้ววิ่งกลับเข้ามาในเต็นท์ตัวเดิม
ถ้าข้างนอกมีพายุแบบนี้ แล้วจะให้ฉันหนีไปไหนได้?
แต่อีกฝ่ายเองก็คงไม่สามารถเดินฝ่าพายุแบบนี้เข้ามาได้เหมือนกัน
*ซวบ*
แต่ฉันคิดผิด
*ซวบ*
เพราะอีกฝ่ายกลับสามารถเดินฝ่าพายุ ตรงมาทางเต็นท์ของฉันได้
เงา– ที่สะท้อนแสงไฟจากถนน มันกำลังทอดตัวเป็นเงามาปรากฏบนผืนผ้าใบ
เจ้าสิ่งนั้น มันกำลังมีขนาดที่ขยายใหญ่ขึ้น
ใหญ่ขึ้น… จนกระทั้งมีขนาดสูงสามเมตร หยุดลงตรงหน้าทางเข้าเพียงหนึ่งเดียวที่มี
” (มะ- มะ– ไม่!) ”
ฉันควรไปหลบที่ไหนดี!?
มันกำลังจะเข้ามาแล้ว!
“ไม่ต้องกลัว… หนูน้อย…”
อ๊ะ?
เสียงนั้นดังใกล้มาก
พอเงยหน้าขึ้น ฉันก็พบว่าอีกฝ่ายมายืนประชิดตัวในลักษณะที่แทบจะหายใจรดต้นคอกันแล้ว
เขี้ยวของเผ่ามนุษย์มดที่ยาวกว่าหนึ่งเมตรของเขา กำลังจ่ออยู่ข้างคอของฉัน
จ่อคอ— ราวกับเป็นกิโยตินที่พร้อมจะบั่นคอให้หลุดออกมาจากร่างกายได้ทุกเวลา
“อ๊ะ… อะ…. ไม่—-”
ในหัวของฉันกำลังกลายเป็นสีขาวโพลน
ฉันติดอะไรไม่ออกเลย…
“ไม่ต้องกลัว… ยังไม่ฆ่า… ตอนนี้…”
ไม่กลัวก็ต้องกลัวนั่นละค่าาาา!
“ฆ่า!”
“เหวอ!? ”
อยู่ ๆ มันก็หุบเขี้ยวหมายจะตัดคอของฉัน
โชคดีที่ฉันตัวเล็กและผอมแห้ง เลยทำให้มุดลอดผ่านช่วงว่างระหว่างเขี้ยวออกมาได้ทันก่อนจะถูกฆ่า
“ข้า.. แค้น…”
“ฆ่ามัน!”
“ไม่! รอก่อน!… พวกเราต้องการ… ข้อมูล…”
“แต่มันเป็นเหตุ… คนวางระเบิด… ฆ่าพวกเรา… เป็นพวก… คาร์นิวอย…”
“ฆ่า แล้วกิน… แค้น….”
“ฆ่า…”
“อย่าพึ่ง… ฆ่า….!”
อะไร อะไร อะไร!?!
มนุษย์มดสูงสามเมตรกำลังพูดกับตัวเองด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว
เขาพูดขัดแย้งกับตัวเอง ไปพร้อมกับพุ่งเข้ามาโจมตีฉันด้วยเขี้ยวของเขา
ฉันพยายามกลิ้งหลบสุดความสามารถ
กระโดดข้ามเตียงเหล็ก เพื่อหวังให้มันเป็นสิ่งกีดขวาง
*กร๊อบ!*
แต่ทว่าเตียงเหล็กตัวเล็กของฉัน กลับกลายเป็นเศษขยะภายในพริบตา เพียงการบดขยี้ด้วยเขี้ยวของเขาเพียงครั้งเดียว
เศษเหล็ก ไม้ ผ้า และปุยนุ่นของเตียง ล้วนต่างปลิวว่อนกระจายไปทั่วห้อง
“กรี๊ดดดดดดด!”
ฉันพยายามจะวิ่งวนอ้อมไปทางประตู
ถึงข้างนอกจะหนาว แต่ถ้ายอมวิ่งฝ่าออกไป มันยังมีโอกาสรอดมากกว่าอยู่กับคนบ้าคนนี้เป็นไหน ๆ
แต่ทว่าพอเปิดประตูออก กลับพบหิมะสูงท่วมหัวปิดทับทางเข้าออกเพียงหนึ่งเดียวเอาไว้
พอลองดูให้ดีแล้ว— ไม่ใช่ว่ารอบเต็นท์ตัวนี้กำลังเต็มไปด้วยกองหิมะล้อมเอาไว้หรือเปล่า?
หิมะถมสูงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหรกันเนี่ย!?!
“เก็บ… ข้อมูล… ก่อน…!”
“ไม่… ต้องฆ่า! ฆ่าคนที่ฆ่าพวกพ้องเรา!”
“กรี๊ดดดดด!?!”
ฉันรีบกระโดดหนี
แต่ชายคนนั้นเร็วกว่า
ชายคนนั้นพุ่งเฉี่ยวผ่านข้างลำตัวของฉัน จนเกิดเป็นแผลบาดยาวกว่าหนึ่งเมตร
เจ็บ!
“เจ็บ!! แงงง!! ฉันไปทำอะไรพวกคุณตอนไหน!?! คุณจำคนผิดแล้วแน่ ๆ ค่ะ! แงงง!! ”
“มันคือเธอ! ไม่ใช่เธอหรอกหรือ ที่ถ่วงเวลาพวกเรา เพื่อล่อให้มารวมตัวเพื่อระเบิดฆ่าทิ้ง!”
“ไม่นะ!”
ฉันถูกมันจับตรึงอย่างไม่คาดคิด
ทั้งที่เป็นแขนเผ่าแมลงที่ดูผอมบางจนเหมือนเป็นกิ่งไม้ แต่กลับมีแรงเยอะชะมัด!
ฉันไม่สามารถที่จะดิ้นหลุดไปได้!
“ไม่ใช่เธอหรอกหรือ ที่เป็นพวกเดียวกับเจ้า [คาร์นิวอย] !”
*ฉั่ว! *
เขี้ยวของมันกำลังจมลงไปในแขนข้างขวา
” ภาพที่พวกแกสังหารพวกเราในยานลำนั้น!”
” ภาพที่ต้องเห็นพรรคพวกถูกแยกชิ้นส่วน แล้วถูกแทะเนื้อกินทั้งเป็น!”
” แกมันคือปีศาจในคราบของเด็ก! เจ้าพวก คาร์นิวอย!”
*ฉัวะ!!*
” กรี๊ดดดดดดด!!!”
เขี้ยวของมันยังคงจมลึกลงไป
จม และจม… จมลงมากกว่าเดิม จนเห็นกระดูกสีขาวของแขนขวาโผล่ออกมาให้เห็น
ฉันกำลังเต็มไปด้วยความสับสนท่ามกลางความเจ็บปวด
องค์กรคาร์นิวอย คือองค์กรฆ่าคน?
สังหารแล้วแทะกินเนื้อ?
หมายความว่ายังไง?
ฉัน…ไม่เข้าใจเลยสักนิด!!
” ฮึก…”
เจ็บ…
ทำไม…?
ทำไมฉันถึงต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ด้วย?
ถูกครอบครัวทิ้ง…
แล้วนี่ยังมาถูกคนบ้าเข้าใจผิด…
นี่…
ท่านเทพีแห่งปฐพีผู้สร้างโลก…
ฉัน… ทำอะไรผิดไปอย่างงั้นหรือค่ะ…
ทำไม… ฉันถึงต้องมาเจอ…
เจ็บ…
เจ็บจัง…
ทำไม…
MANGA DISCUSSION