***วันที่ 7 เรตนิว ปีที่ 125 เวลา 25:00 น.***
พวกเรากำลังยืนอยู่หน้าสำนักงานตำรวจสากลที่ตั้งอยู่ในเขตการค้า
ถึงจะบอกว่าเป็นสำนักงาน แต่มันก็ดูไม่ต่างอะไรไปจากการอัดดิน แล้วทำรั้วสนามกับกางเต็นท์ผ้าใบขาวขึงเอาไว้อย่างง่าย ๆ
แถมตัวสภาพเต็นท์เองก็ออกจะมีอายุผ่านการใช้งานมานานพอสมควร
พูดง่าย ๆ คือทั้ง [โทรม] ทั้ง [อนาจ]
ที่หน้าทางเข้ามีป้ายไม้เก่า ๆ ผุ ๆ ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือปักเขียนเอาไว้ว่า “พื้นที่ได้การดูแลของตำรวจสากล”
“ทันเวลานัดพอดี!ขอบคุณที่มาส่ง แถมยังทำแผลให้อีก บุญคุณนี้ผมจะไม่มีวันลืมเลยครับ!”
“ถ้าสำนึกในบุญคุณ จงตอบแทนด้วยฝีมือการทำอาหารของเจ้ามาซะเจ้าหนุ่มตัวจิ๋ว!”
“…”
พวกผมกำลังกล่าวอำลานายตำรวจซื่อบื้ออยู่ตรงหน้าทางเข้าสำนักงานโทรม ๆ ที่ว่านี้
ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่มันกำลังแสดงสีหน้างี่เง่าออกมาให้เห็น จนรู้สึกได้ว่ากำลังคิดเสียมารยาทบางอย่างอยู่แน่ ๆ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นพวกเราขอตัวก่อน”
เอโซเริ่มกล่าวอำลา
“เดียวก่อนสิเอโซ!ผมยังอยู่ในระหว่างทำสัญญาณทาสทำอาหารกับเขาอยู่นะ!”
“นี่เธอถึงขนาดคิดที่จะทำสัญญาทาสกันเลยเรอะ!?!”
“ถูกต้อง~”
“ความคิดน่าสนุก เราขอสนับสนุนความคิดนี้!”
“เออ… ผมว่าการที่มาทวงบุญคุณด้วยการให้ไปเป็นทาสทำอาหารทั้งอาทิตย์… มันออกจะเกินไปหน่อยนะครับ…”
ผมหันไปมองนายตำรวจที่พูดแทรกขึ้นมาอย่างไร้มารยาท
ถึงหน้าจะยิ้ม แต่ดูออกเลยว่ามุมปากของเขาเริ่มที่จะบิดเบี้ยวแล้ว
“แลกกับที่ช่วยเอาไว้ไม่ให้เข้างานสาย มันไม่ถือว่าแพงหรอกนะ”
“แต่ว่า—”
“ห้ามเถียง จงมาเป็นทาสทำอาหารให้พวกเรากินในช่วงที่พวกเรายังอยู่ในเมืองนี้ซะ!”
“โหด!? เป็นเจ้าพ่อมาเฟียกลับชาติมาเกิดหรือยังไงกันเธอนะ!”
“คนที่อยู่ตรงนั้น ไม่ทราบว่ากำลังทำอะไรกันอยู่หรือครับ…”
การทำข้อตกลงสัญญาทาสทำอาหารได้ถูกขัดขวางเอาไว้ด้วยเสียงที่พูดแทรกขึ้นมาเป็นรอบที่สอง
ใครกันช่าวบังอาจมาขัดขวางการทำธุรกิจของผม
อีกนิดเดียวก็จะได้เชฟมือดีมาทำอาหารอร่อย ๆ ให้กับโลลิน้อยแล้วเชียวนะ!
“ใครกันที่บังอาจมาแทรกการสนทนาของผม!”
มันคืออีกาดำ
เป็นเผ่ามนุษย์นกตัวสูงใหญ่ที่มีขนปีกสีดำจนดูเหมือนเป็นอีกายักษ์
มุมหนึ่งดูน่ากลัว แต่ในอีกมุมกลับดูน่าตลกขบขับเพราะเหมือนอีกา
“เออ… คือผม—”
เขาดูแปลกใจเล็กน้อยในตอนที่พยายามจะตอบผม
อึ้งอะไรของเขากัน?
หรือว่าจะ— กำลังทึ่งในความงามของพวกเรา สามเทพดอกไม้งามแห่งขุมนรกอยู่แน่ ๆ!
คนเกิดมาน่ารักมันก็ลำบากแบบนี้ ลา~นา~ (ทำเสียงสูง)
***
มีคนแปลก ๆ กำลังมาป่วนอยู่หน้าทางเข้าสำนักงาน
ข้าที่ไม่มีอะไรทำ เลยคิดว่าจะเล่นบทตำรวจสากลแสนดีไปจัดการเรื่องวุ่นวายนี้เสียหน่อย
“คนที่อยู่ตรงนั้น ไม่ทราบว่ากำลังทำอะไรกันอยู่หรือครับ…”
ข้าพยายามใช้คำพูดที่ฟังดูสุภาพ
“ใครกันที่บังอาจมาแทรกการสนทนาของผม!”
แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังว้อนหาเรียกตีนซะงั้น
กระทืบทิ้งตรงนี้เลยดีไหมเนี่ย?
แล้ว… ยัยนี่ไม่ใช่ว่าเป็นเด็กหลงทางคนเดียวกับที่เจอในยานเดินทางเมื่อวันก่อนหรือเปล่า?
แถมดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะจำข้า ที่ในตอนนั้นปลอมตัวเป็น รปภ. ไม่ได้อีกด้วย
“เออ… คือผม—”
ในตอนที่กำลังคิดว่าจะตอบกลับไปยังไง
ตอนนั้นเองที่ข้าเหลือบไปเห็นเด็กสาวเผ่าคนแคระที่มีผิวเผือก ผมสีเงินยืนอยู่ในกลุ่มของเธอ
หมายเลข 0!!? ยังไม่ตาย!? รอดมาได้ยังไงฟะ!!
“อ๊ะ!พี่อีกาดำนี่!!”
เธอส่งเสียงทักข้าด้วยความดีใจ
“หืม? รู้จักกันเรอะ? ”
“ช่าย~ เขาเป็นคุณพี่ที่อยู่ในกลุ่มของ—”
“วะ— ว่าไงเจ้าหนู!ไม่ได้เจอกันนานเลย!ขอโทษที่ตอนนั้นไม่ได้ไปตามหาให้เร็วเท่าที่ควร!ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม!? ”
แถ~
มันคือการแถ~
แถสด แถเปื่อย แถจนสี่ข้างถลอก ตรูก็ต้องยอมทำ~
ไม่งั้นหน้าที่สายลับสองหน้าของตรูต้องเป็นอันจบลงตรงนี้แน่~
“… ออกตามหาช้า? ”
“ตอนนั้นมันมีหลายเรื่องเกิดขึ้น เลยทำให้ออกตามหาเธอได้ล่าช้า พวกคุณที่ยืนตรงนี้เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยเธอเอาไว้สินะ? กระผม [อาร์เซนิค] เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนแห่งกรมตำรวจสากลไดม่อน ต้องขอขอบคุณพวกท่านมากครับ!”
ก่อนอื่นต้องรีบกล่าวขอบคุณคนที่ช่วยเด็กคนนี้ แล้วตัดเรื่องไปคุยกับพวกผู้ใหญ่แทน เพื่อเลี่ยงไม่ให้เด็กคนนี้มีโอกาสพูดมากจนหลุดเผยสิ่งที่สำคัญออกไป
ข้าไม่รู้เลยว่าในหัวของสามสาวกับชายเผ่ามนุษย์ มันมีอะไรเก็บเอาไว้อยู่บ้าง
ถ้ารู้มากเกินความจำเป็น คงต้องหาทางเอาไปเชือดทิ้งก่อน
“เออ… ดูท่าจะยาว ถ้ายังไงผมขอตัวก่อน พอดีผมต้องรีบไปรายงานตัวนะครับ”
แต่เจ้ามนุษย์หนุ่มมันทำท่าจะแยกตัวไปก่อนเสียอย่างงั้น
เดี่ยววววววว!หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะเฟ้ย!
ข้ายังไม่ได้ตรวจสอบเอ็งเลยนะ ว่าในหัวของแกมันมีอะไรอยู่บ้าง!
“จะรีบไปไหนครับ? เป็นผู้มีพระคุณของหลานสาวตัวน้อยทั้งที ได้โปรดให้เกียรติผมได้ตอบแทนคุณด้วยเถอะครับ”
” แต่ผมพึ่งจะย้ายมาเข้าประจำการที่นี่เป็นวันแรก… ถ้ารายงานตัวสาย มันจะดูไม่ดี…”
อ่าว?
เป็นน้องใหม่ของตำรวจสากลอย่างงั้นเรอะ?
ข้าหันไปมองที่กลุ่มสามสาว
พวกสามสาวส่ายหน้าเป็นเชิงคำตอบว่า “พวกเราไม่ใช่แบบที่นายคิด”
“… ไม่ต้องรีบร้อน ถึงจะเห็นแบบนี้ ข้าเองก็มีตำแหน่งใหญ่อยู่นะ เดียวจะช่วยพูดกับหัวหน้าให้เอง ว่าทำไมถึงมารายงานตัวสาย”
“แต่ว่า– อุ๊บ!? ”
“อย่าเคร่งแบบนั้นเลยเจ้ามนุษย์ ทำงานที่เมืองนี้นะ ถ้าเคร่งกับกฏระเบียบมาก เดียวได้ผมหงอกเต็มหัวก่อนวัยกันพอดี ตอนนี้คู่หูของผมกำลังพักฟื้นร่างกายยาว กำลังเหงาได้ที่อยู่พอดี พวกเรามาคุยกันไปพลาง จิบน้ำกินขนมกันไปพลาง ให้ผมได้ตอบแทนบุญคุณที่ช่วยเด็กคนนี้ก่อนดีกว่านะครับ”
ข้ารีบใช้ปีกอันใหญ่โตห่มเจ้ามนุษย์ตัวเล็กเอาไว้ ไม่ให้มันหนีไปไหน แล้วพาพวกมันตรงไปที่เต้นท์ส่วนตัวของข้าแทน
ตอนนี้ก็เหลือแค่เค้นข้อมูล ว่ามันพวกมันรู้อะไรมากแค่ไหนเท่านั้น—
***
ผ่านไปราว 1 ชั่วโมง
“ขอบคุณที่เลี้ยง พวกเราขอตัวก่อนนะคะ”
“ฮือออ!ลาก่อน หนูน้อยนางฟ้าของผม!”
[Bye จ๊ะ ^_^\]
ข้ากำลังปล่อยตัวสามสาวที่พาเด็กสาวหมายเลข 0 มาส่ง ที่หน้าทางเข้าของสำนักงานตำรวจสากล
หลังจากที่สืบสอบถามไปมา ก็ได้ความว่าพวกเธอได้ช่วยเหลือเด็กสาวคนนี้เอาไว้ โดยที่ยังไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไร
จะมีก็แค่ที่ว่าพวกเธออยากเข้าร่วมกับกลุ่ม [คาร์นิวอย] ของพวกเราด้วย เลยเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่พวกเธอได้ช่วยเด็กสาวคนนี้เอาไว้
เรื่องราวมันเป็นมาประมาณว่า พวกเธอสามคนมีเป้าหมายเดิมคือไปที่เมืองเทวภูมิ เพื่อหาทางสมัครเป็นสมาชิกกับชมรมคนกินเนื้อที่ตั้งสาขาอยู่ในทวีปนั้น เลยทำให้โดยสารติดมากับยานลำนั้นด้วย
แต่เพราะการระเบิดที่เกิดขึ้น เลยทำให้พวกเธอต้องมาค้างอยู่ที่ทวีปนี้แทน
แล้วบังเอิญว่าเธอไปเจอหมายเลข 0 ที่ติดอยู่ใต้ซากระเบิด ประกอบกับหมายเลข 0 บอกไปเองว่ารู้จักกับกลุ่ม คาร์นิวอย เลยทำให้พวกเธอช่วยดูแล และหวังพากลับไปที่ทวีปสัตว์พร้อมกัน
ถึงจะยังมีจุดน่าสงสัยอยู่ตรงนี้คนธรรมดาคงไม่คิดมาช่วยเหลือเด็กที่ไม่มีใบระบุตัวตน แต่พวกที่หวังจะเข้าร่วมกับกลุ่ม คาร์นิวอย มันก้มีแต่พวกสีเทา ๆ มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
สรุปคือจากการประเมินของข้า สามสาวพวกนี้คงมีรู้เรื่องเบื้องหลังของกลุ่ม คาร์นิวอย มาบ้าง และอยากเข้าร่วมเป็นพรรคพวกฝั่งเบื้องหลังของพวกเรา
แต่ว่าจะได้เข้าเป็นสมาชิกเบื้องหลังที่กินเนื้อผิดกฏหมายหรือไม่นั่น อันนี้คงต้องรอดูผลการประเมินความซื่อสัตย์ที่มีต่อองค์กรกันต่อไป
ข้าได้นำรายชื่อของพวกนาง กับรูปถ่าย ส่งไปนำเสนอกับกลุ่มผู้บริหารให้แล้วละ
ส่วนเจ้ามนุษย์หนุ่มที่ชื่อ ออน เอ็ซท
เจ้าหมอนี่มันบริสุทธิ์ และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหมายเลขศูนย์หนรือองค์กรเลยสักนิด
ถือว่ามันโชคดีไป ที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรายชื่อที่ต้องทำให้หายสาปสูญ
“จะว่าไป เธอนี่ปากแข็งเหมือนกันนะ ที่ไม่ได้หลุดข้อมูลสำคัญออกไป”
“เพราะว่าท่าน [ ซิงเคไนต์] สอนมาดียังไงละคะ!”
เด็กสาวผิวเผือกกำลังยืนกอดอกอย่างภาคภูมิใจ
“แล้วพี่สาวสามคนนั้นจะได้เข้าร่วมกับองค์กรของพวกเราไหมค่ะ!พวกพี่ ๆ เขาเป็นคนดีมากเลยละ!แถมยังเก่งกาจมากอีกด้วย!โดยเฉพาะพี่สาวผมสีน้ำเงินนะ เป็นคนที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคุณแม่เลยค่ะ!”
เธอพูดกับข้าด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
แต่สำหรับข้าแล้ว เรื่องของเจ้าพวกนั้นจะยังไงก็ช่างมันเถอะ
เพราะว่าข้าไม่ได้มีหน้าที่ในการรับสมัครหาแนวร่วมเข้ามาในองค์กรนี่หว่า
ข้านะมีหน้าที่เพียงแค่เป็นสายลับสองหน้าให้กับองค์กรเท่านั้น
“หลังจากนี้เธอคิดจะทำอะไรต่อ? ”
“อยากกลับไปหาท่าน [ ซิงเคไนต์] เร็ว ๆ ค่ะ!”
เธอพูดด้วยแววตาโตที่ไร้เดียงสา
ทั้งที่ถูกทรยศปล่อยทิ้งให้เป็นระเบิดมีชีวิตใส่ตำรวจสากล แต่ยัยนี่กลับเชื่อเต็ม ๆ ว่าข้ากับคนอื่น ๆ ออกตามหานางช้าอย่างที่ข้าพูด
ถึงจะเป็นเด็ก แต่จะซื่อบื้อก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยสิวะ?
“เออ เดียวข้าจะพาเจ้ากลับไปหาหัวหน้าใหญ่ให้เอง แต่คงต้องรอถึงปลายอาทิตย์นี้ก่อน”
“ได้ค่ะ!จะเป็นเด็กดี เชื่อฟังคำสั่ง ไม่ซุกซนอะไรทั้งนั้นค่ะ!”
เธอตอบรับข้าด้วยเสียงที่แข็งขัน
ให้ตายเถอะ นี่ก็ซื่อจนไม่ได้รู้ตัวเลย—
มันมีคำสั่งลงมา…
คำสั่งจากผู้มีพระคุณของเธอ— ว่าให้เตรียมพร้อมกับการทำ [อาหารมื้อใหญ่] ที่จะจัดขึ้นในอาทิตย์หน้า บนทวีปเทวภูมิของเผ่ามนุษย์สัตว์
อาหารมื้อใหญ่ ที่มีเด็กสาวผิวเผือกคนนี้เป็นอาหารจานหลักของงาน
***
ในเวลาเดียวกัน
ณ ที่โรงพยาบาลของเมือง
มันคือโรงพยาบาลที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดจากคนตาย
เพราะเมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้บาดเจ็บล้มตายแทบทุกวัน เลยทำให้มีศพไม่ทราบที่มาจำนวนมากถูกส่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
การแอบค้าอวัยวะ
การขายชิ้นส่วนร่างกายของศพ เพื่อส่งออกให้ผู้ชื่นชอบกับการสวาปามเนื้อที่ผิดกฏหมาย
มันคือการกระทำปกติที่มักเกิดขึ้นในโรงพยาบาลแห่งนี้
“คนไข้รายนี้คือ? ”
“เป็นเผ่ามนุษย์มดระดับ มดองครักษ์ อายุ 31 เขาถูกส่งมาเมื่อวาน เห็นว่าอยู่ ๆ ก็สลบคาที่ไปเลย”
“ต้องรักษาไหม? ”
“ไม่จำเป็น การไหลเวียนของเลือดเริ่มต่ำแล้ว อีกเดียวคงตาย ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องไปช่วยมัน เอาไปแยกส่วนแล้วขายให้กับกลุ่ม [คาร์นิวอย] ยังจะได้ราคามากกว่า”
“ความคิดไม่เลว ฮะ ฮะ ฮะ!”
ชายเผ่ามนุษย์มด กับชายเผ่ามนุษย์สัตว์-สิงโต ทั้งสองคนที่เป็นนายแพทย์ดูแลห้องดับจิต ต่างกำลังหัวเราะกันอย่างน่ารังเกียจ
พวกเขาดูไม่มีความสนใจ ที่จะช่วยชีวิตชายเผ่ามนุษย์มดตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
พวกเขาจับเขายัดใส่ถุงห่อศพโดยที่อีกฝ่ายยังมีลมหายใจ แล้วโยนเขาทั้งเป็นเข้าสู่ห้องดับจิตที่ทั้งมืดและหนาวเหน็บ
“ลาก่อน”
“ขอให้ขายได้ราคาดีนะเจ้าสหายเพื่อนร่วมเผ่าของเรา ฮะ ฮะ ฮะ!”
พวกเขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แล้วปิดประตูบานหนาของห้องดับจิตจนเกิดเสียงดังก้อง
*กึก*
ท่ามกลางความมืดที่ไม่มีใครอยู่
*ชึบ—*
ภายในห้องที่มีแต่ศพคนตาย
“คาร์— นิ— วอย—-”
ได้มีเสียงเบา ๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นมา
เจ้าสิ่งนั้นลุกขึ้นท่ามกลางความหนาวที่กำลังทำให้ร่างกายของเขากลายเป็นน้ำแข็ง
“คาร์— นิ— วอย—-”
เสียงที่ฟังคล้ายกับเสียงเพียรเรียกหาคนตายดังขึ้นต่อเนื่องอย่างไร้ที่สิ้นสุด
แสงประหลาดที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่าจักมารวมตัวตามเสียงเรียกนั้น
ภายในเวลาไม่นานนัก
ณ ห้องดับจิตที่มีศพคนตายถูกบรรจุเอาไว้ร่วมกว่า 200 ศพ ก็ได้เลือนหายไปจากโรงพยาบาลภายในค่ำคืนนั้นเอง—
MANGA DISCUSSION