***วันที่ 7 เรตนิว ปีที่ 125 เวลา 24:30 น.***
ทวีปสนามแม่เหล็กภาคตะวันออก เมือง บูเล็ตฟรีโซน
“ถึงเมืองที่นัดหมายแล้ว”
บุรุษหนุ่มผมสีน้ำตาลหน้าตาอ่อนประสบการณ์ต่อโลก [ออน-เอ็ซท] กำลังลงจากยานเหาะลำโตที่จอดเทียบหอคอยสนามบินของเมือง
“ก่อนอื่นต้องรีบไปรายงานตัว— แต่เหลือเวลาอีกแค่ครึ่งชั่วโมงเองแฮะ”
ชายผู้มาเยือนกำลังพูดกับตัวเองด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด ในตอนที่ก้มมองดูเวลาจากมือถือรูปปืนลูกโม่
เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง…
มันไม่ใช่เวลาที่ต่อให้รีบวิ่งแค่ไหน ก็สามารถทำให้ทันเวลาได้
สำหรับชายที่มีนิสัยซื่อตรงอย่างเขา ย่อมไม่มีวันยอมรับการเข้างานสายแม้เพียงหนึ่งวินาที
“คงต้องจ่ายค่ารถโดยสาร…”
ว่าแล้ว ออน เอ็ซท ก็เปิดยอดเงินของตัวเองที่เหลืออยู่ในเดือนนี้ดู
[ยอดคงเหลือ = 300 ยูนิต]
*กระฉูด*
เลือดสีแดงจำนวนมากกำลังไหลทะลักออกจากปากของเขา เสมือนหนึ่งเป็นพระเอกนิยายกำลังภายใน
แม้นใบหน้าจะยังยิ้ม แต่ภายในใจกลับกำลังชอกช้ำบาดเจ็บ
ยอดเงินคงเหลือของเขาช่างน่าอนาจปวดใจยิ่งนัก
อย่าว่าแต่ค่ารถเลย แค่ค่าอาหารหนึ่งมื้อจะยังมีพอใช้หรือเปล่าก็ยังไม่อาจจะทราบได้
โลกไดม่อนคือโลกที่บังคับใช้เงินมาตราเดียวกันทั้งโลก
มันไม่ใช่ว่ามีประเทศใดประเทศหนึ่งมีอำนาจเหนือประเทศอื่น จนสามารถทำเรื่องเช่นนี้ให้เกิดขึ้นมาได้
แต่เป็นเพราะประวัติศาสตร์ของดาวดวงนี้ ที่ทุกเผ่าพันธุ์มีจุดกำเนิดร่วมกันมาจากประเทศเพียงหนึ่งเดียวต่างหาก เรื่องเช่นนี้จึงเกิดขึ้นมาได้
ถ้าจะมียกเว้น คงมีเพียงแค่เผ่ามนุษย์สัตว์ ที่มีประวัติศาสตร์แยกต่างหากออกมาชัดเจน จนมีค่าของเงินแตกต่างกันออกไป
แต่ด้วยระบบเศรษฐกิจที่เผ่าส่วนใหญ่ในดาวนี้เลือกจะใช้เงิน [ยูนิต] สุดท้าย ผู้นำของเผ่ามนุษย์สัตว์เมื่อ 100 ปีก่อน จึงตัดสินใจประกาศยกเลิกค่าเงินของตัวเอง แล้วหันไปใช้หน่วยเงินสากลแทน
ในทางหนึ่ง หน่วยเงินเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับผู้คนที่ง่ายต่อการเข้าใจและใช้งาน
แต่ทว่าปัญหาอย่างอื่นย่อมเกิดขึ้นตามมาเป็นเงาตามตัว
นั่นคือมูลค่าของสินค้าที่ไม่มีทางซึ่งแต่ละประเทศจะมีความเท่าเทียมกันได้
หากให้ยกตัวอย่าง เช่นประเทศของเผ่ามนุษย์ที่ปกครองทวีปออโรร่าที่มีค่าครองชีพต่ำ
นายตำรวจ ออน เอ็ซท จะสามารถกินข้าวได้มากถึง 3 มื้อ สบาย ๆ ด้วยเงินเพียง 300 ยูนิต
แต่ทว่าที่ทวีปสนามแม่เหล็กภาคตะวันออกแห่งนี้ เขาจะไม่สามารถซื้อน้ำมาดื่มได้แม้แต่เพียงหยดเดียว
ด้วยความที่ไร้กฏหมาย อีกทั้งยังยากแก่การสร้างเมืองอาศัย เลยทำให้ค่าครองชีพของที่นี่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่ารังเกียจ
แค่อาหารง่าย ๆ เพียงมื้อเดียว พวกเขาก็ต้องหาเงินมาจ่ายขั้นต่ำมากถึง 10,000 ยูนิตแล้ว…
“อึ๊ก…”
ภายในใจของนายตำรวจหนุ่มกำลังคิดหาวิธีไปให้ถึงที่หมายด้วยเวลาที่สั้นที่สุด
ถ้าเขายอมกดเอาเงินฉุกเฉินมาใช้มันก็ไร้ปัญหา
แต่ถ้ายอมทำครั้งหนึ่ง มันก็จะมีครั้งที่สองตามมา
แล้วทีนี้ เขาจะไม่เหลือเงินเก็บแม้แต่ยูนิตเดียวอย่างแท้จริง
“เอาวะ!เหลือแค่ทางนี้ทางเดียวแล้ว!”
บุรุษผู้ซื่อตรงไม่คิดที่จะยอมใช้เงินฉุกเฉิน
เพื่อไปให้ถึงสำนักงานทันเวลา เขาจึงเลือกที่จะใช้เส้นทางที่สั้นที่สุด
นั่นคือ [เส้นทางตรง]
“เอาวะ ลุย!!!”
ใช่… ฟังไม่ผิดหรอก
[เส้นทางตรง]
ออน เอ็ซท กำลังวิ่งตรงตัดผ่านตัวอาคารท่าเทียบยาน
วิ่งข้ามถนนที่เต็มไปด้วยรถเหาะความเร็วสูงบินผ่าน
วิ่งตรงไปจนถึงสุดขอบถนน ที่ถูกยกสูงอยู่เหนือพื้นทวีปเบื้องล่างลงไปมากกว่า 50 เมตร
วิ่งตรงไปโดยไม่คิดหยุดพัก
“ย๊ากกกก!!”
แล้วกระโดดข้ามรั้วกั้น ปล่อยให้ร่างกายของตัวเองลอยเหนืออากาศจากระดับพื้นดินมามากกว่า 50 เมตร—
***
เมืองไร้ขื่อ บูเล็ตฟรีโซน
นอกจากจะเป็นเมืองที่ไร้กฏหมาย ไร้กฏเกณฑ์ควบคุมแล้ว ตัวสถาปัตยกรรมเองก็ยังไร้ซึ่งกฏระเบียบควบคุมได้อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะ
เอกลักษณ์ในเชิงลบอะนะ…
ท่าอากาศยานที่ถูกสร้างต่อเติมแล้ว ต่อเติมทับลงไปตามอำเภอใจ
บ้านเมืองที่ถูกสร้างเติมทับลงไปบนของเก่า ยึดครองล้วงล้ำที่ดินต่อกัน โดยไม่แม้แต่จะเคารพสิทธิส่วนบุคคล
ระบบน้ำดี กับน้ำเสียที่ต่อเติมกันเอาเองโดยไม่สนใจระบบสาธารณูปโภคหลัก
ขุดถนน ขุดคลอง ยึดเอาเครื่องใช้สาธารณะมาเป็นของตัวเอง
หากท่านเดินเท้าไปในเมืองนี้เพียงสามก้าวโดยไม่มองเส้นทาง ท่านอาจจะตกท่อหัวกระแทกพื้นตายได้โดยไม่รู้ตัว
หากว่าท่านคิดว่ากำลังจะเปิดประตูเข้าห้องน้ำ ในเช้าของวันถัดไป ท่านอาจจะเปิดมาเจอกำแพงรั้วของเพื่อนบ้านมาสร้างทับเอาไว้
เสียงน้ำฝนที่กำลังดังลงมาจากหลังคา อาจเป็นเสียงจากน้ำทิ้งของบ้านที่สร้างลอยอยู่สูงเหนือขึ้นไปของบ้านท่าน
วันดีคืนดี เพื่อนบ้านผู้เป็นมิตรของท่านอาจจะชักอาวุธมายิงใส่กัน
มันเป็นเมืองที่คนทุกบ้านพร้อมจะบวกกันให้ได้ทุกเวลาว่างหลังอาหารสามมื้อ
และตอนนี้นายตำรวจหนุ่มไฟแรง ก็กำลังกระโดดลอยตัวอยู่ในเมืองที่ว่านั้น เพื่อหวังวิ่งตัดผ่านไปบนหลังคาบ้านที่อยู่ต่ำกว่าระดับถนน
ซึ่งคนในเมืองนี้เขาถือกันว่าเป็นการกระทำที่ [วอนหาตีน]
***
ก็… เคยรับรู้มาบ้างว่าเมืองนี้มันเถื่อน
*ตึง ตึง ตึง!*
“หยุดนะโว๊ยไอพวกย่องเบา!”
“ไอชั่ว!มึงคิดจะแอบมาสร้างอะไรทับบ้านกู!? คิดว่ากูจะยอมมึงหรือยังไง!”
“เล่นแม่งเลยพวก!”
แต่ไม่เคยคิด ว่ามันจะเถื่อนขนาดนี้!!
ผมกำลังวิ่งหน้าตั้งไปตามหลังคาบ้าน โดยมีฝูงชนเผ่ามนุษย์มด กับเผ่ามนุษย์สัตว์วิ่งกวดไล่ตามมาติด ๆ
แถมเนื่องจากเมืองนี้เป็นเมืองหน้าด่านสำหรับออกสำรวจทวีปที่ยังไม่ถูกพิชิต เลยทำให้แต่ละคนเป็นพวกนักรบ หรือไม่ก็ทหารรับจ้างมาอาศัยอยู่รวมตัวกัน
ผมรู้ดีว่าการวิ่งกระโดดไปมาตามหลังคาบ้านคน มันผิดในแง่รุกรานพื้นที่ส่วนบุคคล
แต่ปกติมันไม่มีใครบ้าพอจะวิ่งออกมาเอาปืนไล่ยิงกันไง
เพราะแบบนั้นเวลารีบ ๆ ผมเลยมักใช้วิธีวิ่งตัดไปตามหลังคาบ้านคนเอา
แต่ดูเหมือนว่าที่เมืองนี้ เขาจะไม่ยอมให้ทำแบบนั้นง่าย ๆ …
“แม่งเป็นแค่เผ่ามนุษย์แต่ไวปานลิงวอกเลยโว๊ย!ใครก็ได้ ไปเอาจรวดสังหารชนิดไล่ตามเป้าหมายมาทีซิ!”
เออ… เมื่อกี้นี้ไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม?
ผมใช้หางตามองไปทางต้นเสียงที่ตะโกนเมื่อกี้
บนหลังคาบ้านหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่บนโครงเสาเหล็กสูงเหนือพื้นดิน 50 เมตร มีเผ่าสัตว์ประเภทกอลิล่าที่สูงสามเมตรสองคน กำลังยกอะไรสักอย่างขึ้นมาวางตั้งแท่น
เจ้าอะไรสักอย่างที่ว่านั้นกำลังส่องแสงเรื่องประหลาดออกมาอย่างน่าสงสัย
*ฟูมมมม!!*
ก่อนจะเกิดม่านควันพวยพุ่ง พร้อมเปลวไฟที่ส่งเสียงดังน่ากลัวออกมา
“…”
แค่วิ่งข้ามหลังคาบ้าน ถึงกับต้องใช้จรวดสงครามยิงใส่กันเลยหรือคุณพี่!?!
“เชี่ย เชี่ย เชี่ย!!”
ผมรีบสับเกียร์หมากระโดดปีนขึ้นถนนลอยฟ้าที่อยู่ใกล้ ๆ กัน
ใช้วิชาตัวเบากระโดดใส่เสาไฟสองจังหวะซ้ายขวา แล้วข้ามทางกั้นสู่ด้านบนที่สูงขึ้นไป
เวลาเดียวกัน จรวดมรณะก็พุ่งไล่จี้หลังตามติดในระยะที่ไม่ถึงสามเมตร
ใครมันจะวิ่งหนีจรวดทันกันฟะ!
” ตายห่าน!”
ผมหมอบต่ำ แล้วอวยพรให้ขอบเหล็กกันตกเล็ก ๆ ของถนน มันจะช่วยป้องกันจรวดได้
*บรึ้ม!*
เกิดเสียงระเบิด พร้อมกับม่านควันกระจายไปทั่วขอบริมถนน โดยมีม่านพลังงานแสงควอนตัมคอยขวางกั้นเอาไว้
ถนนบ้าอะไรมีติดตั้งม่านบาเรียกับเขาด้วยเว้ยเฮ้ย?
“สงสัยเพราะเมืองเป็นแบบนี้ เลยสร้างออกมาแบบนี้แหง่…”
ผมรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งต่อ
คราวนี้ยอมเบนเข็มจากเส้นตรง ตัดไปทางสวนสาธารณะที่อยู่ใกล้ ๆ น่าจะปลอดภัยกว่า
“มันวิ่งเข้าไปในสวนแล้ว!”
“ปล่อยหุ่นนาโนสงครามเข้าไปฆ่ามัน!!”
ยังจะไล่ตามมาอีกเรอะ!
นี่แค่วิ่งตัดผ่านหลังคาบ้าน ทำยังกะตรูไปฆ่าพ่อพวกมรึงมาแบบนั้น!?!
เกิดเสียงคล้ายเม็ดทรายดังมาจากถนนด้านหลัง
เม็ดทรายสีขาวจำนวนมากกำลังรวมตัวกันในอากาศ
พวกมันรวมตัวกันเป็นกงจักรเหล็กขนาดครึ่งเมตร จำนวนสิบเล่ม
*ฟูวมมมมมมม!*
มันเริ่มหมุนตัวส่งเสียงเสียดสีกับอากาศอย่างน่าหวาดหวั่น แล้วพุ่งตามผมเข้ามาในสวนสาธารณะโดยไม่สนใจ ว่าจะไปทำร้ายโดนประชาชนคนอื่นหรือไม่
“อันตราย!”
ผมรีบก้มตัวหลบกงจักรที่กำลังพุ่งเข้ามาหมายตัดคอให้ขาดออกเป็นสองท่อน
กงจักรที่พลาดเป้านั้น มันวิ่งทะลุอากาศไปโดนสิ่งต่าง ๆ รอบตัวแทน
ตัดต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกทิ้งไว้จนขาดออกเป็นสี่ส่วน
วิ่งตัดทะลุผนังบ้านคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ จนได้ยินเสียงกรีดร้องดังออกมา
” ยิงสวนกลับดีไหมเนี่ย? ”
ผมเริ่มคิดที่จะชักปืนคู่ใจออกมาโจมตีสวน
อีกฝ่ายเป็นแค่หุ่นยนต์นาโน ถ้าทำลายทิ้งไป คงไม่น่ามีปัญหา—
*แกร๊ก*
“เสียงอะไร…”
ผมก้มลงไปมองดูที่ฝ่าเท้าของตัวเอง
ที่ตรงใต้ฝ่าเท้า มันมีบางอย่างกำลังนูนสูงขึ้นมา
แถมรู้สึกได้ถึงความร้อนที่กำลังแผ่ซ่าน—
กับระเบิดอย่างงั้นเรอะ!?!
ผมรีบพุ่งตัวสุดชีวิต พร้อมกับกลิ้งตัวเองไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่ที่ถูกโค่นเมื่อกี้
*พรึบ!*
เกิดแสงสว่างเจิดจ้ากระจายไปทั่วบริเวณ
รู้สึกได้ถึงแรงลมสังหารที่พัดโบกกระจายไปทั่ว
ผมเห็นหุ่นยนต์นาโนที่กำลังบินย้อนกลับมาต่างถูกแรงระเบิดนั้นอัดบี้ใส่สิ่งกีดขวางรอบตัวจนพังพินาศ
หลังสิ้นเสียงเสียงระเบิด ทุกอย่างจักสงบเงียบลงราวอยู่ในป่าช้า
สวนสาธารณะบ้าอะไร มีกับระเบิดสังหารติดตั้งเอาไว้…
แถมพอดูให้ดี แม่งไม่มีใครมาเดินในสวนสาธารณะนี้กันเลยสักคนเดียวเลยด้วย
“เจอตัวแล้ว!”
*ฉึก!*
“เหวอ!?!”
ผมเอี้ยวตัวหลบอะไรสักอย่างที่พุ่งลงมาจากบนยอดไม้
เหนือหัวขึ้นไป มีมนุษย์มดสูงสองเมตรคนหนึ่งกำลังเกาะอยู่บนต้นแม่เหล็กที่ลอยตัวอยู่ใจกลางอากาศ
ต้นแม่เหล็กคือพืชประหลาดที่พบได้ทั่วไปในทวีปสนามแม่เหล็ก
มันคือพืชที่มีน้ำเลี้ยงเป็นเหล็กเหลว และสามารถสร้างสนามแม่เหล็กอ่อน ๆ ออกมารอบตัว เพื่อลอยตัวหนีจากการเป็นอาหารของพวกสัตว์บกที่กินพืช
ด้วยลักษณะที่มีสีดำ กับผิวของมนุษย์มดตัวนั้นที่มีสีดำเช่นกัน จึงทำให้ยากที่จะสังเกตุเห็น
“ตาย!”
เจ้ามนุษย์มดตัวนั้นกระโดดข้ามไปมาระหว่างต้นแม่เหล็ก พร้อมกับปามีดจำนวนมากลงมาเป็นห่าฝน
“ชิ!”
ผมรีบย่อตัวหลบ แล้วพุ่งตัวเข้าใส่ในทิศที่มันอยู่ เพื่อลดวิสัยทัศน์ในการโจมตีของศัตรู
ในมือขวา กำลังเตรียมที่จะชักปืนรังสีทรงลูกโม่สุดคลาสสิกออกมา เพื่อเล็งยิงไปที่ต้นแม่เหล็ก ที่มันกำลังเกาะเอาไว้แน่นด้วยแขนขาทั้งหกข้าง
*เปรี๊ยง!*
“เหวอ!? ”
เจ้ามดบ้าตัวนั้นตกลงมานอนหงายหลังอยู่บนพื้น
ส่วนผมรีบใช้จังหวะนี้ วิ่งหนี—
*บรึ้ม!*
อะไรกันอีก (วะ) คราวนี้…
ผมพยายามไม่กลับหันไปมองเสียงระเบิด ที่น่าจะดังมาจากทางบ้านที่พึ่งถูกพวกหุ่นยนต์นาโนทำลาย
“ใครมันบังอาจมาเจาะรูบนกำแพงบ้านพวกกุวะ เป็นมึงสินะไอลูกลิงไร้ขน!”
“เล่นมันเลยสหาย ซุนไกท์!”
“แน่นอนสหาย วานาดิไนต์!”
แต่เสียงคำรามที่ฟังดูคล้ายครึ่งคนครึ่งหุ่นยนต์… มันทำให้ผมต้องจำยอมหันกลับไปดู
และสิ่งที่รออยู่ตรงหน้านั้น—
“ซะ— ไซบอร์กขี่รถถัง!? ”
—มันคือรถถังหุ้มเกราะเบาขนาด 6 เมตร ชนิดเหาะได้ที่มักถูกใช้ในสงครามนั่นเอง
ชื่อเมือง [บูเล็ตฟรีโซน] ไม่ใช่ชื่อที่ได้มาเพียงแค่ในนามเท่านั้น…
MANGA DISCUSSION