“ทุกคนกรุณาเข้าแถวเรียงหนึ่งออกไปตามเส้นทางนี้ด้วยครับ”
“กรุณาตรงไปทางออกฉุกเฉิน เดียวเจ้าหน้าที่จะพาท่านขึ้นยานหลบหนีพาไปที่ปลอดภัยเองครับ”
“อย่าตื่นตระหนกค่ะ! ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของพวกเราแล้วค่ะ!! ”
ผมกำลังบินมองดู รปภ. ของยานที่ต้อนผู้คนออกไปตามเส้นทางฉุกเฉิน
มีคนที่คุ้นหน้าอย่างเจ้าหัวโล้น กับเจ้าอีการวมอยู่ในกลุ่มด้วย
คงขนกันมาทั้งลำเพื่องานนี้เลยก็ว่าได้
” พวกเราเองก็รีบตามพวกเขาออกไปกันเถอะ อย่าไปยุ่งกับเรื่องวุ่นวายเลย”
[ค่า~]
” อืม…”
สหายเทพไร้แขนพูดเช่นนั้น พร้อมกับเอาเชือกมาล่ามพวกเราสองคนเหมือนเด็กเพื่อกันพลัดหลงทาง
ฉันกับเทพไร้หน้าไม่ใช่เด็กทารกสักหน่อย…
ยิ่งฉันที่เดินไม่ได้ ต้องบินตลอดเวลา เลยทำให้ดูเหมือนเป็นลูกโป่งของเธอไปเสียอย่างงั้น
แต่ว่ามันรู้สึกสบายตัวดี ที่มีคนคอยลากจูง แถมยังได้เป็นจุดสนใจจากทุกคนอีกด้วย เลยทำให้ผมไม่ได้ว่าอะไรเธอที่ถูกทำเป็นเหมือนเด็กทารก
มันให้ความรู้สึกที่ดีมากเลยละ~
“อืม…”
ว่าแต่ไม่เห็นน้องโลลินางฟ้าอยู่ในกลุ่มผู้โดยสารตรงนี้เลยแฮะ
กะว่าจะขอพุ่งเข้าไปหอมสักหนึ่งโดสเป็นการอำลาเสียหน่อย
“เหวอ! ”
“นี่มัน— แย่สุด ๆ! ”
อยู่ ๆ พวกผู้โดยสารที่เป็นเผ่ามนุษย์นกก็เริ่มกรีดร้องโวยวายเป็นการใหญ่
เกิดอะไร—
*ตึ่ง! *
เกิดเสียงคล้ายกับมีอะไรสักอย่างกำลังทุบใส่ตัวยานอย่างรุนแรง
เสียงนั้นดังมาจากทางข้างหลังเหนือหัวขึ้นไปได้ราวสามถึงสี่ชั้น
แถมยังมีแรงสั่นสะเทือนรุนแรงไล่ตามหลังจากเสียงกระแทก จนเทพไร้หน้ากับเทพไร้แขนต้องรีบย่อตัวลงเพื่อสร้างสมดุลในการยืน
แต่เป็นเพราะว่าผมบินอยู่ เลยไม่ได้รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นกับยานลำนี้
“เสียงอะไร!?! ”
“แรงมากเลยด้วย!! ”
“สัตว์ประหลาดโจมตียาน? ระเบิด!?? ”
“ผู้โดยสารทุกคนครับ รบกวนอยู่ในความสงบด้วยครับ! ”
แหม่~ วุ่นวายกันดีจัง~
ทำงานกันเหนื่อยหน่อยนะคะคุณ รปภ. ทั้งหลาย—
*เฮื๊อก!! *
ตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกหนาวไปทั่วกระดูกสันหลัง
มันมีบางอย่างเกิดขึ้น
อะไรบางอย่างที่ทำให้สัญชาตญาณโลลิของผมกรีดร้องเตือนภัย
ร้องเตือนภัย— ว่ามีสาวน้อยน่ารักตัวเล็ก ๆ กำลังตกอยู่ในอันตราย!!
“แย่แล้ว! ลาพิส เอโซ! ตอนนี้มีเด็กน้อยน่ารักดั่งเทพธิดาจุติคนหนึ่ง กำลังเรียกร้องหาความช่วยเหลืออยู่! ”
“ฮืม? ”
[o_O?]
สหายทั้งสองคนหันหน้ามามองทางผมด้วยแววตาที่สับสน
สายตาของยัยไก่กำลังบอกเป็นนัยว่า “เธอพูดเรื่องบ้าอะไรออกมากันอีกเนี่ย? ”
ลาพิสนะยังพอว่า แต่เอโซที่เป็นเผ่ามนุษย์นก เผ่าที่ได้รับฉายาว่า “สุดยอดแห่งสัญชาตญาณ” กลับไม่รู้สึกถึงอันตรายที่กำลังเกิดขึ้นอย่างงั้นเรอะ?
เป็นเผ่ามนุษย์นกที่ใช้ไม่ได้เลยนะสหาย!
“ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว! ความชั่วร้ายนั้นหาได้รีรอเวลา คงต้องบังคับพวกเธอกันแล้วละ! ”
“เดี่ยวก่อนสิยะ—”
ผมไม่รอให้ยัยไก่ได้มีโอกาสเปิดปากประท้วง แล้วสร้างม่านสนามแม่เหล็ก บังคับพาพรรคพวกบินทะยานสวนข้ามฝูงชนออกไป
ถึงจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่สัญชาตญาณโลลิมันกำลังกรีดร้องเตือนบอกผม
ว่าที่ชั้นบนนี้ มีเด็กน้อยกำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่คนหนึ่ง!
***
เปลวไฟ—
ทางเดินกำลังลุกไหม้ไปด้วยเปลวไฟ
รอบกายเต็มไปด้วยซากศพกับผู้บาดเจ็บของตำรวจสากล
พอมองผ่านช่องแคบ ๆ อันน้อยนิดตรงหน้า ก็จะเห็นห้องกัปตันที่พวกเขาบอกให้ฉันปกป้อง
ห้องนั้นกำลังลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟ
พอดูจากลักษณะของผนังรอบบานประตูที่บิดตัวออกมา ฉันจึงรู้ได้ในทันทีว่าต้นเหตุของระเบิด มันมาจากข้างในห้องนั้น
จากข้างในห้องที่ฉันถูกสั่งว่าให้ปกป้องเอาไว้
“…”
ไม่อยากจะคิด แต่ก็ต้องคิด
ห้องมันระเบิดในเวลาเดียวกับที่ฉันถูกตำรวจสากลบุกเข้ามาใกล้เป็นจำนวนมาก
มันเป็นเวลาที่เหมาะเจาะเกินไป
ราวกับว่ามีใครบางคนจงใจรอให้พวกเขามารวมกันที่หน้าห้อง เพื่อหวังสังหารพวกเขาด้วยระเบิดให้ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
เป็นแผนการที่จงใจใช้ฉันเป็นตัวล่อ…
ใช้ความเป็นเด็กของฉัน ล่อให้พวกมันเข้ามารวมตัวในตอนที่พยายามจะเอาตัวฉันออกไปจากประตูห้อง—
ไม่…
ไม่ใช่หรอก…
ฉันคงคิดมากไปเองมากกว่า…
ผู้มีพระคุณบอกฉันว่าองค์กรเรามีแต่คนดี…
ไม่มีทางที่พวกเขาจะใช้งานฉันในลักษณะนี้—
“เกิดอะไรขึ้นที่ข้างบนนั้น! ”
ฉันเห็นตำรวจสากลกลุ่มใหม่จำนวนสามคนกำลังวิ่งเข้ามาในทางเดินที่ลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟสีม่วง
“มีระเบิดอยู่ในห้องกัปตัน! พวกเราโดนหลอก! พวกมันใช้เด็กเป็นตัวล่อ ทำให้พวกเราประมาท! พวกมันตั้งใจที่จะล่อพวกเรามาฆ่า! ออน! ”
“คุณ ดิไลออน!? รีบเอาปืนสูญญากาศมาดับไฟมาด่วน! ”
*ปึง! *
จู่ ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังลั่นหลังสิ้นเสียงตะโกน
ชั่วพริบตาที่เกิดเสียงระเบิด ฉันรู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองมีแรงดันประหลาดเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง
ปอดขยายตัวพองออกทุกทิศทาง เลือดสูบฉีดรุนแรง พยายามที่จะไขว่คว้าควานหาอากาศเติมเต็มไปทั่วทุกอณูของเซลล์ร่างกาย
มันเป็นความรู้เหมือนกับว่าอยู่ ๆ อากาศรอบตัวก็สูญหายไปเสียดื้อ ๆ แบบนั้น
“—!! ฮ่า! ”
โชคดีที่ความทรมานนั้นเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที
เวลาเดียวกันนั้น ไฟที่ลุกท่วมตรงหน้าก็ฉับพลันดับหายไป
“หน่วยแพทย์! ”
“ไม่ต้องดูผม! ผมโชคดีไม่ได้โดนเต็ม ๆ ไม่ถึงกับตายหรอก! ไปดูคนอื่นก่อนเถอะ! ออง! ”
จากมุมแคบ ๆ ที่ฉันอยู่ใต้กองซากอะไรสักอย่าง เลยทำให้ไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่ข้างนอกนั้น
ฉันเห็นเพียงแต่ขาจำนวนมากของผู้คน ที่กำลังวิ่งขนผู้บาดเจ็บกับศพออกไปจากพื้นที่อย่างรวดเร็วเท่านั้น
หนึ่งคนวิ่งผ่านไป
สองคนผ่านไป
สามคน…
ในเวลาไม่ถึงสองนาที พื้นที่แห่งนี้ก็ไม่มีใครหลงเหลืออยู่อีก
“ไม่มีใครตกเหลือแล้วครับ”
“หน่วยเก็บซากได้ทำการเก็บตัวอย่างข้อมูลที่เกิดเหตุกับสารระเบิดที่พวกมันใช้มาแล้วครับ”
“งั้น— รีบออกจากพื้นที่กันก่อน ถ้ามีระเบิดอีกลูก พวกเราดูไม่จืดแน่! ออน! ”
เดียวก่อน!
ที่ตรงนี้ยังมีคนบาดเจ็บอยู่นะ!
“— ฮะ—”
ฉันพยายามจะยื่นแขนออกไป
แต่ร่างกายของฉันโดนทับจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
“—-อั๊ก! ”
พยายามจะตะโกนออกไปให้รู้ว่ามีคนอยู่ตรงนี้
แต่เสียงมันไม่ยอมออกมา นอกจากก้อนเลือดจำนวนมาก
พอจับความรู้สึกของตัวเอง ก็พบว่าครึ่งท่อนล่างกายของตัวเองกำลังรู้สึกด้านชา เหมือนถูกหนามทิ่มแทงใส่
*ตุบ ตุบ ตุบ—*
ไม่จริง…
เสียงฝีเท้าเหล่านั้นกำลังวิ่งจากไปไกล…
ได้โปรด…
อย่าทิ้งฉันอยู่ที่ใต้ซากอันมืดมิดอยู่ตรงนี้คนเดียวเลย…
“…”
บางที… ไม่ให้พวกเขาเจอตัวอาจจะดีกว่า…
เพราะว่าพวกเขาคือคนชั่ว
ฉันควรรอคอยความช่วยเหลือจากพวกผู้ใหญ่ที่อยู่ในองค์กรของผู้มีพระคุณ
ถ้าพวกเขารู้ว่าฉันหายไป พวกเขาจะต้องรีบกลับมาตามหาฉันแน่
แต่ทว่าความช่วยเหลือนั้นกลับมาไม่ถึง
“…”
ความเงียบงันเข้าปกคลุม
ความมืดเข้าปกคลุม
ความหนาวเข้าปกคลุม
ตุบ… ตุบ… ตุบ…
รู้สึกได้ถึงเสียงของหัวใจที่กำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง และกำลังเต้นช้าลงด้วยความอ่อนล้า
รู้สึกง่วงนอน
รู้สึกหวาดกลัว
กลัว…
กลัวความมืด…
กลัวการอยู่คนเดียว…
ไม่…
ทำไมไม่มีใครมาหา…
นี่… หรือว่า… ฉัน… จะถูกทิ้ง…?
ถูกทิ้งเป็นครั้งที่สอง… ในชีวิต…
***
“แว๊กกก!!! อย่าพาบินฉาบฉวยแบบนี้ เรากลัวความสูงงงงง—-! เราบินไม่ได้! มันหวาดเสียวววววว – – -!! ”
ดูเหมือนว่าสหายเทพของเราจะตะโกนอะไรสักอย่างทั้งน้ำตา
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสนใจสหาย
เพราะว่าข้างบนนี้มีเด็กน้อยน่ารักกำลังรอผมอยู่!
“ผมกำลังจะไปช่วยแล้ว โลลิน้อยน่ารักที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร! ”
ผมบินเข้าสู่ย่านการค้า แล้วบินทะยานไปตามโถงลิฟท์ขึ้นสู่ชั้นบน
*ตึง! *
“หืม? วิญญาณหลง!? ”
ในตอนนั้นเองที่มีร่างเงาคล้ายฝ้าไร้สี ปรากฏตัวออกมาจากส่วนพื้นที่เหนือขึ้นไปของย่านการค้าชั้นบนสุด
หรือว่า— ที่รู้สึกได้ถึงอันตรายกับโลลิน้อย มันเป็นฝีมือของพวกแก!
*โอ๊วววว!!! *
พวกวิญญาณร้ายมันคำรามอย่าบ้าคลั่ง เมื่อรู้ว่าผมคนนี้สามารถมองเห็นพวกมันได้
ผ้าไร้สีที่ล่องลอยวนเวียนอยู่ตรงเพดานห้องโถงการค้า ต่างเริ่มเปลี่ยนทิศทางการบินมาทางพวกเรา
พวกมันมีด้วยกันทั้งหมดร่วมสามสิบตัว
มันกระจายฝูงบินออกไปรอบทิศทาง ส่งเสียงลมคำรามหวืดหวิวอย่างน่ารังเกียจ แล้วพุ่งเข้าใส่พวกเราสามคนด้วยความมุ่งร้าย
แค่ดูก็รู้ได้ว่ามีเป้าหมายที่อยากจะเข้ามาสิงอาศัยอยู่ในร่างกายของพวกเรา
ไอพวกผีบ้า อย่ามาทำให้เสียเวลาจะได้ไหม!!
ผมเริ่มเร่งพลังงานภูติ กางปีกสีแดงออกกว้าง พร้อมแผ่ขยายพลังงานรังสีออกรอบทิศทาง
ใช้พลังงานรังสีธรรมชาติที่สรรค์สร้างเข้ากระตุ้นปริภูมิที่ว่าง บิดเกลียวมิติ แล้วดึงเอาพลังงานวิญญาณขั้วบวกที่ล่องลอยไปทั่วในชั้นอากาศของมิติคนตายออกมา
*พรึบ! *
เกิดเสียงคล้ายผู้หญิงที่กำลังหวีดเสียงร้องโหยหวนขึ้นรอบจุดของปริภูมิที่ว่างที่ถูกเราบิดเกลียว
ก้อนแสงไร้ลักษณ์อันเป็นพลังงานวิญญาณเริ่มจักก่อตัวรูปร่าง กลายเป็นบอลแสงสีขาวขึ้นรอบกาย
บอลแสงสีขาวที่สร้างขึ้นมานั้น มีลักษณะคล้ายกับเปลวไฟวิญญาณที่ลุกไหม้
ขนาดของมันมีเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับลูกฟุตบอลหนึ่งลูก
แค่วิญญาณร้ายระดับต่ำฝูงหนึ่ง สร้างขึ้นมาแค่สองลูกก็เหลือแหล่ต่อการรับมือพวกมันแล้ว
*กิ— กรี๊ดดดดด!!!! *
เพราะบอลถูกสร้างขึ้นมาอย่างฉับพลันจากที่ว่าง วิญญาณร้ายตัวหนึ่งที่พุ่งเข้าใส่เราเลยโดนเจ้าบอลนั้นแผดเผาไปเต็ม ๆ
พลังงานวิญญาณคือแหล่งต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตรูปแบบพลังงานที่เรียกว่าวิญญาณ
สิ่งนั้นมันมีด้วยกันอยู่สองอนุภาคขั้วพลังงาน
พลัง [วิญญาณขั้วบวก] กับ [วิญญาณขั้วลบ]
ส่วนใหญ่พลังงานที่ใช้ก่อตัวเป็นรูปร่างวิญญาณ จะเป็นพลังงานขั้วลบ
ส่วนพลังงานที่ใช้ก่อร่างกายทิพย์ หรือกายเทพ จะเป็นพลังงานขั้วบวก
พลังงานต่างขั้วที่สัมผัสกันโดยผิดธรรมชาติ มันย่อมหักล้างให้คืนสู่สมดุลแห่งความว่างเปล่า
วิญญาณตัวนี้กำลังจะถูกชำระด้วยเปลวไฟวิญญาณแห่งการชำระล้าง
*กีสสส! *
*หวี่ —! *
“ฮืม? ”
พวกวิญญาณตัวอื่นกำลังบินเข้ามารวมตัวใส่วิญญาณที่กำลังจะถูกชำระ
พวกมันพุ่งเข้าไปในร่างกายของตัวที่ลุกไหม้ จนร่างกายของมันขยายใหญ่ขึ้นมาอีกสามเท่าตัว จนมีขนาดสูงถึงหกเมตร
การรวมตัวกันของพลังงานวิญญาณ…
เมื่อพลังงานอีกฝั่งมีมากกว่า แค่ดวงไฟชำระล้างอันกระจิ๊ดสองดวง ย่อมไม่อาจจะทำอะไรมันได้
เจ้าผีบ้าเริ่มส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาอีกครั้ง
พวกมันแยกร่างอีกครั้ง
พวกมันเริ่มกระจายตัวออกไปรอบทิศทาง เข้าล้อมพวกเราจากทั้งบนล่างและซ้ายขวา
เป็นการเคลื่อนไหวที่ดูมีการประสานงานกันเป็นอย่างดี เสมือนหนึ่งเป็นฝูงบินรบที่ได้รับการฝึกมา
“เจ้าพวกนี้มันคิดวางแผนเป็นด้วย? ”
ปกติผีนะ มันไม่สนใจความเป็นตายของพรรคพวกหรอก
ไม่มีการเคลื่อนไหวอย่างเป็นแบบแผนด้วย
แสดงว่าผีพวกนี้ยังคงมีอัตตาอันแรงกล้าของตัวตนก่อนตายหลงเหลืออยู่ เลยทำให้พวกมันยังพอมีสติปัญญาคิดเป็น
“แต่ว่ายังอ่อนหัดนัก กับวิญญาณร้ายระดับนี้ ไม่อาจล้ม [นักปราชญ์หัวแดง] อย่างผมคนนี้ได้หรอก! ”
ผมดึงลูกไฟแห่งการชำระล้างให้มาลอยอยู่บนมือซ้ายและขวา
นำพวกมันมาบีบอัดรวมกันเป็นบอลลูกเดียว ก่อนจะใส่พลังงานวิญญาณขั้วลบเข้าไปเล็กน้อยให้เป็นตัวกระตุ้น
การแทรกพลังงานอย่างจงใจในลักษณะของการทำลายสมดุล จักทำให้ลูกไฟลูกนี้กลายเป็นระเบิด
*พรึบ! *
มันคือแสงสว่างแห่งการชำระล้าง
ลูกบอลแสงที่แตกตัวออก ได้กลายเป็นคลื่นรังสีวิญญาณที่เต็มไปด้วยอนุภาคขั้วบวกแห่งการชำระ
มันเป็นแสงรังสีที่คนธรรมดาทั่วไปไม่อาจมองเห็น หากว่าไม่ได้มีดวงตาที่อยู่ในช่วงสามารถรับคลื่นรังสีวิญญาณได้
*!!! *
พวกผีที่ถูกแสงแห่งการชำระล้างอาบเรือนร่างกายต่างเริ่มลุกไหม้แตกสลาย
พวกมันบินรวมเป็นร่างเดียวอีกครั้งเพื่อต่อต้านพลังแห่งการชำระให้ถึงที่สุด
ผ้าขาวบางที่ก่อเป็นร่างกายวิญญาณของพวกมัน กำลังถูกฉีกขาดกลายเป็นละอองแสงคล้ายตัวหิ่งห้อยที่ใกล้สิ้นชีวา
จากร่างกายที่มีความสูงถึงหกเมตร เหลือเพียงแค่สองเมตรในชั่วบันดล
ยังไม่ถูกชำระสมบูรณ์อีก…
อึดจริงนะเจ้านี่
*กีสส! *
เจ้าวิญญาณร้ายมันกรีดร้องอีกครั้ง
ทว่าคราวนี้มันไม่พุ่งเข้าใส่ แต่เลือกที่จะหนีจากไปแทน
มันคงรับรู้แล้วว่าเป็นการยากที่จะสิงสู่ร่างกายของพวกเรา เลยยอมแพ้หนีไปทั้ง ๆ แบบนั้น
“… ชิ ทำเอาเสียเวลาไปเยอะ”
ผมบ่นกับตัวเอง แล้วบินขึ้นไปที่ส่วนบนของยาน พร้อมกับคาดหวังอย่างลึก ๆ ว่าโลลิน้อยจะยังปลอดภัยอยู่
ถึงไม่แน่ใจว่ามีโลลิน้อยบาดเจ็บอยู่ที่ชั้นบนจริง ๆ หรือเปล่าก็ตามทีเถอะนะ
MANGA DISCUSSION