***วันที่ 5 เรตนิว ปีที่ 125
ณ วิหารหลักของศาสนาเทพทั้งสาม ที่ทวีปคริสตัล
*ติ้ง ♫~*
ท่ามกลางไอหิมะอันหนาวเหน็บของฤดูหนาว มีหญิงชราคนหนึ่งกำลังหันหน้าไปมองตามเสียงที่ดังมาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของเธอ
ใบหน้าเหี่ยวย่นและเต็มไปด้วยรอยยิ้มบึ้งตึงฉับพลันเจิดจ้าเปี่ยมสุข
เธอรีบเคลื่อนไหวให้เร็วที่สุดเท่าที่ร่างกายแสนชราของเธอจะพาไปไหว
เครื่องเงินศาสนาที่คล้องเอาไว้ตรงแขนส่งเสียงกระทบกับผิวโต๊ะด้วยความร้อนรน จนเกิดเป็นรอยตำหนิอันไม่น่าดูบนผิวโต๊ะไม้
แต่ทว่าหญิงชราผู้นี้ดูจะไม่สนใจความเสียหายเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเลยแม้แต่น้อย
“มาแล้ว! กว่าจะส่งเมล์ซักฉบับมาให้… ทำกันได้ลงคอนะเจ้าเด็กบ้าพวกนั้น”
หญิงชราบ่นอุบด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับเปิดหน้าจอข้อความให้ฉายขึ้นมาบนอากาศ
[ถึงคุณป้าเทเรซ่า
จาก เหล่าสาวอายุกว่า 1,000 ปี ผู้มีตัวตนอันยิ่งใหญ่เทียมเทพเจ้า]
“หึ เปิดเมล์ด้วยข้อความโอหังเหมือนอย่างเคยเลยนะเจ้าเด็กพวกนั้น”
หญิงชราหัวเราะให้กับข้อความเปิดของผู้ที่ส่งถึงเธอ
[ไม่ทราบว่าท่านสบายดีหรือไม่?
แต่คุณป้านะอึดอยู่แล้ว แถมบ้าด้วย ดังนั้นคนบ้าไม่น่าจะเป็นหวัดในหน้าหนาวได้หรอก
ส่วนพวกเราทั้งสามคนเองก็เป็นพวกบ้าเช่นกัน ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องสุขภาพหรอกนะ]
“ฮะ ฮะ ฮะ นี่แอบหรอกด่ากันใช่ไหมเนี่ยเจาเด็กพวกนี้? ”
เทเรซ่าหัวเราะร่วนไม้หยุด
เธอหยุดพัก แล้วรินไวท์แดงลงแก้วเพื่อดื่มเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย แล้วเริ่มอ่านจดหมายต่ออย่างรวดเร็ว
[เงินที่โอนไปให้นั้น ให้ถือซะว่าเป็นค่าเลี้ยงดูพวกเราตลอดเวลาที่ผ่านมา 20 ปี
มันเป็นเงินสะอาด เพราะงั้นสบายใจที่จะใช้มันได้เลย!
ทั้งนี้พวกเราคิดว่าจะออกเดินไปที่ทวีปเทวภูมิ ทวีปบ้านเกิดของเผ่ามนุษย์สัตว์สักเล็กน้อยก่อนกลับไปหาคุณป้า
ดังนั้น รบกวนคุณป้าช่วยจัดทำเอกสารแจ้งไปทางวิหารสาขาของทวีปนั้นให้พวกเราที— ขอบคุณค่ะ]
“เงิน? ”
หญิงชราเริ่มเปิดตรวจเช็คยอดเงินในบัญชีของวิหาร
แต่บัญชีของวิหารนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เข้ามา
หญิงชรานึกสงสัย แล้วตัดสินใจเปิดบัญชีส่วนตัวของเธอเองแทน
ตอนนั้นเองที่คิ้วของเธอย่นเข้าหากันด้วยความแปลกใจ
เพราะยอดเงินในบัญชีส่วนตัวของเธอที่ปกติควรจะมีเพียงหกหลักนั้น กลับมีมากถึงสิบสี่หลัก
“เงินมากถึง 10,000,000,000,000 ยูนิต เด็กพวกนั้นไปทำอะไรมากันนี่…”
ใจหนึ่งนึกตกใจ อีกใจหนึ่งรู้สึกภาคภูมิใจ
หญิงชราเทเรซ่าคือคนที่เก็บเด็กสาวสามคนที่ว่ามาเลี้ยงดูกับมือ
เธอไม่มีลูกหรือผู้สืบทอด ดังนั้นเธอจึงยินดีที่จะรับพวกเธอทั้งสามคนมาเลี้ยงดู
ถึงจะซุกซนและมีวาจาชวนหาเรื่อง ไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ จนคนอื่น ๆ ในวิหารบอกให้เธอเอาเด็กพวกนี้ไปทิ้งให้ศูนย์เด็กกำพร้า
แต่หญิงชราผู้นี้ก็ยังดูแลเด็กซนทั้งสามคนเรื่อยมา
เธอได้ความรักให้กับเด็กทั้งสาม เสมือนหนึ่งเป็นลูกแท้ ๆ ของตัวเอง
เด็กกำพร้าทั้งสามนั้น ก็คือ [ลาพิส ลาซูลีล] [เอโซ คอมพาวด์] [แมรี่โกลด์ ซินเนียร์]
มันเป็นชื่อที่ได้ถูกระบุเอาไว้บนตะกร้าที่นำเด็กมาทิ้งเอาไว้ที่หน้าวิหารของเธอเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
“ฮะ ฮะ ฮะ เงินสะอาดอย่างงั้นหรือ? ฉันเชื่อใจพวกเธอนะ แต่มันออกจะเยอะเกินไปจนน่ากลัวไปไหมเนี่ย? ”
เธอไม่คิดเลยว่าเด็กสาวทั้งสามคนจะทดแทนคุณในรูปแบบนี้
“ให้ตายสิ แถมคราวนี้บอกจะไปเยี่ยมที่วิหารสาขาเทวภูมิอย่างงั้นหรือ? หวังว่าคราวนี้จะไม่หาเรื่องปวดหัวมาให้ฉันอีกหรอกนะ? ช่างเป็นเด็กที่ซุกซนเสียจริงเลยให้ตายสิเจ้าพวกนี้ ไม่ไหวจริง ๆ ~”
ถึงแม้หญิงชราจะบ่นอุบไม่หยุด แต่ใบหน้าของเธอกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เธอได้ละทิ้งงานที่คั่งค้างทุกอย่าง แล้วเริ่มลงมือเตรียมเอกสารการเดินทางให้กับเด็กสาวทั้งสาม ไปพร้อมกับฮัมเพลงเบา ๆ อย่างมีสุข—
***ในเวลาเดียวกัน***
“นี่มันอะไรกันเนี่ย? ”
เพียวริแทน นิเคิล นักบวชประจำวิหารเทพทั้งสามทวีปออโรร่ากำลังยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงหน้าวิหารของตัวเอง
ในช่วงปลายเดือนที่แล้ว เขาจำได้ว่าตัววิหารได้ถูกทำลายไปอย่างหมดจด ด้วยฝีมือของเด็กเปรตสามคนที่มาจากวิหารหลัก
เขารู้สึกโกรธเทเรซ่าเป็นอย่างมาก ที่ยอมให้อำนาจเด็กเปรตมาวุ่นวายกับวิหารแสนรักของเขาจนพังพินาศยับ
แค่คิดว่าต้องใช้เวลาซ่อมแซมวิหารนานนับครึ่งเดือน กับต้องใช้เงินอีกเป็นหลักล้านยูนิต เขาก็แทบจะลมจับแล้ว
แต่ทว่าในเช้าที่มีเมฆหิมะหนาก่อตัว เขากลับต้องพบกับสิ่งที่น่าอัศจรรย์จนทำให้อ้าปากค้าง
วิหารที่เคยถูกพวกเด็กเปรตทำลาย มันได้ถูกซ่อมแซมกลับสู่สภาพเดิมเป็นที่เรียบร้อย…
ไม่ใช่ว่าเมื่อสองวันก่อน เขาพึ่งจะจ้างให้คนงานก่อสร้างมาประเมินราคาเองหรือเปล่า?
“อะไรเนี่ย? จดหมาย? ”
ตอนนั้นเองที่นักบวชเห็นป้ายกระดาษที่ถูกแขวนเอาไว้บนประตูไม้ใหม่เอี่ยมบานโต
—ถึงเจ้าสี่ตา
ซ่อมวิหารให้แล้วนะ เจ้าบ้าสี่ตา!
แล้วก็อีกเรื่อง วันนี้พวกเราจะออกเดินทางแล้ว เพราะงั้นอย่าได้รู้สึกเหงาเด็ดขาดเชียวละ!
คงเหงาสินะ!?! ใช่ไหม!?
วะ! ฮะ! ฮะ! ฮะ!
จากดอกไม้งาม 1,000 ปี ทั้งสามแห่งวิหารหลัก—
“ไม่มีความเคารพต่อผู้ใหญ่เลยนะเด็กพวกนั้น”
เพียวริแทน นิเคิล บ่นอุบกับตัวเองต่อจดหมายไร้มารยาทที่ถูกแขวนทิ้งเอาไว้
“ให้ตายเถอะ ถ้ามีความเคารพต่อผู้ใหญ่มากกว่านี้ ก็ออกจะเด็กที่น่ารักน่าเอ็นดูมากกว่านี้แล้วแท้ ๆ ผมละสงสารคุณเทเรซ่าเสียจริง”
เขาร่ายคำบ่นไม่หยุดด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง
แต่ทว่าน้ำเสียงของเขานั้น กลับแฝงไปด้วยความเศร้า ราวกับว่ากำลังเหงา
เป็นความเหงาเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ใต้จิตสำนึก โดยที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อาจจะรู้สึกถึงมัน
***ณ โรงพยาบาลรัฐประจำเมืองออโรร่า***
” เจ็บวุ้ย…”
” หัวหน้า… ผมเจ็บ…”
เหล่ายักษ์ทั้งสี่สิบเอ็ดชีวิตกำลังร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวดไปทั่วอาคาร—
*กรร…*
—และมีมังกรอีกสี่ตัวรวมอยู่ด้วย…
เนื่องจากถูกร้องเรียนจากผู้ป่วยและหมอพยาบาลเป็นจำนวนมาก พวกเขาจึงจัดตั้งพื้นที่รักษาแยกพิเศษ ด้วยการใช้พื้นที่จอดรถมาทำเป็นที่รักษาฉุกเฉินไป
” หวังว่าประกันกับบริษัทจะช่วยออกค่ารักษาให้พวกเรานะ”
” นั่นสิ ไม่งั้นพวกเราคงได้ถังแตกยกคณะแน่ แถมดีไม่ดีอาจโดนไล่ออกเพราะพวกเราแอบเอาของออกไปใช้โดยไม่อนุญาตด้วย ฮะ ฮะ ฮะ! ”
“มันไม่ตลกเลยนะหัวหน้า! ”
“เอาน่า~ เอาน่า~ ถึงจะไม่มีค่าประกันหรือถูกไล่ออก แต่อย่าลืมสิว่าพวกเราพึ่งได้เงินก้อนใหญ่มาจากพวกรัฐบาลมนุษย์นะ เพราะงั้น ไม่มีปัญหาอะไรหรอก!!! ”
“ทั้งหมดต้องขอบคุณเจ้าหน้าใหม่ที่ช่วยเก็บกู้ไดอารี่มาให้พวกเรานั่นละ ว่าแต่มีใครเห็นเขาบ้างไหม? ”
“นั่นสิ ข้าเองก็ไม่เห็นหัวมันเลย สามสาวสุดสวยกลุ่มนั้นด้วย? ”
“ผมรู้นะหัวหน้า เขามาฝากบอกเอาไว้เมื่อสามวันก่อนที่พวกเรามาถึงเมือง เจ้าหน้าใหม่เห็นว่าต้องรีบกลับบ้านเกิดเลยลาออกไปแล้ว ส่วนสามสาวขอส่วนแบ่งเงินรางวัลไปหนึ่งในสาม แล้วก็หายตัวไปเลยนะครับ”
“เวรกรรม ข้ากำลังคิดจะขอนอนกับหนึ่งในสามสาวสักคนหลังจบงานนี้สักหน่อย… งั้นช่างมันไปเถอะ แล้วไอเจ้าหน้าใหม่มันเอาเงินรางวัลไปด้วยหรือเปล่า? ”
“ไม่ได้เอาไปครับ”
“ชิบหาย… งั้นอย่าลืมดึงเงินส่วนของมันเก็บเอาไว้อย่าเผลอไปใช้เชียวละ ส่วนที่เหลือ พวกเราจะเอาไปใช้เปย์สาว ๆ กัน! ”
“โอ๊วววว! สมกับเป็นหัวหน้าของพวกเรา!! เจ้ายักษ์จอมลามก! ”
“นั่นชมหรือด่าวะ! ”
เหล่ายักษ์ผู้บาดเจ็บเหล่านั้นดูท่าจะแข็งแรงกันดี…
ท่ามกลางเหล่ายักษ์ที่ป่าเถื่อน มีชายคนหนึ่งดูโดดเด่นยิ่งกว่าใคร
เขาคนนั้นมีผมสีส้มเปลวเพลิงยาวถึงเอว ใบหน้าคมคายมีเสน่ห์เหมือนผู้หญิง
เขามีสภาพร่างกายที่บาดเจ็บหนักยิ่งกว่าใคร
ถูกจับขึงอยู่บนเตียงอย่างแน่นหนา ถูกมัดทั้งตัวด้วยผ้าสีขาวราวกับเป็นมัมมี่ในโลงศพ
มีเพียงแค่ส่วนดวงตากับเส้นผม ที่ยังโผล่พ้นผ้าขาวที่ใช้ปกปิดร่างกายของเขาเอาไว้
“ได้เวลาดูอาการแล้วค่ะคุณทาฑิม”
ในตอนนั้นเองที่มีคุณหมอสาวสวยเผ่ามนุษย์ผมสีชมพูเดินผ่านเตียงนอนของเขา
“ดูเหมือนว่าการสร้างกระดูกส่วนขาที่หักไปจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ไม่มีผลสะท้อนกลับน่ากลัว ถ้าเป็นแบบนี้อีกราวหนึ่งอาทิตย์ คุณทาฑิมก็จะสามารถออก— กรี๊ด!?! ”
ชายที่ถูกจับมัดเป็นมัมมี่ ได้เอาแขนขวาของเขาลงมาตบก้นของคุณหมอสาวด้วยเร็วของปีศาจ
เขาเหวี่ยงแขนลงไปใต้กระโปรงภายใน 0.1 วินาที แล้วใช้มันสัมผัสกับผิวแก้มก้นอันเนียนนุ่มภายใน 0.2 วินาที ก่อนจะสะบัดขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อเผยสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ใต้กระโปรงของเธอให้โลกได้เห็น
สิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้กระโปรงของเธอนั้น คือชุดชั้นในสีดำที่มีเพียงเชือกบาง ๆ เส้นหนึ่งผูกรัดเอาไว้ไม่ให้หลุด…
“สีดำ!? ”
“แถมยังเป็นแบบเชือก!? ม่ายยยย!!! คุณหมอสาวเผ่ามนุษย์ที่แสนจะตัวเล็กโลลิน่ารักมันต้องสวมใส่สีขาวบริสุทธิ์ต่างหาก! ”
เหล่ายักษ์กับทาฑิมต่างส่งเสียงประท้วงเป็นการใหญ่
“พวกทำลายความฝันของลูกผู้ชาย!! ”
พวกเขาต่างส่งเสียงดังอื้ออึงจนผนังห้องที่ถูกตีกั้นพื้นที่เริ่มสั่นสะเทือนจนเห็นเป็นรอยร้าวบาดลึก
“คุณ-ทา-ฑิม! ”
เสียงของคุณหมอสาวดังขึ้นท่ามกลางความอึกทึกของเหล่ายักษ์
พอรู้ตัวอีกที ทั่วทั้งร่างกายของทาฑิมก็ต้องเผชิญกับแผลพกช้ำเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากอย่างไม่ทันคาดคิดไปเสียแล้ว
ดูเหมือนว่ากว่าที่เขาจะได้ออกจากโรงพยาบาล คงต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่งเลยทีเดียว—
***ณ หอพักตำรวจแห่งหนึ่งในเมืองออโรร่า***
“ให้ตายเถอะ…”
ตำรวจหนุ่มที่มีผมสีน้ำตาลคนหนึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก
หน้าต่างที่พยายามจะให้แสงสว่างจากภายนอกเล็ดลอดเข้ามา ได้ถูกปิดบังเอาไว้ด้วยผ้าม่านทึบผืนสีดำขนาดใหญ่
“ไม่ได้ยศ ชื่อเสียงก็ไม่ได้รับ เรื่องแบบนี้ก็มีด้วยเรอะ!! ”
เขาคำรามลั่นอยู่ภายในห้องอันมืดมิดที่มีเขาอาศัยอยู่เพียงลำพัง
ตะโกนจนเสียงแทบแหบแห้ง
ดวงตาทั้งสองถูกถมเต็มไปด้วยหยาดน้ำแห่งความเศร้าโศก
[ออน-เอ็ซท] นายตำรวจหนุ่มที่ถูกส่งไปเป็นสายลับในกลุ่มคนงานของยักษาทาฑิม ได้กลับมารายงานให้กับทางกรมตำรวจเมื่อสองวันก่อน
ยักษาทาฑิมมิได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มชมรมสัตว์กินเนื้อ [คาร์นิวอย] อย่างที่คนตั้งข้อสงสัยกัน
มันควรจะจบเพียงแค่ภารกินสืบสวนยักษาทาฑิม
แต่มันไม่ใช่แบบนั้น
เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างการเก็บกู้ไดอาร์ของวีรบุรุษ [เอซ] มาได้ จึงทำให้เรื่องราวมันใหญ่กว่าที่เขาคาดคิด
ในวินาทีแรกที่เขารายงานเรื่องสมุดไดอารี่ของวีรบุรุษที่บังเอิญเขาได้เก็บกลับมา ทุกคนต่างชื่นชมเขาเป็นอย่างมาก
แต่หลังจากที่ได้เห็นเนื้อหาข้างในหนังสือ จึงทำให้ทั้งกรมตำรวจและรัฐบาลของมนุษย์ไม่กล้าที่จะเผยแพร่สิ่งที่อยู่ข้างในออกสู่สาธารณะ แล้วเลือกที่จะเก็บเป็นความลับเอาไว้แทน
ถึงเงินรางวัลจะมีมอบให้กับกลุ่มของทาฑิมในฐานะรางวัลของภารกิจ แต่พวกเขากลับไม่ยอมให้มีการเปิดเผยความสำเร็จออกสู่สาธารณะ
หากว่ามีใครกล้าที่จะเผยความลับออกไป เป็นต้องถูกตามล่าเอาผิดจากรัฐบาลของมนุษย์
โชคดีที่ [ออน-เอ็ซท] ไม่เคยให้พวกทาฑิมได้เห็นเนื้อหาข้างใน เลยทำให้ไมต้องเกรงกลัวว่าพวกทาฑิมจะเผลอหลุดปากพูดอะไรบางอย่างออกไปจนก่อให้เกิดความเสียหาย
ตัวเขาเองก็ยอมรับเหตุผลที่จะไม่เผยแพร่เนื้อหาข้างในบันทึกออกสู่สาธารณะด้วย
แต่ที่เขาเสียใจนะ คือการที่ไม่มีมอบคำเกียรติยศหรือจารึกชื่อลงในประวัติศาสตร์ต่างหาก
“ทำไมถึงยอมกันง่าย ๆ เพราะเงินกันนะ! จะโง่ก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยเจ้ายักษ์พวกนั้น! ”
พวกเขาเสี่ยงตายกันถึงขนาดนี้ เพียงเพื่อยอมรับกับอีแค่เงินทองแค่นั้นจริง ๆ นะหรือ?
ให้ตายเถอะ!
พอคิดถึงเหตุการณ์ที่พวกทาฑิมยอมรับเงื่อนไขบ้า ๆ นั้นด้วยหน้าตาที่ใสซื่อ นายตำรวจหนุ่มก็ทำได้เพียงแต่แค่ถอนหายใจออกมา
ส่วนพวกสามสาวลึกลับที่สอนเขาเรื่องตัวตนของวิญญาณนั้น—
“พวกเราขอส่วนแบ่งแค่หนึ่งในสามของเงินรางวัลพอ ที่เหลือพวกนายเอาไปเลย ยังไงพวกเราก็ไม่ค่อยอยากยุ่งวุ่นวายกับเรื่องการบ้านการเมืองอยู่แล้ว ดังนั้นสบายใจได้”
พูดแบบนั้นแล้วก็หายตัวไปเลย…
[ออน-เอ็ซท] รู้สึกไม่พอใจ และเกลียดตัวเองที่ไม่มีพลังมากพอจะบังคับให้รัฐบาลมอบเกียรติยศให้กับคนที่สมควรจะได้รับมัน
ตำรวจหนุ่มผู้นี้คือชายที่สู้เพื่อความยุติธรรม หาได้ทำเพื่อเงินตรา
เขาไม่ได้ต้องการถึงขนาดให้เผยแพร่ความจริงอันน่าอายของวีรบุรุษเอซ แต่เขาอยากให้อย่างน้อยก็ช่วยจารึกชื่อของพวกทาฑิมกับสามสาวลงในประวัติศาสตร์มนุษย์ ในฐานะผู้ที่สามารถยึดพื้นที่ใจกลางทวีปคืนมาได้สำเร็จ
แต่รัฐบาลของพวกเขาเลือกที่จะปกปิดความจริงทุกอย่าง แล้วเปิดเผยว่านี่เป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์ธรรมชาติโง่ ๆ ที่อยู่ ๆ ก็หายไปเองอย่างลึกลับแทน
ด้วยเหตุนี้ [ออน-เอ็ซท] จึงไม่เข้าใจ ว่าทำไมคนอื่นถึงยอมรับเงินตรา มากกว่ายอมรับเกียรติยศและความดีงามที่พวกเขาควรจะได้รับจากรัฐบาลของมนุษย์
รับเงินเพื่อแลกกับการปกปิด การกระทำแบบนี้มันจะไปต่างอะไรจากการรับสินบนละจริงไหม?
[ออน-เอ็ซท] ไม่ได้รับเงินสักแดงจากรางวัลได้มาในภารกิจ เพราะเขามองว่าตัวเขาไม่สมควรที่จะได้รับมัน
เขาเป็นคนของภาครัฐที่แฝงตัวเข้ามาสืบ แล้วจะให้เขาหน้าด้านรับเงินที่ไม่ใช่ของเขาได้ยังไงกัน?
พอกลับมาถึงเมือง เขาก็รีบยื่นใบลาออกจากหน่วยของทาฑิม แล้วรีบหายตัวเงียบเข้ากลีบเมฆไปเลย
อีกอย่าง เงินสินบนประเภทนั้น เขาไม่ยอมรับมันอยู่แล้วด้วย
“ให้ตายเถอะ… ความยุติธรรมของโลกนี้มันอยู่ที่ไหนกัน…”
ตำรวจหนุ่มคิดเช่นนั้นแล้วเอียงตัวพลิกไปบนเตียง
*ติ้ง ♫~*
ในตอนนั้นเองที่มีเสียงเตือนเมล์เข้าดังขึ้นมาจากมือถือรูปปืนลูกโม่ของเขา
“มีเมล์เข้า? วันนี้ผมลางานนะ ใครส่งมากันเนี่ย”
เขาเปิดมือถือของตัวเองด้วยความหงุดหงิด
เปิดมันให้ฉายภาพข้อความขึ้นบนอากาศอย่างไม่ใส่ใจ
แสงสว่างได้เจิดจ้าภายในห้องอันมืดมิด
แสงนั้นวิ่งกระจายไปทั่วอากาศ ก่อนจะรวมตัวเป็นอักษรที่อ่านความได้ว่า
[ถึงคุณ ออน-เอ็ซท สนใจที่จะเข้าร่วมหน่วยตำรวจสากลไดม่อน หรือไม่ครับ]
เป็นข้อความสั้น ๆ ที่ทำให้นายตำรวจหนุ่มถึงกับตาค้างไปเลย
***ณ สนามบินนานาชาติ เมืองออโรร่า***
“เทพไร้แขน ทำไมคราวนี้เธอถึงไม่กินพลังงานวิญญาณของเจ้านั่นละ? ”
สตรีเผ่าภูติผมสีแดงส่งเสียงทักสตรีเผ่ามนุษย์นกที่กำลังเข็นกระเป๋าใบโตเกินตัวอย่างยากลำบาก
“หมายถึงใคร? ”
“เจ้าหุ่นที่ชื่อกรีดเมื่อวันก่อนยังไงละ ปกติเธอน่าจะชอบกินพลังงานวิญญาณที่แข็งแกร่งแบบนั้นอยู่แล้วไม่ใช่หรอกเรอะ? ”
“วิญญาณที่บ่มหมักจนมีอายุมากกว่าพันปี ไม่มีทางที่จะอร่อยได้หรอกนะ”
สตรีเผ่ามนุษย์นกตอบปัดเพื่อนเธอด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า
เพราะว่าตอนนี้เธอกำลังพยายามอย่างมากเพื่อที่จะดันกระเป๋าเดินทางที่มีความสูงมากกว่าขนาดตัวของเธอถึงสองเท่าให้ผ่านเนินลาดตรงหน้าให้ได้
แต่ดูเหมือนว่าเจ้าล้อขึ้นสนิมที่ตรงฐานของกระเป๋า จะไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเธอเลยแม้แต่น้อยนิด
“ตอบได้ซึนดีแท้ ที่จริงเธอก็แค่รู้สึกสงสารใช่ไหมล่า~”
“… ถ้าว่างพอขนาดแซวชาวบ้านได้ รบกวนมาช่วยเราเข็นเจ้าเป๋าใบนี้ทีซิ? ”
“ถีบมันส่งขึ้นฟ้าก็จบแล้วนี่? ”
“ของข้างในได้พังกันพอดีสิแบบนั้น!! ”
สตรีเผ่ามนุษย์วีนแตกใส่เพื่อหัวแดงของเธอ ก่อนจะเริ่มออกแรงดันกระเป๋าเป็นรอบที่สอง
“น่าสงสาร~ ว่าแต่ทำไมคราวนี้ถึงเลือกที่จะไปทวีปเทวภูมิกันละ? ”
“ฮึบ! เจ้าทางลาดเวรนี่ ใครมันเป็นคนออกแบบให้มันชันถึงขนาดนี้กันยะ!! … นั่นสินะ~ ความจริงตอนแรกก็คิดอยากจะกลับบ้านอยู่หรอก แต่ตอนนี้แผนแรกที่อยากให้ตัวเองมีชื่อเสียงจากภารกิจนั้น มันพังไปแล้วเพราะพวกงี่เง่าของรัฐบาลมนุษย์ เลยคิดว่าอยากจะไปหาทางสร้างชื่อเสียงใหม่นะ”
[ชื่อเสียงใหม่หรือคะ o_o?]
สตรีเผ่ามนุษย์หนูที่มีผมสีฟ้าเหมือนมหาสมุทร กำลังถือป้ายถามเพื่อนของเธอด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์
กระเป๋าเดินทางของเธอเองก็มีขนาดใหญ่เกินตัวไม่แพ้ของเพื่อนเธอเช่นกัน
“—แล้วทำไมถึงต้องเป็นทวีปเทวภูมิด้วยละ? รีบ ๆ เฉลยมาได้แล้วน่า! ”
สตรีผมสีแดงยิงคำถามใส่เพื่อนของเธออีกครั้ง
เธอบินขึ้นนำกลุ่มของสามสาวอย่างสบายอารมณ์ พร้อมกับโอ้อวดกระเป๋าเดินทางของเธอที่มีขนาดเล็กพอดีมือผิดกับของเพื่อนเธอ
“โอ๊ย! ไม่ต้องมาทำเป็นบินนำตัวปลิวเลย! พอถึงเวลาก็มาแย่งของพวกเราใช้ไม่ใช่หรือยังไงกันยะ! ”
“เอาน่า พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันนี่~ ว่าแต่ ตกลงจะตอบฉันได้หรือยังเนี่ย? ”
“… ก็ได้ จะให้คำตอบเดียวนี้แหละ คือถ้าพวกเธอยังจำกันได้ ก่อนที่พวกเราจะไปทำภารกิจตามหาไดอารี่ของเอซ เราคนนี้ได้มีโอกาสไปไล่จับวิญญาณของคนชั่วมานะ ทีนี้บังเอิญว่าหนึ่งในเจ้าโง่พวกนั้นดันพกเอกสารที่น่าเหลือเชื่อติดมือมาด้วย ซึ่งตอนแรกเราตั้งใจจะเอามันไปขายข้อมูลให้กับตำรวจ แต่ตอนนี้เราเปลี่ยนใจแล้ว”
ในตอนนั้นเองที่สตรีเผ่ามนุษย์นกหยุดเข็นกระเป๋าของตัวเอง แล้วหันไปมองเพื่อนของเธอทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย
“พวกเราจะไปสร้างชื่อด้วยการจับวารร้ายระดับนานาชาติ ที่แม้แต่ตำรวจสากลยังต้องส่ายหน้า [กลุ่มชมรมสัตว์กินเนื้อ คาร์นิวอย] กันยังไงละ! ”
MANGA DISCUSSION